|  | 
ผมคิดว่าการไหว้บรรพบุรุษนั้น เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่หลงเหลือมาจากอดีตกาลของลัทธิความเชื่อพื้นบ้านของจีนครับ
 ชาวจีนโบราณ ก่อนที่จะมีการติดต่อกับโลกตะวันตกหรือมีอิทธิพลจากศาสนาของโลกตะวันตกอย่างพุทธศาสนาเข้ามานั้น จะเชื่อว่าโลกของคนตายก็เหมือนกับโลกของคนเป็นๆนี่แล
 
 คนเมื่อตายไปแล้ว ก็จะไปมีชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับโลกของเราทุกอย่าง พวกเขายังต้องกินต้องใช้ ต้องมีบ้านที่อยู่อาศัยหรือข้าทาสบริวารคอยรับใช้ พวกเขาจะไม่ได้หายไปไหน แต่จะอยู่ในอีกโลกเพื่อดูแล คุ้มครองหรืออำนวยโชคชัยแก่ลูกหลานสืบไป
 
 ดังนั้นการไหว้หรือบูชาวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ก็เหมือนการกระทำต่อบรรพบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยที่หากท่านทำการบูชาบรรพชนแล้ว พวกวิญญาณของบรรพชนก็จะอำนวยพรหรือความรุ่งเรืองแก่ลูกหลานสืบไปครับ
 
 ด้วยความที่ชาวจีนเชื่อในชีวิตหลังความตาย พวกเขาจึงฝังข้าวของเึครื่องใช้ อาวุธ หรือแม้แต่ข้าทาสบริวารตามลงไปด้วย เพื่อให้ของเหล่านี้ติดตามผู้ตายไปยังโลกหน้าด้วยหน่ะครับ
 
 ทีนี้พอมีการพัฒนาด้านลัทธิความเชื่อของสังคมจีนไปพร้อมๆกับการไหล่บ่าของศาสนาจากโลกตะวันตก เลยเกิดการผสมปนเปขึ้นของความเชื่อ กลายเป็นมีนรก-สวรรค์ มีการกลับชาติมาเกิดใหม่ (ซึ่งเป็นแนวคิดของพราหมณ์-พุืทธโดยเฉพาะเลย ในจีนโบราณไม่มีความเชื่อเรื่องกลับมาเกิดใหม่), มีเทวดาหรือเทวทูตมานำวิญญาณของผู้ตายไปรับโทษทัณฑ์ ฯลฯ ตามมาครับ
 
 แต่ชาวจีนก็ยังคงหลงเหลือประเพณีการไหว้บรรพบุรุษเอาไว้ เพราะแม้พวกเขาจะเข้าใจว่า วิญญาณสามารถไปเกิดใหม่ตามศาสนาพุทธ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อว่า วิญญาณของบรรพบุรุษยังคงอยู่ และคอยเฝ้ามองลูกหลานจากสวรรค์หรือนรก (เปลี่ยนจากโลกความตายหรือโลกหน้า ไปเป็นสวรรค์-นรก แทน)
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
ิุอุ้ย (digimontamer)       |  
					| เขียนเมื่อ | : 
19 ก.ค. 54 14:39:07 |  
					|  |  |  |  |