ความคิดเห็นที่ 1 ใช่ค่ะ จขกท พุดถูกค่ะ คนเราต้องมีเหล่ากอค่ะ รูปนี้สวยนะคะ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกษตรกลาง บางเขน น่าเสียดายนะคะ ที่หอประชุมแห่งนี้มิได้เป็นสถานที่ประกอบพิธีพระราชทานปริญญาบัตรดังเช่นในอดีต เนื่องด้วยจำนวนบัณฑิตไม่สอดคล้องกับพื้นที่ของหอประชุมที่มีพื้นที่น้อย ไม่สามารถรองรับผู้สำเร็จการศึกษาจากทุกวิทยาเขตได้ น่าเสียดายค่ะ จากคุณ : anna sonata เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 17:23:25

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ค่อยถูกใจครับ อะไรที่ข้องใจ มีปัญหา มาถามได้ที่เด็กเกษตร ที่ปี สามขึ้นไป จะรู้ครับ คุณเลือกได้ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ไม่ได้บังคับ ประชุมเชียร์ ไม่ต้องเข้าก็ได้ จบเหมือนๆกัน แค่คุณ ไม่มีรุ่น ไม่มีพี่น้อง เพื่อน ร่วมรุ่น จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:03:15

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ ....................................... ใช้อะไรคิด เหรอครับ .... จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:13:52 A:14.207.243.185 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 4 เออ ก็ว่าอยู่ คำพูดของจขกท.ทำให้การรับน้องดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ สำคัญมาก สงสัยว่าทำไมต้องเขียนขนาดนี้ พออ่านกระทู้ที่แตกมาถึงเข้าใจ สบายคือไทยแท้ ไม่ได้พูดลอยๆ เราเทียบกับเด็กจีน วิชาการเราอาจจะไม่แข็งเท่า แต่คนของเราไม่เครียด ไม่สักแต่จะหาเงิน เด็กของเรายังมีคิดเรื่องเงินบ้าง ได้อย่างเสียอย่าง การรับน้อง บางที่ก็ทำเยอะไป จนกระทบการเรียน เข้าใจ ทำกิจกรรมมันทำให้คนรู้สึกดี มีความสำคัญ มีสังคม เลิกยาก ต่างกับการเรียนที่ต้องแข่งกับตัวเองเป็นหลัก ไม่น่าตื่นเต้น ไม่น่าสนใจ ถ้าการรับน้องดูไม่รุนแรง ไม่มีข่าวการตาย ไม่มีคำพูดที่เบ่งอำนาจของรุ่นพี่ทั้งหลาย พ่อแม่ผู้ปกครองอีกหลายท่านคงอยากให้ลูกหลานเข้าร่วม เพราะเป็นการสร้างไมตรีระหว่างเพื่อน อาจจะเป็นมิตรภาพบริสุทธิ์ครั้งสุดท้ายที่ลูกจะได้รับ ก่อนลูกจะไปเจอเสือสิงห์กระทิงแรดในโลกของคนทำงาน เราขอบอกตามตรงว่า ถ้าเรามีลูก เราคงบอกลูกเราว่า ลูกจะไปรับน้องหรือไม่ไปแม่จะไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามีใครเอาเรื่องขึ้นมาแม่จัดการเอง แต่ถ้าหนูอยากจะไปจริงๆ แม่ก็ไม่ว่า แต่ขอให้ระวังตัว กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ ....................................... ใช้อะไรคิด เหรอครับ =================================== ผมใช้หัวครับ แน่นอนต้องเป็นสมองแน่นอน การมีรุ่นพี่คอยแนะนำการเข้าทำงานเนี่ย เป็นสิ่งดี ถ้าไม่ได้เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน การแนะนำ จึงไม่เกิด อนาคตของพวกคุณ จะมาเอาไว้กับสิ่งๆเดียวเองหรือ? ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ อย่างที่พูดข้างต้น จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:44:39

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ ...... ถ้าบัณฑิตย์คิดได้แค่นี้เศร้ามาก ผมจะบอกให้ รุ่นพี่คุณคนหนึ่งที่ผมเคยติวอังกฤษให้ตอน ป.7 เมื่อ 45+ ปีที่แล้ว เรียนเกษตรนี่แหละ เป็นเด็กเรียน ไม่เข้าสังคมป่าเถือนให้ถูกว้าก เลี่ยงเชียร์ตลอด จบเศรษฐศาสตร์ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เกษตรรับเป็นอาจารย์เลย จากนั้นก็ไปเรียนต่อ โท เอก เมืองนอก จบมาก็ยังเป็นอาจารย์ที่เกษตรอยู่ในปัจจุบัน สงสัยพวกคุณคงได้ไหว้อาจารย์ผู้ชายคนนี้ไปหลายรุ่นแล้วละ เพราะตอนนี้อายุราวๆ 50 แล้วมั้ง ผมก็ไม่รู้ว่า อาจารย์เป็น KU อะไร เจอเพียงครั้งเดียวตอนได้ ดร. กลับมาใหม่ๆ คงสอนพวกคุณมากว่า 20 ปีแล้ว สงสัยมหาวิทยาลัยเกษตร คงรับคนผิดแน่ๆ ที่รับคนไม่อยู่ในระบบ KU ไม่มีเหล่ากอมาเป็นอาจารย์สอนพวกคุณ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:52:08

ความคิดเห็นที่ 7 มาฟังเรื่องของผมดีกว่า ผมเข้าเรียนที่เกษตร ถ้านับรุ่นก็ KU 65 ตั้งแต่เอนทรานซ์ติด ก็มาตรวจร่างกายครั้งเดียว ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องอะไรสักครั้ง รุ่นพี่บางคนขู่ว่า เดี๋ยวไม่มีพี่นะ เดี่ยวไม่มีรุ่นนะ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ขั้นแรก ผมเปิดคู่มือนักศึกษาใหม่ดูก่อน ไม่มีข้อไหนเขียนว่า เกรดของคุณมาจากการเข้าร่วมกิจกรรม ผมก็เลยไม่คิดจะสนใจทำกิจกรรมที่รุ่นพี่เสนอมา ตลอด 4 ปี เพื่อนๆจะเห็นผมแค่ตอนมาเรียนกับตอนสอบ สุดท้ายผมก็เรียนจบ ผมก็มีเพื่อน เพราะโดยนิสัยส่วนตัวชอบทำเลคเชอร์โน๊ต ติวข้อสอบ และให้คำแนะนำเพื่อนในชั้นเรียนที่มาขอความช่วยเหลือปรึกษาเรื่องการเรียนและชีวิตส่วนตัว ผมไม่เห็นว่ากิจกรรมจะสำคัญอะไรกับผม ผมไม่ต้องการมีเพื่อนเยอะ แต่ผมต้องการเพื่อนที่มีคุณภาพ ทัศนคติตรงกันก็พอ   จบมาผมได้เข้าทำงานที่องค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง โดยไม่ได้ใช้เส้นสายหรือคนรุ้จัก หรือรุ่น พวกพ้อง แต่อย่างใด ที่เขียนมาทั้งหมดจะชี้ให้เห็นว่าของแบบนี้อยู่ที่ความชอบ คุณชอบก็ทำไป ผมไม่ชอบ ผมก็เลยไม่ทำ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณจะเรียนจบหรือไม่ มีงานการทำดีหรือไม่ ล้วนไม่ได้เกิดจากคุณรู้จักใคร คุณเป็นพวกไหน คุณเป็นรุ่นไหน มันอยู่ที่ตัวคุณเองล้วนๆ  รุ่นพี่มักช่วยอะไรรุ่นน้องไม่ได้ เพราะตัวเองก้เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน บางคนเรียนไม่จบ บางคนเพิ่งทำงานตำแหน่งเล็กๆ และอีกอย่างผมคงไม่ทำงานกับองค์ที่เลือกผมแค่เพราะว่าผมเป็นพวกเดียวกับเขา จบที่เดียวกับเขา หรือรู้จักกันเป็นการส่วนตัว  โดยไม่ดูที่ความสามารถและความเหมาะสมกับงานของผม เพราะมันสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ขององค์กร ความคิดเห็นส่วนตัวครับ จากคุณ : TommyStyle เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:05:55

ความคิดเห็นที่ 8 ลูกสาวผม จบบัญชีที่เกษตร เกียรตินิยมอันดับสอง เข้าเรียนก็ 10 ปีแล้วมั้ง เป็นเด็กเรียน ไม่เข้าเชียร์ให้ถูกว้าก แต่มีพี่ระหัส มีน้องระหัส ตอนอยู่ ปี 4 ยังไม่จบ ก็สามารถสอบเข้าทำงานกับ Big 4 ได้ เซ็นสัญญาให้เข้าทำงานเดือนธันวาคม จบมีนาปีถัดไป ทำงานวันที่ 1 เมษา ปีถัดไป สงสัยลูกผมเป็นข้อยกเว้นอีกคน ที่ไม่เป็นแบบ "ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้" เนื่องจากยังมีรุ่นน้องระหัส โทรมาขอคำปรึกษาว่า จะทำอย่างไรเรื่องการสมัครงานกับพวก Big 4 Accounting firms ปล. จริงครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า ลูกสาวเป็น KU อะไรเหมือนกัน เพราะตอนสอบเข้าทำงาน ผมติวอังกฤษให้เอง เพราะมีการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่รุ่นพีหรืออะไรที่ช่วยติวให้ลูกสาวผม 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:10:48

ความคิดเห็นที่ 9 การมีสังคม มีพวก มีเหล่ากอ มีเครือข่าย ...... หรือแล้วแต่จะเรียกกันไป โดยผ่านกระบวนการประชุมเชียร์ รับน้องใหม่ ฯลฯ หรือกิจกรรมอื่นๆทำนองนี้ ไม่เชื่อว่า จะมีผลกระทบอะไรมากมาย ต่อการมีงานทำ ความสำเร็จ หรือล้มเหลว ของการทำงานในอนาคต และชีวิตจริงของใครบางคน ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญกว่าอีกมากมาย ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการทำงานในอนาคต ปัจจัยส่วนบุคคล เช่น ความรู้ ระดับการศึกษา สถานทางเศรษฐกิจ สถานภาพของคู่ครอง ความสำเร็จของลูกเต้า สิ่งเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อชีวิตจริงของใครบางคน มากกว่า สังคม พรรคพวก หรือเพื่อน ที่ได้จากการประชุมเชียร์ หรือกิจกรรมอื่นทำนองนี้ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 19:24:45 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 19:23:36 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:22:12

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเข้ารับน้องนะครับ และมองว่าการไม่ได้เข้ารับน้อง จะผิดอะไร บางคนอาจจะไม่ชอบการปฎิบัติ การว้ากของรุ่นพี่ ซึ่งเป้นเรื่องที่ยอมรับได้ครับ เพราแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน สังคมที่ผมได้จากการเรียน คือการช่วยเหลือ การแบ่งปันครับ ทำให้ผมได้รุ่นพี่ รุ่นน้อง เยอะแยะ ครับ จากคุณ : KU 64 E60 (idolking) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:36:29

ความคิดเห็นที่ 11 ชอตอบน้องคนที่เพิ่งเข้าศึกษานะครับจากนิสิตที่เคยผ่านมาหมดแล้วทั้งการเป็นน้องที่ถูกรับ การเป็นพี่เชียร์ การทำงานในระดับมหาวิทยาลัย และระดับระหว่างมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบมาเป็นสิบปีแล้ว ผมไม่รู้สึกว่าการรับน้องมันเสียหายตรงไหน กิจกรรมทุกกิจกรรม เน้นคำว่า "ทุกกิจกรรม" ไม่เป็นการบังคับ แล้วแต่ความสมัครใจ ไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องเข้า เรียนมาจบเหมือนกันครับ แค่คุณเป็นพวกไม่มีรุ่น นับถือรุ่นพี่เป็นหนังสือ การรับน้องมันไม่เสียหายครับถ้ารู้จักคำว่า Moderation และไม่มีการบังคับให้เข้า อย่างตอนที่ผมเรียนอยู่ ผมทำเชียร์อยู่ก็ไม่มีการบังคับให้เข้า แต่เราต้องสร้าง Incentive ให้น้องเข้าห้องเชียร์ด้วยความตั้งใจของตัวเอง อย่างเช่นห้องเชียร์เป็นที่สร้างความสัมพันธ์ในรุ่น เป็นที่กระจายข่าวที่ควรรู้อย่างพวก ลงทะเบียน ลด ถอน กีฬาเฟรชชี่ ตารางสอน ตารางสอบ กิจกรรมไหว้ครู กิจกรรมการติวน้องก่อนสอบ ข้อมูลพวกนี้อยู่ในห้องเชียร์ทั้งหมด (สมัยผมมีกิจกรรมห้องเชียร์ตลอดปีจนถึงเกือบสอบ Final เทอมสอง แต่มีแค่วันละ 30-45 นาทีตอนพักเที่ยง) ไม่ต้องมีน้องรหัส พี่รหัส ไม่ต้องมีการซื้อขนม ไม่ต้องไหว้ ไม่ต้องเคารพรุ่นพี่ ไม่ต้องบูม ไม่ต้องเข้าห้องภาค ตึกภาค ไม่ต้องเอาหนังสือที่ถูกขีดแล้วขีดอีก ซื้อหนังสือใหม่ ไม่ต้องเอาเสื้อ ช๊อปจากรุ่นพี่ ไม่ต้องเอาเหรีญรุ่น ไม่ต้องเอาเสื้อรุ่น ไม่ต้องเข้าประชุมเชียร์ ไม่ต้องโดนวาร์ก ไม่ต้องซักอย่าง หลังจากผ่านเวลามานับสิบปี ตอนนี้ก็ได้ตระหนักว่าของพวกนี้มันเป็นของไม่จำเป็น อาจจะสำคัญ อาจจะดี อาจจะแย่ แต่มันเป็นสิ่งไม่จำเป็น ต่อการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย เป็นของฟุ่มเฟือยว่างั้น มาเรียน เรียนเสร็จกลับบ้าน ไม่มีสังคม ไม่มีรุ่น อยากเรียน ก็เรียน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จบไปมีแต่ความรู้ ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ ทำไมเรียนเสร็จแล้วต้องกลับบ้าง เขาอาจจะไปทำกิจกรรมชมรม อาจจะไปห้องสมุด ฯลฯ กิจกรรมต่างๆในมหาวิทยาลัยมีมากมาย อย่าไปคิดว่าถ้าเขาไม่มารับน้องแล้วเขาจะไม่ทำอะไรเลย น้องอาจจะภูมิใจในการรับน้องที่น้องทำ แต่อย่าอหังการ์ว่าคนที่ไม่รับน้องคือคนไม่ดี คนไม่มีโอกาส ฯลฯ มันไม่ใช่ทัศนคติที่ดี จริงๆมันคือทัศนคติที่เลวทรามเสียด้วยซ้ำถ้าจะว่ากันตามตรง สังคมเราต้องการวัฒนธรรม ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ รักและเคารพสถาบัน "ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรคือภาษีของประชาชน" เดี๋ยวนี้มีแต่คนต่อต้าน ไม่รู้หรอกว่า เมื่อเราทำสำเร็จ ได้สิ่งที่หวังมาครอง มันจะมีความภูมิใจแค่ไหน ไม่รักเราไม่เป็นไร ขอแค่รักและเคารพในกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ก็พอแล้ว รักและเคารพได้ แต่อย่าหลงและศรัทธา ความหลง(Blind Faith) มันทำลายสิ่งต่างๆมานับไม่ถ้วนครั้งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแล้ว และกระทู้นี้ก็เป็นตัวอย่างของความหลงจนมืดบอด มี Narrow Vision จนมองไม่เห็นสิ่งต่างๆรอบตัว เห็นแต่สิ่งที่อยากจะเห็น ต้องขอโทษที่พูดกันตรงๆ แต่กระทู้นี้แทนที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของการเชียร์ดีขึ้นกลับทำให้มันแย่ลงไปอีก ทั้งๆที่ส่วนที่ดีของการเชียร์มีมากมาย (ผมทำเชียร์มา ผมรู้จุดอ่อนจุดแข็งของมันดี) แต่ถ้าไม่รู้จักว่าจะแสดงออกยังไงต่อสาธารณะ ถ้าไม่รู้จักว่า Moderation คืออะไร ผลสะท้อนมันก็ย่อมออกมาไม่ดีได้ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:45:20

ความคิดเห็นที่ 12 เอาลูกมาอวดอีกกระทู้แล้วหรอครับ ผมไม่เข้าใจนะว่าคิดยังไง เพราะผมไม่อยากให้ประเพณีเสื่อม อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็เรื่องของคุณ ประเพณีมหาวิทยาลัยของผมยังอยู่ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 20:01:42 จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:49:06

ความคิดเห็นที่ 13 อยากถามคนที่ว่า คนไม่ถือ SOTUS คุณไม่นับเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง ไม่ให้ความเคารพ นับถือจริงหรือครับ จริงแท้แน่นอนหรือครับ ถ้าคนนั้นเรียน KU ก่อนคุณ และเรียนเก่ง ระดับได้รับทุน โท เอก จบนอก แล้วกลับมาสอนพวกคุณ? ถ้า ดร. ที่ผมเคยติวอังกฤษให้ตอน ป.7 เพื่อจะได้เข้า รร รัฐดังแถวสพานพุทธ แล้วเข้าได้ ได้สอนพวกคุณมา ถ้าคุณรู้ว่า อาจารย์คนนี้โดดเชียร์ เอาแต่เรียน คุณจะไม่ไหว้ ไม่นับถือ ไม่นับเป็นรุ่นพี่ แม้ว่าเขาจะเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แล้วเป็นอาจารย์เมื่อจบทันที? ผมถามแค่นี้ สำหรับพวก KU ทีเชื่อเรื่อง SOTUS อย่างหัวปักหัวปำครับ คิดดูดีๆ ก่อนตอบนะครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:53:02

ความคิดเห็นที่ 14 พี่ Nexus  ครับ ผมหมายถึงคำว่า กิจกรรมนะครับ และที่ผมพูดนี่เชิงเปรียบเทียบประชดประชันครับ แล้วคำว่ากิจกรรมของผม มันรวมคำว่า กิจกรรมชมรม,ชุมนุมไปแล้วด้วยครับ ปล. ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ แต่ที่ผมพิมพ์ไปนั้น อาจเพราะโมโหเข้าไปด้วย ต้องขอโทษพี่ Nexus ด้วยครับ จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:54:42

ความคิดเห็นที่ 15 ดูถูกคนอื่น เท่ากับ ดูถูกตัวเองครับ สมัยผมเรียนอาจารย์สอนไว้นะครับ เดี่ยวนี้ท่านคงไม่สอนแล้ว กระมังครับ จากคุณ : TommyStyle เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 19:58:34

ความคิดเห็นที่ 17 คือสงสัยว่าการไม่เข้ารับน้องนี่ หมายความว่า เด็กคนนั้นจะไม่มีรุ่น ไม่มีเพื่อนหรือครับ ? ในฐานะที่พอจะคุ้นเคยกับการรับน้องมาพอสมควร เวลาที่รุ่นพี่ให้สารแก่น้องในห้องเชียร์ รุ่นพี่มีสิทธิ์พูดให้สารในทำนอง "กีดกัน" น้องคนอื่นที่ไม่ได้เข้าเชียร์ว่าไม่ใช่รุ่น น้องไม่ต้องคบเป็นเพื่อนได้ด้วยหรือครับ ผมคงมองโลกในแง่ดี เพราะเท่าที่สัมผัสมาจากการรับน้องในคณะของผม ถึงอย่างไร รุ่นก็คือรุ่น ไม่ว่ายังไงน้องที่เข้ามาก็ต้องได้รุ่นกันทุกคน ถึงแม้น้องคนนั้นไม่เข้าห้องเชียร์ แต่รุ่นพี่ก็ต้องคอยบอกน้องที่เข้าห้องเชียร์ว่าให้ใส่ใจกับเพื่อนทุกคน โดยไม่ต้องสนว่าเพื่อนคนนั้นจะเข้าหรือไม่เข้าเชียร์ก็ตามอยู่ดีไม่ใช่หรือครับ และถ้าเมื่อไร ที่รุ่นน้องเกิดอาการกีดกันกันเอง และมีความรู้สึกรังเกียจคนที่ไม่เข้าห้องเชียร์เมื่อไร นั่นคือความล้มเหลวอย่างหนึ่งของห้องเชียร์เลยไม่ใช่หรือ ต้องพยายามแก้ไขทัศนคติแบบนั้นของน้องโดยเร่งด่วนเลยไม่ใช่หรือ มันควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือครับ ? สุดท้ายแล้ว คนที่ไม่เข้าห้องเชียร์ก็ยังสามารถมีเพื่อน และมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง และมีสังคมได้จากปฏิสัมพันธ์ในการเรียนร่วมกันตลอดสี่ปี (หรือมากกว่านั้น) อยู่ดีแหละครับ น้องบางคนไม่เข้าเชียร์ แต่สุดท้ายก็สามารถไปสนิทสนมกับรุ่นพี่ที่ทำห้องเชียร์ได้อยู่ดี ถ้าถึงจุดนึงมันคุยกันถูกคอ ห้องเชียร์มันแค่ระยะเวลาไม่ถึงเดือน มันแค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผมยังโปรการรับน้องอยู่ ในฐานที่มันเป็นประสบการณ์โรแมนติกเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่จะทำให้รุ่นน้องประทับใจ และมีความรู้สึกซาบซึ้งกับความรักความสนิทสนมกันในคณะแบบเป็นรูปธรรมชัดเจนก็เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อไรที่ผมรู้สึกว่าการรับน้องทำให้เกิดการกีดกันและการแตกแยกระหว่างรุ่นน้องสองกลุ่ม (ที่เข้าและไม่เข้าห้องเชียร์) แล้วเมื่อไร ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะต่อต้านการรับน้องทันที แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 20:19:37 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 20:16:29 จากคุณ : Waasuthep เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 20:13:20

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกท่านนะครับ สำหรับความคิดเห็น อาจจะหลงประเด็นไป คือสิ่งที่ผมต้องการจะบอกคือ กิจกรรมทุกกิจกรรมไม่เป็นการบังคับครับ แค่นี้ ส่วนเรื่องอื่นๆที่พิมพ์ไป ผมพิมพ์ เพื่อให้เห็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น บางคนเรียนๆ แต่ไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนกิจกรรม เลยไม่มีเพื่อน ทำให้บางครั้งจะติดต่ออะไรมันยาก ผมหมายถึงแค่นี้ ใครจะตีความ ตีเจตนา ที่สุจริตของผม ไปยังไง ไม่เป้นไรครับ จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 20:17:30

ความคิดเห็นที่ 19 เอาลูกมาอวดอีกกระทู้แล้วหรอครับ ผมไม่เข้าใจนะว่าคิดยังไง .... ก็ลูกสาวผมมีดีให้อวดนี่ครับ พ่อมีลูกดีประสพผลสำเร็จในการเรียน การทำงาน มีเพื่อนฝูงรักใคร่ ก็ควรน่าภูมิใจมิใช่หรือ? ไม่เข้าเชียร์ ไม่เชื่อเรื่องว้าก แต่ก็ยังมีน้องระหัสให้ความเคารพ ขอคำปรึกษา มีงานการทำดี ทั้งที่เป็น KU อะไรก็ไม่รู้ อยากรู้ความคิดผมใช่ไหม? ผมต้องการให้คนไทยมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ถูกครอบงำได้ง่ายๆ ไม่หลง authority ได้ง่ายๆ ไม่ใช่ว่ารุ่นพี่ ผู้ใหญ่ ทำอะไรก็ไม่ผิด การได้แสดงความเห็นกันอย่างอิสระในกระทู้สาธารณะ ก็ถือเป็นการศึกษานอกห้องเรียน ทำกิจกรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน นศ. ต้องคิดเป็น หัดใช้เหตุผลเป็น จบมาแล้ว ขอให้มีคุณภาพสมคำว่า "บัณฑิตย์" คือผู้มีความรู้ มีความคิด จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 20:31:58

ความคิดเห็นที่ 20 อยากเรียน ก็เรียน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จบไปมีแต่ความรู้ ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ . . . ตกลงจะขอสืบทอดระบบเล่นพรรคเล่นพวกในการทำงานต่อไปตราบนานเท่านานใช่มั้ย      ไม่ต้องการให้คนที่มีความสามารถได้ทำงาน     แต่จะให้พรรคพวกของตัวเองทำ แทนที่จะผลักดันให้ระบบการคัดคนด้วยความสามารถรุ่งเรือง    บัณฑิตดันคิดเป็นแต่รุ่น   พรรคพวก   เส้นสาย   อิทธิพล   เครือข่าย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:14:40

ความคิดเห็นที่ 21 ผม KU53 เป็นกำลังใจให้ จขกท.ฝันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 21:45:55 จากคุณ : นอนดูดาว เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:42:06

ความคิดเห็นที่ 22 คห.20 อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ คือผมไม่ได้จะเอาระบบเล่นพรรคเล่นพวกครับ ผมหมายถึงเวลาไปสัมภาษณ์งาน รุ่นพี่ที่จบไป เค้าจะมาแนะนำ ว่าการสัมภาษณ์เป็นยังไง ทำให้เรารู้และเตรียมตัวก่อนได้ การออกมาว่าผมโดยไม่คำนึงถึง เหตุผล และ จุดมุ่งหมายที่ตั้งกระทู้ เป็นอะไรที่ ไม่ค่อยเป็นปัญญาชนนะครับ จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:44:28

ความคิดเห็นที่ 23 "เวลาไปสัมภาษณ์งาน รุ่นพี่ที่จบไป เค้าจะมาแนะนำ ว่าการสัมภาษณ์เป็นยังไง ทำให้เรารู้และเตรียมตัวก่อนได้" จบเป็นบัณฑิตแล้ว เรื่องแค่นี้ยังต้องให้รุ่นพี่จูงมือสอนด้วยเหรอครับ ไม่ให้รุ่นพี่เข้าไปสัมภาษณ์แทนเลยล่ะ จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:52:59

ความคิดเห็นที่ 24 จขกท ขู่เหยงๆว่า "ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ" คำตอบของคุณ TommyStyle ใน คคห 7 ทำให้เราประทับใจมากๆ (เสียดายให้ gift ไม่ได้) ที่มีคนเก่งๆแบบนี้ซึ่ง "ใช้สมองคิดเองเป็นอย่างสร้างสรรค์ ไม่กลัวคำขู่ ไม่ถูกครอบงำโดยคนบ้าอำนาจไร้สติ ไม่ถูกชักนำไปลงนรก" ^ อยากให้มีคนแบบนี้มากๆ ประเทศไทยจะได้พัฒนาไปในทางที่ดีได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันแนวคิดของ จขกท เรื่องการบ้าคลั่ง SOTUS บ้าคลั่งสถาบันการศึกษา บ้าคลั่ง patronage system (spoil system) นับได้ว่าเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศชาติอย่างแท้จริง ลองคิดดูสิว่าถ้าองค์กรต่างๆรับคนเข้าทำงานกะอีแค่เพราะจบจากสถาบันเดียวกัน แล้วเมื่อไหร่สังคมจะมีการประเมินค่าของคนที่ผลของงานล่ะ คนเก่งๆก็ไม่ได้งานดีๆทำน่ะสิ ในแต่ละองค์กรก็จะไม่มีความหลากหลายของเผ่าพันธ์มนุษย์ซึ่งมาจากแหล่งทรัพยากรอันมีค่าต่างๆ  มันชั่วร้ายพอๆกับการเหยียดสีผิวเลยหละ ประเทศไทยเจริญช้าก็เพราะ patronage system (ระบบอุปถัมภ์) นี่แหละ มันเป็นตัวถ่วงความเจริญอย่างแท้จริง จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:12:08

ความคิดเห็นที่ 25 น้องคะ  ถึงไม่เข้าประชุมเชียร์ก็มีเพื่อน มีรุ่นพี่ได้ค่ะ ประชุมเชียร์กี่วัน เทียบกับการพูดคุยกับเพื่อน กับรุ่นพี่ ตลอดสี่ปี ความผูกพันมันเทียบกันไม่ได้หรอกนะคะ จบมาก็ไม่เห็นว่าคนที่ไม่เข้าจะต่างกับคนที่เข้าตรงไหน ตอนเรียนก็เข้าประชุมเชียร์นะ เพราะเป็นพวกไม่ค่อยต่อต้านอะไร พอมาเป็นรุ่นพี่ เห็นเพื่อนๆ เป็นว้ากเกอร์ก็ขำ ตะโกนกันเพื่ออะไร ไม่เห็นได้ประโยชน์ เจ็บคอเปล่าๆ น้องก็ไม่ได้รักกันมากขึ้นหรอก มาตอนนี้ ก็มองว่าการประชุมเชียร์ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เป็นประเพณีอย่างนึง ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ใช้การกดดันอะไรก็ได้ ถ้าปรับให้เหลือแต่ความน่ารักระหว่างพี่น้องก็น่าจะดีกว่า เวลาคุยกับเพื่อนๆ ถึงตอนรับน้อง ก็ไม่ได้มีใครคิดถึงในแง่ของความรักสามัคคีอะไร คิดแค่ว่าเฮ้ย คนนี้เคยทำอย่างนั้น คนนั้นเคยทำอย่างนี้แค่นั้นเอง เป็นประสบการณ์แปลกๆ อย่างนึง เอาไว้นึกขำๆ ว่าเราเคยทำอย่างนี้มาด้วย คนจบที่อื่นก็คงไม่มีประสบการณ์แบบนี้เหมือนเรา เท่านั้นเองจริงๆ ปล. ไม่แน่ใจว่าประชุมเชียร์ตอนนี้กับเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วจะเหมือนกันรึเปล่า แต่ที่บอกก็เทียบจากประสบการณ์ของพี่เองนะคะ ปล.2  ไม่ควรเรียกตัวเองว่าพี่ใช่มั้ย น่าจะเรียกว่าน้าได้แล้ว T_T จากคุณ : lalabel เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:35:37

ความคิดเห็นที่ 26 "ไม่มีสังคม ไม่มีคนรับเข้าทำงาน เพราะเป็น KU อะไรไม่รู้ หรือเป็น KU รุ่น กอไก่ หาเพื่อนเอาเองละกันนะ" คิิดแบบทาสด้อยพัฒนามากเลย จะรับเข้าทำงานเขาดูกันที่สติปัญญาความสามารถ ไม่ใช่รุ่น จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:11:09

ความคิดเห็นที่ 27 พี่ lalabel ครับ ผมไม่ได้หมายถึงการเข้าประชุมเชียร์ครับ คำว่ากิจกรรม เนี่ย มันมีประชุมเชียร์อยู่ด้วยก็จริง แต่มันไม่ใช่ทุกกิจกรรมครับ ผมเป็นห่วงคนที่ไม่ทำกิจกรรมเลยต่างหากล่ะครับ เห็นบางคนยกความเห็นมาไม่หมด ตีความไม่เข้าใจในสุจริตที่ผมต้องการพูด บางท่านใช้ ไทยคำ ปะกิดคำ บางคำต้องไปเปิดดิกดู เพราะไม่ได้จบเมืองนอก และไม่เคยสอนภาษาอังกฤษให้ใคร ส่วนคุณนายข่วย คุณถ่อย ตีความผมให้เป็นความคิดทาสได้ นับถือครับ คนแบบนี้เก่งเกิน เหอะๆ ปล. เรียกพี่แหละครับ เพราะพี่เป็นรุ่นพี่ผม ^^ จากคุณ : Samong2 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 00:11:41

ความคิดเห็นที่ 28 จขกท ต้องแยกแยะ การับน้อง ออกเป็นเรื่องๆ เพราะมันมีหลายอย่าง ต่างกรรม ต่างวาระ คนส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วยกับบางกิจกรรม ที่ไม่บังคับก็เหมือนบังคับ เช่น ประชุมเชียร์  กินเวลาหลายเดือน มีการข่มขู่ ถ้าไม่เข้าร่วม จะตัดรุ่น เพื่ออะไร การให้หนังสือน้อง การซื้อขนมให้น้อง ที่คุณบอกจะเกิดขึ้นตอนที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ตลอดสี่ปี ที่คุณเรียน มันเป็นแค่โอกาสที่พี่จะได้ดูแลน้องๆ ผ่านกิจกรรม พร้อมๆ กัน มากกว่านะ รุ่นพี่มาให้กำลังใจ คุณก็อดหลับอดนอน แน่นอนวัยรุ่น ไหว แต่ผู้ใหญ่ แก่แล้วเขาก็มองอีกแบบ มันเป็นมุมมอง ตอนอายุเท่าคุณ  ก็โกรธอาจารย์ ที่มาบอกว่า พวกเธอเน้นกิจกรรมไร้สาระเกินไป(ไอ้ที่ประชุมเชียร์ทั้งหลายแหล่)  เอาเวลาไปอ่านหนังสือ ทำชมรมไม่ดีเหรอ แต่แก่ตัวมา อืม มุมมองมันเปลี่ยนไป ว่าจริงๆ มันก็ไร้สาระนะ ไม่เห็นจะมีนัยยะ เพราะ เราก็รักเพื่อนในรุ่น เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ได้เหมือนเดิม ไอ้คนที่ไม่เคยเข้าเชียร์ก็ยังมากินเหล้ายาด้วยกัน นับถือกันเป็นเพื่อนฝูง ไม่เห็นมีใครขยะแขยงไม่ให้เข้าพวก การรับน้องมีอะไรบ้าง ที่ห่วยแตก การรับน้องแบบไหน ที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ มันต้องแยกจากกัน กิจกรรมน้องใหม่ ถามว่า ควรเป็นไปด้วยความสมัครใจไหม สมัครใจ แต่ถ้าไม่ไป ได้ไหม ได้  แต่คุณจะรู้สึกไม่สบายใจเพราะคุณจะเป็นคนส่วนน้อยในคนส่วนใหญ่ ต้องมีคำพูดมาถึงหู กินแรงเพื่อน ไม่รักเพื่อนรักสถาบัน แค่นี้ทำไมทำไม่ได้ ใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งถ้าจะให้ดี สังคมนิสิตนักศึกษา ต้องช่วยกันบอกว่า คุณไม่อยากเข้าร่วมก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของน้องใหม่ ที่จะเข้าร่วมหรือไม่ ด้วยความสมัครใจ แน่นอน คนที่เขาไม่อยากทำก็มี ถ้าเขาไม่ทำ ไม่ใช่ว่าเขาต่อต้าน แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากทำ ก็เป็นได้ ทำไมหล่ะ บางกิจกรรมไม่ชอบ ก็ไม่ทำ ไม่ได้เหรอ มันจะมีคนประเภทนี้ คุณก็ต้องให้สิทธิ์เขาเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่ มันสนุกใช่ไหมหล่ะ แต่เพราะ รุ่นพี่ก็อยากได้น้องทุกคนมาสืบสานประเพณี (หวังดี) จึงคิดว่า ทุกคนควรจะทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมกัน ผมเคยเสนอไปบางมหาวิทยาลัย การจัดกิจกรรมรับน้องใหม่จริงๆ ถ้าจะบังคับ ควรบังคับในระยะเวลาอันสั้นเช่น สัปดาห์แรกของการเข้ามหาวิทยาลัย ทำอะไรบ้าง หนึ่งสองสาม ถ้าในต่างประเทศ เขาเรียก Orientation days จัดไม่กี่วันก็จบไป อันนี้ชัดเจน ส่วนใหญ่แฮปปี้ ไม่ต้องกินเวลานาน มันเสียเวลาไปทำมาหากิน เด็กบางคนอยากกลับบ้าน อยากทำงานพิเศษ ก็ให้เขาไปทำ เร่งให้เด็กรู้จักโต รู้จักคิดแก้ปัญหา จริงๆ พวกคุณก็จะไม่ต้องเสียเวลามานั่งนับรุ่น เพราะคุณรีบเรียนรีบไปทำงานหาเงิน ใครที่กู้เงินมาเรียน ก็จะมีมันสมองมาคิดทำอย่างไรจะ ส่งต้นส่งดอกด้วยตัวเอง ได้ ใครร่ำใ:-)ก็กลับบ้านทำงานช่วยพ่อช่วยแม่ หลับนอน หัวถึงหมอนมีความสุข จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 02:03:30

ความคิดเห็นที่ 29 KU ๔๐ ต้นๆ ค่ะ เข้ามาดู เพราะเห็นหัวข้อและคิดว่า คงได้อ่านอะไรที่มีประโยชน์ และ คิดถึง "ภาษีของประชาชน" แต่กลายเป็นจะอาศัยพรรคพวก และความเป็นสถาบันไปซะ เฮ้อ...ค่ะ สมัยเรา  กิจกรรมรับน้อง - รับน้องคณะ รับน้องเมเจอร์ รับน้องหอ เป็นการบังคับ กดให้จม ข่มขู่  และใช้ความเป็นหมู่เป็นพวก ให้ "กีดกันและไม่ต้อนรับคนที่ไม่เข้ารับน้อง ไม่เห็นด้วยกับโซตัส" เราเลยออกไปทำกิจกรรม และอยู่ในกลุ่มที่ต้านโซตัส อยู่กันด้วยความรัก คุยกันด้วยเหตุผล ให้กำลังใจกันอย่างไม่บ้ารุ่น หรือสถาบัน จบออกมา ก็เห็นได้งาน ทำงานกันได้ดีไม่น้อยกว่าพวกไปเข้ารับน้อง เข้าไปอย่างใช้ความสามารถ ความคิด  ไม่ต้องใช้รุ่นหรือพรรคพวกแต่ประการใด เอ่อ...ถ้าคนคิดอย่าง จขกท.หมด  สมมุติไป ตปท. คงจ๋อยหรือไม่ก็ตายสนิทเลยสินะ เพราะ นอกประเทศไทย  แทบไม่มีคนรู้จัก KU เลยมั้ง ดีนะเนี่ย  ว่า เราไม่ใช่พี่ว้าก ไม่งั้น น้องอาจจะโดนหนัก โทษฐาน เอาคำขวัญส่วนรวมของเกษตรศาสตร์ มาพาดหัวให้เสียหายได้ถึงเพียงนี้  หุ หุ หุ - - ไม่ว้าก ๆ ๆ เพราะไม่ชอบและไม่เห็นด้วย  คุยกันด้วยข้อมูล ตรรกะ และเหตุผลดีกว่าตั้งเยอะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 03:01:30

ความคิดเห็นที่ 30 พี่ KU67 ค่ะ พี่อ่านของน้องแล้วรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกลน่ะค่ะ ยึดติดหรืออวยเกินไปรึเปล่าคะ ถึงพี่จะจบที่นี่ที่ระบบโซตัสแข็งแกร่งมาก พี่เองก็เข้าร่วมประชุมเชียร์ เข้ากิจกรรมบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับระบบนี้เท่าไหร่ เพราะพี่รู้สึกไม่ดี ที่จำเป็น"ต้อง"เคารพรุ่นพี่ เจอหน้าต้องไหว้ ต้องทำตัวอ่อนน้อม ทั้งๆที่คนบางคนไม่สมกับให้เคารพซักนิดเลยค่ะ แถมยังใช้กฏหมู่ กับน้องที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองหรือทำตัวต่อต้านรุ่นพี่ (เคสนี้เกิดขึ้นโดยตรงเลยค่ะ พี่ปี 4 เรียกประชุมเด็กทุกชั้นปีเพื่อมาให้ดูตัวเองโชว์พาวฯด่าน้องปี 3 โดยไม่ยอมฟังเหตุผลน้องเลย สักแต่ด่าๆ พอน้องไหว้ทักทายก็ทำเมิน ไม่รับไหว้ แต่ก็พักนึงเท่านั้นอะนะ พอนานๆไปก็ลืมซะงั้น ) ถ้าคนดีจริง แล้วจำเป็นต้องบังคับให้ใครมาเคารพ จริงไหม? แล้วถามว่ารุ่นพี่รุ่นน้องจะผูกพันรักกันจริงไหม อันนี้ไม่ทราบ แต่สำหรับประสบการณ์ที่พี่เจอมาในภาควิชาพี่ มันเหมือนทั้งรุ่นมันรักกันหลอกๆยังไงไม่รู้น่ะค่ะ ถ้าจะรักกันจริง พี่ว่าใช้เวลาพิสูจน์ดีกว่านะ ส่วนเรื่องระบบอุปถัมภ์หรือคอนเน็คชั่น อาจจะง่ายขึ้นในระดับนึง โอเค รุ่นพี่มาบอกว่าบริษัทพี่มีตำแหน่งนี้ว่างนะๆ แต่เค้าจะรับหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับผู้สมัครมากกว่าน้าว่าคุณสมบัติมันได้ไหม โดยสรุป พี่ว่าระบบโซตัสหรือนับรุ่นอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้ทำอะไรๆได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่เอาระบบนี้ มันก็ใช่ว่าจะดำรงชีวิตในสังคมไม่ได้ซักหน่อย จากคุณ : Pan-Nyo เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 16:08:40

ความคิดเห็นที่ 31 คนต่อต้าน ขนาดนี้ การรับน้องคงอยู่ต่อไม่ได้นานแล้วล่ะครับนี่ ยังไงก็ตาม หากต่อต้านการรับน้อง แต่ยังยินดีทำกิจกรรมเพื่อบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ   อันนั้นก็โอเคครับ แต่ถ้าไม่เข้าร่วมการรับน้อง  และไม่ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมอะไรเลย  อย่างนี้ ไม่เห็นด้วยครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 18:27:06

ความคิดเห็นที่ 32 บังคับให้ยกเลิกรับน้องใหม่ทั้งประเทศ ดีไหม จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 22:58:43

ความคิดเห็นที่ 34 จขกท. ผมก็ KU69 แต่ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังต้องการอะไรครับ จากคุณ : LunaticNeko เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 07:44:19

ความคิดเห็นที่ 35 ต้องใช้วิจารณญาณเหมือนกัน เรื่องพวกนี้ แต่จะให้ดีก็ส่งรายละเอียดการรับน้องมา ก่อนดีกว่า แล้วให้อาจารย์พิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ใช้วิธีนี้แหล่ะ มันแล้วแต่คนและแต่ละมหาวิทยาลัย บางมหาวิทยาลัยจุดขายของเขาคือ การรวมกลุ่ม รวมคนกันเอง คณะเดียวกัน จบกันไปแล้วหางานง่าย พวกเดียวกัน มหาวิทยาลัยที่ระดับ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่จบ 2.8 กับ 2.75 เขาอาจจะเลือก 2.75 ก็ได้ถ้าเขาคิดว่าพวกเดียว กัน หรือ 2.4 เขาก็ยังอาจจะเอา เพราะภาคเดียวกันอะไรแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้ก็เหมือนกับศาสนา เรารับได้เราก็เอา เรารับไม่ได้ เราก็เลี่ยง มีรุ่นน้อง คนหนึ่งฉลาดมาก แกแกล้งบอกว่า แกไม่ได้นับถือพุทธ ไม่ได้รู้เรื่องธรรมเนียมไทยมาก แกเรียนจบจากนิวซีแลนด์ แกจะไม่ไหว้ ไม่ทรงเจ้าเข้าผี ไม่เล่นพิธีกรรมลามก มีเล่นเกม ในฐาน ศาลเพียงตา อะไรแบบนี้ แกเลยขอไม่ยุ่ง แต่มันไปรับน้อง มันบอกศาสนาห้าม สุดท้ายอำนาจความเป็นรุ่นพี่ก็หมด เพราะอ้างอิงเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมบางอย่าง ไม่ได้ ตอนนี้เด็กคนนั้นมันไปเรียนต่อแคลิฟอร์เนีย สบายใจไปเลย ไม่มีปัญหาอะไร บางที่ใช้ให้อาจารย์ไปคุมรับน้อง อันนี้ก็น่าเบื่อมาก แทนที่จะทำวิจัย ก็ต้องไปนั่งคุมเด็ก เล่นเกม ถ้าเป็นอาจารย์ที่แบบแก่ ๆ จะเบื่อมาก ๆ เพราะรู้สึกว่า เสียเวลาพักผ่อนตัวเอง รับน้องไม่สามารถทำได้ในมหาวิทยาลัยระดับนานาชาติ เพราะวัฒนธรรมต่างชาติไม่ เอื้อเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน หรืออำนาจเหนือกว่า (ส่วนใหญ่จะเอาวัฒนธรรมอเมริกา เป็นหลัก) ดังนั้นการรับน้องจึงไม่สำคัญในวิทยาลัยนานาชาติ และมหาวิทยาลัยเอกชน (ส่วนใหญ่มองว่า จบไปก็ไม่รับราชการอยู่ดี ทำงานบริษัทเอกชนดีดีสัก 2-3 ปีกลับมาก็ อาจจะทำธุรกิจส่วนตัว ทำงานที่บ้าน ซึ่งความรู้เท่านั้นที่จะติดตัว ไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องอะไร ส่วนตัวผมก็เฉย ๆ เพราะผมไม่ได้เรียนเป็นภาษาไทย ส่วนใหญ่ผมสอนวิทยาลัยนานา- ชาติ เรื่องอะไรที่จุกจิกมาก ยุ่งกับนักเรียนมาก ผมก็ไม่เอา เกรงใจนักเรียนเหมือนกัน ถือว่า ทุกคนรู้เรื่องแล้ว เข้าใจแล้ว อะไรไม่เข้าใจก็มาถามแค่นั้นจบ เข้าใจว่าเด็กรำคาญ ส่วนตัวผมนะ บางทีเข้าไปทำงานบริษัทเอกชน บางที่เขาก็พยายามจะเชียร์คนรุ่นเดียว กัน แต่ผมมักจะได้เสมอ ทั้งที่เรียนเอกชน จบคนละที่ แต่อาศัยภาษา และลูกค้า และ เจ้าของบริษัทชอบ จึงมักผ่านด่าน เวลามีปัญหา มักมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยเสมอ ๆ ผมไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว เหมือนกับบอกว่า ถ้าเป็นรุ่นน้อง จะช่วยเป็นพิเศษ เราจะอวยให้นักเรียนไทยมากกว่านักเรียนต่างชาติอะไรแบบนี้ ผมไม่ เอา อยากให้ทุกคนใช้ความสามารถของตัวเองให้ดีที่สุด ความสามารถควรจะสำคัญกว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัว ถ้าไม่ทำอย่างงี้แล้ว งานจะไม่มีประสิทธิภาพ ทุจริตก็เกิดขึ้นง่าย ๆ จากคุณ : TOP เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 09:37:02 A:210.86.128.35 X: TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเคยสอนนักเรียนที่พิการด้วย ยังเคยบอกเลยว่า ถ้าเธออยากได้งานเธอก็ต้องตั้งใจ คนเขาจะได้เห็นความสามารถของเรา ไม่ใช่จ้างเพราะความสงสาร หรือตัดรำคาญ เด็กคนนั้นเคยเรียน ๆ แล้วหายไปด้วย บอกไม่สบาย งานส่งไม่ครบ ใกล้วันออกเกรดก็ มีอาจารย์มาบอกให้ช่วยปล่อยผ่าน C+ อ้างว่า ช่วย ๆ เด็กมันไป สุดท้ายแม่และเด็กมา ผมก็เลยบอกว่า จะให้ I ไปก่อน อยากผ่านก็เอางานมาส่ง ช้าหน่อยแต่ต้องทำ ผ่านไป แต่ไม่มีความรู้ก็แค่นั้น เรื่องป่วยอะไรก็เข้าใจอยู่ แต่จะทำอย่างงี้ไม่ถูก สุดท้ายนักเรียนก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ขนาดแม่นักเรียนยังบอกว่า อาจารย์ทำถูกเลย เขา บอกว่า เขาไม่อยากให้ลูกลำบากแต่ก็ไม่อยากให้ลูกขี้เกียจ อันนี้เราก็เข้าใจ (แต่ปัญหา น่าจะอยู่กับอาจารย์ที่มาขอเกรดนี่แหล่ะ เบื่อจังพวกชอบใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเนี่ย) จากคุณ : TOP เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 09:49:53 A:210.86.128.161 X: TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 37 ผมก็ KU และขอบอกตรงนี้ว่าต่อให้ไม่เข้ากิจกรรมรับน้อง สุดท้ายคุณก็จะมีรุ่น เพราะรุ่นพี่คุณนั่นแหละที่อยากให้รุ่น ใจแทบขาด (ประสบการณ์ตรงจากการไปเห็น behind the scene) และต่อให้ไม่มีรุ่น แต่ด่วนสรุปว่าเป็นคนไม่มีสังคมนี่ มองการณ์ใกล้ไปหน่อยนะครับ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคนที่ ไม่ชอบเข้ากิจกรรมก็มีสังคมของคนไม่ชอบเข้ากิจกรรม เหมือนกัน? PS อ้อ เท่าที่เคยทำงานมา และดูจากงานของเพื่อน ยังไม่เคยเห็น "รุ่น" สำคัญกับงานไหนซะที แล้วถ้า บริษัทไหนเล่นเส้นเล่นสายขนาดใครไม่เข้ารับน้องจะตกงาน ผมว่าผมหางานใหม่ดีกว่านะ EDIT แก้ย่อหน้าซะหน่อย แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 54 20:09:02 จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 20:07:23

ความคิดเห็นที่ 38 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ว่า ไม่ว่าคุณจะเข้าประชุมเชียร์หรือเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องหรือไม่ เราจะถือว่าเป็นรุ่นเดียวกันครับ ไม่้มีในระบบหรือนนอกระบบ เพราะถือว่าเพื่อนรับให้แล้ว สิ่งที่คุณจะไม่ได้คือพวกของที่ระลีึกจำพวกเสื้อ เหรียญรุ่น และเครื่องหมายเข็มหมุดประจำคณะ ภาควิชา และสาขาเท่านั้นครับ ซึ่งสำหรับบางคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะใร แต่สำหรับบางคนแล้วมันคือประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ครับ คำขวัญอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาััลัยเกษตรศาสตร์ จริงๆแล้วคือ "ศาสตร์แห่งแผ่นดิน" ครับ จากคุณ : dial-up เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 21:44:27

ความคิดเห็นที่ 39 "เกษตรศาสตร์" มาจากคำว่า เกษตร (เขต หรือ แผ่นดิน) และ ศาสตร์ (ความรู้ หรือ การศึกษา) ซึ่งรวมกันมีความหมายโดยทั่วไปว่า การศึกษาเกี่ยวกับเขตและแผ่นดิน หรือ ศาสตร์แห่งแผ่นดิน "Knowledge of the Land"   ดังที่ คห.38 บอกถึงเป็นคำขวัญทางการครับ ไม่ใช่ ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เกษตรคือภาษีของประชาชน   น้องช่วย เข้าใจใหม่ด้วย ให้สมเป็น นิสิตปี 3 KU 69 ที่ภูมิใจกับระบบ SOTUS มาก ของแบบนี้ไม่น่าพลาดนะ จากคุณ : KU 68 (sutthisan) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 19:39:46