|
เราไม่ได้จบป.โทการแปลค่ะ แต่มาอยู่ต่างแดนและจบทางสายวิทยาศาสตร์เหมือนคุณจขกท. ตอนนี้รับงานแปลเอกสารภาษาเยอรมัน อังกฤษ ไทยจากบริษัทแปลต่างประเทศ เห็นด้วยกับคุณโจโฉค่ะ ที่ว่าไม่จำเป็นต้องเรียนการแปลถ้าอยากทำงานด้านนี้ เมื่อห้าปีที่แล้วเราเล่นอินเตอร์เน็ต แล้วไปเจอเว็บไซต์เกี่ยวกับการทำงานแปล เลยทำโปรไฟล์ไว้ที่เว็บนั้นเล่น ๆ ไม่ได้หวังว่าจะมีคนจ้างเราแปล แต่ก็มีคนเสนองานให้ทำเรื่อย ๆ โดย 95 เปอร์เซ็นต์เป็นงานแปลสายวิทยาศาสตร์ ซึ่งตรงกับวุฒิการศึกษาของเรา ตอนนี้มีงานเข้ามามากขึ้นจนบางครั้งเราทำคนเดียวไม่ทันค่ะ ไม่รู้สึกว่าทำงานฟรีแลนซ์ เพราะมีโปรเจคระยะยาวเข้ามาประจำ ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป แต่ก็มีบริษัทแปลจากอเมริกาหรือสิงคโปร์ส่งงานมาให้ทำบ้างค่ะ ส่วนรายได้ก็พอ ๆ กับคนทำงานออฟฟิศที่นี่ แต่การทำงานแบบฟรีแลนซ์ในเยอรมันต้องเสียค่าประกันสังคมมากกว่าอัตราของลูกจ้าง
ถ้าเรายังอยู่เมืองไทย ก็คงจะไปสมัครเรียนป.โทการแปลค่ะ อยากเรียนรู้ทางด้านทฤษฎีบ้าง และอยากสมัครเป็นสมาชิกของ BDÜ (สมาคมล่ามและนักแปลของเยอรมัน) ซึ่งถ้าไม่ได้จบทางการแปลก็ต้องมีประสบการณ์ทำงานในด้านนี้หลายปี และต้องสอบภาษาต่างประเทศถึงจะเป็นสมาชิกได้ ถ้าเราเป็นสมาชิกของสมาคมล่ามและนักแปลของที่นี่ เราคงจะได้ลูกค้าที่เป็น direct customer มากขึ้น และมีรายได้มากกว่าการทำงานให้บริษัทแปล คนเยอรมันเป็นชนชาติที่ยึดติดกับวุฒิการศึกษาพอสมควรค่ะ ส่วนใหญ่การประกอบอาชีพทุกอย่างที่นี่ต้องมีวุฒิในด้านนั้น ๆ เช่น จะขายขนมเค้กก็ต้องไปเรียนทำขนมเป็นปี ๆ จนได้ใบประกาศนียบัตร
เราเริ่มอาชีพนี้จากศูนย์เลยจริง ๆ แต่อาศัยว่าเป็นคนชอบอ่านและชอบหาข้อมูล เลยได้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับอาชีพนักแปลจากอินเตอร์เน็ตมากมาย ตอนแรกที่เริ่มแปล เรามีงานน้อยเข้าน้อยมาก แต่เราก็พยายามดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาเพื่อให้ลูกค้าเลือกเรา เมื่อมีบริษัทแปลให้โอกาสเราแปลงาน เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ถ้า project manager พอใจกับงานของเรา ก็จะส่งงานมาให้ทำเรื่อย ๆ จนในที่สุดเราสามารถสร้างฐานลูกค้าและต่อรองราคากับบริษัทแปลได้ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ค่ะ เราเคยอยากแปลหนังสือเหมือนกัน แต่ก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจ เพราะการแปลหนังสือรายได้น้อยกว่าการแปลเอกสารมาก
ในการทำงานแปลนั้น อย่างแรกเลยคุณต้องมีความรู้ด้านภาษาดี ชอบอ่านหนังสือ ชอบค้นคว้า ชอบใช้คอมพิวเตอร์และชอบหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันการทำงานแปลด้านเทคนิคนั้น คุณต้องใช้โปรแกรมช่วยแปลเป็นด้วยค่ะ เช่น Trados, Transit, Wordfast คุณควรสำรวจความถนัดของตัวเองว่าถนัดแปลเอกสารประเภทใด ถ้าคุณถนัดแปลเอกสารเฉพาะทางมาก ๆ ก็จะมีรายได้มากขึ้น และควรโปรโมทตัวเองในอินเตอร์เน็ตด้วย เช่น สร้างโปรไฟล์ในเว็บนักแปล หรือทำเว็บไซต์ ลูกค้าส่วนใหญ่ติดต่อเราผ่านทางโปรไฟล์ในอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าเรามีเวลาว่าง เราก็หาข้อมูลของบริษัทแปลทั่วโลกในอินเตอร์เน็ต แล้วไปกรอกข้อมูลพร้อมอัพโหลดเรซูเม่ที่เว็บไซต์ของบริษัทแปลนั้น ๆ นอกจากนี้ถ้าคุณได้ภาษาที่สามก็จะได้เปรียบค่ะ เพราะมีคนแปลได้ไม่เยอะเหมือนอังกฤษ-ไทย
การทำงานแปลค่อนข้างเครียดค่ะ เพราะคุณต้องส่งงานให้ทันเวลา คุณไม่สามารถกำหนดปริมาณงานได้ ถ้าคุณปฏิเสธลูกค้าบ่อยเข้า ต่อไปลูกค้าอาจไม่ส่งงานมาให้ทำอีก บางทีมีงานเข้าเยอะก็ต้องตะลุยทำแบบไม่ต้องหลับต้องนอน ต้องคอยเช็คอีเมล์อยู่เรื่อย ๆ ว่ามีอีเมล์จากลูกค้าหรือไม่ ถ้าตอบช้า ก็อาจพลาดงานนั้น ๆ ได้ บางทีเจอต้นฉบับที่อ่านไม่รู้เรื่อง บางทีเจอคำที่ต้องใช้เวลาค้นหาความหมาย หลังจากส่งงานและใบเสร็จก็ต้องมาลุ้นว่าจะได้รับเงินค่าแปลหรือไม่ ถ้าลูกค้าไม่จ่ายจะทำอย่างไร ดังนั้นก่อนรับงานคุณจึงควรหาข้อมูลของผู้ที่เสนองานให้คุณทำให้ดี ๆ นอกจากนี้ถ้าคุณจะทำแบบฟรีแลนซ์ก็ต้องดูกฎหมายด้านภาษีของประเทศที่คุณอยู่ด้วยค่ะ
แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 54 07:15:43
จากคุณ |
:
Sonnenschein
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ค. 54 07:07:18
|
|
|
|
|