ความคิดเห็นที่ 1 คิดเอาเองค่ะ  (คิดเองจริงๆ นะ) ไม่มีให้โหวตข้อนั้นหรือ แล้วก็คิดผิดด้วยนะ เฮอะๆๆๆๆๆๆ ไม่น่าเลยตู จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปตามอารมณ์ (PaBo) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 18:20:24

ความคิดเห็นที่ 2 คือผมชอบภาษาจีนอะคับ เลยเลือกเรียกสายศิลป์จีน ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีใครบังคับ ไม่ได้เลือกตามเพื่อน  ไม่ได้ตามกระแสค่านิยม ผู้ปกครองไม่เคยบังคับ เลือกข้อไหนดี อิอิ จากคุณ : ระวังแตก เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 18:44:17

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าโดนผู้ปกครองบังคับล่ะคะ (แนะนำกับบังคับนี่ควรรวมเป็นข้อเดียวกันรึเปล่าคะ) จากคุณ : ~\MINKU/~ เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 18:59:41

ความคิดเห็นที่ 4 ความชอบ ความถนัดส่วนตัว ผู้ปกครองบังคับไม่ได้ ถ้าเสมมุติเด็กเรียนคำนวณไม่เก่งเลย จะบังคับให้ลูกไปเรียนสายวิทย์ได้อย่างไร นอกจากว่าลูกเรียนดี เรียนได้ทั้งสองสาย จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 19:06:24

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่เก่งวิชาคำนวนครับ จึงเรียนสายศิลป์(ฝรั่งเศส) และไปได้ดี ยังนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าตอนนั้นผมเลือกไปเรียนสายวิทย์ตามเพื่อน ตอนนี้ผมจะเป็นยังไง แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 54 19:46:18 จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 19:44:39

ความคิดเห็นที่ 6 เราเลือกสายวิทย์ เพราะคิดว่าวิชาที่เรียนในสายวิทย์ เป็นวิชาที่ไม่สามารถศึกษาด้วยตัวเองได้ หรือไม่ก็หาหลักสูตรพิเศษเปิดสอนข้างนอกได้ลำบาก บางทีก็ต้องมี Lab มีอะไรที่การเตรียมการลำบากด้วย ส่วนวิชาสายศิลป์หลาย ๆ วิชา พอจะหาที่สอนข้างนอกได้ คือ จริง ๆ แล้วจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แต่เราคิดของเราอย่างนี้น่ะค่ะ จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 19:54:08

ความคิดเห็นที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10814416/K10814416.html ม.4 หลงตามกระแส ไปสายวิทย์ ปรากฏว่า คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ตกหมด ม.5 ย้ายลงให้ไว รู้สึกสบายใจขึ้น มาอยู่คณิต - อังกฤษ วางแผนการเรียนใหม่หมด ผมอ่อนคณิตศาสตร์ ไม่เป็นไร ปล่อยตกไปเลย ถ้าหน่วยกิตไม่พอจบ หาเอาเทอมที่มันไม่ยากซ่อมเอา ( ส่วนใหญ่เป็นสถิติพื้นฐาน ซึ่งไม่ยากมาก เลือกเทอมนั้นละซ่อม ) แล้วไปเน้นๆ เอาวิชาอื่นๆ เป็นหลัก สายนี้ภาษาอังกฤษผมไม่ใช่ปัญหา ( พูดกันตามตรง ถ้าบ้านผมอยู่ในถิ่นฝรั่งเยอะๆ รับรองคงพูดได้ปร๋อไม่แพ้พวกไปอยู่เมืองนอก ตอนนี้มีปัญหาแค่ฟังและพูดครับ ) นอกนั้นก็วิชาสังคมทั่วไป จำพวกพื้นฐานรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ซึ่งผมชอบอ่านหนังสือแนวๆ นี้อยู่แล้ว เลยเรียนได้อย่างสบายใจขึ้น + เริ่มเล่นเน็ตเป็น เลยหาความรู้พวกนี้จาก Webboard ต่างๆ โดยไม่มีอาจารย์เป็นตัวเป็นตน แม้ว่า GPA จะแย่มากๆ และผมเป็นไม่กี่คนในรุ่นที่ไม่ไปสอบ Entrance ( ทะเลาะกับแม่ด้วยนะเออ แกบอกไม่ลองดูละ ผมบอกเสียเวลา สอบไปก็ไม่ได้ เพราะตัวเองโง่คณิตศาสตร์จริงๆ ไม่รู้เรื่องเลย ) เลือกที่จะมารามคำแหงในทันทีที่จบ ม.6   สรุปว่า ผมเลือกเพราะรู้ตัวเองแล้วว่าไปสายวิทย์ไม่ไหวครับ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้คิดถึงอนาคตด้วย น่าจะเป็นเพราะความชอบส่วนตัวมากกว่า ( ยังเคยมีคนว่าผมเลย รัฐศาสตร์ปกครองหางานยาก เรียนไปทำไม เรียนนิิติฯ หรือ รปศ. หางานง่ายกว่าตั้งเยอะ ) จึงสนับสนุนให้คนเรียนตามความรักความชอบครับ อย่าไปบ้าเรื่องการหาเงินหรือกระแสโลกนักเลย จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 20:20:24

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เก่งเลข ฟิสิกส์ เคมี ครับ ชีววิทยาพอได้ เพราะเป็นแบบท่องๆจำๆ แต่ถ้าไปเรียนสายวิทย์เค้าคงไม่ให้เรียนชีววิทยาเพียงอย่างเดียวแน่นอน โดยเฉพาะเลข ฟิสิกส์นี่ ไม่รู้เรื่องเลย ตอนเรียนม.ต้นไม่มีความเข้าใจในสองวิชานี้โดยสิ้นเชิง สอบผ่านเลขม.สามเพราะไปช่วยอาจารย์ขัดห้องน้ำห้องพักครู เลยได้เกรดหนึ่งมา เลยหันเหมาเรียนสายศิลป์ ภาษาเยอรมันแทน ถ้าผมเก่งเลขเก่งวิทย์ ผมคงไปเรียนสายวิทย์แล้วหละครับ เป็นอะไรได้หลายอย่างกว่า อยากเป็นหมอ วิศวกร ก็เป็นได้ ตอนม.สี่ไปสอบเข้าเตรียมทหารก็สอบได้ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 20:42:44 A:115.87.176.116 X: TicketID:148075

ความคิดเห็นที่ 9 เราเรียนวิทย์ (computer science) เพราะเกลียดวิชาภาษาอังกฤษ แต่พอเรียนจบมาเราไม่เก่ง computer เอาซะเลย ตอนนี้ทำได้แค่ทดสอบ software ทำให้ computer มันพัง แล้วซ่อมใหม่เล่นสนุกๆเอามัน และ hack ระบบกับ crack programs ทำอะไรดีๆเป็นเรื่องเป็นราวเกี่ยวกับ computer ไม่เป็น เลยกลายเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จากนั้นก็เปลี่ยนอาชีพเป็นนักแปล เราว่าเรียนภาษานี่ดีอย่างหนึ่งนะ คือเรียนด้วยตัวเองได้ แต่เรียนวิทย์ด้วยตัวเองนี้ลำบากแฮะ... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 20:52:30

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีคำตอบใน choice อ่ะค่ะ ส่วนตัวเลือกสายวิทย์ เพราะอยากอยู่ห้องคิงค่ะ จริงๆไม่ชอบเลยวิทย์ - คณิตฯ แต่ว่าห้องภาษาโรงเรียนเรามีห้องเดียว (สมัยนั้นเมื่อเกือบๆสิบปีมาแล้ว) นักเรียนในห้องเยอะมากร่วมๆ 60 คน แต่วิทย์ห้องคิงจะน้อยกว่านั้นคือ 30 กว่าคนค่ะ (วิทย์ห้องรองๆก็จะพอๆกะห้องศิลป์ค่ะ) เลยคิดถึงคุณภาพการเรียนการสอนว่า คนเยอะคงไม่ไหว อีกอย่างโรงเรียนเราไม่ใช่โรงเรียนเด็กเก่ง ฉะนั้นอยากได้สังคมเด็กเรียนต้องห้องคิงเท่านั้นค่ะ ทนกับวิทย์ - คณิตฯมาสามปี กล้ำกลืนสุดๆ พอ entrance เลือกแต่คณะสายศิลป์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 54 23:00:05 จากคุณ : SadDog เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 22:55:20

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีคำตอบตรงๆในตัวเลือกเช่นกันครับ รู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าไม่ชอบคำนวณ ก็คงเรียนสายวิทย์ หรือสายศิลป์คำนวณไม่ได้แน่ๆ ประกอบกับช่วงปลายๆม.สาม อ่านหนังสือหลายเล่มที่เั่กี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส(เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กด้วยครับ) เลยเลือกเรียนศิลป์ ฝรั่งเศสไปครับ จากคุณ : ฟ้าสาง...ที่บางโพ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 00:59:09

ความคิดเห็นที่ 12 ดูจากผลโหวดและ comment ไม่สอดคล้องกันเลยแฮะ ?? ตกลงตอนที่อยู่ ม.3 ขึ้น ม.4 เนี่ยได้คิดถึงอนาคตในช่วงวัยทำงานกันเลยหรอ?? จาก comment มันเหมือนคิดแค่...เรียนไม่ไหว ไม่ถนัด จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 02:20:08

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ไม่ใช่เรียนไม่ไหว "แต่มันเกลียด" เข้าใจไหมว่า "เกลียดวิชาภาษาอังกฤษแบบเข้าไส้เลยหละ" เพราะครูคนไทยที่สอนเราตอน ม.ต้น พูดเสียงยานคางเหมือนสวดมนต์ เราหลับคาที่ทุกทีเลย แต่อยู่ดีๆเรากระโดดไปทำงานด้านภาษาอังกฤษได้ มันเป็นเพราะเราเผอิญรู้ภาษาอังกฤษไปเองโดยธรรมชาติจากการใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนนานๆ และรู้ว่าเรามีศัีกยภาพพอที่จะแข่งขันกับคนที่เรียนเอกด้านภาษามาได้ "มันเป็นเรื่องของการฉวยโอกาสเพื่อความอยู่รอด" ตอนนึ้วิชาภาษาอังกฤษที่เราเคยเกลียดมันมากๆ เราโตมากพอที่จะสอนตัวเองได้ในเรื่องยากๆ เรารู้วิธีสอนตัวเองไม่ให้ตัวเองเบื่อ อาการเกลียดภาษาอังกฤษตอนเด็กๆของเรามีผลมาจาก "การสอนภาษาอังกฤษที่ไร้ประสิทธิภาพของครูคนไทยของเราในอดีต" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 04:39:52

ความคิดเห็นที่ 14 โรงเรียนผมรุ่นนั้นมีแค่ 4ห้องครับ ไม่ได้เรียกเป็นห้อง 1 2 3 4 ด้วย เพราะถือว่าทุกห้องเท่ากันหมด เราจะเรียกว่าห้องวิทย์ คือสายวิทย์-คณิต ห้องคำนวณ คือสายศิลป์-คำนวณ ห้องภาษา คือสายศิลป์-ภาษา และห้องช่าง คือสายช่างอุตสาหกรรม ตอนผมอยู่ม.3 ผมก็เริ่มคิดแล้วล่ะว่าจะต่อสายไหน ผมตัดสินใจเลือกห้องวิทย์ในวันสมัครซะด้วยซ้ำ เพราะตอนแรกผมกะจะเข้าห้องช่างตามเพื่อนเหมือนกัน เพราะเพื่อนผมไปห้องนั้นเกือบหมด แต่พอนึกถึงว่าถ้าจบม.6 ผมจะเรียนต่ออะไร ตอนนั้นผมยังตอบตัวเองไม่ได้ ก็เลยเลือกห้องวิทย์ เพราะได้ยินมาว่าห้องวิทย์มันต่อคณะทางสายศิลป์ได้ แต่สายศิลป์จะมาต่อคณะทางสายวิทย์ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเอาว่าเรียนห้องวิทย์ก็ได้ เพื่อว่าจบออกไปจะได้มีโอกาสเลือกมากกว่าสายศิลป์นิดนึง พ่อกับแม่ไม่ได้มีผลในการตัดสินใจเลยนะเรื่องนี้อ่ะ เค้าค่อนข้างปล่อยให้ผมคิดเองมาตั้งแต่เด็กๆละ ซึ่งตอนนั้นผมเรียนได้หมดเลยนะทั้งสี่ห้อง เรียนห้องไหนก็ได้อ่ะครับ ไม่ได้มีอคติไม่ดีต่อห้องไหน แต่พอจบมาจริงๆผมก็ต่อคณะทางศิลปกรรมนะ ฮ่าๆๆ ตอนเรียนมัธยมก็เป็นตัวแทนไปแข่งวาดรูปด้วย ผมเลยเริ่มรู้ตัวเองว่าผมเหมาะกับอะไรแบบนั้นมากกว่า ก็เลยเบนเข็มมาเลือกเรียนคณะทางศิลปกรรม โรงเรียนผมมันจะแปลกๆอยู่อย่างคือ ตัวแทนแข่งวาดรูปอ่ะเป็นเด็กห้องวิทย์เกือบทุกคนเลย แต่พวกแข่งวิชาการกลับเป็นพวกเด็กห้องภาษาหรือไม่ก็คำนวณ ห้องวิทย์ก็มีนะ แต่น้อยกว่า จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 10:35:41

ความคิดเห็นที่ 15 จิ้มข้อ "ผู้ปกครองแนะนำ" ไป แต่จริงๆก็คือผู้ปกครองบังคับแหละค่ะ ^^" ความจริงอยากเรียนสายศิลป์มาก เพราะอยากเรียนภาษาญี่ปุ่น  แต่ดันสอบม.ปลายที่โรงเรียนค่อนข้างมีชื่อติด ผู้ปกครองเลยบังคับให้เลือกสายวิทย์ - -" (จริงๆตอนแรกคุยกับที่บ้านไว้ว่า ถ้าสอบไม่ติดโรงเรียนนี้ไม่ติด เค้าจะให้เรียนสายศิลป์ที่โรงเรียนเดิม..ดันติดซะงั้น) เลยต้องจำใจเรียนไป จำได้ว่าตอนแรกๆ ร้องไห้เกือบทุกวันเลย เพราะเรียนตามเพื่อนๆ ในห้องไม่ทัน เราไม่เก่งวิชาคำนวณด้วย  พอจบมา เกรดฟิสิกส์ เคมี ไม่เคยได้เกินกว่า 2 เลย มีแต่ชีวะนี่แหละที่พอจะเชิดหน้าชูตาได้บ้างเพราะส่วนใหญ่ได้เกรด 4 มาถึงตอนเลือกคณะ รอบแรกเลือกคณะสายวิทย์ไป แต่เรียนไปเรียนมารู้สึกว่าไม่ชอบ เลยซิ่วใหม่  คราวนี้วัดดวง เลือกคณะสายวิทย์-สายศิลป์อย่างละครึ่ง  สุดท้ายก็ได้ติดสายศิลป์สมใจ ตอนนี้เรียนจบแล้ว  ทำงานแล้ว  ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ (หรือถ้ามีลูก) ก็คงให้เลือกเรียนสายวิทย์แหละ -*- เพราะเลือกคณะได้มากกว่า จบออกมาเป็นวิชาชีพ หรือไม่ก็เป็นด้านเฉพาะทางซึ่งไม่ต้องมาแย่งหางานเหมือนคณะสายศิลป์ (และเงินเดือนก็เยอะกว่าด้วย) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  เราว่าตัวที่วัดกันจริงๆคงเป็นตอนเลือกคณะแหละค่ะ   ปล.  จริงๆคณะทางสายศิลป์ก็เงินเดือนเยอะนะ  ถ้าเก่งภาษา แต่เราไม่เก่งภาษาอ่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 12:07:28 จากคุณ : a r i t s u m e m o o n เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 12:05:20

ความคิดเห็นที่ 16 คห ๑๒ ตอนนั้นคิดไปถึงอนาคตค่ะ ถึงอาชีพเลยนะ แต่มันไม่สามารถคิดได้เหมาะสมกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ และการคิดแค่วิชาไหนถนัดหรือไม่ถนัด มันก็ง่ายกว่าด้วย (แต่ตูทำได้ทุกวิชา แต่ไม่รู้ว่าถนัดวิชาไหนอะ เลยคึิดยากเข้าไปอีก) บอกแล้วว่า คิดเอาเอง พอ่แม่ก็แนะนำ ครูก็ลาก เพื่อนก็บ่น แต่ก็เอาตามที่ตัวเองคิด สุดท้ายคิดผิดอย่างที่ว่าไปแล้ววววว ถึงตอนนี้ ก็ยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่า จะทำให้ค้นพบฝันในอนาคตอย่างไร เพราะที่ทำๆ อยู่จนปัจจุบันรู้แล้วว่าผิดทาง แต่หันหลังกลับไม่ได้ไง ต้องอยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน (ฝันไม่ไทันแล้วววว) และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด T_T จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับการนอน (PaBo) เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 12:22:17

ความคิดเห็นที่ 17 เลือกศิลป์คำนวณ เพราะไม่อยากเรียนวิทย์ครับ ซึ่งผมก็คิดว่าคิดถูก เพราะถ้าเลือกวิทย์คงต้องเรียนพิเศษจนหัวฟูแน่ๆ ผมชอบชิวๆครับ ยังดีที่เอนท์ติดมาได้ ปล.เลือกช้อยส์ไม่ถูกเหมือนกันว่าข้อไหน จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 13:46:55

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่มีตัวเลือก "เพราะว่าชอบวิชาที่เรียน" หรือครับ ผมเลือกเรียนสายวิทย์เพราะว่าผมชอบคำนวณครับ จากคุณ : Pietersite เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 13:59:41

ความคิดเห็นที่ 19 เราเลือกเรียนสายศิลป์ไปงั้นๆแหละ  ที่จริงเราต้องเลือกเรียนสายวิทย์ตั้งแต่วันที่ไปสมัครสอบเข้าม.4  แล้วล่ะ   แต่พอมาเห็นพวกเด็กสายศิลป์บางคนมาตั้งกระทู้พูดจาดูถูกเหยียดหยามเด็กสายวิทย์ในเว็บเด็กดีแล้ว   เรารู้สึกโกรธแค้นแทนพวกเด็กสายวิทย์ทุกคนมากๆที่ต้องมาเห็นรุ่นน้องที่เป็นพวกเด็กสายศิลป์ทำตัวเกรียนๆพูดจาดูถูกเหยียดหยามเด็กสายวิทย์แบบนี้ เด็กสายวิทย์สามารถเลือกคณะได้หลากหลายทั้งของสายวิทย์และสายศิลป์   ส่วนเด็กสายศิลป์ไม่สามารถเลือกคณะของสายวิทย์ได้เลย แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 19:16:20 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 19:14:30 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 19:13:48 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 19:13:34 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 15:05:45 จากคุณ : เท็ตสึกะ (เท็ตสึกะ) เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 15:04:15

ความคิดเห็นที่ 20 อายุ 30 ปีแล้ว ตอบได้ไหมครับ ที่เลือกสายศิลป์-ภาษา เพราะตัวเองไม่ชอบเลขครับ และสายศิลป์-ภาษาตอนนั้นไม่ต้องเรียนเลขเลย แม้ว่าตอน ม.5 ทางโรงเรียนจะจัดหลักสูตรให้เรียนเลขด้วย แต่ก็โดนนักเรียนต่อต้านจนต้องยกเลิกไป ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้สายศิลป์-ภาษาก็ต้องเรียนเลขแล้วใช่ไหมครับ ตัวเลือกที่ใกล้เคียงที่สุดคงเป็นข้อ 5 นะ เพราะตอนนั้นตั้งใจจะเรียนต่อคณะด้านภาษาต่างประเทศ จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 16:23:09

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบได้ทุกวัยเลยค่ะะ เพราะต้องการรวบรวมไปเป็นสถิติใช้ในรายงานค่ะะ อายุเท่าไหร่ก็ได้ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นมาก ๆ เลยคะะะ จากคุณ : ThreeTanz เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 17:56:53

ความคิดเห็นที่ 22 เรียนวิทย์เรียนศิลป์ดีหมด ถ้าชอบถ้าถนัดและเรียนได้ดี จบมหาวิทยาลัยแล้วอนาคตน่าจะดีทุกคนอยู่แล้วสำหรับกลุ่มที่ว่านี้ แต่เท่าที่เห็นตอนนี้คือ เด็กไทยหลายๆคนไม่รู้จักตัวเอง เรียนอะไรก็ไม่เก่งสักอย่าง น่าเป็นห่วงสุดๆ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 07:43:49

ความคิดเห็นที่ 23 เราเหมือน คห.ที่ 6 ค่ะ แต่จริงๆเราตัดสินจากหลายอย่าง 1. มุมมองจากสังคมในตอนนั้นทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน เหมือนคนเรียนสายวิทย์จะเป็นคนเก่งหน่ะค่ะ (คือสังคมที่เราอยู่ส่วนใหญ่คิดแบบนั้น) 2. บางทีเราอยากรู้อะไรแปลกๆ หรือเหตุผลมาอธิบายเหตุการณ์ธรรมชาติต่าง เราคิดว่าเราควรจะมีความรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ติดตัวค่ะ เหมือนต้องมีฐานความรู้ก่อน แล้วเราจะเข้าใจมันได้ดีขึ้นค่ะ 3. สายวิทย์โรงเรียนเราเรียนเยอะกว่าสายศิลป์ และครูให้ความสนใจเทคแคร์ให้ความรู้เด็กสายวิทย์ดีกว่าค่ะ (มันคือความจริงของสังคมรอบตัวเราค่ะ T^T) เหมือนเราเรียนแล้วเราจะได้ความรู้มากกว่า ภาษาบางทีเราก็เรียนมากกว่าเขาอีกค่ะ ไม่นับภาษาที่สามนะคะ แล้วภาษาที่สามเรารู้สึกว่าเราจะเรียนด้วยตนเองได้ หรือหาที่เรียนง่ายกว่าค่ะ จากคุณ : ladymoonchzz เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 54 22:32:00