ความคิดเห็นที่ 1 น่าจะเอาไว้ รบกับจีน ต่อไปนะครับเพราะหลังจากนั้นก็มีสงครามใหญ่กับจีน แต่ถ้าไม่มีสงคราม ต่อไปก็น่าจะปล่อยกลับบ้าน จากคุณ : ทาสเทวี เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 07:42:08

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่ามีหลากหลายแบบแลครับ - พวกที่ยอมติดตาม ก็ตามพม่ากลับไปอังวะ - บางพวกก็คงกลับบ้านกลับช่องกันไป - บางพวกก็ปักหลักกลายเป็นชุมนุมโจรปล้นชิงชาวบ้านแถบภาคกลางต่อไป เห็นบันทึกของพม่า ที่ท่านสมาชิกเคยแปลมา กล่าวว่า พม่าจดบันทึกว่ากวาดต้อนเชลยกลับไปได้ราวๆ 1.5 แสนคน แหน่ะครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 08:36:33

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่า จะเป็นจำนวนแสน ในสมัยก่อน แสน ใช้ในความหมายว่า มาก แต่คนรุ่นหลังมาตีความว่า แสน คือ จำนวนสิบหมื่น หรือไม่  ก็เขียนจำนวนข้าศึกให้มากเข้าไว้ จะได้เป็นข้ออ้างว่า สู้ไม่ได้ (เหมือนกับในพระไตรปิฎก ที่ ใช้จำนวน โกฏิ เหมือนกับที่ มีการชุมนุม ที่อ้างว่ามีคนมาเป็นเรือนแสน แต่ถ้าลองเอา พื้ันที่ในการชุมนุม มาหารกับ พื้นที่ืั้ที่ ๑ คนต้องใช้ ก็พอจะได้ตัวเลขใกล้เคียงว่า มากันเท่าไรแน่) จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 08:50:17

ความคิดเห็นที่ 4 ใช่ครับเหมือนนายช่างปลูกเรือน ถ้ามาแสนคน ถ่ายทุกข์ คนกอง ต่อวันก็คือ แสนกองต่อวัน สามสิบวัน สามล้านกอง โอวววววว พระเจ้า จากคุณ : ทาสเทวี เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 11:18:51

ความคิดเห็นที่ 5 เวลาถ่ายทุกข์ ก็ขุดหลุมเอาสิครับ แล้วก็เอาไม้พาด ไม่น่าจะยากหรอกครับ เพราะถ้าทำอย่างที่ว่าไปถ่ายกันเรี่ยราด ป่านนี้คงมีทหารป่วยตายกันเยอะล่ะครับ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่คำนึงถึงสุขอนามัยกันหรอกครับ ส่วนปัญหาเรื่องจำนวนคน ผมมองว่าเป็นไปได้ครับ ว่าจะมาเป็นเรือนแสน เพราะหลักการรบสมัยโบราณ ต้องใช้กำลังคนเข้าทุ่มเทเป็นหลัก ไม่ได้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ กดปุ๊ดยิงถล่มปั๊ป หรือมีขีปนาวุธยิงข้ามทวีปได้เหมือนทุกวันนี้ บางครั้ง การคิดมากจนไม่คำนึงถึงข้อมูลสภาพแวดล้อมในยุคสมัยนั้น ๆ เลย (พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่สนใจต่อปัจจัยในแต่ละสมัย ) มันก็ทำให้เข้าใจอะไรผิด ๆ ไปได้เยอะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:57:17

ความคิดเห็นที่ 6 คุณdigimontamer       จำได้ว่าคุณเคยบอกว่า  1.5หมื่น นี่ครับ    ไม่ใช่แสน จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 15:07:32

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่ครับ ตอนแรกๆผมเข้าใจว่ามี 1.5 หมื่น (ตัวเลขนี้ผมก็จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหนเหมือนกัน แต่คล้ายๆว่าเคยอ่านเจอจากหนังสือ) แต่พอดี ตอนหลังมีท่านสมาชิกในห้องสมุดนี้แล (จำมิได้ว่าเป็นท่านใด ต้องขออภัยด้วย) เอาบันทึกของพม่าที่บอกตัวเลขของเชลยที่กวาดต้อนจากอยุธยา เขาเขียนว่ามีราวๆ 1 แสนกว่าคนเลยทีเดียว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 17:19:36

ความคิดเห็นที่ 8 1แสนกว่าคนนี่ถ้าจริงผมว่าคงไม่ได้เป็นเชลยจากอยุธยาทั้งหมดหรอกครับ      คงต้องบวกไพร่พลหัวเมืองที่ขอตามไปอยู่พม่าที่คุณว่าในคห.1ด้วย ผมตีว่าเชลยจากอยุธยาทั้งหมด     พม่าน่าจะได้ไปไม่เกิน5หมื่น จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 18:47:04

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ก็น่าแปลกใจ     ว่าถ้าพม่าได้ไพร่พลไปเป็นแสน    คนของเราน่าจะลดจำนวนไปอย่างมหาศาลเลย     แต่พอสงคราม9ทัพห่างแค่ไม่ถึง20ปี     รัตนโกสินทร์กลับสามารถระดมไพร่พลมารับมือพม่าได้กว่า7หมื่น       ผลิตประชากรได้เร็วเอามากๆเลย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 18:49:57

ความคิดเห็นที่ 10 ผมค้นเจอแล้วครับ ตัวเลขเชลย 1 แสนคนนี้ บันทึกเอาไว้ใน "มหาราชวงศ์พงศาวดารพม่า" ครับ ถูกแปลเป็นไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 คุณ ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) ได้เอามาโพสไว้ในกระทู้นี้ครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3059220/K3059220.html ตัวเลขเชลย 1 แสนคนเศษจะอยู่ในความเห็นที่ 46 หน่ะครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:13:34

ความคิดเห็นที่ 11 1. ตัวเลขนี้ก็อาจจะจริง หรือเกินจริงไปบ้าง ตามแต่พม่าเขาจะบันทึก แต่ถ้าดูรายชื่อของเจ้านายที่โดนเชิญเสด็จไปแล้ว จะเห็นว่าเขาบันทึกได้ละเอียดมากเหมือนกัน ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นตัวเลขที่ใกล้ความเป็นจริงครับ เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นชาวอยุธยาเสียหมด เนื่องจากว่า ตอนที่มังมหานรธาและเนเมียวสีหบดีแยกย้ายกันยกทัพเข้ามานั้น ต้องไปกวาดต้อนชาวบ้านจากหัวเมืองมอญ, ไทใหญ่ และล้านนา ด้วย ก็เป็นไปได้ว่าจะเอาตัวเลขยำๆปนๆกัน กลายเป็นเชลยหรือไพร่พลที่หามาได้หมด ไม่ได้เป็นชาวอยุธยาเสียทั้งแสนคน หรือก็อาจจะเป็นดังที่คุณนายช่างปลูกเรือนตั้งข้อสังเกตไว้คือ ตัวเลขแสน นี่ก็เพื่อแสดงว่าจับมาได้เยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว อาจจะแค่ 2-3 หมื่น แต่ไม่รู้จะนับอย่างไรเลยตีให้เยอะๆเป็นแสนไว้ก่อน หรือก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ทางแม่ทัพพม่าตกแต่งตัวเลขให้เยอะๆเข้าไว้ เพื่อถวายพระเจ้ามังระครับ (ก็ขนาดเอาทัพไปตั้ง 3 หมื่น ใช้เวลาตั้งเกือบ 2 ปีครึ่งในการทำศึก ถ้าจับคนมาได้แค่หมื่นเศษๆ พระเจ้ามังระจะทรงพอพระทัยหรือหรือ หุหุ อย่ากระนั้นเลย ตกแต่งเลขถวายไปพระองค์ก็ไม่ทรงทราบหรอก พระองค์ไม่ได้ลงมาพระดำเนินนับนี่หว่า) 2. แต่ผมก็เห็นด้วยกับคุณ zodiac28 ครับว่า หากพม่ากวาดต้อนคนไทยไปได้เรือนแสนจริงๆ ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยว่าในอีก 20 ปีต่อมา เราจะหาไพร่พลตั้ง 7 หมื่นมารับสงคราม 9 ทัพได้ เพราะสมัยปลายอยุธยา ภาคกลางน่าจะมีประชากรราวๆ 1.1-1.3 ล้านคนเป็นอย่างมากที่สุด เป็นผู้ชายเสียครึ่งก็เหลือสัก 5 แสนเศษๆ โครงสร้างประชากรยุคโบราณ เด็กเล็กจะมีจำนวนเยอะกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว เอาชายฉกรรจน์จริงๆน่าจะมีแค่ 1 แสนคนเศษๆเอง แถมช่วงยุคธนบุรีมีสงครามนอก-ใน ตลอด ข้าวยากหมากแพงอยู่นับสิบปี ไม่มีทางที่เราจะเพิ่มจำนวนประชากรกลับมาได้เท่ายุคปลายอยุธยาภายใน 20 ปีได้เลย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:25:24

ความคิดเห็นที่ 12 ในลิงค์ที่คุณอุ้ยยกมานั่น   เป็นตัวเลขที่นับตอนตีอยุธยาเสร็จใหม่ๆนี่ครับ       อาจจะเป็นไปได้ว่านับรวมคนต่างชาติกับคนจีนในอยุธยาเข้าไปด้วย    ไม่ใช่เชลยชาวไทยแท้ๆทั้งหมด และถึงว่าได้เชลยไปแสนคนจริง      จำนวนเชลยที่ไปถึงอังวะน่าจะเหลือไม่ถึงครึ่งครับ       ทั้งคนที่หนีออกมา    คนที่ตาย    คนที่โดนประหาร    ผมว่าเหลือไปถึงอังวะจริงๆอาจจะแค่ราวๆ2-3หมื่นด้วยซ้ำ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:46:19

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องคนมารับทัพพม่าในอีก ๒๐ ปีต่อมา ที่เราหาได้ ๗ หมื่นนั้น ส่วนตัวว่า มันเป็นไปได้เลยครับ เพราะต้องอย่าลืมว่า ช่วงปลายอยุธยา ตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศลงมา........ผู้ชายหนีเกณฑ์เยอะมาก...................... คนข้อมือขาวสมัยนั้นมหาศาล ยิ่งมาสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ไม่ต้องพูดถึงครับ ดูตัวอย่างจาก ชุนนุมนายเพ็ง นายมา ที่มีบันทึกเอาไว้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่า คนหนีเกณฑ์เพียบ และทางการก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกัน แค่หนีออกไปเกินโคราช หรือหนีไปภาคตะวันออก หรือลงใต้ อำนาจการปกครองของอยุธยาก็ไปไม่ถึงแล้วครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:46:24

ความคิดเห็นที่ 14 ก็น่าจะเป็นไปได้ครับ       แต่คิดไปคิดมา      เราอาจเสียกำลังคนไปจากอยุธยาแตกไม่มากมายเท่าไหร่ก็ได้    ถ้าเทียบกับจำนวนทั้งหมด    มีคนที่หนีรอดไปได้เยอะเหลือเกิน ดูจากอยุธยารับศึกยังมีทหารราวๆ6หมื่นเท่านั้น    ทั้งที่พออยุธยาถูกตีแตก   โดนกวาดต้อนเชลยไปมาก      แต่พอไปไล่เกณฑ์พลกันจริงจังในสมัยรัตนโกสินทร์    กลับได้ทหารถึง7หมื่น     มากกว่ากองทัพอยุธยาซะอีก จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:17:09

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมองว่าต้องมองในสองมุมนะครับ มุมแรก พวกที่อาศัยอยู่ในเขตใกล้ ๆ อยุธยา คงจะไม่ไปไหนแน่ ๆ น่าจะหลบเข้ามาอยู่ในกำแพงพระนครตลอดจนกรุงแตก บางคนบางพวก ก็เริ่มหนีไปตั้งแต่ค่ายรอบ ๆ พระนครแตกก็น่าจะเป็นไปได้ จนถึงพวกสุดท้ายก็คือ พวกที่หนีไปตอนด้านใต้ของกรุงศรีฯ โดนพม่าล้อมไว้ได้หมด พูดง่าย ๆ ก็คือ พม่าล้อมไว้ได้ทุกด้าน แล้วก็ยังมีพวกที่หนีไปเข้าด้วยกับพม่า ตอนก่อนกรุงจะแตก เพราะทนหิวไม่ไหว นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ในกรุง คนน่าจะต้องไม่น้อยครับ อีกเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ กรณี จมื่นศรีสรรักษ์รวบรวมคนตีแหกออกไปครั้งสุดท้ายก่อนกรุงจะแตก นี่ถ้ามีกำลังหนุนมากกว่านี้ ก็น่าจะสำเร็จ เพราะสามารถหักค่ายพม่าได้หลายค่ายเหมือนกัน พวกที่อยู่ไกลออกไป เช่นหัวเมืองตรี หัวเมืองโท หัวเมืองเอก พวกนี้ก็ไม่เข้ามาอยู่แล้วล่ะครับ แล้วการหนีการสักเลก ก็น่าจะมีไปทุกหย่อมหญ้า จะเพราะว่าหนีเองก็ตาม หรือจะเพราะว่าเจ้าเมืองรู้เห็นเป็นใจต้องการเอาไว้เป็นกำลังของตนเองเผื่อมีการเปลี่ยนอำนาจกันอีกก็ตาม จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:44:02

ความคิดเห็นที่ 16 จากที่คุณผ้าพับไว้ว่า    มีคนหนีไปหัวเมืองอื่นๆเยอะ    แต่หัวเมืองส่วนใหญ่ก็น่าจะโดนพม่ากวาดต้อนไปเกือบทุกเมืองนะครับ    เหลือแค่ไม่กี่เมืองที่รอดมา        แต่ภายหลังพอเกณฑ์กันจริงจังก็ได้ทหารจำนวนมาก      นั่นน่าจะหมายความว่า    สมัยอยุธยาตอนปลาย    ถ้าเกณฑ์พลกันจริงจัง    อย่างน้อยๆน่าจะได้ทหารมากกว่าตอนอยุธยาแตกอย่างน้อยๆ2-2.5เท่า ส่วนตัวผมคิดว่าอยุธยาน่าจะมีประชากรอยู่ราวๆ2แสนคน      ตายในสงครามน่าจะราวๆ5หมื่นคน      หนีออกไปได้น่าจะราวๆ6-7หมื่นคน     ตกเป็นเชลยน่าจะราวๆ6-7หมื่นคน    บวกกับคนจากหัวเมืองต่างๆที่ถูกพม่ากวาดต้อน+ขอไปอยู่พม่า     น่าจะตกราวๆ1แสนคน      แต่คงไปถึงอังวะไม่มาก  ทั้งหนี   ทั้งตาย   ทั้งโดนประหาร  ไปถึงได้ซัก4หมื่นก็มากแล้ว สงสัยนิดครับ     ว่าถ้าเกิดอยุธยายังไม่ถูกตีแตกตอนเผารากกำแพง      พม่าจะอดทนล้อมอยุธยาไปได้อีกนานแค่ไหน    เพราะเท่าที่รู้ทางอังวะก็เร่งกองทัพให้กลับมาช่วยทางอังวะรับศึกกับจีนอยู่     จะให้ล้อมไปเรื่อยๆคงไม่ได้ ตอนนั้นดูเหมือนวัดใจกันเลย  อยุธยาก็ขัดสนเสบียง   คงตั้งรับอยู่ได้อีกไม่นาน      พม่าก็โดนเร่ง   ให้รีบยกทัพกลับไปช่วยอังวะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 22:19:04 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:14:18

ความคิดเห็นที่ 17 อืม จริงๆผมลองไปอ่านพงศาวดารพม่าที่คุณ ขุนนางอยุธยา โพสเอาไว้ในครั้นกระโน้น บางทีพม่าอาจจะไม่ได้ทำลายหัวเมืองของอยุธยาไปมากมายก็ได้ครับ ทัพของมังมหานรทา รุกมาจากทางตะวันตก-ใต้ ทั้งโจมตีและยึดหัวเมืองฝ่ายใต้มาดังนี้ เมืองมะริด, ตะนาวศรี, ชุมพร, ปราณบุรี, กุยบุรี, เพชรบุรี, ราชบุรี, กาญจนบุรี, แม่กลอง, สาครบุรี, ธนบุรี, นนทบุรี, พระประแดง, สุพรรณบุรี เท่ากับว่าทัพของมังมหานรทา ยึดหัวเมืองส่วนใหญ่ในภาคกลางตอนล่างไปเกือบหมด ยกเว้นเมืองทางภาคตะวันออก แต่นครนายกออกไปไม่ถูกพม่าเข้าไปรบกวน และภาคใต้จากเมืองไชยาลงไปยังไม่ถูกพม่ารบกวน ทัพของเนเมียวสีหบดี รุกมาจากทางเหนือ เข้าตี-ยึด หัวเมืองฝ่ายเหนือมาดังนี้ เมืองบ้านตาก เมืองระแหง เมืองกำแพงเพชร เมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย และก็กวาดหัวเมืองหรือชุมชนเล็กๆทางฟากขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยลง ซึ่งชาวบ้านแถบเมืองสิงห์บุรี-พรหมบุรี-อินทร์บุรี-สรรคบุรี ถ้าไม่หนีไปที่อื่นก็คงจะเข้ากรุงไปหมด ส่วนพวกเมืองใกล้ๆอย่างวิเศษชัยชาญ-ป่าโมก คงหนีเข้ากรุงแน่ๆแล้ว จะเห็นว่าทัพของเนเมียวสีหบดี ยึดหัวเมืองเหนือ เฉพาะฟากขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา และหัวเมืองตามแนวแม่น้ำปิง-ยม เท่านั้น ไม่ได้ไปรบกวนหัวเมืองตามแนวแม่น้ำน่านและหัวเมืองฟากซ้ายของเจ้าพระยา หรือแถบแม่น้ำป่าสักมากเท่าไหร่ รวมกันแสดงว่า ดินแดนอีกครึ่งอาณาจักรของอยุธยาไม่ได้ถูกพม่ารบกวนเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 08:01:44

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนตอนกรุงใกล้แตกนั้น ผมว่าถ้าอยุธยายันได้จนถึงฤดูน้ำหลากอีกรอบในเดือน 10 รับรองว่ารอดแน่ๆครับ เพราะพม่าจะรบกับจีนแล้ว แม้พระเจ้ามังระจะมีพระราชโองการมาให้เนเมียวสีหบดีตีอยุธยาให้ได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ตาม แต่หากกลางปี พ.ศ.2310 ทัพชิงนำโดยหมิงรุ่ยยกพลเกือบ 1 แสนคนเข้าโจมตีพม่า และบุกได้ถึงเมืองสะกายใกล้อังวะในช่วงปลายปีแล้ว พระเจ้ามังระก็ต้องทรงให้เนเมียวสีหบดีถอนทัพกลับแน่นอน ปัญหาคือ ตอนนั้นในเมืองอดอยากกันมากแล้ว จะทนได้อีก 5 เดือนหรือไม่ก็ว่าลำบาก จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 08:04:48