ประเด็นอยู่ที่ว่า "เหตุใดรัชกาลที่ ๓ จึงไม่ทรงแต่งตั้งรัชทายาท"
เนื่องจากทรงมีพระราชอำนาจโดยธรรมที่จะแต่งตั้งและมอบบรรดาศักดิ์ให้กับพระราชโอรสทั้ง ๒ คือ พระองค์เจ้าโกเมน และพระองค์เจ้าอรรณพ ยกขึ้นก็สามารถทำได้ แต่พระองค์ทรงวางเฉย ทั้งนี้ลองดูจากการวิจารณ์หลาย ๆ แหล่งดังนี้
๑. ในฐานะพระราชบิดาย่อมต้องมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสได้เป็นรัชทายาทต่อ แต่อาจจะไม่แน่พระทัยถึงพระปรีชาสามารถในการปกครองบ้านเมืองต่อไป
๒. อ้างถึงหนังสือพระราชดำริทางการเมือง กล่าวว่า "มิชชันนารีอเมริกันชื่อ ยอน เทเลอร์ โจนส์ กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสองค์หนึ่งเป็นรัชทายาท แต่ขุนนางทั้งหลายไม่เห็นชอบตามพระราชประสงค์"
๓. ส่วนหมอบรัดเล มิชชันนารีชาวอเมิรกัน ให้ความเห็นว่า "เหมือนว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มีพระราชประสงค์จะสละราชสมบัติให้พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้าโกเมน และพระองค์เจ้าอรรณพ เพื่อให้ทั้งสองพระองค์ทรงครองราชสมบัติร่วมกัน โดยพระนั่งเกล้าฯ ทรงเสด็จออกผนวช แต่เมื่อพระองค์นำพระราชดำรินี้ไปตรัสปรึกษาขุนนางระดับสูง ขุนนางจึงกราลทูลว่า ถ้าพระองค์สละราชบัลลังก์แล้ว ก็ยังมีพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่นที่สมควรจะได้ขึ้นครองราชย์มากกว่าพระราชโอรสสองพระองค์ที่ทรงกล่าวพระนาม.."
หมอบรัดเลยังได้กล่าวไว้อีกว่า พระนั่งเกล้าฯ ไม่ทรงกล้าตัดสินพระทัย เกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
๔. ในส่วนชองจดหมายเหตุ เซอร์ แฮรี่ออด (เจ้าเมืองสิงคโปร์ ที่มาร่วมสังเกตุการณ์ดูสุริยุปราคาที่หว้ากอ) กล่าวว่า "พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มีพระราชประสงค์ให้พระราชบุตรของพระองค์เป็นผู้รับราชสมบัติ แต่พวกสกุลใหญ่ของท่านผู้สำเร็จราชการแผ่นดินทั้ง ๒ คือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ) และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต) ได้ขัดต่อการที่จะทรงแต่งตั้งนั้น..."
จนเมื่อพระอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ถึงแก่พระชนม์มายุ ทรงโปรดให้พระยาราชสุภาวดี (โต กัลยาณมิตร) และพระยาพิพัฒน์ (บุญศรี บุรณศิริ) เข้าเฝ้า และทรงปราถนาถึงผู้ที่ดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์องค์ต่อไปว่า "ถ้าพระองค์จะทรงแต่งตั้งเจ้านายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งขึ้นเป็นรัชทายาทตามพระราชหฤทัย แต่ขุนนางส่วนใหญ่ไม่พอใจเจ้านายที่พระองค์ทรงแต่งตั้งแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดความร้าวฉานไม่สามัคคีกัน ดังนั้นพระองค์จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) พระยาศรีพิพัฒน์ (ทัต) และพระยาราชสุภาวดี (โต) ไปประชุมปรึกษากับบรรดาขุนางทั้งหลาย
ถ้ามีความเห็นว่าเจ้านายพระองค์ใดมีพระคุณสมบัติประกอบด้วย
- วัยวุฒิปรีชา
- รอบรู้ราชานุวัตร
- เป็นศาสนูปถัมภก
- ยอยกพระบวรพุทธศาสนา
- ปกป้องไพร่ฟ้า อาณาประชาราษฎร
- รักษาแผ่นดินให้เป็นสุข
เหล่านี้ได้ ก็ให้ขุนนางทั้งหลายพร้อมใจกันยกเจ้านายพระองค์นั้นขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป"
จากคุณ |
:
หนุ่มรัตนะ
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 54 14:23:12
|
|
|
|