|
ทักษะการฟังเป็นทักษะที่ฝึกได้ด้วยตัวเองง่ายที่สุดแล้ว เพราะมีแหล่งทรัพยากรในการเรียนรู้ฟรีๆ เพียบ อีกทั้งยังเป็นทักษะแรกที่คนเรียนภาษาต่างประเทศทุกคนควรให้ความสำคัญที่สุด และจะเป็นทักษะที่นำไปสู่การพูด อ่าน เขียนอย่างเป็นระบบต่อไปด้วย
น่าเสียดายที่คนเรียนทั่วไปไม่ค่อยให้ความสำคัญกับทักษะนี้ แต่ไปเน้นการท่องจำศัพท์เป็นคำๆ หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยก็เป็นการฝึกทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์ + หัดอ่านอะไรไปซึ่งการทำอะไรแบบนี้ไม่ใช่ไม่ดี แต่ผลที่ได้มักจะชงักงันเพราะมันไม่ได้ส่งเสริมเรื่องการสื่อสารที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ "การพูด" อธิบายให้ง่ายเข้าก็คือ เมื่อเรียนภาษาแล้วพูดไม่ได้ ถึงแม้จะเข้าใจไวยากรณ์ อ่านพอเข้าใจ รู้ความหมายศัพท์เป็นคำๆ คนเรียนก็จะรู้สึกว่างเปล่า เหมือนขาดอะไรไปไม่มากก็น้อย(หรืออย่างแรง)
จขกท มาถูกทางแล้วที่คิดอยากเน้นพัฒนาทักษะการฟังก่อน แต่ปัญหาในการฝึกคงมาจากการที่คุณไม่เคยใช้แบบเรียนที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ไอ้พวกการฝึกที่นักโฆษณาบางคนชอบบอกนักหนาว่าให้ ดูหนังฟังเพลงฟังข่าวหรือฟังอะไรต่อมิอะไรโดยห้ามมีซับมีสคริปนั้นเป็นเรื่องแหกตาอย่างที่คนพูดเองก็ยังไม่รู้ตัวและไม่เข้าใจ การที่จะฝึกฟังโดยไม่มีซับหรือสคริปนั้นเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานและคลังศัพท์มากพอที่จะพูดคุยสื่อสาร อ่านอะไรได้พอสมควรแล้วต่างหาก ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ที่ยังถือว่าอยู่ในการเรียนระดับต้น(เพิ่งเริ่มเรียน)
การฝึกฟังสำหรับคนเรียนระดับต้นจำเป็นที่ต้องเรียนด้วยความเข้าใจในเนื้อหาที่ฟัง และสะสมคำศัพท์ที่ยังมีน้อยนิดให้เพิ่มพูนในเร็ววันต่างหาก ดังนั้นการใช้ Subtitle ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษตลอดจนสคริปบทพูดให้เป็นประโยชน์จึงมีความสำคัญยิ่ง แนะนำว่าเวลาดูหนังให้ใช้ซับไทยฟังให้เข้าใจถ้วนทั่วรอบแรก ครั้งที่สองถึงสามค่อยเปิดซับภาษาอังกฤษเพื่อดูศัพท์แสงสำนวนการออกเสียง และครั้งที่สี่ถึงค่อยปิดซับไม่ต้องดูอีก
นอกจากหนังที่เป็นการฝึกภาษาที่ดีมากๆแล้ว ก็ยังมีการฝึกจากแหล่งสารพัดข้อมูลในเว็ปไซต์ เว็ปที่ควรเริ่มเรียนก็คือเว็ปที่ท่าน คห.1 ว่ามานั่นแหละ ฟังไปดูสคริปไป (คนอ่านเขาออกเสียงช้าๆชัดๆ) ศัพท์ที่ใช้ก็เป็นศัพท์พื้นฐานประมาณ 1,500-2,000 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ให้อดทนเปิดพจานานุกรมดูความหมายสักหน่อย ทำไปสักพักใหญ่ๆจะรู้สึกว่าศัพท์เริ่มวนไปเวียนมา (แน่ละก็มันเป็นศัพท์ใช่บ่อยนิ) พอฟังเข้าใจดีแล้วก็ให้ปริ้นสคริปออกมาเก้บไว้ ที่ฟังก็อัดใส่เอ็มพี 3 ไปไหนมาไหนก็ให้เปิดฟังบ่อยๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี
3 เดือนทำทุกวันฟังวันละไม่ต่ำกว่า 1.5 - 2 ชั่วโมง รับรองภาษาอังกฤษคุณจะดีขึ้นผิดหูผิดตา เพราะการฟังแล้วดูซับ/สคริปนอกจากได้ศัพท์แสงสำนวน การออกเสียงที่ถูกต้องแล้ว ยังช่วยให้เห็นรูปประโยคภาษาอังกฤษที่หลากหลาย พอมาเรียนไวยากรณ์เสริมเข้าไปจากการที่เห็นประโยคเหล่านี้จะทำให้เข้าใจเรื่องโครงสร้างภาษา ผลสุดท้ายก็ส่งอนิสงไปสู่การพูด การอ่าน การเขียนในที่สุด
ส่วนเรื่องที่ว่า "จ่ายแค่ไหนก็ยอม" อันนี้ให้โยนทัศนคติแบบนี้ทิ้งไปให้ไกลเลย เพราะคนที่ทำให้เราเก่งได้โดยหลักสำคัญแล้ว คือ "ตัวเรา" เองนั้นแหละ ครูอาจมีประโยชน์กับการสอนเทคนิคารทำข้อสอบหรือการฝึกเขียนขั้นสูงอะไรแบบนั้นมากกว่า ส่วนการฝึกทักษะพื้นฐานอย่างการฟังการอ่าน จริงๆแล้วใครๆก็เรียนเองได้ แค่มีใจรัก+เอาใจใส่+สม่ำเสมอและออกแรงกับมันก็เท่านั่นเอง
จากคุณ |
:
โจโฉ (joechou)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มิ.ย. 54 09:01:48
|
|
|
|
|