 |
ก่อนอื่น คงเป็นเรื่อง การฟัง เป็นสำคัญนั่นแหละครับ ตัวอย่างคลาสสิกที่ยกกันก็เห็นจะเป็น ที่ฝรั่งพยายามพูด ใครขายไข่ไก่ จนออกมาเป็น ครายคายคายกาย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่พอฟังแล้วก็มักจะเดาได้ว่ามาจาก ใครขายไข่ไก่ แต่ในทำนองกลับนั้น ฝรั่งกลับเดาไม่ออกเลย ถ้าเราไปออกเสียงผิดเพี้ยนเข้าสักคำสองคำ เพราะเน้น ความแม่นยำ มากเรื่องการออกเสียงแต่ละคำมาก ทีนี้พอคนไทยไปฟัง ก็มักฟังไม่ออก เพราะไม่ใช่ฝึกความแม่นยำแบบนี้มา [ผมเองก็ออกเสียง subtle ว่า ซับเทิ้ล (บ ใบไม้)มาเป็นนานสองนาน ถึงเพิ่งรู้ว่าจริงๆ ออกเสียงว่า ซัทเทิ้ล (ท ทหาร)ไม่รู้เอา b ไปไว้ไหน?] นอกจากนั้น เวลาพูด ฝรั่งก็จะ เชื่อมเสียงระหว่างคำ ด้วย ไม่ใช่เป็นออกเสียงเป็นคำโดดๆ เหมือนของไทย ทำนองว่า ธีส-ซีส-แซ่น-แน็ป-เปิ้ล (This is an apple.) [นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการเน้นคำบางคำเป็นพิเศษนะครับ] ทีนี้ พอไม่แม่นยำเรื่องการฟัง และไม่ได้ฝึกความแม่นยำในการพูด พอเราไปออกเสียงไม่ถูกต้อง หรือผิดเพี้ยนไป ฝรั่งก็เดาไม่ออกว่ากำลังพูดคำว่าอะไร แต่สรุปก็คือ อยู่ที่ การฝึกฝน ทั้งการฟังและการออกเสียงนั่นแหละครับ (ตามที่ ค.ห. 3 แนะนำ) ส่วนเรื่องแกรมมานี่ จริงๆ ในภาษาพูดอาจไม่สำคัญเท่าภาษาเขียนนัก เพราะพอจะสื่อความกันได้ ที่สำคัญ ให้นึกไว้อย่างหนึ่งว่า ในการสนทนานั้น มี ตัวช่วย ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ภาษาใบ้ เช่น ส่ายหน้าไม่เอา, เลิกคิ้วทำท่าสงสัย (ไม่เข้าใจที่พูด) หรือใช้มือใช้ไม้ประกอบท่าทางด้วยก็ได้ ;-)
จากคุณ |
:
พเนจร
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ค. 54 09:05:50
A:124.121.196.222 X: TicketID:324569
|
|
|
|
 |