สามก๊กฉบับอัศวิน
อัศวินแห่งเสฉวน
ทหารเอกใจเด็ด
" เล่าเซี่ยงชุน "
หลังจากที่ เล่าปี่ ได้พาพรรคพวก ไปอยู่ที่เมืองกังแฮโดยปลอดภัยแล้ว ก็หาทางต่อสู้กับ โจโฉ ด้วยการส่ง ขงเบ้ง ไปเกลี้ยกล่อม ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งและ จิวยี่ แม่ทัพใหญ่ กับ โลซก ที่ปรึกษา ให้ร่วมมือกันรบกับโจโฉที่ยกทหารมาเกือบร้อยหมื่น
ผู้เป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋งทั้งสามนาย ต่างหลงคารมของขงเบ้งยอมเป็นพันธมิตรด้วย และให้จิวยี่ควบคุมทหารห้าหมื่น ไปต้านทานกองทัพอันมหึมาของโจโฉ โดยขงเบ้งก็ช่วยออกอุบายได้ลูกเกาทัณฑ์จากกองทัพเรือของโจโฉ มาให้จิวยี่กว่าสิบหมื่นดอก และออกอุบายเรียกลมสลาตันจากทิศอาคเณย์ ให้จิวยี่เผากองทัพเรือ และกองทัพบกของโจโฉวอดวายไปสิ้น
เมื่อเสร็จพิธีเรียกลมแล้ว ขงเบ้งเห็นว่าจะอยู่ในเมืองกังตั๋งต่อไป คงจะถูกจิวยี่ทำอันตรายเป็นมั่นคง จึงนัดให้จูล่งเอาเรือมาคอยรับกลับไปที่ค่ายฮันเค้าเมืองกังแฮ จิวยี่ก็ให้จีเซ่ง กับ เตงฮอง ลงเรือตามไปเรียกให้ขงเบ้งรอก่อน เพราะมีเนื้อความที่จิวยี่สั่งมาเป็นการลับ
ขงเบ้งก็บอกว่า
"....ซึ่งท่านมานี้เราก็รู้อยู่ก่อนอีก คือจิวยี่คิดอ่านไว้ จะให้ทำร้ายแก่เรา เราจึงให้จูล่งมาคอยรับ ท่านจงกลับไปบอกจิวยี่เถิด แม้ไม่ฟังขืนตามมา ก็หาทำอันตรายเราได้ไม่....."
ชีเซ่งเห็นเรือของขงเบ้งมิได้กางใบ ก็ให้ทหารรีบแจวตามมา จูล่งจึงร้องประกาศว่า
".....ตัวเราชื่อจูล่ง....เราจะยิงแต่พอให้รู้จักฝีมือไว้....."
แล้วก็ขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกสายลดใบเรือชีเซ่งขาดตกลง เรือก็ขวางลำ เมื่อเรือของเตงฮองมาทัน ชีเซ่งก็ว่า
"...จูล่งคนนี้ฝีมือกล้าหาญนัก ครั้งรบตำบลทุ่งเตียงปันโบ๋นั้น ฆ่าทหารโจโฉเสียเป็นอันมาก ซึ่งเราจะคิดตามไปเห็นจะสู้จูล่งไม่ได้....."
จูล่งจึงพาขงเบ้งกลับมาถึงเมืองกังแฮได้โดยสะดวก
หลังสิ้นสงครามที่อ่าวหน้าเมืองกังตั๋งแล้ว ขงเบ้งก็ออกอุบาย ให้จูล่งยึดเมืองลำกุ๋น ให้ เตียวหุย ไปยึดเมืองเกงจิ๋ว และให้ กวนอู ไปยึดเมืองซงหยงไว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งสามเมืองเป็นเมืองใหญ่ ที่จิวยี่ต้องการจะได้ไว้เป็นของเมืองกังตั๋ง แต่ไม่ทันการณ์ จึงมีความโกรธแค้นเล่าปี่กับขงเบ้งเป็นอันมาก และหาหนทางที่จะแก้แค้นให้จงได้
ฝ่ายเล่าปี่คิดจะขยายอาณาเขตการปกครองออกไปอีก จึงหารือกับพวกที่ปรึกษาว่า การจะรักษาเมืองเกงจิ๋วให้มั่นคงนั้น จะทำประการใด ม้าเลี้ยง ที่ปรึกษาหน้าใหม่ก็ให้ความเห็นว่า
".......อันเมืองเกงจิ๋วนี้เป็นหน้าศึกทั้งสี่ด้าน ยากที่จะป้องกันรักษา ท่านจงตั้ง เล่ากี๋เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นเจว็ด แล้วแต่งให้ไปเกลี้ยกล่อมคนเก่าของเล่าเปียว เข้ามาซ่องสุมไว้ให้มาก ราษฎรทั้งปวงก็จะอยู่ปกติ เพราะเห็นว่าเล่ากี๋เป็นเจ้าเมืองอยู่....."
ทั้งนี้ก็เพราะ เล่ากี๋ นั้นเป็นบุตรของ เล่าเปียว เจ้าเมืองคนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว กับแนะนำต่อไปว่า
".....แล้วจงแต่งกองทัพไปตีเอาหัวเมืองฝ่ายใต้ที่ขึ้นกับเมืองเกงจิ๋ว คือเมืองบุเหลง เมืองเตียงสา เมืองฮุยเอี๋ยง เมืองเลงเหลง สี่หัวเมืองนี้ประกอบด้วย เงินทอง ข้าวปลาอาหารก็บริบูรณ์ จะได้เป็นกำลังต่อไป....."
เล่าปี่ก็ยกไปตีได้เมืองเลงเหลง ต่อไปก็ให้ จูล่ง เตียวหุย และ กวนอู คุมพลคนละสามพัน ไปตีเมืองฮุยเอี๋ยง เมืองบุเหลง และเมืองเตียงสา ตามลำดับ
ฝ่าย เตียวหอม เจ้าเมืองฮุยเอี๋ยน รู้ข่าวว่าจูล่งยกพลมาจะตีเมือง ก็ปรึกษากับทหารทั้งปวง ว่าจะทำประการใด ตันเอ๋ง กับ เปาเหลง นายทหารเอกก็ขออาสาออกไปรบพุ่งต้านทานไว้มิให้บ้านเมืองเป็นอันตราย เตียวหอมก็เตือนว่า
"......อันเล่าปี่นั้นเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ มีสติปัญญาสัตย์ซื่อเป็นอันมาก ทั้งกวนอู เตียวหุยซึ่งมีฝีมือกล้าแข็งเป็นทหารเอก บัดนี้เล่าปี่ให้จูล่งนายทหาร ยกกองทัพมาจะตีเอาเมืองเรา อันจูล่งนั้นมีกำลังกล้าหาญนัก ครั้งโจโฉคุมทหารประมาณร้อยหมื่นมา ณ ทุ่งเตียงปันโบ๋ จูล่งรบพุ่งหักหาญเข้าออกรวดเร็ว เหมือนหนึ่งที่เปล่าอันหาทหารมิได้ ซึ่งท่านยังบังอาจจะไปต่อสู้นั้นไม่ได้ ทั้งทหารเราก็น้อย เราจะคิดอ่านอ่อนน้อม จึงจะมีความสุขสืบไป....."
ตันเอ๋งก็ว่าจะขอลองกำลังดูสักครั้งก่อน ถ้าไม่ไหวจึงค่อยคิดอ่อนน้อมในภายหลัง แล้วก็ยกทหารออกไปรบกับจูล่ง แต่ฝีมือคนละชั้นปะทะกันได้แค่ห้าเพลง ก็หันหลังหนี จูล่งก็ขับม้าไล่ไปตะครุบตัวไว้ได้ แต่ก็ให้ทหารแก้มัดออก แล้วบอกว่า
".....เราไม่ฆ่าชีวิตตัวแล้ว เราจะปล่อยให้ตัวเอาเนื้อความ เข้าไปบอกเตียวหอม เจ้าเมือง ให้เร่งมาอ่อนน้อมต่อเราโดยดี ถ้าขัดแข็งอยู่ เรารบเข้าไปในเมืองได้ ก็จะฆ่าเสียทั้งบุตรภรรยา..."
เมื่อตันเอ๋งกลับไปเล่าเนื้อความตามสั่ง เตียวหอมก็จัดแจงสิ่งของกับตราประจำตำแหน่ง พาทหารประมาณสิบสี่สิบห้าคนออกมาคำนับ จูล่งก็รับเอาตราและสิ่งของนั้นไว้ แล้วเชิญเตียวหอมกินโต๊ะสนทนาปราศรัยกัน เตียวหอมก็บอกว่า
"....ท่านกับข้าพเจ้าเป็นแซ่เดียวกัน แล้วก็เป็นชาวเมืองจีนเต๋งด้วยกัน ซึ่งข้าพเจ้าได้ผิดพลั้งนั้นอย่าถือโทษเลย จะขอเป็นพี่น้องกันตามแซ่สืบไป....."
จูล่งก็มีความยินดีและเมื่อนับปีนับเดือนดูแล้ว จูล่งแก่กว่าเตียวหอมได้สี่เดือน เตียวหอมก็ยกให้จูล่งเป็นพี่ รุ่งเช้าเตียวหอมก็พาจูล่งเข้าไปในเมือง และจัดโต๊ะเลี้ยงต้อนรับบ้าง ในระหว่างเสพสุราเตียวหอมได้พาพี่สะใภ้ออกมาคำนับ จูล่งเห็นหญิงนั้นรูปงามจึงไต่ถามชื่อเสียง เตียวหอมก็บอกว่า
".....หญิงนี้ชื่อนางฮวนซี เป็นภรรยาเตียวหับพี่ข้าพเจ้าบัดนี้เตียวหับตายเสียแล้ว...."
จูล่งจึงว่า
"......พี่สะใภ้ท่านเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งจะให้มาคำนับเราฉะนี้ไม่ควร...."
แล้วจูล่งก็ให้นางฮวนซีกลับเข้าไปข้างในเสีย เตียวหอมก็บอกกับจูล่งอีกว่า
".....เตียวหับผู้พี่ข้าพเจ้าตายได้สามปีแล้ว ข้าพเจ้าได้ว่ากล่าวให้นางฮวนซีมีผัวใหม่ นางฮวนซีว่าผู้ใดรูปงามมีสติปัญญาประการหนึ่ง มีฝีมือกล้าหาญลือชาปรากฎประการหนึ่ง เป็นแซ่เดียวกับเตียวหับประการหนึ่ง แม้ได้พร้อมทั้งสามประการดังนี้ นางฮวนซีจึงจะเอาเป็นผัว บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านพร้อมทั้งสามประการ เหมือนนางฮวนซีว่าไว้ แล้วท่านก็หาภรรยาไม่ ข้าพเจ้าจึงให้ออกมาคำนับ หวังจะยกให้เป็นภรรยาท่าน....."
จูล่งได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ลุกขึ้นตวาดเอาว่า
".....ตัวท่านกับเราก็นับถือว่าเป็นแซ่เดียวกัน และนางฮวนซีเป็นพี่สะใภ้ของท่าน ก็เหมือนพี่สะใภ้ของเรา เหตุใดท่านมาคิดอ่านทำดังนี้ จะมิผิดธรรมเนียมไปหรือ...."
เตียวหอมก็มีความโกรธและละอายใจ จึงพยักหน้าให้ทหารรับใช้ เข้าทำร้ายจูล่ง แต่จูล่งกลับผลักเตียวหอมล้มลง แล้วก็ขึ้นม้าพาทหารติดตามกลับ มาค่ายทันที
ต่อมาตันเอ๋งกับเปาหลงก็พาทหารห้าร้อยนาย เข้ามาคำนับจูล่งถึงค่าย แจ้งว่า
".....ข้าพเจ้าทั้งสองเห็นเตียวหอมทำความผิด ครั้นข้าพเจ้าจะนิ่งอยู่ในเมือง ก็จะพลอยกันตายเสียด้วย ข้าพเจ้าจึงพากันออกมาคำนับท่าน หวังจะเป็นบ่าวสืบไป..."
จูล่งก็ทำเป็นยินดี เอาเสื้อผ้าให้เป็นบำเหน็จรางวัล แล้วก็แต่งโต๊ะกินเลี้ยง จนเมาหลับไป จูล่งก็ให้ทหารจับตัวมัดไว้ทั้งสองคน และจับทหารติดตามทั้งห้าร้อยมัดไว้ แล้วขู่ถามว่า ตันเอ๋งกับเปาหลงมานี้ดีร้ายประการใด ให้เร่งบอกความจริง ถ้าอำพรางไว้ก็จะฆ่าเสียให้สิ้น ทหารทั้งนั้นกลัวความตาย ก็เล่าความจริงว่าทั้งสองนายเข้ามาเป็นไส้ศึกให้เตียวหอม เพราะกลัวฝีมือของจูล่ง ไม่อาจสู้รบซึ่งหน้าได้ จูล่งจึงให้เอาตัวตันเอ๋งกับเปาเหลงไปประหารชีวิตเสีย แล้วให้ทหารเหล่านั้นนำกองทัพของจูล่ง เข้าไปยึดเมืองฮุยเอี๋ยง และจับตัวเตียวหอมไว้ได้
เมื่อเล่าปี่กับขงเบ้งได้รับแจ้งแล้ว ก็ยกกองทหารมายังเมืองฮุยเอี๋ยง จูล่งก็พาตัวเตียวหอมมาให้เล่าปี่ ขงเบ้งก็ถามเรื่องราว เตียวหอมก็เล่าความตามจริง ให้ขงเบ้งฟังทุกประการ ขงเบ้งจึงให้แก้มัดเตียวหอมเสีย แล้วบอกกับจูล่งว่า
".....เตียวหอมนับถือท่าน จะยกพี่สะใภ้ให้ให้เป็นภรรยาท่านนั้น ก็ดีอยู่ เหตุใดจึงขัดแข็งเล่า....."
จูล่งก็ว่า
".....เตียวหอมกับข้าพเจ้าได้ชักเรื่องชักแถว เป็นแซ่เดียวกันแล้ว เตียวหอมจะยกพี่สะใภ้ให้ข้าพเจ้านั้นไม่สมควร ด้วยหญิงนั้นเป็นม่ายอยู่ จะมาข่มใจให้มีผัวนั้นผิดไป ประการหนึ่งข้าพเจ้าก็ยังไม่ไว้ใจด้วยเตียวหอมนั้นพึ่งรู้จักกัน เกลือกจะทำอุบายประการใด การของท่านซึ่งใช้มาก็จะเสียไป ประการหนึ่งเล่าปี่นายข้าพเจ้า คิดอ่านทำการทั้งปวงหวังจะทำนุบำรุงแผ่นดิน ก็ยังไม่สำเร็จก่อน เล่าปี่นั้นก็ยังนอนตาไม่หลับลงเป็นปกติ ซึ่งข้าพเจ้าจะมีภรรยานั้นไม่ควรเหมือนหนึ่งชิงสุกก่อนห่าม....."
แม้เล่าปี่จะช่วยเกลี้ยกล่อมว่าการในเมืองฮุยเอี๋ยงก็สำเร็จแล้ว น่าจะอยู่ด้วยกันตามคำเตียวหอม จูล่งก็ยังยืนยันว่า
".....ซึ่งท่านจะให้อยู่ด้วยหญิงม่ายคนนี้ไม่ควร ประการหนึ่งว่าไร้หญิงสาวแล้วหรือ ประการหนึ่งท่านก็ยังตั้งตัวไม่ได้ ซึ่งจะด่วนให้มีภรรยานั้น ข้าพเจ้าไม่ยอม...."
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญจูล่งว่ามีใจสัตย์ซื่อนัก จึงให้เงินทองเป็นบำเหน็จความชอบแก่จูล่งเป็นอันมาก
จูล่งทหารเสือผู้ซื่อสัตย์ของเล่าปี่คนนี้ ได้เป็นกำลังอันสำคัญ ในการต่อสู้ศึกสงครามตั้งหลักปักฐาน จนได้สำเร็จเป็นหนึ่งในสามก๊กทางภาคตะวันตก แต่จะได้มีภรรยาเมื่อไรนั้น ลิ่วล้อผู้เล่าก็ยังค้นไม่พบเหมือนกัน.
##########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
18 มิ.ย. 54 12:49:28
|
|
|
|