ความคิดเห็นที่ 1 พวกนี้ไม่บังคับ ระวังถูกโน้มน้าวให้ไป ไม่ไปก็ได้แน่นอนครับ ปล ลูกสาวจบบัญชีเกษตร แทบไม่ร่วมอะไรเลยสักอย่าง เพราะไม่ชอบพวกนี้ คงได้รับอิทธิพลจากพ่อมั้งที่เกลียดระบบงี่เง่า จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 22:57:25

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่น่าจะถึงขั้นระบบงี่เง่ามั้งคะ เป็นแค่กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ตอนกลางวัน กลางคืนก็มีโชว์มาให้ดู เท่านั้นเอง ไม่ไปก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ไปก็สนุกดีนะคะ เหมือนไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ทุกวันนี้เพื่อนๆเรามักจะขุดรูป ตอนงาน freshy day freshy night มาแซวกัน ตอนนั้นหน้าำดำ อ้วน โทรม แต่เห็นแล้วก็ยิ้ม แต่ก่อนเราเป็นอย่างนี้เหรอ จำได้ว่าเห็นอาจารย์ปัญญาต้องกระโดดเข้าใส่ แอคท่ากันสุดฤทธิ์ ว่าแล้วก็ไปเปิดไฟล์รูปดูซะหน่อย จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 23:28:41

ความคิดเห็นที่ 3 เกษตรมันมีระบบงี่เง่ามานานแล้ว เรื่องรับน้อง จุฬาด้วย ผมเตือนลูกสมัยเมื่อ 10 ปีก่อนตอนสอบได้ว่า เราไม่ได้เป็นทาสใคร พ่อไม่อยากให้ลูกถูกใครบังคับ พ่อยังไม่เคยว้ากหนูหรือขึ้นเสียงกับหนูเลย ถ้าหนูยอมร่วมพวกนี้ให้คนนอกที่ไม่เคยเลี้ยงดูหนูมาสั่งโน้นสั่งนี่ พ่อจะผิดหวังมาก ไม่จำเป็นต้องไปร่วมกิจกรรมพวกนี้ มหาวิทยาลัยไม่เคยบังคับ พ่อรู้ดี ลูกสาวก็เลยไม่ไปร่วมอะไรมาก อาจมีนิดหน่อยเรื่องพี่ระหัส ก็แค่นั้นแหละ ไม่เคยถูกใครว้าก เพราะผมบอกว่า ถ้ากิจกรรมไหนมีเรื่องว้ากหรือทำอะไรงี่เง่า เดินออกมาทันที อย่าไปสน เพราะมันพวกกระบือไม่มีความคิดทั้งนั้น ทำไมผมรู้ สมัยเมื่อ 40+ ปีก่อน จุฬางี่เง่าเรื่องว้ากเรืองเชียร์ไม่น้อยหน้าเกษตร เด็กวิศวะจุฬาใครก็รู้ว่าหัวดี ปรากฎว่า รุ่นผมที่เข้าเรียน เทอมแรกสอบตกไม่ถึง 2.0 เกินครึ่งรุ่น ปีนั้น retire เกิน 20% เพื่อนผมเรียนได้ที่ 4 ประเทศไทย (สมัยนั้นสอบรวมทั้งประเทศ) เทอมแรกได้แค่ 1.1-1.2 แค่นั้น เทอมที่สองก็ยังไม่พ้นโปร จบปี4 มาได้แค่ 2.4-2.5 เอง เพราะถูกบังคับซ้อมเชียร์ดึกดื่น หลายวัน หลายสัปดาห์อย่างกับทาส จนเจ็บป่วย คิดดูสิครับ ที่ 4 ในประเทศไทยแผนกวิทย์หัวมันดีขนาดไหน เกือบจะถูก retire ไปแล้ว เพราะระบบกระบือนี่แหละ ผมถึงอคติระบบงี่เง่าพวกนี้มาก แอนตี้มาตลอด ปล. ผมไม่ได้เรียนที่จุฬานะครับ ตอนนั้น รู้ภายหลังเมื่อเพื่อนๆ เล่าให้ฟังเมื่อกลับจากต่างประเทศแล้ว (ได้ทุนตอนจบ มศ.5) แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 00:01:21 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 23:56:47 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 23:52:28 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 23:50:00 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 23:45:14 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 23:43:23

ความคิดเห็นที่ 4 มันน่าเบื่ออยู่แล้ว  แต่ก็มีช่วงเวลาที่สนุกค่ะ   แต่ว่าไม่ได้เรียนที่เกษตรนะคะ จากคุณ : Youzen เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 00:04:46

ความคิดเห็นที่ 5 ขออนุญาตอธิบายให้เข้าใจครับ ก่อนจะหลุดประเด็นไปมากกว่านี้ Freshy Day & Freshy Night เป็นกิจกรรมวันพัฒนามหาวิทยาลัย ซึ่งเชิญนิสิตปี 1 มาบำเพ็ญประโยชน์ในตอนกลางวัน และร่วมสนุกกับกิจกรรมในช่วงค่ำ เ่ช่น การแสดงจากชมรมต่างๆ การประกวด Freshy Boys และ Freshy Girls ประจำมหาวิทยาลัย และอาจปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต ครับ กิจกรรมขึ้นชื่อว่าเป็นกิจกรรมบังคับนั้น หมายถึง นิสิตที่เข้าร่วมจะได้รับชั่วโมงกิจกรรม ประเภทชั่วโมงบังคับ(ซึ่งจะอธิบายให้ฟังต่อไป) แต่ไม่ได้หมายความว่า นิสิตทุกคนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมนี้ครับ และนอกจากชั่วโมงกิจกรรมแล้ว นิสิตที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้รับเหรียญตราประจำรุ่นมหาวิทยาลัยครับ (ซึ่งรุ่นนี้คือรุ่นที่ ๗๑ ครับ) ส่วนเรื่องชั่วโมงกิจกรรมนั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีนโยบายให้นิสิตรู้จักการทำกิจกรรมควบคู่ไปกับการเรียน จึงกำหนดให้มี Transcript กิจกรรม ประกอบกับ Transcript การเรียนด้วย ซึ่งนิสิิตที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะได้รับชั่วโมงกิจกรรม และนิสิตที่สะสมชั่วโมงกิจกรรม ครบจำนวน และครบด้านต่างๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด จึงจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันจบการศึกษา (หมายถึง นิสิตที่ได้ไม่ครบ จะเรียนจบ ได้รับปริญญาตามหลักสูตร แต่ไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรครับ) กิจกรรมด้านต่างๆ ประกอบด้วยดังนี้ครับ 1. กิจกรรมมหาวิทยาลัย (หรือที่เรียกกันว่ากิจกรรมบังคับ) ไม่น้อยกว่า 7 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 28 ชั่วโมง 2. กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ (ด้านพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม) ไม่น้อยกว่า 2 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง (ด้านพัฒนาทักษะการคิดและการเรียนรู้) ไม่น้อยกว่า 4 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (ด้านพัฒนาทักษะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล) ไม่น้อยกว่า 2 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง (ด้านพัฒนาสุขภาพ) ไม่น้อยกว่า 2 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง 3. กิจกรรมเพื่อสังคม ไม่น้อยกว่า 2 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง รวมทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 15 กิจกรรม และไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมงครับ ซึ่งถ้าน้องได้อ่านรายละเอียดในคู่มือนิสิตเอย วันก้าวแรกสู่บัณฑิตยุคใหม่เอย วันปฐมนิเทศเอย น้องจะเข้าใจรายละเอียดพวกนี้ครับ ขอย้ำว่า "กิจกรรมบังคับ" ไม่ได้หมายถึงกิจกรรมที่ถ้าน้องไม่เข้า น้องจะเรียนไม่จบ แต่มันเป็น 1 ในกิจกรรม ที่จะให้ชั่วโมงกิจกรรมสะสม ซึ่งในแต่ละปีการศึกษา มีกิจกรรมประเภทนี้เยอะมาก น้องสามารถเลือกเข้ากิจกรรมใดก็ได้ เพียงแต่ถ้าน้องอยาก"มีสิทธิเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร" น้องต้องเลือกเข้ากิจกรรมต่างๆ ให้ครบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งหมายความว่า น้องอาจไม่เข้ากิจกรรมนี้ก็ได้ และไปเลือกเข้ากิจกรรมอื่นแทน สามารถตรวจสอบชั่วโมงกิจกรรมของน้องได้ที่ http://nisit.kasetsart.org ครับ จากคุณ : hellofriday เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 00:46:01 A:125.24.141.7 X: TicketID:321254

ความคิดเห็นที่ 6 ขออภัย ครับ ความคิดเห็นที่ 5 แจ้งจำนวนกิจกรรมบังคับผิด แก้จาก 7 กิจกรรม เป็น 3 กิจกรรมครับ จากคุณ : hellofriday เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 00:49:00 A:125.24.141.7 X: TicketID:321254

ความคิดเห็นที่ 7 (หมายถึง นิสิตที่ได้ไม่ครบ จะเรียนจบ ได้รับปริญญาตามหลักสูตร แต่ไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรครับ)... 555 ยังไม่งี่เง่า 100% 555 ยังไงผมก็ไม่เชื่อครับ เพราะผมไม่คิดว่า กฎมหาวิทยาลัยที่ออกตาม พรบ มหาวิทยาลัย จะมีกฎงี่เง่าเหล่านี้ คงขู่ไปอย่างงั้นแหละ ถ้ามีจริง ยกกฎมหาวิทยาลัยที่เซ้นต์โดยอธิการบดี และได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยมาให้ดูหน่อยครับ เป็นผม ไม่เข้าทุกอย่าง เรียนอย่างเดียวพอครับ ผมจะเลือกอย่างนี้ จบก็ได้ใบปริญญาเหมือนกัน เกรดก็คงสูงระดับเกียรตินิยม ไม่ใช่ 2.4-2.5 แบบเพื่อนผมที่ 4 ของประเทศ ผมไม่รู้กฎนี้มีมานานเมื่อไร แต่สมัย 10 ปีก่อน ผมไม่เคยอ่านเจอหรือลูกสาวไม่บอกก็ไม่ทราบ แต่ลูกก็ได้รับพระราชทานปริญญาไปแล้ว ผมเห็นตัวอย่างเลวร้ายจากจุฬา ทำให้คนเรียนเก่งระดับที่ 4 ของประเทศไทย เกือบ retire รู้สึกว่า กิจกรรมบ้าบอพวกนี้บั่นทอนการเรียนจริงๆ อย่าลืม ตามหลักเศรษศาตร์ resource เรามีจำกัด ร่วมทั้งเวลา สุขภาพด้วย ถ้ามัวแต่ทุ่มกิจกรรม resource ที่จะใช้ในการเรียนก็น้อยลง ยิ่งถ้าเหนื่อยหรือเจ็บป่วย ใครมันจะเรียนไหว ผลสอบก็ตกหรือห่วยเป็นธรรมดา ผมว่า มหาวิทยาลัยที่มีการบังคับกิจกรรมแบบเกษตร งี่เง่า blackmail เด็กที่ต้องการรับปริญญา แต่ไม่อยากร่วมกิจกรรม ถ้ากิจกรรมมันดีจริง ส่งเสริมเด็กจริง ต้องไม่บังคับสิครับ ผมไม่เห็นมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เช่นสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลียมีระบบงี่เง่าแบบนี้ ไม่เข้าร่วม ไม่ให้รับปริญญา ในไทยก็ไม่เคยได้ยินมหาวิทยาลัยอื่นๆ มีระบบงี่เง่าแบบเกษตร ผมอาจหลังเขาก็ได้ ไม่เคยได้ยิน ถ้าใครรู้ว่ามี ช่วยไขหน่อยครับ ผมจะได้รู้ว่า ระบบมหาวิทยาลัยไทยเริ่มเน่าเรื่อยๆ ถ้าผมเกิดใหม่ได้ และเรียนเกษตร ผมจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย ถ้าไม่ให้ผมเข้ารับปริญญา ผมจะฟ้องศาลปกครอง รับรอง เกษตรจะเน่ากว่านี้ และผมต้องชนะแน่นอน เกษคร เรื่องเน่า ทำให้ขายหน้ามีบ่อยๆ อย่าง Tiger Wood บอกว่า ตูไม่มีเวลาไปรับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย ถ้าอยากให้ ก็มาให้ที่ รร ที่พัก อธิการบดีงี่เง่า เขาดูถูกขนาดนี้แล้ว ก็ยังไปยื่นให้ถึงที่พัก เพราะนึกว่าคนจะไม่รู้ แต่เรื่องแดง ขายหน้ามากๆ ประเคนถึงที่ ทั้งที่เขาไม่เห็นความสำคัญเลย ขนาด Obama ถ้าใครให้ปริญญากิติมศักดิ์ ถ้าเขารับ เขาไปมหาวิทยาลัย และตอบแทน speech ยาวๆ นี่ถูก Tiger Wood บอกปัดแล้ว ยังหน้าด้านประเคนถึงที่ 555 แต่ทั้งที่ทั้งนั่น ไม่ใช่ว่าวิชาเกษตร ด้อยกว่าใคร อยู่ในระดับแนวหน้าหลายด้าน การวิจัยเกษตร การริเริ่มศึกษาระบบ micro-processor ระบบ internet คณะมาตรฐานเช่นบัญชีก็เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ผมให้ลูกสาวเรียนบัญชีที่นี่เพราะใกล้บ้านที่สุดแล้ว ลูกเรียนได้เกียรตินิยมอันดับสอง เพราะไม่บ้ากิจกรรม คิดดูลูกสาวผมตอนเรียน เที่ยงคืนก็ยังต้องทำการบ้าน อ่านหนังสือ แทบไม่ได้หลับได้นอน ถ้าบ้ากิจกรรม จะเอาเวลาไหนไปเรียน ทำการบ้าน การเรียนหนักมากๆ บัญชีที่นี่ ลูกสาวผมไม่ได้เก่งระดับที่ 4 ของประเทศ ถ้าบ้ากิจกรรม หรือถูกบังคับ อาจ retire ไปแล้วก็ยังได้ หรือถ้าไม่ตก ก็ไม่มีทางได้เกียรตินิยมแน่ๆ จากคน anti กิจกรรมนอกหลักสูตร ที่บังคับทั้งหลาย แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 11:05:47 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 02:16:01 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 02:11:50 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 02:06:09 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 01:57:41 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 01:53:31

ความคิดเห็นที่ 8 ขอโทษนะคะ ดิฉันอยากจะมาเล่าในมุมมองของดิฉัน  ตอนที่ดิฉันสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดิฉันเป็นนักเรียนทุนคณะวิทยาศาสตร์โดยทุนนี้มีข้อบังคับคือต้องทำเกรดเฉลี่ยแต่ละเทอมให้ได้ 3.00 ขึ้นไป แต่ดิฉันก็สามารถเข้ากิจกรรมได้ครบตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยได้ และสามารถจบปริญญาตรีได้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง  ซึ่งตอนนี้ดิฉันก็ได้รับทุนเรียนต่อในระดับปริญญาเอกต่อในประเทศ ดิฉันคิดว่าคุณ K.Senior ใจแคบเกินไปนะคะ คุณไปมองแต่ข้อเสียโดยที่ไม่มองถึงข้อดีของการทำกิจกรรมระหว่างเรียนซึ่งก็มีอยู่นะคะ ทำให้นิสิตได้เพิ่มทักษะความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ นอกเหนือจากการเรียนในหลักสูตร เช่น ดนตรี กีฬา เพิ่มทักษะทางสังคม ทำให้รู้จักคนในวงกว้างขึ้น ลองคิดดูนะคะว่าถ้าคุณไม่ทำกิจกรรมนอกหลักสูตร คุณก็จะเจอแต่เพื่อนๆ แต่ในคณะตัวเอง แต่ถ้าทำกิจกรรมร่วมด้วยคุณก็จะมีโอกาสสร้าง connection กันคนมากขึ้น ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์กับการทำงานในอนาคตได้นะคะ   ดิฉันคิดว่าถ้าการทำกิจกรรมก็ยังเป็นการช่วยฝึกให้เราแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตให้สมดุลได้ ถ้ารู้ว่าเวลาไหนควรเรียน เวลาไหนควรทำกิจกรรม ก็สามารถเรียนจบมหาวิทยาลัยได้โดยได้เกรดดี มีทักษะทางสังคม และมีความสุขแล้วหละคะ    ในมุมมองของดิฉันคิดว่า กิจกรรมก็เป็นเหมือนงานอดิเรกที่เราทำแล้วความสุข ส่วนการเรียนก็เป็นงานหลักที่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ได้ดีเช่นกันค่ะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 11:28:47 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 11:22:59 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 11:21:42 จากคุณ : เด็กติ๊งต๊อง เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 11:20:57

ความคิดเห็นที่ 9 ในมุมมองของดิฉันคิดว่า กิจกรรมก็เป็นเหมือนงานอดิเรกที่เราทำแล้วความสุข ส่วนการเรียนก็เป็นงานหลักที่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ได้ดีเช่นกันค่ะ ขอบคุณค่ะ ... ถ้ามันดีจริง คนเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่เด็กแล้วนะครับ เลือกตั้งก็ยังได้ จะบังคับทำไมครับ หรือดูถูกเด็กระดับครีมของประเทศที่เข้าเกษตรได้ ยิ่งคณะเข้ายากๆ บัญชี เป็นต้นว่า มันโง่ ไม่มีความคิดของตัวเอง ต้องบังคับให้ร่วมกิจกรรมหรือ? หรือประเทศเรายังด้อยพัฒนามาก เด็กต้องบังคับมันตลอด ไม่ให้มันรู้จักคิด? ของมันดีจริง ทางมหาวิทยาลัยก็ชี้แจงให้ได้สิครับ ต้อง convince เด็กและผู้ปกครองให้ได้ ไม่ต้องไปคิดแทนเด็กหรอกครับ ผมไม่คิดว่า ลูกสาวผมเก่งเหมือนคุณครับ ถ้าบ้ากิจกรรมไปด้วย เรียนไปด้วย รับรองไม่ได้เกียรตินิยมแน่ แล้วคุณตอบผมได้ไหมว่า นร.อันดับ 4 ของประเทศมันโง่หรือที่ balance กิจกรรมกับการเรียนไม่เป็นจนเกือบต้อง retire? ตอบผมได้ไหมครับ? แล้วเด็กวิศวะจุฬา กว่า 20% ที่ถูก retire มันคงโง่ที่ balance กิจกรรมกับการเรียนไม่เป็น? น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ มีเด็กโง่มากมาย ระดับสอบเข้าคะแนนรองจากแพทย์แล้ว วิศวะจุฬานะนี้ ยังโง่ balance กิจกรรม การเรียนไม่เป็นจนต้องหมดอนาคตไป ******* แต่ถ้าทำกิจกรรมร่วมด้วยคุณก็จะมีโอกาสสร้าง connection กันคนมากขึ้น ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์กับการทำงานในอนาคตได้นะคะ ... มันจะสร้าง connection ได้อย่างไรถ้าตัวเอง retire เรียนไม่จบ ไม่มีอนาคต? ผมเรียนต่างประเทศตั้งแต่จบ มศ.5 ไม่มีเส้นกับใครๆ ก็ไม่เห็นเดือดร้อน ทำงานได้สบายๆ ก็มีความสุขดี ผมไม่เชื่อเรื่องเส้นครับ เชื่อเรื่อง merit system มากกว่า เก่งซะอย่าง อย่างไรก็มีงานทำ ก้าวหน้าได้ ไม่ต้องเลียใคร ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใครเพราะเราใช้เส้น ลูกสาวผมจบบัญชี เข้าทำงานกับ Big 4 ก็ด้วยความสามารถในการสอบผ่านได้เอง ใช้เส้นที่ไหนกัน? ตอนนี้เปลี่ยนงานทำกับ finance ก็สอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษผ่าน เขารับ คนสอบเป็นเจ้านายจาก Singapore ไม่มีการเล่นเส้นอยู่แล้ว มี connection ได้ประโยชน์อะไร เก่งซะอย่าง แต่ถ้ามัวบ้ากิจกรรม ภาษาอังกฤษห่วย ไม่ได้เกียรตินิยม คิดหรือลูกสาวผมจะได้ทำงาน Big 4? รุ่นพี่ใช้เส้นช่วยได้ไหม? แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 12:46:19 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 12:32:51

ความคิดเห็นที่ 10 คนที่ไม่ได้เก่งเป็นอัจฉริยะ อย่างไรก็ไม่พ้นกฎเศรษฐศาสตร์ที่ว่า Resource is limited. If you spend limited resource (time) on one activity, less resource (time) is available for other activities. ถ้าคนไม่เก่งมากนัก แค่เรียนอย่างเดียวก็จะตกแล้ว เพราะวิชามันยาก คุณคิดหรือว่า เวลาที่ไปทำกิจกรรมเสียไป แล้วยิ่งเหนื่อย ยิ่งเพลีย บางคนป่วยอีก การเรียนไม่กระทบ? มันเห็นๆ กันอยู่ เด็กระดับครีมของประเทศกว่า 20% ต้องถูก retire ไป ถ้าคนไม่เก่งระดับสุดยอดอย่างลูกสาวผม (เกียรตินิยมแค่อันดับสองแบบฉิวเฉียด) ทั้งที่เรียนอย่างหนัก อ่านหนังสือทำการบ้านถึงเที่ยงคืนหรือเกินเป็นเวลาหลายปี ถ้าบ้ากิจกรรมอีกนิด รับรองต้องพลาดเกียรตินิยมอันดับสอง และไม่มีเวลาฝึกภาษาอังกฤษให้เก่ง คิดหรือว่า Big 4 จะรับ? คิดหรือว่า เจ้านาย Singapore จะรับ? คิดหรือคนที่ได้ที่ 4 ของประเทศ จะเรียนห่วยระดับ 1.1-1.2 ในเทอม 1 วิศวะ? เทอมที่สองก็ยังไม่พ้น Pro? ถ้าเขาได้เรียนปกติ ไม่ถูกรุ่นพี่บังคับซ้อมเชียร์ จะว่า ที่ 4 ประเทศไทยโง่ก็เกินไป เพราะอีกสามปีก็เรียนดีขึ้นถึงไต่เต้ามาได้ 2.4-2.5 ถ้าไม่เอาคะแนนปี 1 มาคำนวณ เกียรตินิยมไปแล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 13:01:23

ความคิดเห็นที่ 11 ในความคิดของดิฉันนะคะ เราไม่ควรเอาคนๆเดียวมาตัดสินคนทั้งโลก ทองแท้ไม่กลัวไฟค่ะ เพื่อนๆในภาควิชาของดิฉันเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างค่ะ ทุกคนจบภายใน 4 ปี ประมาณ 1 ใน 3 ไม่ได้เกียรตินิยมค่ะ  ที่เหลือได้ทุกคนค่ะ คนทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน อยู่ที่เราจะจัดการอย่างไรกับเวลาที่มีค่ะ การเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่มาเรียนอย่างเดียว กิจกรรมเป็นเหมือนส่วนเติมเต็ม ได้ไปออกค่าย ได้ไปพัฒนานู่นนี่นั่น ใช้ชิวิตเถอะค่ะ อย่าให้ชีวิตใช้เรา จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 18:26:39

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ใช่คนเดียว สงสัยอ่านไม่เข้าใจกว่า 20% ของวิศวะจุฬาปี 1 รุ่นผมถูก retired ครับ ก็กว่า 50 คนครับ กิจกรรมถ้ามันดีจริง ต้องไม่บังคับครับ นิสิตเป็นคน เป็นผู้ใหญ่แล้ว เลือกตั้งก็ยังได้ อายุ 18 แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ คิดว่าเขาเป็นเด็กอยู่เสมอหรือครับ ผมไม่ได้ต่อต้านกิจกรรม แต่ต้องเป็นทางเลือก ไม่ใช่ทางบังคับ ไม่ใช่ไปเป็นทาสรุ่นพี่ให้เขาโขกเขาสับ ถ้ามันดีจริง ทำไมต้องบังคับ? ตรรกะแค่นี้คนได้เกียรตินิยมคิดไม่ออกหรือ? ถ้ากิจกรรมบังคับมันดีจริง วิศวะปีหนึ่งทำไมต้องตกกว่า 20%?  ตอบได้ไหม? หรือคุณคิดว่า เด็กวิศวะจุฬารุ่นผมมันหัวไม่ดี มัน balance กิจกรรมการเชียร์กับการเรียนไม่เป็นเลยถูก retired? คนถูก retired ได้ใช้ชีวิตมีค่าแล้วหรือ? คิดเป็นกันบ้างหรือเปล่า? คุณคิดว่า การทำกิจกรรมแล้วไม่ได้เกียรตินิยมอันดับสองดีแล้วหรือครับ? ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ฝึกฝน ทำงานบัญชีบริษัทไทยๆ ดีแล้ว? สงสัยการได้ทำงานกับ Big 4 และบริษัทจาก Singapore คงไม่มีค่าเท่ากับออกค่ายทำกิจกรรมหรือไง ตอบผมหน่อยได้ไหม? ที่ผมถามมา ก็ไม่เห็นตอบได้สักหัวข้อเลยว่า กิจกรรมมันดีขนาดทำให้คน retire กว่า 20% ดีจริงหรือ? ทำให้ที่ 4 ประเทศไทยเกือบถูก retire มันดีหรือ? มันเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ไม่เพ้อฝันด้วย มหาวิทยาลัยไทยไม่มีวิธีที่คิดดีกว่านี้แล้วหรือ? เอะอะอะไรก็บังคับโน้น บังคับนี่ การเรียนไม่ใช่อันดับหนึ่งหรือ? สงสัยผมคงโง่เกิน ไม่เข้าใจความคิดระดับอธิการบดีเกษตรที่ปล่อยพวกนี้ออกมาได้ อย่างว่าแหละครับ ผมคงโง่เกินไป และคนที่ให้ทุนผมก็คงโง่ มหาวิทยาลัยต่างประเทศที่ให้ปริญญาผมก็คงโง่ เพราะผมไม่เข้าใจว่าคนระดับบริหารเกษตรคิดอย่างไรในการสนับสนุนการบังคับเยี่ยงทาส ไม่เปิดทางเลือก อย่างว่า ผมจะเข้าใจได้อย่างไร มันลึกซึ้งมาก ขนาดเขาปฏิเสธไม่เอาปริญญาเอกถ้าต้องให้ไปรับที่เกษตร แต่อธิการก็ยังถ่อตัวไปประเคนให้ถึงโรงแรม ถ้าผู้บริหารคิดได้แค่นี้ กิจกรรมนอกหลักสูตรบังคับให้ร่วมโดย blackmail แบบมาเฟียจึงเกิดขึ้นได้ ของจริง ของดี ใครจะไม่อยากร่วม? ของปลอม ของห่วย มันถึงต้องบังคับกันไง  ถึงต้อง blackmail กันไง จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 19:36:32

ความคิดเห็นที่ 13 มีคนเอาบทความระบบเฮงซวย เผด็จการมาลงในห้องสมุดแล้ว อ่านดีๆ คิดดีๆ อยากอยู่เป็นทาส ต้องการเล่นเส้น (connection) ก็ตามใจ โตๆ กันแล้ว ความคิดก็คงมีบ้างแหละ ผมถึงแก่ ก็ยังไม่ไดโนเสาร์เหมือนคนบางคนที่ถูกระบบ Sotus ครอบไปเรียบร้อยแล้ว เอะอะอะไรก็ connection เคยได้ยินระบบ merit system หรือไม่? สังคมไทยมันเหลวแหลก คอร์รับชั่นจะล่มจมอยู่แล้ว ก็เพราะมัวแต่คิดจะพึ่งระบบเส้นอยู่ได้ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งยังถูกครอบงำเรื่อง connection การทำงานในอนาคตเลย ดูถูกความสามารถตัวเองแท้ๆ ไม่คิดว่าตัวเองเก่งพอที่จะก้าวหน้าด้วยฝีมือหรือไง? http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10703000/K10703000.html จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 20:33:39

ความคิดเห็นที่ 14 ขอยืม#11,12มารวมกันเลย การเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่มาเรียนอย่างเดียว กิจกรรมเป็นเหมือนส่วนเติมเต็ม ผมไม่ได้ต่อต้านกิจกรรม แต่ต้องเป็นทางเลือก ไม่ใช่ทางบังคับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 21:11:07

ความคิดเห็นที่ 15 คนที่เรียนเก่งแล้ว แน่นอนว่าเห็นประโยชน์ของกิจกรรม เขาชิว ๆ เรียนได้ง่าย สบาย ๆ ขนาดได้เกียรตินิยมนี่ ไม่ธรรมดาแล้ว แต่คนที่สมองเรียนรู้ได้ช้า เรียนไม่ค่อยเก่ง เขาจำเป็นต้องใช้เวลากับการเรียนมากกว่าคนเก่งหลายเท่า หากต้องเอาเวลาไปกิจกรรม ไปรับน้อง ดึกดื่น จนเหน็ดเหนื่อย และอาจจะเครียดเพราะโดนว้าก แบบนี้ไม่ดีแน่นอน ก็ขอให้คนที่เก่งแล้วลองคิดถึงประเด็นนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 54 21:30:27 จากคุณ : N'Wan เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 21:29:41

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องขอโทษนะคะ บางทีประสบการณ์อาจจะไม่เท่ากัน เพราะที่เจอมาเราโดนรับน้องแค่อาทิตย์ละ 3 ชม เองค่ะ เอาให้แน่นะคะว่าลูกหลานรับน้องอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่ได้ไปรับน้องอยู่ที่เมเจอร์ แล้วดิฉันก็ทำงานพิศษตั้งแต่ 16 นาฬิกา ถึง 23 นาฬิกาค่ะ แถมยังเป็นคนติดนิยายด้วย อ่านเพชรพระอุมาข้ามวันข้ามคืนก็มี แต่ก็สามารถเรียนจบมาได้ค่ะ แต่ยอมรับนะคะว่าไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ก้พยายามฝึกฝนอยู่ ไม่ได้อยู่เฉยค่ะ ปัจจัยที่ทำให้คนเรียนไม่ผ่านมีหลายอย่างนะคะ คือไม่เคยเรียนวิศวะ ไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่เท่าที่เห็นมา ก็จะพบว่ามีคนเรียนไม่ผ่านเสมอ สอบเข้าได้ไม่ได้แปลว่าต้องเรียนจบ บางคนไม่เคยเข้าเรียน บางคนเข้าแล้วไม่เคยฟังอาจารย์สอน งั้นขอถามนะคะ ว่ามีมหาวิทยาลัียไหน ที่ไม่มีการรับน้อง แล้วคณะวิศวะของคุณเข้ามาร้อยคน จบร้อยคนบ้างคะ ก่อนที่จะหลุดประเด็น ขอย้ำอีกครั้งนะคะ freshy day freshy night เป็นกิจกรรมพัฒนามหาวิทยาลัยค่ะ เหมือนตอนวันพระเราไปช่วยกันทำความสะอาดวัดน่ะค่ะ ไม่มีใครมาตะโกนเสียงดังใส่แน่นอนค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 10:45:46 จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 10:44:30

ความคิดเห็นที่ 17 ระบบแบบเกษตรอาจจะงี่เง่าในสายตาบางคน แต่เด็กที่จบจากเกษตรออกไปทำงานในโลกภายนอก ก็มีแต่คนรักและเอ็นดูในนิสัยแบบลูกนนทรีนะครับ (ก็ไม่ใช่ทุกคนน่ะนะ แต่ส่วนใหญ่ก็จริงล่ะ) ผมไม่ได้จะดราม่าเรื่องสถาบันอะไรนะ ไม่ได้บอกว่าสถาบันอื่นดีน้อยกว่า แต่ไม่อยากให้มองเกษตรเฉพาะภาพตอนรับน้องหรืออะไรที่มันไม่ดี ผมเห็นตัวเองและน้อง ๆ ตอนปีหนึ่งช่วงรับน้องใหม่ ๆ ก็บ่นเหมือนกันว่าทำไมต้องมีด้วย ทำไมต้องมากดดัน ทำไมต้องให้รู้จักรุ่นพี่ให้ครบ ฯลฯ แต่พอทุกคนผ่านจุดนั้นมาแล้ว ร้อยละ 99 ที่บอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมรุ่นพี่ต้องทำแบบนี้ โดยเฉพาะพอจบออกมาแล้ว เจอสังคมโลกภายนอก มันโหดร้ายป่าเถื่อนกว่าที่เจอตอนนั้นมากนัก แต่ทุกคนก็ยอมรับและอดทนได้ เพราะเราถูกสอนมาเสมอว่า ความหมายของต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ต้นนนทรี เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีใจผูกพันอยู่กับมหาวิทยาลัยตลอดมา และสามารถจะทำงานประกอบอาชีพได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งในไร่นาป่าเขา ทั่วทั้งประเทศไทย เข้าประเด็นจขกท. เฟรชเดย์ เฟรชไนท์ ... ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ อย่าพลาดเลยครับ ตอนเช้าทำบุญตักบาตร สาย ๆ ช่วยกันทำความสะอาดรอบ ๆ คณะตัวเอง สร้างความภูมิใจให้กับตัวเอง ตอนบ่ายก็รับเหรียญรุ่น KU แล้วก็พักผ่อน เตรียมมันส์ ตอนกลางคืน เชียร์เฟรชชี่คณะตัวเองให้เข้ารอบ ปิดท้ายกับคอนเสิร์ตสุดพิเศษ (แต่ถ้าใครกลับบ้านดึกไม่ได้ ก็สามารถขอตัวออกได้ทุกเวลา) ที่สำคัญ เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ร่วมสนุกแบบเฟรชชี่ไปกับเพื่อน ๆ พอโตขึ้นมา มันไม่มีใครมาจัดกิจกรรมแบบนี้ให้เราหรอก ต่อให้เป็นสัมมนาในบริษัทก็เหอะ มันจะได้ฟีลเดียวกันมั้ย ? หรือพอโตขึ้นมา เพื่อนๆขุดรูปเก่า ๆ ขึ้นมาดูแล้วพบว่าคุณไม่ได้อยู่ตรงนั้น คุณจะรู้สึกเสียดายแค่ไหน ? จากคุณ : Panda Tabo เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 11:18:00

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไม ไม่ defend อธิการบดีคุณบ้างครับเรื่องคนปัดสวะไม่รับปริญญาที่มหาวิทยาลัย คนดังไม่กล้าบังคับอะไร คุกเข่าเข้าหาด้วยยอมเป็นทาส แต่จะมาสั่งสมระบบทาสให้เด็กๆ ด้วยการ black mail ยังไม่ตอบผมเลย ถ้ามันดีจริง ทำไมต้องบังคับ? โตๆ กันแล้ว คุณไม่มีปัญญา convince freshy หรือผู้ปกครองได้หรือ? คุณคิดหรือว่า ถ้าเกิดมีคนแหกคอกไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรสักอย่าง พวกคุณ หรืออาจารย์จะกันไม่ให้เขารับปริญญา? ก็แค่ขู่เท่านั้นแหละ แล้วก็ได้ผลด้วย เพราะมันผิดกฎหมายอยู่แล้ว มันไม่อยู่ในหลักสูตร ก็บังคับไม่ได้หรอก ที่ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้ เข้าใจไหม มัน extra-curricula activities มีที่ไหนในโลกที่บังคับคนเข้าร่วม extra-curricula activities ชื่อมันก็บอกแล้ว กิจกรรม ครับ ไม่ใช่การเรียน สงสัยพวกคุณลูกนนทรีตกภาษาไทยกันจึงกล้าบังคับอย่างทาส ของดีจริง พวกคุณไม่มีปัญญาขายได้หรือ? จึงต้องบังคับ? ไทยเลิกทาสมาตั้งแต่ ร.5 แล้วนะครับ มันต้องห่วยแน่ๆ สำหรับบุคคลภายนอกที่ดูเข้ามา และจากผู้ปกครองที่เพิ่งรู้ คำถามที่ผมถามมา ก็ยังไม่มีคนที่เห็นระบบทาสดี ตอบได้สักคน เฉไป เฉมา อยู่ได้ หรือเกษตรไม่สามารถฝึกคนให้คิดเป็น? แย้งด้วยเหตุผล เขาถามว่า ก็ควรต้องตอบได้ ถ้าระบบคุณดีจริง มาให้ข้อมูล คนที่อ้างข้างๆ คูๆ "ก็จะพบว่ามีคนเรียนไม่ผ่านเสมอ สอบเข้าได้ไม่ได้แปลว่าต้องเรียนจบ บางคนไม่เคยเข้าเรียน บางคนเข้าแล้วไม่เคยฟังอาจารย์สอน" คุณรู้อย่างไรเด็กวิศวะ ไม่เคยเข้าเรียน เข้าแล้วไม่ฟังอาจารย์? มันระดับหัวกะทิของประเทศนะครับ แล้วคุณดูสมัยนี้ที่ไม่มีระบบบ้าบอเชียร์แหลก เด็กวิศวะตกกีเปอร์เซ้นต์? ถ้าคุณไม่รู้เรื่องจุฬา ดูวิศวะเกษตรก็ได้ ซึ่งเด็กด้อยกว่า คะแนนน้อยกว่า พวกนี้ตกกันแยะหรือในปัจจุบัน? สงสัยคุณดูถูกเด็กวิศวะจุฬาจริงๆ ที่พูดออกมาอย่างงี้ มาให้ข้อมูล ปีต่อมา อาจารย์มาเล่น ไม่ให้ลูกพี่กดขี่แบบนี้อีก เด็กก็แทบไม่ retire เลยในปี 1 ผมไม่อยากพูดเรืองเกษตรมากนักหรอก มันเก่าแล้ว สมัยโน้น โหดกว่าวิศวะจุฬาอีกเรื่องรับน้อง มันป่าเถื่อนจริงๆ เคยได้ยิน Stockholm Syndrome หรือไม่? พวกรุ่นน้องถูกทารุณกรรมแล้วก็ยังปกป้องผู้ทารุณกรรมตัวเองอีก ทั้งที่สังคมภายนอกมองเป็นอีกอย่างหนึ่ง Google ก็มี ลองหัดอ่านภาษาอังกฤษบ้าง หูตาจะได้สว่าง จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 12:53:47

ความคิดเห็นที่ 19 ยินดีต้อนรับน้องนนทรีช่อใหม่อีกช่อนึงครับ Freshy day Freshy night คือกิจกรรมที่มีชื่อไทยว่า "วันพัฒนามหาวิทยาลัย" ครับ ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยทำกิจกรรมาก็ขอชี้แจงกิจกรรมดังต่อไปนี้ครับ (รายละเอียดอาจจะแตกต่างไปบ้างในแต่ละปี  แต่กิจกรรมหลักจะเป้นไปตามนี้ครับ) 1.เช้า คือทำบุญตักบาตรตามหลักศาสนาพุทธ(น้องคนใหนเป็นศาสนิกอื่นๆไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมครับ) และทำความเคารพสามบูรพาจารย์ 2.สายๆ ทำความสะอาดคณะและบริเวณโดยรอบ ตรงนี้จะมีรุ่นพี่และเจ้าหน้าที่มาร่วมด้วยครับ 3.บ่าย เข้าพิธีมอบเหรียญรุ่น KU โดยอธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยและคณาจารย์ 4.เย็น จะเป็นงานประกวดเฟรชชี้ การแสดงจากชมรมการแสดงต่างๆ ปิดท้ายด้วยคอนเสริต ถ้าน้องไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในตอนหนึ่งตอนใดก็สามารถออกจากกิจกรรมได้ตลอดเวลาครับ พี่ก็ขอชวนน้องด้วยเพลงแบบเกษตรๆก็แล้วกันครับ คุณ K.Senior ถ้าคุณพ่อพอมีเวลาว่างในวันจัดกิจกรรม ผมในฐานะพี่หรือเพื่อนหรือน้องของลูกสาวคุณพ่อร่วมสถาบันเดียวกัน ผมก็ขออนุญาตเรียนเชิญมาร่วมกิจกรรมบำบุญตักบาตรตอนเช้า และสังเกตการณ์กิจกรรมในภาคบ่ายด้วยครับ ถ้าพบเห็นสิ่งใดๆที่ไม่ดีไม่งามขอให้คุณพ่อมาโพสบอกผมในกระทู้นี้ก็ได้ครับ ผมจะได้ตักเตือนรุ่นน้องให้ปรับปรุุงต่อไป สำหรับนิสิตเกษตรและนิสิตเก่าทุกคนที่เข้ามาในกระทู้นี้นะครับ ดีใจครับที่ได้เห็นเพื่อนพี่และน้องร่วมสถาบันเข้ามาร่วมชี้แจงและให้คำตอบแก่น้องนิสิตใหม่ สมกับสถาบันที่มีคำขวัญว่า "ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรคือภาษีของประชาชน" (ทุกท่านคงจำได้นะครับ) ดังนั้นประชาชนทุกคนที่เสียภาษีมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น  และขอให้เราถือว่าคำติชมจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไปครับ จากคุณ : dial-up เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 13:37:13

ความคิดเห็นที่ 20 เราไม่เถียงความด้อยกว่าของเกษตรเปรียบเทียบกับจุฬานะคะ เพราะให้คนที่ได้ร่วมงานกับนิสิตทั้ง 2 ที่นี้ตัดสินดีกว่า แต่เราไม่อยากให้คุณวิเคราะห์คำพูดเราเป็นคำนะคะ ช่วยพิจารณาทั้งประโยคด้วยค่ะ บางอย่างมันเป็นความเปรียบ คือไม่ได้หมายความตรงตามคำพูดนะคะ ไม่ทราบว่าเข้าใจรึเปล่า อยากจะพิมพ์มากกว่านี้นะคะ แต่ต้องไปทำธุระ คือไปงานซ้อมรับปริญญาเพื่อน ที่จุฬาค่ะ จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 14:00:59

ความคิดเห็นที่ 21 เค้า่แอบเห็นด้วยนิดๆในเรื่องบังคับทำกิจกรรมนะ (แบบว่าเค้าเปนคนทีเหนื่อยง่ายแล้วก้อบ้านไกลจากม.ด้วย) แต่อันนั้นก้อเปนเรื่องเมื่อตอนปี1 แหละ ผ่านไปแระ ตอนนี้ก้อชิลด์ๆอะ เค้าว่ากิจกรรมมันก้อไม่ได้เยอะอะไรขนาดน้านนนนน แต่ไม่รุ้ว่าจุฬามันเยอะมากเลยรึป่าว คือถ้าไม่ได้บ้ากิจกรรมมากๆอะ ยังไงก้อผ่าน เพราะว่าเราก้อไปร่วมแค่กิจกรรมที่เราสนใจ ได้ชม. มันไม่เยอะขนาดนั้นหรอก ถึงเกรดตัวเองจะไม่ได้เกียรตินิยมก้อเหอะนะ แต่ก้อไม่ถูกรีไทร์แน่ๆอะ เพราะงั้นคุณ K.Senior ก้อน่าจะลองปรีบเปลี่ยนมุมมองดูนะคะ (ปล.เราไม่ชอบตรงเสียเงินค่ากิจกรรมในคณะอย่างเดียวแหละ ไม่รวยพอที่จะมาจ่ายค่านู่น นี่ นั้น เทอมละหลายๆพันอะ) จากคุณ : I Want To Say something เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 19:39:49 A:125.25.107.74 X: TicketID:321454

ความคิดเห็นที่ 22 :-) ออกทะเลไปเสียอย่างงั้น คือ ตั้งแต่รหัส48เป็นต้นมา ตัวนิสิตนอกจากกะมีทรานสคริปแล้ว ยังมีทรานสคริปกิจกรรมเกิดขึ้นด้วย ในทราสคริปกิจกรรม จะมีกิจกรรมบังคับอยู่3อย่าง คือ 1)บัณฑิตยุคใหม่ 2)วันพระราชปริญญาบัตร 3)อันนี้ไม่แน่ใจว่ากิจกรรมอะไร แต่ไม่ใช่การบังคับประชุมเชียร์แน่นอน ส่วนชั่วโมงที่เหลือ อยากจะเข้าชมรม ทำค่าย ทำสโม เล่นกีฬา อะไรก็แล้วแต่ก็ทำไป ไม่ได้บังคับว่าต้องเข้าเชียร์อย่างเดียว เกษตรแฟร์อยากเปิดร้าน แค่นี้ก็ได้ชั่วโมงไปแล้ว ฉะนั้น คนที่จบก่อนปี48 อย่าเอาตัวเองมาเทียบว่าปีฉันทำอย่างโน้นได้อย่างนี้ได้ อีกอย่าง ชี่เดย์ชี่ไนท์ สถาบันไหนๆก็มีกัน ทำไมต้องด่---าแต่ของเกษตรด้วยอะ ของม.ทำมันทั้งวันทั้งคืน อย่างปีนี้เห็นพาราด๊อกไปเล่นที่ม.แห่งหนึ่งตอนตี2 ไม่เห็นพ่อแม่จะอกมาบ่นบ้างอะ จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 19:51:52

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ K.Senior แสบสีข้างบ้างรึเปล่าคะ หัวข้อกระทู้ น้องเขาถามแค่ว่า ถ้าไม่ไปจะเป็นอะไรไหม กิจกรรมนี้บังคับไหม คุณตอบไม่ค่อยตรงประเด็น และยังไปจุดไฟให้กระทู้ของน้องเขาอีก แล้วไปโดนคนที่เขาศรัทธาในการทำกิจกรรม ดิฉันก็เป็นคนนึงที่ทำกิจกรรมมาก สถาบันที่ดิฉันเรียนไม่ได้บอกว่าต้องทำหรือไม่ทำ คุณจะบอกจะสอนลูกสาวคุณมันเรื่องของคุณ แต่ดิฉันคิดว่าคุณอย่ามาชักนำให้คนที่เขาตั้งใจทำกิจกรรมเสียกำลังใจดีกว่าค่ะ ดิฉันเองก็โดนแม่บอกมาอย่างนั้นเหมือนที่คุณสอนลูกของคุณ แต่แม่ดิฉันไม่ได้ไปด่าหรือว่าใคร ไม่ได้ยกตัวอย่างใคร แม่ดิฉันเขาสอนมาดีค่ะ ดิฉันแสดงให้แม่เห็นว่าดิฉันทำได้ดีทั้งสองอย่าง ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องกิจกรรม พอดิฉันทำได้แม่ดิฉันก็ไม่พูดไม่บ่นเรื่องทำกิจกรรมอีก ตรงกันข้ามท่านคอยให้กำลังใจเสมอเวลาที่ดิฉันเจอปัญหา คุณเองยกตัวอย่างคนโน้น คนนี้มาก็เยอะ ดิฉันก็อยากยกตัวอย่างบ้างว่า นิสิต/นักศึกษา ที่ไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติ ไปทำชื่อเสียงให้ประเทศ เขาเหล่านั้นทำกิจกรรมเพื่อสังคนทั้งสิ้น พวกเขาเป็นคนเสียสละนะคะ   ดิฉันเข้าใจว่ากิจกรรมในมุมมองของแต่คุณมันต่างกับของคนที่เขาทำกิจกรรมจนสุดขั้ว คุณควรที่จะเคารพมุมมองของคนที่เขามีจิตอาสา ดิฉันเองไม่ใช่แค่เคารพ แต่ดิฉันขอเรียกว่า ชื่นชม ดีกว่าค่ะ เขาจะได้มีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆ คุณควรอยู่เฉยๆจะดีกว่านะคะอย่ามาสอนใครเลยดีกว่า คุณสอนไม่ได้หรอก เพราะใจคุณมันแคบเกินไป คุณจะสอนลูกคุณหลานคุณก็สอนไป OK?? จากคุณ : MonTeeraya เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 19:59:52

ความคิดเห็นที่ 24 ผมไม่สอนใคร แค่ชี้ทางออกให้คนที่ตกอยู่ในอาการ Stockholm Syndrome ประวัติก็มีมาแล้ว ทุกวันนีพวกถูกบังคับทำกิจกรรมล้มเหลวในชีวิตมากมาย ยังไม่ตอบผมเลย ถ้ามันดีจริง ทำไมต้องบังคับ เพิ่งรู้ว่ามันเริ่มบังคับปี 48 ลูกสาวผมจบไปแล้ว มิน่าไม่เห็นในสมุดคู่มือ นศ. ที่ผมตั้งคำถามมาทั้งหมดก็ให้ นศ คิดได้เองว่า ตัวเองไม่ใช่ทาสใคร ถ้าตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดหรือเรียนไม่เก่งพอที่ตัวเองตั้งความหวังไว้สูง (จะเอาทุน จะไปเรียนเมืองนอก จะทำงานบริษัทข้ามชาติ) เราต้องไม่ไปร่วมกิจกรรม เพราะมันเป็นทางเลือก ถามอีก ไม่มีใครตอบเลย ถ้ามันดีจริง ทำไมต้องบังคับ ใครบอกว่าออกทะเล ก็มีคนบอกเกษตรมันเป็นอย่างงี้ มหาวิทยาลัยอื่นมันบังคับหรือว่า ไม่ทำกิจกรรม ไม่ให้เข้ารับปริญญา ผมก็ตอบกระทู้รุ่นพี่ที่บอกข้อมูลมา หรือพวกคุณอ่านไม่เห็น? ผมไม่ต่อต้านการทำกิจกรรม แต่ต่อต้านระบบทาส ระบบ black mail คนไม่เก่ง คนไม่อัจฉริยะ ต้องให้ทางเลือกเขาที่จะไม่ทำกิจกรรมครับ คุณเก่ง คุณทำสองอย่างได้ ก็ทำไปสิครับ ต้องให้ นศ มีทางเลือก เพราะมันกิจกรรมนอกหลักสูตร โตๆ กันแล้ว คิดเป็นเอง จนบัดนี้ พวกสนับสนุนกิจกรรม ยังตอบผมไม่ได้เลย connection มันดีอย่างไร ถ้าทำกิจกรรมจนสอบตก retire connection มันดีอย่างไร ถ้าทำกิจกรรม จนไม่ได้เกียรตินิยม ภาษาห่วย ไม่สามารถทำงานกับ Big 4 ได้ทั้งที่ตั้งความหวังไว้? อย่าลืมคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย มาเพื่อเอาความรู้ มาเอาปริญญา ไม่ใช่มาเอาประสบการณ์ทำกิจกรรม รู้จัก priority บ้างหรือไม่? คนเราไม่ใช่เก่งทุกคน บางคนทำกิจกรรมแล้วเสีย แม้ว่าจะนิดหน่อยหรือไม่ก็ตาม แต่อาจทำให้เขา/เธอ สอบตกได้ ต้องไม่บังคับเขาให้เสียเวลาไปกับกิจกรรม แค่นี้คิดเป็นไหม? ผมตอนเรียนก็ไม่ได้ทำกิจกรรม เพราะเรียนต่างประเทศแทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว แต่ไม่เห็นผมเป็นคนไม่มีจิตสาธารณะหรืออะไรสักอย่าง ให้ความรู้คนในห้องสมุดกว่า 10 ปีแล้ว search ดูก็รู้ ในที่ทำงานก็แก้ปัญหาเรื่องคอมพ์ฟรีให้คนร่วมงานกว่า 20 ปีแล้ว ระดับเอากลับบ้าน เพื่อให้เสร็จเร็วก็มีบ่อย กิจกรรมในมหาวิทยาลัย เติมเต็มชีวิต? Don't make me laugh. ชีวิตที่เหลือกว่า 60-70 ปี ทำกิจกรรมแค่นั้นในมหาวิทยาลัยมันจะเติมเต็มชีวิตได้หรือ? ในชิวิตผมแก่ป่านนี้ รับรองทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เติมเต็มชีวิตมากกว่าที่ นิสิต ทำในมหาวิทยาลัย หลายร้อย หลายพันเท่า จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 20:27:56

ความคิดเห็นที่ 25 แล้วทำไมต้องบังคับให้คนใส่หมวกกันน๊อคล่ะคะ มันดีไม่ใช่เหรอ ถ้ามันดีจะบังคับทำไมคะ เราเคยไปเข้าค่ายตอนมัธยม ซึ่งตอนทานข้าวจะนั่งเป็นกลุ่มๆละ 4 คน มีเพื่อนคนนึงรีบตักอาหารที่มีอยู่ 3 อย่างใส่จานตัวเอง เลือกเอาที่เป็นเนื้อ เป็นหมูไปเกือบหมด พอเพื่อนๆบนโต๊ะมองด้วยความงงๆ ก็บอกว่า พ่อเราบอกว่าสอนให้กินกับข้าวเยอะๆ เราก็คิดในใจว่า พ่อเราไม่ได้สอนให้กินกับข้าวเยอะๆ แต่สอนให้รู้จักแบ่งปัน งั้นเรากินข้าว กับน้ำแกงก็ได้งั้นเหรอ สิ่งที่พ่อแม่สอนไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ถูกเสมอไป ทำกิจกรรม ไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนแย่นะคะ อย่างที่บอกคนๆนึง จะเรียนได้ดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เหมือนเล่นเกม 24 น่ะค่ะ บางครั้งมันก็มีมากกว่า 1 วิธีที่เราจะได้คำตอบ ไม่ได้มีแค่ 2+2=4 อย่างเดียวนะคะ 3+1 ก็เท่ากับ 4 หรือเป็น 4+0 ก็ได้ค่ะ สำหรับโรคทางจิตที่คุณว่ามาน่ะค่ะ คือว่าเด็กบางคนเปราะบางมากจริงๆ เค้าไม่สามารถทนรับอะไรที่มากระทบจิตใจได้เลยค่ะ แม้แต่เรื่องเล็กน้อย คุณคงเคยเห็นข่าว เด็กบางคนที่ผูกคอตายเพราะแม่ไม่ให้สตางค์ไปเล่นเกมส์ ถามว่าใครผิดคะกับการตายของเด็กครั้งนี้ แต่ไม่ว่าดิฉันจะพูดยังไงคิดว่าคงเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้หรอกค่ะ คุณมีเหตุผลของคุณอยู่แล้ว คงต้องเคารพในความคิดคุณค่ะ จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 23:10:20

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วทำไมต้องบังคับให้คนใส่หมวกกันน๊อคล่ะคะ มันดีไม่ใช่เหรอ ถ้ามันดีจะบังคับทำไมคะ... โห้ๆ เด็กจบปริญญา คิดได้แค่นี้หรือ? สงสัยร่วมกิจกรรมมากไป ค้นหา Google ก็จะรู้คำตอบเอง ไม่อยากเสียเวลา เดี๋ยวจะว่ามาสั่งสอนอีก เอาสั้น public good vs private rights มันต้องช่างน้ำหนักกัน คนเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่คนไม่ใส่เจ็บหรือตายอย่างเดียว แต่ค่า รพ ใครจ่าย คนทั้งประเทศที่เสียภาษีครับ รู้จักบัตรทองหรือไม่? ถ้าคิดได้แค่นี้ หัดตอบคำถามแต่ละข้อที่ผมโพสต์ก่อนดีกว่าครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 23:16:25

ความคิดเห็นที่ 27 ขอไม่ตอบดีกว่าค่ะ ตอบไปก็เท่านั้น ในเมื่่อทัศนคติมุมมองต่างกัน จะคุยกันให้รู้เรื่องคงยาก นานาจติตตังค่ะ ดิฉันไม่เคยพูดว่าไม่เข้าร่วมกิจกรรมแล้วมันไม่ดี ไม่เคยพูดว่าทำกิจกกรมแล้วดีอย่างนู้นอย่างนี้ การกระทุกทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีข้อเสีย แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน จากคุณ : MonTeeraya (MonTeeraya) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 23:51:35

ความคิดเห็นที่ 28 อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับคุณ เพิ่งมีความคิดที่ดีๆ มาจนได้ คิดว่า คุณคงเปลี่ยนใจเรื่องการบังคับเข้าร่วมแล้วนะครับ หรือยังคิดว่า ต้องบังคับอยู่? เมื่อมีข้อเสียมากมายซี่งพวกคุณก็แย้งไม่ได้ ทำไมต้องบังคับ? ข้อดีมันก็มีอยู่หรอก ยกเว้นพวกว้าก พวกทารุณกรรม แบบพวกทำกระทำให้เกิด Stockholm Syndrome เห็นผิดเป็นชอบ ก่อเกิดให้มีการทำทารุณกรรมในรุ่นต่อๆ ไปว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ถูกต้อง กิจกรรมนอกหลักสูตรดีๆ มันมีแน่ พวกอยากทำกิจกรรม อยากให้รุ่นน้องเข้าร่วม ต้องหัดคิด หัด convince คนให้เข้าร่วม เราไม่ได้อยู่ในยุคทาสแล้วนะครับ ปล มหาวิทยาลัยเมืองนอกมีครับ พวก club ต่างๆที่ก่อตั้งโดย นศ ที่ต้องการทำกิจกรรม มหาวิทยาลัยก็สนับสนุนเรื่องสถานที่ บางทีงบก็ให้บ้าง แต่ด้วยความสมัครใจครับ ไม่มีการบังคับอย่างทาส เช่นเกษตร โดยการ blackmail ไม่ให้เข้ารับปริญญา แล้วเรื่องเกณท์คนไปเชียร์นี่ มันหลังเขา ไดโนเสาร์จริงๆ อย่างกับถูกบังคับฝึกทหารอย่างไรก็อย่างงั้น ให้กลายเป็นคนหงอ หือไม่เป็น ไม่ว่าจะเจอเรื่องอยุติธรรม ก็ yes ไว้ก่อน เพราะถูกสอน ถูกล้างสมองให้เชื่อฟังพวกจับไปกักขังเชียร์ ในทำนองกับ Stockholdm Syndrome แนะไปอ่าน wiki อีกที จะไปเรียนปริญญาเอกเมืองนอกแล้ว น่าจะเปิดหูตาให้กว้างขวางบ้าง ไว้ไปเมืองนอกแล้ว จะขอบคุณผมที่แนะนำให้คิด ให้เป็นตัวของตัวเอง รู้จักพึงพาตัวเอง อัตตาหิ อัตตโน นาโถ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 01:01:15

ความคิดเห็นที่ 29 คุณคิดว่าความคิดคนเราเปลี่ยนได้ง่ายๆงั้นสิ คิดใหม่นะคะ คนอย่างคุณพูดไปก็เท่านั้น เสียเวลาเปล่า ฉันแค่ต้องการให้คุณพูดประโยคแรกของคุณออกมา เพื่อย้ำความมั่นใจในสิ่งที่ฉันคิด ขอให้คุณโชคดี มีความสุขกับชีวิตของคุณ ลาก่อน จากคุณ : MonTeeraya (MonTeeraya) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 03:33:11

ความคิดเห็นที่ 30 เบื่อคุณ K.Senior ไปเกินความจำเป็นมาก ผมรหัส 52 ไม่ทำกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น เชียร์ก็ไม่เคยเข้า ก็อยู่รอดมาได้ยันบัดนี้ แต่ก็ปล่อยเค้าไปไอพวกบ้ากิจกรรม ต่างคนต่างอยู่ สไตล์ใครสไตล์มัน แต่ไม่เข้าใจว่าคุณจะชักแม่น้ำทั้งห้าทำไม จากคุณ : themaixx เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 11:24:29

ความคิดเห็นที่ 31 - Freshy Night เป็นกิจกรรมตามความสมัครใจนิสิตสามารถเลือกเข้าหรือไม่เข้าก็ได้โดยไม่มีผลกระทบครับ - ทรานสคริปต์กิจกรรมเป็นผลมาจากตัวชี้วัดใหม่ของสมศ.ที่วัด performance ของมหาลัยในด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของนิสิตด้วย ดังนั้นจึงมีมาตรการในการวัดชม.กิจกรรมด้วย transcriptกิจกรรมขึ้นมา ผู้ที่สะสมชั่วโมงกิจกรรมไม่ครบ สามารถเรียนจบได้ตามปกติ เพียงแต่จะไม่ได้เข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในห้องพิธี - ซึ่งจริงๆเรื่องทรานสคริปต์กิจกรรมผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เพราะนัยหนึ่งมันทำให้เด็กบางคนอาจจะทำกิจกรรมโดยหวังสิ่งตอบแทนเป็นชั่วโมงกิจกรรม พอสะสมได้ครบก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำกิจกรรมอะไรต่อ ในขณะที่เมื่อไม่มีทรานสคริปต์กิจกรรม การทำกิจกรรมเป็นไปโดยไม่ได้มีอะไรตอบแทนนอกจากประโยชน์ที่แต่ละคนจะได้รับจากตัวกิจกรรมเอง (เช่น ความสุขใจ การได้บำเพ็ญประโยชน์ การได้เล่นกีฬาเสริมสร้างสุขภาพตนเอง ฯลฯ) - เห็นด้วยว่าแต่ละคนมีศักยภาพในการทำกิจกรรมไม่เท่ากัน บางคนทำกิจกรรมได้โดยเกรดไม่ตกเลย (ดีขึ้นด้วยซ้ำ) บางคนทำกิจกรรมแล้วเหนื่อยมากจนส่งผลกระทบต่อการเรียน ฯลฯ แต่มหาลัยก็ได้ให้ทางเลือกไว้อยู่แล้ว โดยมีกิจกรรมหลากหลายด้าน นิสิตควรใช้วิจารณญาณของตัวเองเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับตัวเองได้เนื่องจากโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และใน worst case จริงๆสมมติคุณทำกิจกรรมอะไรไม่ได้เลย (อาจด้วยข้อจำกัดอะไรก็ตาม) คุณก็สามารถเรียนจบได้ปริญญาบัตรเหมือนคนอื่นๆ สภามหาลัยก็อนุมัติปริญญาให้ตามปกติ เพียงแต่จะไม่ได้เข้าห้องพิธีพระราชทานปริญญา (อาจรวมถึงการไม่มีทรานสคริปต์กิจกรรมไปโชว์ในตอนสมัครงาน ซึ่งอาจไม่มีผลมากนักหน่วยงานส่วนใหญ่) ดังนั้นอยูที่แต่ละคนมีสิทธิ์เลือกครับ ขอย้ำว่ามหาลัยได้ให้ทางเลือกไว้พอสมควรแล้ว ถ้าคิดว่ากิจกรรมไหนงี่เง่าไม่สมควรจะทำก็ไม่ต้องไปเข้าร่วมซะเท่านั้นเอง ป.ล. freshy night เสาร์ที่จะถึงนี้ผมไปร่วมเล่นดนตรีในฐานะศิษย์เก่า น้องๆถ้าว่างไปเฮฮากันนะครับ จากคุณ : iChattt เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 11:56:33 A:203.146.89.144 X: TicketID:321525

ความคิดเห็นที่ 32 สมัยที่ผมเรียนที่เกษตรผมก็ไม่เข้าร่วมกิจกรรมจำพวกนี้นะครับ   ผมก็เรียนจบมีเพื่อนฝูงตามปรกติ   ทำมาหากินได้สะดวกดี   ได้รับการสนับสนุนและสนับสนุนเพื่อนฝูงรุ่นพี่รุ่นน้องตามสมควร ถามว่าชีวิตขาดอะไรไปบ้างไหม   บางทีก็เสียดายอยากมีประสบการณ์อย่างเพื่อนฝูงบ้างนิดหน่อย แต่จะเอาเวลาที่ไหนล่ะ   ผมเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย   ช่วงเปิดภาคเรียนภาคแรกเป็นช่วงเดียวกับการเปิดฤดูแข่งขัน   ซ้อมเช้าซ้อมเย็นก็แทบอ้วกแล้ว   ไหนยังจะต้องดูหนังสืออีก เอาเป็นว่าผมร้องเพลงเชียร์พอดำน้ำตามเขาไปได้ก็น่าจะพอแล้ว   ในเมื่อส่วนใหญ่ผมเป็นคนถูกเชียร์นี่หว่า แต่เพื่อนร่วมทีมผมบางคนกลับถูกกดดันจากรุ่นพี่เพราะเหตุที่ไม่เข้าประชุมเชียร์   จนถึงขั้นที่พวกเราแทบจะยกพวกไปต่อยกับรุ่นพี่คณะนั้นเพื่อปกป้องเพื่อนเรา ตอนนี้เมื่อมาย้อนคิดดู   ผมยังนึกโกรธระบบอยู่ที่ปลูกฝังความไม่พอดีขึ้นในจิตใจของนักศึกษาที่วุฒิภาวะยังไม่สูงพอได้มากถึงเพียงนี้ จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 13:22:29

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาแก้ความเข้าใจนะคะ connection ที่ดิฉันหมายถึงนี้ไม่ใช่การใช้เส้นสายในการทำงานนะคะ แต่เป็นการสร้างเครือข่าย ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรารู้จักเพื่อนที่เรียนในสายงานที่ต่างกัน ในการทำวิจัยก็สามารถนำความสามารถที่แตกต่างมาพัฒนา มาช่วยกันต่อยอดผลงานให้ดีขึ้นได้ กรุณาอย่ามองแต่ในแง่ร้ายอย่างเดียวนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เด็กติ๊งต๊อง เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 14:01:41

ความคิดเห็นที่ 34 K. Senior คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ? บ้านแต่ละบ้าน เค้าคงต้องมีกฎระเบียบของตัวเอง ถ้าบ้านไหนจะมีกฎงี่เง่าบ้าง หรือไม่สมเหตุสมผลบ้าง เค้าก็มีสิทธิ์จะทำเช่นนั้นใช่หรือไม่ครับ.. (ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ) คุณไม่เห็นด้วยก็ส่วนของคุณ... ถ้ารู้สึกว่าแอนตี้มาก ๆ กับระบบ แบบนี้ ก็ไปเปิดมหาวิทยาลัยเป็นของตัวเองเลยครับ "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" จากคุณ : ศรัทธา_สถาพร เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 19:03:08

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยกับ คห.๓๓ การมี connection ไม่ได้หมายถึงการใช้เส้นในการสมัครงาน แต่หมายถึงการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในความถนัดของแต่ละคน เช่นผมเรียนบริหาร มีเพื่อนเรียนสัตวแพทย์ ผมก็ขอคำปรึกษาดับเพื่อนผมได้ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงผมป่วย ไม่ต้องลำบากพาไปตรวจที่โรงพยาบาล เป็นต้น เกษตร บังคับกิจกรรมก็จริง แต่ลำพังแค่การ เข้าร่วมพิธีสำคัญของมหาวิทยาลัย เช่นไหว้ครู นอกนั้นก็แค่ทำกิจกรรมที่คนปกติทั่วไปเขาทำกัน ร้องเพลง เล่นกีฬา สัมมนาเชิงวิชาการ เข้าอบรมต่างๆ หรือแค่ทำบุญตักบาตร แค่นี้มหาวิทยาลัยเขาก็ให้ชั่วโมงกิจกรรมแล้วครับ เพราะฉะนั้น ถ้านิสิตเป็นคนปกติ ก็สามารถเก็บชั่วโมงกิจกรรมได้ครบตามเกณฑ์อยู่แล้วครับ จากคุณ : hellofriday เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 21:16:31 A:180.210.216.131 X: TicketID:321254

ความคิดเห็นที่ 36 บ้านแต่ละบ้าน เค้าคงต้องมีกฎระเบียบของตัวเอง ถ้าบ้านไหนจะมีกฎงี่เง่าบ้าง หรือไม่สมเหตุสมผลบ้าง เค้าก็มีสิทธิ์จะทำเช่นนั้นใช่หรือไม่ครับ.. (ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ)..... นี่สิทธิ บ้านคุณมันไม่ใหญ่เท่าบ้านประเทศไทยครับ กฎระเบียบมีได้ แต่ต้องไม่เหนือกว่า กฎระเบียบ ภายใต้รัฐธรรมนูญ (ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ) คุณแน่ใจบังคับกิจกรรมจะผ่านความเห็นของศาลปกครองถ้า นิสิตไม่เข้าร่วมแล้วถูกกันสิทธิ์ ในใจพวกคุณก็รู้อยู่ว่าบังคับไม่ได้ สิ่งที่บังคับได้คือการเรียนการสอน วิชาบังคับ วิชาเลือกเพื่อให้จบหลักสูตร เข้ารับปริญญาบัตรครับ คิดดูดีๆ อย่าตกเป็นทาส Stockholm Syndrome นี่คือเวทีระบบเปิด มีความคิดอะไรก็มาถกกันได้ ไม่ควรต้องโจมตีบุคคลโดยเอ่ยชื่อ ใครที่โจมตีบุคคลถือว่า ถกแพ้ไม่มีเหตุผลพอแล้วพาลครับ เป็น บัณฑิตย์แล้ว ควรทำตัวให้สมเป็นบัณฑิตย์หน่อยครับ อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ เลยครับ ไม่งั้นเข้าก็อาจหาว่า ถูกล้างสมองจนคิดอะไรไม่เป็น เป็นทาส Stockholm Syndrome กันได้ ผมแนะนำไปอ่านเรื่องนี้ดีๆ เปิดใจให้กว้างๆ ไว้ครับ BTW, "connection" is often understood to use one's connection to gain favour over other more qualified candidates. The more appropriate word if you want to be neutral is "network". See the discussion about connection (เส้น) in another kratoo. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 17:32:24

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนตัว เป็นคนขี้เกียจมาก ถึงไม่ทำกิจกรรม ก็ไม่อ่านหนังสือ อาจจะเอาเวลาไปเดินเที่ยว  ไร้สาระ อื่นๆ ฯลฯ   ที่บ้านสั่งสอนเหมือนกันครับ และเค๊าก็ปล่อยให้คิดเอง ลองเอง เพราะยังไงเรียนจบ ทุกคนก็ต้องทำงานเหมือนกัน  อยากใช้ชีวิตก่อนจบยังไง หรือว่าอยากทำงาน บ. ไหนก็เตรียมตัวเอาเอง ด้วยความขี้เกียจ + คิดเอาเองว่าหัวดี ก็เลยค่อยไปอ่านก่อนสอบไม่นาน แล้วก็ทำกิจกรรมมากมาย ฯลฯ  คิดว่าเอาเวลา ไปซื้อประสบการณ์ ถึงตอนนี้ กิจกรรมทำให้ผมได้ทุนมหา'ลัยจากเกษตรฯ และทำให้ผมได้งาน ตั้งแต่ Big4 ยัน บ.เครือรายใหญ่ของไทย ถ้าน้องๆ ได้อ่าน โตแล้วก็อ่านกฎระเบียบให้ดีๆ แล้วก็ลุยทำให้เต็มที่เลย ถ้ามันไม่ผิด ก็ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ^^ ตอนนั้นพี่คิดแค่ว่า ไปชิลๆ กับเพื่อนๆ  ดีกว่าอยู่บ้านเปลืองไฟ ฮ่าๆ จากคุณ : Champkun~~ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 09:03:39

ความคิดเห็นที่ 38 ถามตัวเองก่อนมั๊ย พวกคนที่ด่าระบบเค้าว่าไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดปัญญาหรือประโยชน์หนะ ที่คุณกำลังคิดว่ามันแย่ มันเลว มันผิด  มันเป็นเพราะระบบ หรือ เพราะตัวคน ? ไม่ต้องรับน้องหรอกนะ แค่ระบบประชาธิปไตยบ้านเราหนะ มันผิดที่ระบบ หรือ ตัวคน พวกคุณคิดดูกันเอาเองละกัน จากคุณ : Mr.Turtle เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 11:59:55

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเพิ่งเข้ามานะครับ อยู่ มก. KU69 คณะใกล้เคียง ผมไม่รู้สึกว่าการรับน้องมันเสียหายตรงไหน กิจกรรมทุกกิจกรรม เน้นคำว่า "ทุกกิจกรรม" ไม่เป็นการบังคับ แล้วแต่ความสมัครใจ ไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องเข้า เรียนมาจบเหมือนกันครับ แค่คุณเป็นพวกไม่มีรุ่น นับถือรุ่นพี่เป็นหนังสือ ไม่ต้องมีน้องรหัส พี่รหัส ไม่ต้องมีการซื้อขนม ไม่ต้องไหว้ ไม่ต้องเคารพรุ่นพี่ ไม่ต้องบูม ไม่ต้องเข้าห้องภาค ตึกภาค ไม่ต้องเอาหนังสือที่ถูกขีดแล้วขีดอีก ซื้อหนังสือใหม่ ไม่ต้องเอาเสื้อ ช๊อปจากรุ่นพี่ ไม่ต้องเอาเหรีญรุ่น ไม่ต้องเอาเสื้อรุ่น ไม่ต้องเข้าประชุมเชียร์ ไม่ต้องโดนวาร์ก ไม่ต้องซักอย่าง มาเรียน เรียนเสร็จกลับบ้าน ไม่มีสังคม ไม่มีรุ่น อยากเรียน ก็เรียน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จบไปมีแต่ความรู้ ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ สังคมเราต้องการวัฒนธรรม ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ รักและเคารพสถาบัน "ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรคือภาษีของประชาช" เดี๋ยวนี้มีแต่คนต่อต้าน ไม่รู้หรอกว่า เมื่อเราทำสำเร็จ ได้สิ่งที่หวังมาครอง มันจะมีความภูมิใจแค่ไหน ไม่รักเราไม่เป็นไร ขอแค่รักและเคารพในกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ก็พอแล้ว จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 16:08:39

ความคิดเห็นที่ 40 เนื่องจาก มีบางท่านไม่เข้าใจ ว่าเป้นการบังคับหรือเปล่า จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 16:42:24

ความคิดเห็นที่ 41 รับน้อง มีรับน้องมหาวิทยาลัย เป็นผู้จัด และ คณะเป็นผู้จัด แยกแยะประเด็นกันก่อนว่าพูดถึงระดับไหน แล้วรับน้องเมื่อ 10 20 30 40 50 ปีที่แล้ว กับปัจจุบัน มันก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ประสบการณ์ของแต่ละคนเอามาถ่ายทอดให้ฟังเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันมันจะเหมือนกัน ขนาดรุ่นผมกับรุ่นน้องที่ห่างกันไม่ถึง 10 ปี ยังรับน้องต่างกันเลยครับ และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นตามลำดับ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 17:19:33

ความคิดเห็นที่ 42 เถียงกันอย่างกับเสื้อเหลือง เสื้อแดง ไม่รู้จบ ผมว่ามองเป็นประชาธิปไตยกันหน่อย ทุกคนมีสิทธิ์ในการเชื่ีอ หรืิอ คิด และแสดงความเห็น กิจกรรม สอนให้คนรู้จักกัน รักกัน แม้ว่าจะลำบากหรือการเรียนตกอะไรก็แล้วแต่ พอผ่านมันมา คุณก็จะรู้ว่า คุณจะรักสถาบันมากเพียงไหน แต่อีกแง่ ก็อย่าวที่คุณ K.Senior บอก คือ มันก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือเสียการเรียน โดนว๊าก อะไรก็แล้วแต่ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนเป็นดาบ 2 คม อยู่ที่ว่า เราจะเลือก ใช้คมไหน มาปรับกับชีวิตเรา เรียนมากไปก็ไม่ดี กิจกรรมมากไปก็ไม่ดี ควรจะจัดสรรเวลาให้มันลงตัว ว่าเราสมควรอยู่ตรงไหน แต่จริงๆก็ไม่เห็นด้วย เรื่องการว๊าก ผมว่ามันไร้สาระ ถ้าโอเคสอนน้องร้องเพลง กดดันนิดหน่อย สอนเรื่องการใช้ชีวิต การแต่งกาย เพลงมหาลัย ประวติคณะ ประวัติมหาลัย ไม่ใช่เอะอะ บ้าอำนาจ ด่าๆอย่างเดียว คนจะดีไม่ได้ดีที่ได้รุ่น หรือ ไม่ได้ดีที่รุ่นพี่ รุ่นพี่แย่ๆก็มี อยู่ที่ตัวเราล้วนๆ ผมชอบการรับน้องแบบธรรมศาสตร์ คือ ไม่มีการว๊าก ทุกคนช่วยเหลือกัน เป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าเข้าก่อนเข้าหลัง การเคารพรุ่นพี่ การยกมือไหว้ น้องไหว้ออกมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่ไหว้เพราะต้องไหว้ จากคุณ : สาManUtd เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 17:54:17

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ Samong2 บางทีเราอธิบายไปบางคนมันปิดหูครับ คงไม่มีทางเข้าใจ [ชี้แจง] กิจกรรมมีเป็นร้อยกิจกรรมต่อปี (ไม่เชื่อให้เข้า nisit.kasetsart.org เช็คได้) คุณสามารถเลือกเข้าได้ทุกกิจกรรม ถ้าไม่ขัดเงื่อนไขด้านการสังกัดคณะ-ภาควิชา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอีกหลายสิบกิจกรรมที่ให้สมัครด้วยตัวเอง ซึ่งจะไม่ออนไลน์อีกเยอะ คุณสามารถเข้ากิจกรรมใดๆ ก็ได้ ขอให้ชั่วโมงรวมกันแล้วครบ แค่นั้น ถ้าคุณไม่ค่อยจะ "กิจกรรม" เท่าไหร่ ก็เลือกกิจกรรมพวก "ห้องแอร์" ก็ได้ครับ มันมีอยู่ กิจกรรมคณะ-ภาควิชาหลายๆ กิจกรรมมีการ "แจกชั่วโมงฟรี" ด้วยซ้ำ ไม่ต้องเข้าจริงๆ ไปเซ็นชื่อแขวนไว้เฉยๆ ก็ได้ (ซึ่งตรงนี้ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่) Freshy Day & Freshy Night ไม่ได้รวมในระบบรับน้อง แม้ว่าหลายคณะจะใช้ "สตาฟเชียร์" เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก็ตาม ผมไม่ได้อยู่คอนเสิร์ต พี่ก็ให้ออกได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่เข้าแล้วไม่ได้เหรียญรุ่น ไปบอกพี่ๆ ได้ครับ เดี๋ยวเอามาให้ทีหลัง เพื่อนผมบางคนเข้าเรียนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย ตอนนี้เรียนมาซักพัก กลับกลายเป็นคนที่กิจกรรมสุดๆ ไป เพื่อนๆ รักใคร่เยอะแยะ บางที เราถามว่า รับน้องเพื่ออะไร โซตัสทำไม เราก็อาจต้องตอบก่อนครับว่า แล้วเราไปลอยกระทงเพื่ออะไร เวียนเทียนเพื่ออะไร บางครั้งเราอาจเข้าใจวัตถุประสงค์ของกิจกรรมผิดไปก็ได้ครับ (ไม่มีเจตนาลบหลู่ศาสนาครับ) ตกเรื่องประเด็นว๊ากไป ไอ้ที่คุณๆ เรียกกันว่า "ว๊าก" นี่ใครอยากเข้าก็ได้ ไม่อยากเข้าก็ได้ครับ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครกดดัน พี่ๆ เองจะเตือนกันเองด้วยซ้ำว่าอย่าไปชี้นำน้อง [ดราม่า] ถามว่า เรื่องระบบกิจกรรม มันผิดกฎหมายข้อไหนครับ ถ้าจะกล่าวหาก็ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่มากล่าวหาลอยๆ แล้วให้ "จำเลย" หาหลักฐานปกป้องตัวเอง ถ้าหาได้ว่ามาตราไหนก็เอามาตรานั้นแหละครับไปฟ้องทางมหาวิทยาลัย (หรืออยากจะฟ้องผมก็ลองฟ้องดู แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้พวกคุณเหมือนกัน) ถ้าคุณๆ ที่แอนตี้ทั้งหลายมาบอกให้เลิกอย่างนั้น เลิกอย่างนี้ คุณมีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่ในการทำให้น้องๆ มีกลุ่มมีเพื่อนครับ หรือจะเข้ามาตักตวงเอาวิชาความรู้ไปอย่างเดียว เราดูแลคนหมู่มาก กฎระเบียบมันก็มากเป็นธรรมดาครับ ในครอบครัวอาจใช้ข้อตกลงแค่สองสามข้อ แต่การดูแลคนทั้งมหาวิทยาลัย แค่นั้นมันไม่พอครับ ไหนจะประกันคุณภาพอีกอะไรอีก ถ้านิสิตเอาแต่เรียนๆๆๆ แล้วไม่ทำกิจกรรม เกิดไม่ผ่านประกันคุณภาพขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบไหมครับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใหญ่นะครับ กว้างใหญ่มาก ถ้าไม่มีกิจกรรมมาช่วย จะมีอะไรมาดึงดูดให้นิสิตมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันครับ? ปล. เรื่องเดียวที่ผมรับไม่ได้คือ ถ้ากองกิจฯ บังคับ "กิจกรรมเพื่อสังคม 12 ชั่วโมง" ก็ควรจัดเองให้เยอะๆ เหมือนพวก "กิจกรรมห้องแอร์" ครับ ไม่ใช่จัดแต่ไปเลี้ยงเด็กกำพร้าวันธรรมดา (ซึ่งติดเรียนกันทั้งนั้น) ผลักภาระให้นิสิตไปหาค่ายหาอะไรกันเองตลอด อย่างน้อยให้นิสิตเอาบัตรบริจาคเลือดมาเช็คจำนวนครั้งก็ยังดีครับ เพราะคนขาดชั่วโมงส่วนนี้มีค่อนข้างเยอะ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 17:58:22 จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 17:56:17

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ ... ถ้าบัณฑิตย์คิดได้แค่นี้เศร้ามาก ผมจะบอกให้ รุ่นพี่คุณคนหนึ่งที่ผมเคยติวอังกฤษให้ตอน ป.7 เมื่อ 40+ ปีที่แล้ว เรียนเกษตรนี่แหละ เป็นเด็กเรียน ไม่เข้าสังคมป่าเถือนให้ถูกว้าก เลี่ยงเชียร์ตลอด จบเศรษฐศาสตร์ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เกษตรรับเป็นอาจารย์เลย จากนั้นก็ไปเรียนต่อ โท เอก เมืองนอก จบมาก็ยังเป็นอาจารย์ที่เกษตรอยู่ในปัจจุบัน สงสัยพวกคุณคงได้ไหว้อาจารย์ผู้ชายคนนี้ไปหลายรุ่นแล้วละ เพราะตอนนี้อายุราวๆ 50 แล้วมั้ง ผมก็ไม่รู้ว่า อาจารย์เป็น KU อะไร แต่ก็สอนพวกคุณมากว่า 20 ปีแล้ว สงสัยมหาวิทยาลัยเกษตร คงรับคนผิดแน่ๆ ที่รับคนไม่อยู่ในระบบ KU อะไรก็ไม่รู้ 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:38:20

ความคิดเห็นที่ 45 เด็ดมากครับน้า K.Senior แต่พิมพ์ยาวๆ หาข้อมูลตั้งมากจะเหนื่อยเปล่าเอานา แถมจะโดนกังขาว่าที่กล่าวมาเป็นจริงมากแค่ไหนให้ต้องแตกประเด็นไปยืดยาวอีกเสียเปล่า คนเขาสมัครใจจะเป็นทาส อยากโดนเหยียบหัวเล่นก็วางอุเบกขาปล่อยๆเขาไปเถอะครับ แนะนำลูกหลานและคนสนิทก็น่าจะเพียงพอ จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:45:39

ความคิดเห็นที่ 46 คห. 45 ถ้าคิดว่านิสิตที่เข้ามาใหม่เป็นทาส ผมก็พร้อมจะเป็นทาส และคิดว่าทุกคน คงเป็นทาสทั้งหมด เพราะทุกคน คือประชาชนคนไทย ในที่นี้ที่เข้ามาเรียนที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่มีใครโดนเหยียบย่ำ ไม่มีการกดขี่ ทุกอย่างเป็นความสมัครใจ ไม่เชื่อลองถามนิสิตเกษตร ทุกคนได้เลย ต้นนนทรี ยังคงออกดอกทุกปี ... จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:56:28

ความคิดเห็นที่ 47 "ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ" ความคิดทาสๆชัดเจน จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:23:08

ความคิดเห็นที่ 48 คุณนายข่วย เป็นเอามากรึเปล้าครับ ความคิดทาส ตรรกะไร้ปัญญา จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:47:48

ความคิดเห็นที่ 49 หึๆ ตอบโต้ด้วยเหตุและผลไม่ได้ก็เริ่มถ่อยแล้วเหรอครับ นี่แหละทาส จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:55:03

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้านี่เถื่อนนะครับ กลับไปดูที่คุณพิมพ์ ที่คุณพิมพ์ว่า ความคิดทาส แสดงว่าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังจะอธิบาย คุณไม่มีเหตุผลไงครับ พอบทสุดท้าย ก็มาลงที่คำว่า ทาส งง ตรงไหนครับ ที่ผมเถื่อน จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:05:12

ความคิดเห็นที่ 51 KU ๔๐ ต้นๆ ค่ะ อ่านที่ คห. ๕ ที่บอกว่า "และนอกจากชั่วโมงกิจกรรมแล้ว นิสิตที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้รับเหรียญตราประจำรุ่นมหาวิทยาลัยครับ" เป็นเรื่องงี่เง่า และไม่แฟร์มากๆ ค่ะ  อย่างนี้หรือ ที่บอกว่า ไม่บังคับ คนที่เข้ารุ่นไหน  ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเหรียญรุ่นเท่าๆ กันทุกคนค่ะ เอ่อ...อ่าน คห.อื่นๆ ไล่ลงมา  บาง คห.ชวนเพลีย และชวนให้นึกถึง อุเทนถวาย ตีกับ ปทุมวันฯ จริงๆ เลย ด้วยไอ้ระบบเพาะให้บ้าสถาบันอย่างนี้ล่ะ ช่วงที่เราอยู่เกษตร (และเป็นเด็กหอมาตลอด) หอชาย - หอ ๑๓ หอ ๑๔ (เท่าที่รู้) รับน้องหอ บนดาดฟ้าหอ ด้วยการให้น้องผู้ชายทุกคนเปลือยกาย แล้วกลิ้งไปบนแป้งเปียก เป็นถังๆ ที่รุ่นพี่กวนและราดไว้ จากนั้น ให้กลิ้งไปบนข้าวเปลือก และรุ่นพี่สั่งให้ทำ ห่าเหวอะไรอีกมากมาย หลายคนกดดัน  อับอาย จนไม่สบาย รีไทร์ เอ็นท์ฯ ใหม่ ที่หนักๆ ก็เป็นโรคจิต  และมีคนตาย ๒ คน ทางตะลัยก็พยายามปิดข่าวกันมาก  พอมีข่าวแพล็มออกมา ก็โบ้ยว่า น้องมีปัญหาจิตใจอยู่แล้ว  เออ...อาจจะใช่ แต่ถ้าไม่มาเป็นเหยื่อการรับน้องอย่างนี้  คนเหล่านั้นคงไม่ต้องเป็นอย่างนั้น การบ้าสถาบัน ระบบรุ่น โซตัส เชื่อและปฏิบัติตามโดยไม่ใช้หลักเหตุผล ตรรกะ ซึ่งมีกันทั้งในหมู่เด็กช่างกล ทหาร (จปร.) และอีกหลายๆ แห่ง รวมทั้งที่เกษตรนี่แหละ  ที่เป็นแหล่งเพาะความเชื่อ มากกว่าความคิด แหล่งเพาะคนผิด ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย (ดูกรณีหมอมุกเลย - - ถ้าคนขับไม่คิดว่า มีพวกมาก สถาบันปกป้องได้ จะกร่างอย่างนี้มั้ย) สิ่งเหล่านี้บั่นทอนความเป็นคนของคนอื่น ริดลอนความเท่าเทียมกัน ตัดสิทธิ์และจิตใจประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก - - เราไม่เห็นด้วยกับการรับน้องแบบโซตัสและบังคับค่ะ - - จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 03:22:30

ความคิดเห็นที่ 52 [ข้อเท็จจริง] #5 #51 ขอแก้อีกที เหรียญรุ่น ไม่ต้องเข้ากิจกรรม รับทีหลังได้ครับ (รวมไปถึง "เฟอร์นิเจอร์" อื่นๆ ด้วย เช่น สมุดเชียร์ เข็มคณะ ฯลฯ) อีกทีนะครับ เกษตร คนเยอะ แค่วิศวะก็ 14xx-1500 คนแล้ว (ต่อรุ่น) ดูแลลำบาก ปัญหามีตลอดครับ จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:03:28

ความคิดเห็นที่ 53 กิจกรรมไม่ใช่โซตัส  เข้าร่วมหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เข้าใจมั้ย??? จากคุณ : Fred_Flintstone เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 14:29:25

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ ^ เข้าใจแย้วววววว จากคุณ : วาหนิติ์นิกร เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 15:03:00

ความคิดเห็นที่ 55 เค้าไม่ได้บังคับให้ไปเรียน เพราะฉะนั้น ไม่ชอบที่ไหน ก็อย่าไปเรียนที่นั่นครับ  จะได้ไม่มีปัญหา ปีหน้า ก่อน แอดมิดชั่น ก็ให้ประชาสัมพันธ์กันไปเลย ว่าแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละคณะ รับน้องกันอย่างไร และให้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนอะไรบ้าง ใครสนใจที่ไหน ก็ไปเข้าที่นั่นก็แล้วกันครับ กิจกรรมนอกห้องเรียน กับ กิจกรรมรับน้อง มันคนละส่วนกันนะครับ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่เข้าร่วม ก็อย่าไปเปลี่ยนแปลง ในสิ่งที่เค้าทำไว้ครับ เพราะคนที่ไม่เคยสัมผัส หรือสัมผัสแต่เพียงด้านเดียว ก็ไม่ควรไปสรุปกิจกรรมของคนอื่นๆ ว่าไม่ดี จริงไหมครับ? จากคุณ : วาหนิติ์นิกร เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 15:15:37

ความคิดเห็นที่ 56 ตั้งใจเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปเรียน ในสมัยเรา  มันเป็นการบังคับ เรามีประสบการณ์มา  และเห็นว่า มันไม่ดี ถ้าคนเราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร อันใด ป่านนี้ คนคงยังแก้ผ้าเปลือยกาย อยู่ในถ้ำ ไม่มีไฟหุงหาอาหาร ไม่ได้มาสื่อสารกันที่นี่แน่ๆ ว่ามั้ย เอ่อ...หลายๆ คนที่พูดๆ กันมานี่   เรียนอุเทนฯ ปทุมวันฯ ช่างกลฯ กันหรือเปล่า ถ้าไม่ ไม่เคยสัมผัส ก็ไม่ควรไปสรุปกิจกรรมของเขา หรือไงนะ ที่มาคุยแลกเปลี่ยนกันนี่  เพราะคนหลายๆ สถาบันนี่มันอยู่ร่วมกันในสังคม และมันมีผลต่อกันและกัน และต่อสังคมใหญ่ คือ ประเทศน่ะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 16:47:42

ความคิดเห็นที่ 57 ผมขอตอบคุณ K.Senior ตรงๆเลยละกันครับ การบังคับทำกิจกรรม(ทางอ้อม)นั้นเป็นเพราะความกลัวของผู้บริหารว่านโยบาย Transcript กิจกรรมนี้จะไม่ได้รับการตอบรับจากนิสิต คือถ้าจัดกิจกรรมต่างๆไปแล้วไม่มีการบังคับพวกนิสิตก็จะไม่เข้าร่วม จึงได้กำหนดว่าถ้าชม.กิจกรรมไม่ครบจะไม่ให้นิสิตเข้าพิธีพระราชธานปริญญาบัตร นี่เป็นคำสั่งจริงๆครับ ทุกปีจะมีการส่งรายชื่อนิสิตที่ชม.กิจกรรมไม่ครบมาให้ภาควิชา และให้อ.ที่ปรึกษากำชับให้นิสิตหากิจกรรมทำให้ครบ ผมเห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมต่างๆเหล่านี้แต่ไม่เห็นด้วยในหลักการที่มีการบังคับทางอ้อม แต่ทางฝ่ายบริหารเห็นว่าในทางปฏิบัติถ้าไม่ทำแบบนี้จะไม่ได้ผลครับ สำหรับเรื่องไปทำกิจกรรมเพื่อ connection เพื่อโซตัส เพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องรักกัน มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญของนโยบาย Transcript กิจกรรมนะครับ กิจกรรมต่างๆนั้นมีประโยชน์ในตัวเองแบ่งตามหมวดหมู่ได้ตามที่คุณ hellofriday ตอบไว้ในคคห.ที่ 5 แล้วครับ เรื่องได้เพื่อนได้รู้จักพี่น้องนั้นเป็นประโยชน์ทางอ้อมเท่านั้น จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 21:14:55

ความคิดเห็นที่ 58 คุณคิดว่า ถ้านิสิตกล้า challenge อาจารย์จะกล้าไม่ให้เข้าร่วมรับปริญญาแน่หรือ? คุณคิดว่า เกษตรมีอำนาจเรื่องนี้แน่หรือ ถ้าเกิดนิสิตขู่ว่า ถ้าไม่ให้เข้ารับปริญญาจะฟ้องศาลปกครอง? แค่ศาลปกครองออกความคุ้มครองชั่วคราว พวกคุณก็เสียชือแย่แล้ว ยิ่งถ้าพิพากษาว่า ไม่มีสิทธิ หน้าจะแหกแบบเย็บไม่ติดเลย จากนั้นไปยิ่งไม่มีใครอยากเข้าร่วมกิจกรรมอีก กิจกรรมทำไปเถิดถ้ามันดีจริง คนจัดต้องสามารถโน้มน้าวได้สิครับ ถ้านิสิตบางคนไม่เห็นด้วย เพราะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ควรปล่อยเขาไป โตๆ กันแล้ว ผมยก ตัวอย่าง คนที่ชอบเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แล้วเกษตรรับเป็นอาจารย์ทันที คนนี้ผมเคยสอนมา ก็ไม่ชอบร่วมกิจกรรม ชอบเรียนมากกว่า คนแบบนี้คุณคิดว่ากิจกรรมนอกหล้กสูตรดีสำหรับเขาหรือ? เรื่อง Blackmail ระดับปัญญาชนนี่ มันดูเด็กๆ เกินไป ไม่สมกับเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ 1 ใน 3 ของ กทม เลย จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 22:05:24

ความคิดเห็นที่ 59 สรุปให้พวก KU รับทราบอีกที ผมไม่ต่อต้านกิจกรรม แค่ต่อต้านระบบเชียร์ ระบบว้าก ระบบ SOTUS งี่เง่าไร้เหตุผล ระบบทาสต่างๆ เท่านั้น รุ่นพี่ ผู้ใหญ่ ถ้าทำผิด ทำงี่เง่า ระบบ SOTUS ก็จะเงียบ เช่นในนี้ไม่มีใครพูดเรื่องไม่เห็นด้วยกับอธิการบดีที่ไร้ศักดิศรี เขาไม่มารับที่มหาวิทยาลัย ก็ยังไปประเคนให้ถึงโรงแรม แบบนี้คนในระบบ SOTUS จะเงียบ แต่ถ้าคุณเป็น KU ที่รักศักดิ์ศรีจริง ต้องมาสนับสนุนผม แต่นี่เงียบยังกับเป่าสาก เพราะคิดว่า ผู้ใหญ่ต้องเกรงใจ เป็นถึงระดับอธิการบดี เฮ้อ เศร้า ตอนผมเรียนต่างประเทศ ผมก็ร่วมกิจกรรมกีฬา เป็นนักกีฬาเทนนิสระดับ C ก็มีเข้าร่วมแข่งเหมือนกัน การบังคับ คือการเพาะเชื้อให้เกรงกลัว เชื่อฟัง authority ไม่ว่า authority จะห่วยแค่ไหน งี่เง่าแค่ไหน ยิ่งถ้าอยู่ในระบบเชียร์ ระบบว้าก จะยิ่งถูกล้างสมอง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว แบบ Stockholm Syndrome ไปกันหมด พวก SOTUS ลองไปอ่านเรื่อง Stockholm Syndrome ดู จะเข้าใจทำไมคนนอกต่อต้านพวกคุณนัก ทำไมพวกคุณถูกทารุณกรรมแล้วยังคิดว่ารุ่นพี่ทำดี ทำเพื่อคุณ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 22:21:52

ความคิดเห็นที่ 60 [ตอบ] แต่กระทู้นี้ไม่ได้พูดถึง SOTUS ตั้งแต่ต้นครับ น้องเขาแค่มาถามว่าบังคับหรือไม่ (ในแง่ของกิจกรรม) คุณก็มาจุดไฟ สรุปว่าคุณกำลังเบี่ยงประเด็นเพื่อโจมตีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หรือเปล่าครับ (แล้วยังจะเรื่องในระดับบริหารที่ไม่เกี่ยวข้องอีก) SOTUS ไม่ได้มีมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทย ครับ "แต่ถ้าคุณเป็น KU ที่รักศักดิ์ศรีจริง ต้องมาสนับสนุนผม" คุณกำลังตั้งเงื่อนไข ข่มขู่กันครับ ถ้าผมไม่สนับสนุนคุณ (ในกระบวนการอะไรก็ตามแต่) ก็แปลว่าไร้ศักดิ์ศรีใช่ไหมครับ คุณกำลังตีค่าของศักดิ์ศรีว่าอะไร แค่การสนับสนุนคนๆ เดียวงั้นหรือ? แล้วทำไมผมต้องทำตามเงื่อนไขของคุณ? [ส่วนตัว] สำหรับผม Transcript กิจกรรมนั้นผมเองไม่เคยเห็นด้วย (อย่างที่ผมตอบไปใน #43 ว่ามีการแจกชั่วโมงฟรีกันเพียบ หลบเลี่ยงกันเข้าไป คนที่ "สุจริต" ก็วิ่งทำกิจกรรมกันขาขวิด) ช่องโหว่เยอะแยะ บริหารงานลำบาก บางทีเราเองในฐานะคนทำกิจกรรม อยากขอชั่วโมงก็ไม่ได้ ติดนั่นติดนี่ ต้องเขียนโครงการยาวเหยียด ใครจะไปชอบลงละครับ (ยิ่งในมุมมองของสตาฟนะ) SOTUS ผมก็ไม่ชอบ แต่ผมไม่เคยต่อต้านคนที่ "ศรัทธา" ในระบบพวกนี้ครับ ผมเคารพรุ่นพี่ เป็นคนที่ทำตามกฎเกณฑ์ ทำแต่สิ่งที่ดี รักเพื่อนพี่น้อง และมีจิตสำนึกด้วยตัวผมเองครับ ไม่ต้องให้ใครมาสั่ง หึหึ... จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 23:35:26

ความคิดเห็นที่ 61 อยากทราบจุดประสงค์ในการโพสทั้งหมดของคุณลุง K.Senior อะครับ  อ่านข้อความโดยรวมๆแล้วนอกจากคุณลุงจะต่อต้านระบบ SOTUS แล้ว  ยังรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นสถาบันด้วยอะครับ   ในฐานะศิษย์เก่า KU คนหนึ่ง  ไม่อยากให้ใครมาพูดจาดูหมิ่นแบบนี้ครับ  ทั้งคนที่ชอบ Sotus หรือไม่ชอบ Sotus  ก็เพื่อน . . พี่ . . และน้องๆผมทั้งนั้นครับ  กรุณาให้เกียรติกันด้วยครับ ยกตัวอย่างนะครับ เรื่อง Blackmail ระดับปัญญาชนนี่ มันดูเด็กๆ เกินไป ไม่สมกับเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ 1 ใน 3 ของ กทม เลย แต่ถ้าคุณเป็น KU ที่รักศักดิ์ศรีจริง ต้องมาสนับสนุนผม แต่นี่เงียบยังกับเป่าสาก เพราะคิดว่า ผู้ใหญ่ต้องเกรงใจ เป็นถึงระดับอธิการบดี เฮ้อ เศร้า ไม่มีการบังคับอย่างทาส เช่นเกษตร โดยการ blackmail ไม่ให้เข้ารับปริญญา จากคุณ : ScubaBall เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 00:17:09

ความคิดเห็นที่ 62 เออ...กิจกรรมรับน้องอันเกิดโซตัสเป็นซับเซตของกิจกรรมในม.เกษตร นั่นหมายความว่าจะเลือกเข้าก็ได้ ไม่เข้าก็ได้ ศรัทธาก็ได้ ไม่ศรัทธาก็ได้ เรียนกันถึงขนาดนี้แล้วก็คงคิดได้ว่าพี่คนไหนควรยกมือไหว้หรือทำเป็นมองไม่เห็น อย่าดูถูกสติปัญญาของคนอื่นซิ อีกอย่างฝ่ายคนที่จัดกิจกรรมก็ต้องป้องกันตัวเองด้วยนะ น้องเป็นอะไรขึ้นมาความซวยตกอยู่ที่พี่นะเออ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำๆ ไปอย่างที่คุณเข้าใจ แต่ละกิจกรรม แต่ละโครงการว่าจะขอเรื่องให้ผ่านได้ คิดว่าต้องไฟท์กี่ตลบ แก้กันกี่ครั้ง กิจกรรมก็ทำให้เรียนรู้หลายๆ อย่างเป็นสิ่งที่ไม่ได้สอนในห้องเรียนก็แล้วกันล่ะ หวังว่าจะเข้าใจนะ >3< (ถ้าไม่ต่อต้านมากเกินไป พี่เรียกเพื่อนเรียกให้ไปช่วยงานก็ไปกัน แปปๆ ก็ครบแล้ว ชิลๆ อย่าเครียด นั่งฟังบรรยาแล้วก็ได้ขนมกลับบ้าน เดินเฉียดตึกเทพก็แวะไปดูบ้างอาจจะมีชั่วโมงง่ายๆ ที่แค่เดินดูและกรอกแบบสอบถาม โห้...ชิลจะตาย) อีกอย่างนะ จขกท.ถามถึงเฟรชชี่เดย์เฟรชชร่ไนท์แล้วมาพูดเรื่องอะไรกัน?? ปุ้งๆ จากคุณ : Argen Prince เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 00:57:37

ความคิดเห็นที่ 63 คาดว่าคุณ K.Senior คงเข้าใจผิดว่ากิจกรรม freshy day freshy night เป็นกิจกรรมประเภทประชุมเชียร์ หรือ "ว๊ากน้อง" แต่ก็อย่างที่หลายๆท่านชี้แจงไปแล้วนะคะ ว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมทำบุญตักบาตร และบำเพ็ญประโยชน์(เช่น เก็บขยะรอบมหาวิทยาลัย)ค่ะ คาดว่าด้วยความเข้าใจผิด คุณก็เลยดึงประเด็นต่างๆเข้ามามากมาย ซึ่งส่วนมากก็เป็นการโจมตีการทำกิจกรรม แน่นอนค่ะการทำกิจกรรมย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่นั่นมันก็แล้วแต่ความคิด แล้วแต่มุมมองค่ะ ดิฉันคิดว่านิสิตมีสิทธิและวุฒิภาวะพอ ที่จะพิจารณาว่าสิ่งที่ตนจะเลือกทำนั้นเหมาะสมหรือไม่ จริงอยู่ที่ไม่ทำกิจกรรมไม่ได้หมายถึงชีวิตจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่การทำกิจกรรมก็ไม่ใช่หมายความว่าชีวิตจะล้มเหลว ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป นิสิตควรพิจารณาเองว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองควรทำค่ะ กรุณาให้เกียรติพวกเขาที่คิดแตกต่างด้วยนะคะ อีกประเด็นหนึ่งที่คุณโจมตีคือทรานคริปกิจกรรม ในประสบการณ์อดีตนิสิตที่ทำกิจกรรมมากคนหนึ่ง นักกิจกรรมหลายๆคน(อาจพูดได้ว่าส่วนมากที่ดิฉันรู้จักและเคยร่วมงานมา) ก็ไม่เห็นด้วยกับระบบทรานสคริปกิจกรรมเช่นกันค่ะ แน่นอนคนที่เห็นด้วยก็มีค่ะ แต่กรุณาอย่าลืมว่าคนออกกฎระเบียบเหล่านี้ไม่ใช่นิสิตนะคะ ถ้าจะแตกประเด็นนี้คงอีกยาวค่ะ แค่อยากจะเรียนว่าพวกนักกิจกรรม(บางส่วน)เอง เค้าก็ไม่เห็นด้วยกับระบบนี้เหมือนคุณแหละค่ะ สุดท้าย แน่นอนคุณมีสิทธิ์แสดงความคิดแตกต่าง แต่วิธีการของคุณมันทำให้ผู้อ่านตีความเจตนาคุณว่า คุณจงใจที่จะโจมตีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่มีคนมาโจมตีคุณกลับต่างๆนานาไม่ว่าด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ กรุณาอย่าพูดเหมารวมสถาบัน กรุณาปรับทัศนคติที่ว่าคนที่คิดแตกต่างจากคุณคือคนไม่มีความคิด และกรุณาให้เกียรตินิสิตทุกคนด้วยค่ะ จากคุณ : bloodmoon เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 01:03:02 A:126.243.135.138 X: TicketID:322006

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามากินมาม่า จากคุณ : b4lmung เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 14:54:13

ความคิดเห็นที่ 65 #64 อร่อยมั้ยครับ จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 16:21:31

ความคิดเห็นที่ 66 ผมตอนนี้นิสิตวิศวะเกษตรปี2คับ ผมเป็นคนที่คิดว่าระบบSotusนั้นดีคับ สอนให้รู้จักความเคารพผู้อาวุโส ความสามัคคี และผมไม่เห็นว่ามันงี่เง่าตรงไหน ถ้าคุณไม่ชอบไม่เห็นต้องมาด่าหนิคับ หรือว่าเอาแต่เรียนนอกนั้นแล้วเห็นว่ากิจกรรมอื่นเป็นสิ่งที่ไร้สาระหมด? จากคุณ : .. เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 21:51:31 A:58.11.47.160 X: TicketID:322092

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ K.Senior เค้ากำลังสร้างเงื่อนไขครับ และพยายามให้จุดเล็กๆ จุดนี้ กลายเป็นสปอร์รา บนอาหารวุ้น ที่อีกไม่นานก็ต้องลามไปทั่ว หากแต่ต้องหา ตัวหยุดการเจริญเติบโตล่ะครับ จะว่าไงก็แล้วแต่ คุณไม่เคยได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการได้รุ่นหรอกนะครับ แม้ว่าจะเป็นละครบทหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่เคยรู้มาก่อน มันจะทำให้เราซึ้งใจมากๆครับ ผมร้องไห้ ตอนที่พี่เค้าแสดงน้ำใจ มาช่วยบูม ตอนขอรุ่น ใช่ครับ ร้องเพราะพี่เค้าเต็มใจ แม้จะเป็นเพียงละคร แต่ผมมองว่า ถ้าเราไม่ไปอคติกับมัน คุณจะได้ความภูมิใจ และรักสถาบัน อันทรงเกียรติ ไปอีกนานครับ ดูถูกคนอื่นมันก็ไม่ดีนะครับ คุณ K.Senior และนายค่วย จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 23:43:07

ความคิดเห็นที่ 68 คุณ K.Senior นี่สวนทุกหมัดเลยนะครับ แต่ว่าแต่ละหมัดที่สวนมา ผมจับใจความไม่ได้ ขอโทษจริง ๆ ผมว่าคุณ K.Senior กำลังหลงทางนะครับ คุณไม่ได้อ่านเนื้อหาของทั้งหมดแล้วก็ไม่เข้าใจกิจกรรม Freshy Day / Night แต่ใช้อคติส่วนตัวในการโจมตีเรืื่องการรับน้อง โดยคิดเหมารวมทั้งหมด จากคุณ : QuickSun เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 16:25:01

ความคิดเห็นที่ 69 คุณแน่ใจบังคับกิจกรรมจะผ่านความเห็นของศาลปกครองถ้า นิสิตไม่เข้าร่วมแล้วถูกกันสิทธิ์ ในใจพวกคุณก็รู้อยู่ว่าบังคับไม่ได้ สิ่งที่บังคับได้คือการเรียนการสอน วิชาบังคับ วิชาเลือกเพื่อให้จบหลักสูตร เข้ารับปริญญาบัตรครับ คิดดูดีๆ อย่าตกเป็นทาส Stockholm Syndrome ...เอ่อ คุณ K. Senior ผมไม่ได้เป็นทาส stockholm อะไรคุณหรอกนะครับ.. เรื่อง Sotus นั่นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยทั้ง 100% แต่ประเด็นคือว่า เรื่องกิจกรรมหลัก ๆ ถ้ามันเป็นระเบียบข้อบังคับของเค้า หากคุณจะเข้าเรียนก็ต้องปฏิบัติตาม ...ส่วนประเด็นเรื่องศาลปกครอง เอ่อ คุณรู้หรือเปล่าล่ะครับ ว่าเค้ากำลังทำเรื่อง เอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการแล้ว นั่นหมายความว่า เค้ามีิสิทธิจะบริหาร กิจการภายในของเค้าเองได้ครับ ลองดูเรื่องอื่นนอกจาก Stockholm บ้างนะครับ นี่คือเวทีระบบเปิด มีความคิดอะไรก็มาถกกันได้ ไม่ควรต้องโจมตีบุคคลโดยเอ่ยชื่อ ใครที่โจมตีบุคคลถือว่า ถกแพ้ไม่มีเหตุผลพอแล้วพาลครับ ...ผมได้พยายามอ่านข้อความของผมหลายครั้งแล้วนะครับ ขออภัยถ้าหากคุณคิดว่า ผมโจมตีคุณโดยการเอ่ยชื่อ ผมเพียงแค่อยากให้คุณทราบว่า ผมหมายถึงคุณ K. Senior ครับ (เอ..แต่ผมก็เห็นคุณ K. Senior โจมตีโดยการเอ่ยชื่อไปหลายคนเหมือนกันนิครับ) ส่วนที่ผมบอกว่า "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ...เพราะหลาย ๆ คนเค้าก็บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับระบบ Sotus หรือการว๊ากน้อง แต่กับกิจกรรมที่ดีดี เค้าก็สนับสนุน (แม้แต่คุณ K. Senior เองก็ยังบอกว่าเห็นดีด้วย ถ้ามีการ convince ให้เด็กอยากเข้าร่วมเอง) แต่ดูเหมือนคุณจะคิดว่า เค้าถกเถียงกับคุณทุก ๆ ประเด็น แล้วคุณก็จะจบลงด้วย Stockholm syndrome ของคุณทุกครั้งนั่นแหละครับ เป็น บัณฑิตย์แล้ว ควรทำตัวให้สมเป็นบัณฑิตย์หน่อยครับ อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ เลยครับ ไม่งั้นเข้าก็อาจหาว่า ถูกล้างสมองจนคิดอะไรไม่เป็น เป็นทาส Stockholm Syndrome กันได้ ผมแนะนำไปอ่านเรื่องนี้ดีๆ เปิดใจให้กว้างๆ ไว้ครับ ...ผมเลยคำว่าบัณฑิต ไปไกลแล้วล่ะครับ คุณ K. Senior เองก็มีความสามารถไปร่ำไปเรียน ถึงเมืองนอกเมืองนา ก็อย่าว่าแต่ว่า คนอื่นไม่เปิดใจ.. ผมว่า คุณ K. Senior เองก็ควรจะเปิดใจให้กว้าง ๆ เช่นกันครับ ...งั้นผมถามคุณ K. Senior ดีกว่าครับ คุณคิดว่าการคุมกองทัพที่มีกำลังเป็นหมื่น เป็นแสนนาย เค้าจะใช้หลักการปกครองอะไรครับ ถ้าไม่ใช่ระบบที่คล้าย ๆ กับ Sotus (ผมย้ำว่า คล้าย ๆ นะ...) ...หลายสิ่งหลายอย่างมันมีทั้งด้านดี และด้านร้ายในตัวมันเองแหละครับ คุณแอนตี้กับระบบ แบบนี้ แต่ระบบแบบนี้ มันก็สามารถเอาไปใช้กับบางกรณีครับ จากคุณ : ศรัทธา_สถาพร เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 23:02:59

ความคิดเห็นที่ 70 ถึงเราจะไม่เห็นด้วยเท่าไรกับระบบโซตัส แต่ก็อยากให้เข้าใจกิจกรรม freshy day freshy night ว่ามันไม่ใช่การประชุมเชียร์นะคะ นี่เป็นกิจกรรมในวัน Freshy Day & Night ค่ะ - ตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 1,000 รูป - Big Cleaning Day หรือ วันพัฒนามหาวิทยาลัย ...- พิธีมอบเหรียญประจำรุ่น KU 71 - การแสดงจากชมรมต่างๆ - การประกวดเฟรชชี่บอยและเกิร์ลรอบตัดสิน - คอนเสิร์ตจากศิลปินดัง ข้อเท็จจริงมีเท่านี้ค่ะ  ดูตามรูปที่แนบมาก็ได้ค่ะ (ซึ่งก็เห็นงานfreshy day freshy night ก็เห็นมีทุกๆมหาวิทยาลัยนะคะ) ย้ำอีกครั้งว่า  ไม่ใช่กิจกรรมประชุมเชียร์  อย่าหลงประเด็นค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 23:26:43 แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 23:24:02 จากคุณ : คำสัญญาจากฟากฟ้า เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 23:23:09

ความคิดเห็นที่ 71 ที่ สี่ ประเทศไทย  รีไทร์ วิศวฯจุฬา   ลองถามดูสาเหตุให้ดี   คงไม่ใช่ ประขุมเชียร์อย่างเดียวเท่านั้น   แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 02:19:50 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 02:16:03 จากคุณ : ตึ้งเหมือนแร่ (ตึ้งเหมืองแร่) เขียนเมื่อ : วันสุนทรภู่ 54 02:15:11

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 55     เค้าไม่ได้บังคับให้ไปเรียน เพราะฉะนั้น ไม่ชอบที่ไหน ก็อย่าไปเรียนที่นั่นครับ  จะได้ไม่มีปัญหา ปีหน้า ก่อน แอดมิดชั่น ก็ให้ประชาสัมพันธ์กันไปเลย ว่าแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละคณะ รับน้องกันอย่างไร และให้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนอะไรบ้าง ใครสนใจที่ไหน ก็ไปเข้าที่นั่นก็แล้วกันครับ กิจกรรมนอกห้องเรียน กับ กิจกรรมรับน้อง มันคนละส่วนกันนะครับ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่เข้าร่วม ก็อย่าไปเปลี่ยนแปลง ในสิ่งที่เค้าทำไว้ครับ เพราะคนที่ไม่เคยสัมผัส หรือสัมผัสแต่เพียงด้านเดียว ก็ไม่ควรไปสรุปกิจกรรมของคนอื่นๆ ว่าไม่ดี จริงไหมครับ? จากคุณ : วาหนิติ์นิกร   เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 15:15:37   ถูกใจ : LunaticNeko, ตึ้งเหมืองแร่ ถูกใจครับ  การรู้ข้อมูลล่วงหน้า  แล้วตัดสินใจให้ดี   แล้วก็อย่าไปโทษคนอื่น เวลาตัวเอง fail อย่าง  ที่ 4 ฯ รีไทร์   ลองกลับไป ถามเจ้าตัวเองว่า  เพราะ ระบบ โซตัส +ประชุมเชียร์ เท่านั้นหรือที่เป็น สาเหตุ การรีไทร์   แล้ว ไอ้คนอื่นๆ ที่เขาทำแบบเดียวกัน (บางคน มากกว่า เพราะจะเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆด้วย)  เขาดันจบมาได้ยังไง จากคุณ : ตึ้งเหมืองแร่ เขียนเมื่อ : วันสุนทรภู่ 54 10:37:40

ความคิดเห็นที่ 73 ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกะทั้ง Sotus หรือควร ไม่ควรทำกิจกรรม แต่เราเอาสิ่งที่คนอื่นพูดเก็บมาคิด ถ้าเราคิดว่าดีก็ทำ ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบการว๊าก ผมก็ไม่เข้า ก็ไม่เป็นไร เรารู้ว่ามันไม่ได้บังคับ เราก็เลือกสิ แต่อันไหนที่เขากำหนดมา เราก็ปฏิบัติตาม มันเป็นเรื่องปกติของสังคม ดูเป็นคน Self แล้วก็โชว์ความรู้จัง เอะอะก็ ภาษาอังกฤษ xxxxx Syndrome แล้วยังเป็นคนมองโลกด้านเดียว ดูไม่เหมือนคนมีความรู้จบนอกเลย :p to xxxx จากคุณ : PaNDa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 19:06:54 A:158.108.234.138 X: TicketID:322364

ความคิดเห็นที่ 74 คนเราชอบไม่เหมือนกัน (แต่ว่าตัวฉันชอบตังส์เยอะๆ) แต่คนรอบตัวดิฉันเค้าชอบโซตัสทั้งนั้นเลยค่ะ จากคุณ : ศิริกระท้อน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:59:58

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบวิธีคิดของคุณ K.Senior รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผลดี จากคุณ : mox-sia เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 54 03:55:04

ความคิดเห็นที่ 76 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 20:45:31 จากคุณ : PsyChus เขียนเมื่อ : วันรพี 54 09:23:19