ผมเคยตอบเพื่อนสมาชิกในเวปเรือนไทย ใช้ชื่อ siamese ดังนี้ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างการค้าแบบบรรณาการจากยุคเสื่อมถึงการยกเลิกอย่างถาวร กินเวลาอย่างน้อยถึง 3 รัชกาล คือ
ในช่วงค.ศ. 1825-1842 จีนได้ถูกต่างชาติบังคับให้เปิดประเทศ ซึ่งยังมีความวุ่นวายภายในราชสำนักชิง แต่กระนั้นก็ตามคณะทูตไทยก็ยังคงเดินทางไปจีนเกือบทุกปี และเมื่อไทยได้ทำสัญญาทางการค้ากับอังกฤษในสมัย ร.4 และกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ฝ่ายไทยได้กำไรจากการค้าจากตะวันตกมากกว่า ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับไทย ก็ค่อยๆเสื่อมลงทีละน้อย
หลังปี ค.ศ. 1830ไปแล้ว ฝ่ายจีนมีการละเลยที่จะต้อนรับทูตต่างชาติมากขึ้น โดยมีบันทึกเรื่องความโทรมของบ้านพักรับรองแขก ในทางกลับกัน ฝ่ายไทยก็ให้ความสำคัญกับจีนน้อยลง จากที่เคยส่งทูตไปจีนทุกๆ 3 ปี กลายเป็น 4 ปีต่อครั้งแทน
เมื่อพระเจ้าเตากวง สวรรคตลง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว ก็ได้ส่งคณะทูตไปเพื่อร่วมพิธีไว้อาลัยงานศพ แต่กลับไม่ได้รับให้ทูตไปถึงปักกิ่ง และได้ถูกกบฏไต้เผงปล้นสะดมภ์ของบรรณาการไปหมดสิ้น และเป็นคณะสุดท้ายของคณะทูตจากสยามที่เดินทางไปจีน คือ ค.ศ. 1853 อันเป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์แบบบรรณาการ
"แต่การค้าระดับเอกชน ยังคงได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อโดยพ่อค้าจะต้องเสี่ยงเอาเอง"
แต่ทางราชสำนักชิงยังถือว่า ไทยเป็นรัฐบรรณาการอยู่และเตือนให้ไทยส่งเครื่องราชบรรณาการเช่นเดิม คือ ใน ค.ศ. 1862 ข้าหลวงใหญ่เมืองกวางตุ้งได้รับคำบัญชาให้ส่งทูตอัญเชิญพระราชสาส์นของจักรพรรดิ์จีนถวายแก่กษัตริย์ไทย 3 ฉบับ ซึ่งเตือนให้ไทยส่งเครื่องบรรณาการเช่นเดิม
ฝ่ายไทยก็ต่างหารือปรึกษากันว่าจะแก้ไขสถานการณ์เรื่องนี้กันอย่างไร จนในที่สุด พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงมีพระราชสาส์นตอบกลับไปในทำนองว่า ไทย-จีนมีความสัมพันธ์กันยาวนานและมีการส่งทูตกันมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ฆ่าล่าม และปล้นสะดมภ์ของบรรณาการ แต่ไทยก็ขอให้ทางจีนปราบปรามกบฏให้สิ้นก่อน แล้วไทยจะส่งทูตบรรณาการตามธรรมเนียม
แต่ก็ไม่ได้มีการตอบกลับจากจีน จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงแต่งคณะทูตไปเพื่อเจรจาและสถาปนาความสัมพันธ์ให้เท่าเทียมกัน แต่จีนไม่ยอมรับข้อเสนอ จนเมื่อ ค.ศ. 1878 จีนร้องให้ไทยส่งทูตบรรณาการไปจีนแต่ไทยไม่ยอม และในที่สุด ค.ศ. 1882 ไทยได้ปฏิเสธข้อผูกพันแบบบรรณาการกับทางจีนอย่างเป็นทางการ เป็นอันสิ้นสุดลงอย่างถาวร
จากคุณ |
:
หนุ่มรัตนะ
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มิ.ย. 54 13:24:07
|
|
|
|