 |
ก่อนอื่น ขอบคุณ คุณ Senior ครับ และต้องขออภัยเช่นกันสำหรับความเป็นมือใหม่หัดโพสต์ (ที่นี่) ของผม ;-)
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นต่อ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
สมมุติว่า ทุกคนในกระทู้นี้เห็นตรงกัน (รวมทั้งผมด้วย) ว่าตัวอย่างที่ยกมานั้น แปลไม่ค่อยได้ดีนัก แต่ขออนุญาตตามที่ผมได้ชี้แจงไปแล้วว่า ความไม่ได้เรื่องนั้น อาจมีที่มาที่ไป เราจึงจะไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก
แต่ที่จะว่าต่อไป คงเป็นโจทย์ที่ว่า เมื่อนักแปลเจอต้นฉบับแบบนี้ แล้วจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?
ผมจำเป็นต้องนำยกตัวเดิมขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจะชี้ให้เห็นว่า ถ้าผมเป็น บ.ก. งานชิ้นนี้ ผมจะ คิด อย่างไรก่อนนะครับ เพื่อจะนำไปสู่ประเด็นต่อไป
"Please enlighten me then, Jacob." I let the sarcasm flow thick. "ได้โปรดส่องแสงให้ฉันทราบด้วย, เจคอบ" ฉันปล่อยเสียงเย้ยหยัน เข้มข้น
- แน่นอนว่า คำว่า ส่องแสง นั้นแปร่งๆ แน่ แต่ I let the sarcasm flow thick. ถือว่าแปลได้ คมมาก คือไม่มากคำ แปลเก็บความได้หมด แม้กระทั่ง thick (ตรงนี้ต้องคำนึงให้ดีนะครับว่า ในงานวรรณกรรมแล้ว นักแปลที่ดีไม่ควรไป rewrite สำนวนของนักเขียน แม้เพื่อจะให้เข้าใจง่ายขึ้นก็เถอะ เว้นเสียแต่จำเป็นจริงๆ) เมื่อนักเขียนเขียนมาว่า ปล่อยเสียงเย้ยหยัน จะไปเปลี่ยนเป็น พูดเย้ยหยัน ก็เท่ากับไปแก้สำนวน เว้นแต่เป็น นมเนย มาก จนไม่ใช่สำนวนไทย ทีนี้ จึงกลับมาดูที่ ส่องแสง จะแปลอย่างไรโดยไม่ใช่การ rewrite แน่นอนว่า กำลังพูดเสียดสีอยู่ คำที่ใช้ย่อม เว่อร์ จึงตัดประเด็นในแง่แปลแบบปกติออกไป ทีนี้ จะใช้คำว่าอะไรจึงจะเหมาะสม? ตอนนี้ ผมก็ยังนึกไม่ออกเลยครับ ;-) คือถ้าต้นฉบับใช้คำว่า "tell" ก็จบครับ และคงไม่มีปัญหาใดๆ เพราะ ["ได้โปรดบอกให้ฉันทราบด้วย, เจคอบ" ฉันปล่อยเสียงเย้ยหยัน เข้มข้น] ท่อนหลังตรง ฉันปล่อยเสียงเย้ยหยัน เข้มข้น ก็คลุมความถึงแล้ว แต่นักแปลที่เคารพต้นฉบับ (และเป็นนักแปลที่ดี) ต้องยอมปวดสมองกับคำคำเดียว (enlighten) นี่แหละครับ ;-)
ท่อนต่อมา "What is a valid reason for someone to love someone else? "มีเหตุผลสุดแสนจะเข้าท่าสักข้อไหมที่จะรักใครสักคน? - สังเกตการ เคารพ ต้นฉบับดีๆ นะครับ ไม่มีการ rewrite ใดๆ คือ ไหล เป็นลำดับไปตามต้นฉบับ (เว้นแต่ตรงที่ถูกบังคับตามไวยากรณ์ไทย) มีเหตุผล ดีๆ สักข้อ- ที่ใครสักคน จะรัก ใครสักคน ไหม? (ใครสักคน เกิดซ้ำกันและอยู่ใกล้กัน จึงจำเป็นต้องตัดออกตัวหนึ่ง เพราะจะ นมเนย มากไป)
Since apparently I'm doing it wrong." ในเมื่อคุณมองว่าฉันคิดผิดทำผิด" - จังหวะการไหลยังเหมือนต้นฉบับนะครับ ส่วน คิดผิด ดูจะเกินไปนิด แต่ก็เป็นภาษาพูด
"Sleep, my Bella. Dream happy dreams. "หลับเถิด, เบลล่าของข้า ฝันฝันหวาน - ดูจังหวะ และคำซ้ำนะครับ เก็บได้หมด (ของข้า แม้ดูเกินจำเป็น แต่ก็ทำให้นุ่มหูขึ้น)
You are the only one who has ever touched my heart. ท่านเป็นคนเดียวที่แตะหัวใจของข้าได้ -ทำไมต้อง แตะ? เพราะสามารถกินความไปถึง แตะต้อง ได้เป็นคนแรก?
It will always be yours. Sleep, my only love." หัวใจของข้ามอบให้ท่านแล้ว หลับได้แล้ว, หัวใจของข้า" -ตรงนี้เหมือนมีการแปลแบบ rewrite แต่ถ้าแปลทำนองว่า มันจะเป็นของท่านเสมอ ก็ดูจะไม่ใช่ภาษาพูด และเหมือนห่างเหิน ไม่อ่อนหวาน ส่วน only ที่ละไว้ไม่แปล ก็เพราะอาจจะออกมาลิเกไปนิด และยาวไปหน่อย
สมมุตินะครับ ว่าเราเห็นตรงกันแล้วว่า ถ้าแปลแบบนี้ถือว่าเคารพต้นฉบับที่สุดแล้ว ก็จะมาถึงโจทย์ต่อมาว่า ทำอย่างไรที่จะปรับให้เป็นภาษาวัยรุ่น? และภาษาอังกฤษของวัยรุ่นฝรั่งกับภาษาไทยของวัยรุ่นไทยจะมีจุดประสานกันได้ตรงไหน ที่จะไม่ไป rewrite สำนวนของนักเขียน? ขอเน้นอีกทีนะครับ
ที่จะไม่ไป rewrite สำนวนของนักเขียน?
"Please enlighten me then, Jacob." I let the sarcasm flow thick. "ได้โปรดส่องแสงให้ฉันทราบด้วย, เจคอบ" ฉันปล่อยเสียงเย้ยหยัน เข้มข้น
เอาละ พอจะรู้แล้วว่า วัยรุ่นฝรั่งพูดแบบนี้ แล้ววัยรุ่น ไทย ล่ะ เขาจะพูดยังไงในประโยคนี้? แถมต้องถูกกำหนดโดยกฎที่ว่า ไม่ไป rewrite สำนวนของนักเขียนอีก ผมเองก็ไม่ทราบจริงๆ ครับ ;-)
จากคุณ |
:
พเนจร
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ค. 54 00:14:33
A:124.122.50.237 X: TicketID:324569
|
|
|
|
 |