ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่เคยขึ้นรถเมล์ในสองประเทศนั้น ถ้าคนที่นั่นเขาไม่ลุก ผมก็ไม่ลุก ถ้าเขาลุก ผมก็ลุก ด้วยเหตุผลเข้าเมืองตาหลิ่ว ไปบ้านเขาทำยังไงเราทำตามก็สิ้นเรื่อง อย่าไปแสวงหาเรื่องใส่ตัว สำหรับประเทศไทย ตอนผมเป็นลูกเสือ เขาสอนให้ลุกให้กับเด็ก สตรี และคนชรา ผมไม่รู้ว่าเด็กลูกเสือสมัยคุณ จขกท จะยังสอนอย่างผมหรือเปล่า แต่ว่าเขาสอนผมมายังไง ผมก็ทำอย่างนั้น และผมก็ยังถือว่า ประเพณีหลิ่วตาในเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้ แต่ท่าทางตอนนี้ผมถูกจัดประเภทใหม่แล้ว วันนั้น ขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาจากวัดธาตุทองจะไปอนุสาวรีย์ฯ ผมก็ยืนเอ้อระเหยดูโน่นดูนี่ไปตามเรื่อง จู่ๆก็รู้สึกมีมือมาสะกิดแขน เหลียวไปดูก็สะดุ้งเฮือกเพราะมีสุภาพสตรีร่างแน่งน้อยและหน้าตาหมดจดชนิดไปวัดได้ตลอดเวลาไม่ต้องอายใครกำลังเอามือน้อยๆของเธอสะกิดแขนผมแล้วก็ชี้ให้ดูที่นั่งที่เธอเพิ่งลุกขึ้นมาแล้วก็บอกว่า "คุณตานั่งสิคะ" ฮือๆๆๆๆๆๆๆ สุภาพบุรุษแอ๊ด ร้องไห้ก็มิได้ หัวร่อก็มิออก ได้แต่บอกเธอว่า "ขอบคุณนะหนู เดี๋ยวผมก็ลงแล้วครับ" ขอให้จำเริญๆนะแม่คุณ ขอให้สวยยิ่งๆขึันไปสมกับน้ำใจที่งดงามเอื้อเฟื้อต่อคน(ที่เธอเห็นว่า)ชรา จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:26:36

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ลุกให้ผู้หญิงนั่ง ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่อะไรเลยค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ลุกให้คนท้องนั่งนี่สุดๆ เราชอบทำบ่อยมาก คือลุกให้เด็กหรือคนแก่นั่ง(คนท้องเจอน้อยกว่า) แล้วมองไปที่ผู้ชายที่อยู่แถวนั้น ไม่มีใครกล้าสบตาเราเลย เหอะๆ คนท้องการทรงตัว ลุก นั่งยืนก็ลำบากมากพออยู่แล้ว เด็กกับคนแก่ก็เช่นเดียวกัน ถ้าใครเคยนั่งรถเมล์ที่ต่างประเทศ ประเทศที่เขาเจริญแล้วจะพบว่า มีความปลอดภัยสูง ไม่มีการออกรถกระชาก ประตูปิดทุกครั้ง จำกัดจำนวนผู้โดยสาร ให้ความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เขาไม่ลุกให้นั่ง คนแก่ คนท้อง เด็กก็ไม่เดือดร้อนเท่ากับของไทยเรา ประเทศที่ขับรถได้สูสีน่าจะเป็นจีน แต่จีนเขาก็ปิดประตูรถก่อนออกทุกครั้ง ดีกว่าไทยนิดหน่อย ซึ้งใจกับน้ำใจหนุ่มจริงๆ จะแล้งไปไหนหนอ โสดดีแล้วตู เราขอสิทธิในการได้รับการศึกษา การทำงานเท่าเทียมกับผู้ชายมาตลอด ขอแค่สองอย่างนี้ เรื่องเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ ให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วเราก็ไม่กลัวว่า เราไม่เคยออกปากขอก่อน กริยาท่าทางที่ส่อไปทางนั้นก็ไม่เคยทำ อย่างมากขอยืมเงินแล้วรีบใช้คืนให้เร็วที่สุด ไม่เดือดร้อนพวกคุณแม้แต่น้อย เพราะเราไม่ชอบเป็นหนี้ใคร ขี้เกียจมองสีหน้าคน ที่ติดหนี้อย่างจริงจังก็มีแค่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์เท่านั้นค่ะ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:38:52

ความคิดเห็นที่ 3 จขกทครับ ผมจำไม่ได้เสียแล้ว ว่าลูกเสือสอนยังไง  แต่จำได้แน่ไว่รถเมลล์ไทย  มีป้ายนี้อยู่  ส่วนใหญ่ผมก็จะทำนะ  แต่มีคนมาบอกว่ารถเมลล์ในตปท  ไม่ต้องทำแบบนั้นนะครับ อ่อ คุณข้างบน  ผมลองคิดแบบยั่วแย้งน่ะครับ  สิทธิเท่าเทียมกัน  ก็หมายความว่าเท่ากันทุกเรื่อง    อันที่จริงการไม่เลี้ยงผู้หญิงเวลาไปทานข้าวกันน่าจะได้รับความชื่นชมเสียด้วยซ้ำว่าเราให้เกียรติอย่างสูง ส่วน เรื่องจริงผมทำยังไง ขออุบไว้ - -" จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:07:26

ความคิดเห็นที่ 4 ขอย้ำว่า สภาพรถเมล์ต่างกันค่ะ มาบอกว่าต่างประเทศทำอย่างนี้ ไทยจะทำบ้าง ขอบอกว่า เถียงไม่ขึ้นแม้แต่น้อย คุณผู้ชายชอบขอร้องความเท่าเทียม ทั้งๆที่พวกคุณยังไม่สิทธินั้นแก่ผู้หญิงเราเลย สังคมยังคง นิยมสาวบริสุทธิ์อยู่ สาวที่เสียสาวไปแล้วก็เหมือน รถยนตร์มือสองที่ราคาตกฮวบ ที่ต่างประเทศเขาไม่ถืออย่างนั้น ผู้หญิงเราเรียกร้องบ้างได้ไหมคะ? ส่วนผู้ชาย อยากได้ผู้หญิงมาซ้อมมือก่อนลงสนามจริง พอลงสนามจริง(แต่งงาน)ก็อยากได้ผู้หญิงบริสุทธิ์ พอผู้หญิงเข้าสู่สภาวะ แก่ง่ายตายยาก ก็อยากหาของใหม่มาประดับบารมี เออ เอาเข้าไป ผู้ชายถ้ามีเมียสองคนได้ มีน่ามีตา ถือว่าแน่ เอาผู้หญิงสองคนได้อยู่ ถ้าผู้หญิงทำบ้าง โดนแน่ๆคำว่า นางวันทอง หรือ..อกทองหรืออะไรก็ว่าไป เรื่องงานก็ชอบบอกว่าเดี๋ยวก็ลาคลอด ลาไปแต่งงาน มีธุระเยอะ ต้องทำงานบ้าน ทำงานให้บริษัทไม่เต็มที่ อาศัยสามีหาเงินคนเดียวก็ไม่ดี เดี๋ยวมันมีเมียน้อย ลังเลไม่กล้าหย่าต้องทนไปทั้งชาติ ความจริงผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงตั้งประทู้ทำนองนี้ ส่วนมากที่อ่านเจอ ที่มาขอความเท่าเทียมเป็นผู้ชายทั้งนั้น พอๆกับฝรั่งที่บ่นอย่างโอดครวญว่า ตอนนี้โลกทั้งโลกกำลังแย่ลง แต่มันไม่เคยคิดเลยว่ามันไปทำกับเชื้อชาติอื่นอย่างไร กดขี่อย่างไร เข่นฆ่าเช่นไร เหมือนพวกมันลืมไปแล้ว ตอนนี้ก็มาดูถูกสีผิว ดื่มเหล้าเมาก็หาเรื่องต่อยผิวเหลืองบ้าง ด่าผิวดำบ้าง ทำไมเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องของ กรรมตามสนองบ้างหนอ อคติที่เรามีต่อผู้ชายก็มากเกินพออยู่แล้ว อย่าให้มันเพิ่มไปมากกว่านี้เลย ขอร้องละนะ เราอยากขึ้นคานตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านมีปัญหา  ออกมารู้สังคมภายนอกก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิด ขอบคุณจขกท.นะคะที่ให้ความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง เราจะเสริมความมั่นใจไปเรื่อยๆค่ะ รับรอง คุณไม่ต้องบอกหรอกนะคะว่าชีวิตจริงคุณทำอย่างไร เราไม่อยากรู้ แค่หัวข้อกระทู้ก็เพียงพอแล้ว จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:44:27

ความคิดเห็นที่ 5 เอาน่า เอาน่า ใครใคร่ทำ ก็ทำ ใครไม่ใคร่ทำ ก็ไม่ต้องทำ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:57:38

ความคิดเห็นที่ 6 ใจเย็น ๆ นะครับ เข้ามาตอบในฐานะที่เคยอยู่ญี่ปุ่นที่เมือง Shizuoka ครับ เขาจะจัดที่นั่งเฉพาะไว้สำหรับผู้สูงอายุ คนพิการ และสตรีมีครรภ์ ผู้ชายไม่ลุกให้ผู้หญิงนั่ง มีครั้งนึงผมมีเด็กผู้หญิงน่าจะ ม.ต้น ขึ้นรถมาสองคน ตอนนั้นเหลือที่นั่งว่างข้างผมที่เดียว เด็กคนนึงก็บอกให้อีกคนนั่งข้าง ๆ ผม พอผมลุกให้นั่งเท่านั้นแหละ พวกเธอทำหน้าเซอร์ไพรส์มาก ๆ 55555 รถเมล์มีความปลอดภัยสูง เขาจะไม่ได้ใครลุกจนกว่าจะรถจะจอดสนิท ผิดกับเมืองไทยมากมาย นี่ก็หนึ่งใน culture shock จะว่าไป ผมสังเกตป้ายในเมืองไทยว่า เมื่อก่อนผมจะเห็นติดไว้ประมาณว่า "เอื้อเฟื้อแก่เด็ก สตรี และคนชรา" หลัง ๆ มานี่เห็นป้าย "เอื้อเฟื้อแก่เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา" จากคุณ : Urashima เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:38:21

ความคิดเห็นที่ 7 บางครั้ง ความเท่าเทียมก็ขัดแย้งกับคำว่า มีน้ำใจ เราคิดว่าการลุกขึ้นให้เ็ด็กเล็กๆ หรือคนชรา บนรถโดยสารเป็นเรื่องที่ควรทำนะคะ แต่ไม่ทำก็ไม่ผิด เพราะมันเป็นเรื่องของคุณ แต่อย่าลืมว่า สังคมไทย ไม่ได้เป็นสังคมตัวใครตัวมันหรือแก่งแย่งกันขนาดนั้น เรื่องไหนที่คุณพอจะทำได้ก็ทำเถอะค่ะ ส่วนเรื่องการแชร์กันจ่ายค่าอาหาร อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว ก็มีแต่พวกผู้ชายหน้าใหญ่ ใจใหญ่เท่านั้นแหละที่อยากโชว์ ถ้าคุณคิดจะจีบใครคุณต้องกล้าๆ บอกหน่อยว่า จ่ายคนละครึ่งนะ เืพื่อความยุติธรรม เชื่อเถอะว่าไม่มีผุ้หญิงคนไหนเขาว่าคุณหรอก(ถ้าเธอคนนั้นจริงใจ จริงจัง กับคุณจริงๆ นะคะ) และจริงๆ นะ ผู้ชายสมัยนี้ชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแบบผิดที่ผิดทาง ไม่ลุกให้คนแก่หรือเด็กนั่ง แต่กลับยอมจ่ายเงินเลี้ยงข้าวผู้หญิง  เราอยากให้สลับกันมากเลย ^^ จากคุณ : latics1 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:39:02

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแต่ใจคนล่ะค่ะ โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่าทำไมผู้ชายต้องลุกให้หญิงที่แข็งแรงดีนั่ง แต่ถ้าเป็น "เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา" ถ้าใครไม่ทำก็ไม่ว่า แต่จะทำเองเพื่อ (คอนิยายกำลังภายใน) ไม่ให้รู้สึกละอายฟ้าดิน เวลาอยู่ลอนดอนเวลาขึ้นรถไฟใต้ดินหรือรถเมล์ นานๆ ที (เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งอยู่แล้ว) ก็เคยลุกให้คนแก่นั่งค่ะ เขาก็ขอบคุณเราก็แค่นั้น จากคุณ : jk (jackfruit_k) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:52:08

ความคิดเห็นที่ 9 !!!!!!! ฮึๆ ถ้าไม่มี คห #5 ลงมา ผมอยากจะสวัสดีและปิดกระทู้ไปเสียเลยนะ   ผมก็บอกแล้วว่า คิดแบบย้อนแย้ง  อีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่แน่ใจว่า รถเมล์ต่างประเทศเป็นยังไง  ถึงมี ปล  นะครับ มันมีประเด็นอื่นปนอยู่ในกระทู้  ผมถึงเลือกตั้งกระทู้หมวดปรัชญา  ในห้องสมุด    ผมไม่ได้คิดจะมาตั้งกระทู้เรียกร้องสิทธิของผู้ชายนะครับ ให้กิ๊ฟ #5 เพราะเพิ่งทราบว่า เปลี่ยนจาก สตรี เป็น สตรีมีครรภ์ ไปเสียแล้ว จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 23:17:16

ความคิดเห็นที่ 10 อืม ใจเขาใจเรา เรื่องกระทู้ที่จั่วหัวประมารนี้ แม้ไม่มีนัยอะไร ก็มักทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบอยู่แล้ว นี่ขนาดเป็นพันกระติ๊บ แถมห้องสมุดด้วยนะ ค่อนข้างจะมีเหตุมีผลสูงแล้ว ยังหวิดทะเลาะกันเลยแฮะ ปาบู่เห็นกระทู้แบบนี้ในเด็กดีทะเลาะกันไม่หวาดไม่ไหว หาว่ากันไปถึงขั้นไร้ยางอายไปโน้น เด็กกับผุ้ใหญ่ก็คิดมุมต่างกัน โดยส่วนตัวใครใคร่ทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าไม่ลุกให้คนท้องกับเด็กมันน่าด่านัก ไงๆ นี่ก็เมืองไทยนะ กรณีนี้...ตาหลิ่วคนไทยไม่ต้องให้ชาติไหนมาสอนมั้ง จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับการนอน (PaBo) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 00:48:47

ความคิดเห็นที่ 11 "ได้ยินว่า ในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา  ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ชายต้องลุกให้ที่นั่ง แก่เด็ก สตรี และคนชรา  เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการร้องขอ" คุณได้ยินมาผิดแล้วค่ะ อเมริกาน่ะหรือคะที่ในรถเมล์ผู้ชายไม่ลุกให้ที่นั่งแก่เด็ก สตรี คนชรา นอกจากจะได้รับการร้องขอ ลองมาดูด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าฟังคนอื่นมาอีกทีนะคะ เคยเจอขนาดผู้ชายลุกให้คนแก่แล้วคนแก่ไม่นั่งด้วยความเกรงใจ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่กลับนั่งลงตามเดิมเพราะคอยให้คนแก่นั่นยอมนั่งในที่สุดเสียด้วยซ้ำค่ะ เดือนที่แล้วไปเมืองนิวออลีนส์ ใน streetcar มีเด็ก 2 คนขึ้นมากับแม่ พอผู้ชาย 4-5 คนที่นั่งอยู่ตอนหน้าเห็นก็พากับลุกพรึ่บเหมือนนัดกันทั้งๆ ที่ท้ายรถก็ยังมีที่ว่าง คือจะให้ที่นั่งทั้งกับแม่แล้วก็ลูกทั้ง 2 คนนั่นแหละค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 07:04:02 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 01:04:28

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับผมแล้ว เปนน้ำใจ นำหน้า ขนบธรรมเนียมนะ ปัจจุบันขี่มอไซค์เอาแล้ว จากคุณ : สหายDSL เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 01:27:29

ความคิดเห็นที่ 13 ...ไม่ลุกให้ผู้หญิงสวยนั่งเด็ดขาด... จากคุณ : toytoytoy เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 05:17:10

ความคิดเห็นที่ 14 ลุกเถอะ  เป็นการคุณเพิ่มคะแนนความหมายชีวิตให้ตัวเอง คนที่ไม่ยอมรับน้ำใจจากคุณ  เขาลดคะแนนตัวเองอย่างน่าเสียดาย คนที่เพิ่งเริ่มเข้าวัยผู้ใหญ่มากๆ  มีสิทธิช็อคน้อยๆได้เหมือนคห.1 กันทุกคนค่ะ แต่เพื่อเป็นการอบรมสั่งสอนเด็กรุ่นหลังไปในตัว สำหรับคุณยายคนนี้ เด็กให้ก็รับจ้ะ เจริญพร เจริญพร... จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 07:52:32

ความคิดเห็นที่ 15 # ถ้าจะเอามาม่า ผมไม่มาตั้งกระทู้แบบนี้ในห้องสมุดหรอกครับ   แต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าคำพูดผมมันฟังไม่ดีนัก  แต่แก้ไขหัวกระทู้ไม่ได้เสียแล้ว เรื่องสิทธิสตรี ก็สงสัยอยู่  ถ้ายึดว่าสิทธิสตรีควรเท่าเทียมบุรุษตามอารยะประเทศ  เท่าไรจึงจะนับว่าเท่าเทียม (สิทธิทางการศึกษา สิทธิในการทำงาน  พอแล้ว?) เรื่อง ลุกที่นั่งให้บนรถเมล์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง  เพียงแต่ผมอยากจะถามในมุมที่กว้างกว่าเลยรวมเรื่องสิทธิเด็กกับคนชราไปด้วย เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของจารีตแบบไทยที่เป็นร่มใหญ่กว่า  ครอบคลุมเรืองการใช้กฏหมายของเราครับ ถ้าป้ายรถเมลล์ เปลี่ยนจากสตรี เป็นสตรีมีครรภ์  ก็แปลว่าเราไม่นับผู้หญิงที่ยังสาว ไม่ตั้งครรภ์ เป็นผู้อ่อนแอ อีกต่อไป จริงไหมครับ เรื่องที่ว่า อเมริกา ไม่ต้องลุกให้เด็ก สตรี คนชรา  ผมได้ยินจากคนอยู่ตปท แต่ก็ไม่เคยไปนั่งรถเมลล์ในเมกาจริงๆ  ถึงใช้คำพูด 'ได้ยินว่า' แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 08:19:43 จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 08:14:31

ความคิดเห็นที่ 16 เราบอกตั้งแต่ต้นว่า ถ้าคุณไม่ลุกให้ผู้หญิง เราไม่ว่า ไม่ด่า ไม่อะไรเลย แต่คุณดันรวมคนแก่ คนท้องและเด็กเข้าไปด้วย มันทำให้เดือดอ่ะ กระทู้นี้มันมีเรื่องน้ำใจ มีจิตใต้สำนึกมาเกี่ยวข้อง เดือดง่าย แถมเป็นเรื่องใกล้ตัวอีก เราเองก็รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเขาไม่ลุกให้คนแก่นั่ง คนแก่ที่นั่นจะพยายามดูแลตัวเอง แต่มันไม่เคยเป็นข้ออ้างไม่ลุกให้พวกเขานั่งแบบนี้ ไม่อยู่ในเศษเสี้ยวของสมอง เราไม่เคยบอกว่าผู้ชายควรลุกให้ผู้หญิงนั่ง ถ้ายืนอยู่ด้วยกัน บางครั้งเรายอมให้ผู้ชายนั่งก่อนด้วยซ้ำไป ไม่ใช่จะลงป้ายหน้านะคะ แต่เพราะเห็นว่าเขาขึ้นรถก่อน เรามาทีหลังก็นั่งทีหลัง เรายอม ยกเว้นเมื่อย เหนื่อยสุดจะทน ส่วนตัว ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายก็ไม่มีคนลุกให้นั่งอีกเลย เราก็ไม่ว่า เพราะถือว่าเราโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ เวลาเห็นผู้ชายลุกให้เด็กนั่ง ไม่ลุกให้เรานั่งเราก็ขอบคุณเขาในใจนะ ชมหลายรอบเลยแหละ เพราะแค่ลุกให้เด็ก คนแก่ คนท้องนี่ ยังนานๆเห็นที ขอย้ำนะคะว่า รถเมล์ที่ต่างประเทศเขาสภาพดีกว่า ถ้าระยะสั้นๆ เช่นในรถไฟฟ้า ไม่ลุกก็ไม่เป็นอะไรมาก แต่รถเมล์ที่ไทย คุณคงเคยขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ? คุณลองนึกสภาพดูว่า ถ้าเราไม่ลุกให้คนท้อง คนแก่และเด็ก โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุแก่พวกเขาเหล่านั้นมีสูงมาก ชีวิตคนค่ะ ที่เรากำลังคิดถึงอยู่ หลักๆเราขอสองสิทธินี้ค่ะ เพราะเป็นสิทธิที่เราต้องใช้ ถ้าได้สองสิทธินี้ สิทธิอื่นๆจะตามมาทีหลัง เราจึงไม่เห็นมีสิทธิอื่นสำคัญกว่าสองสิทธินี้ ส่วนการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้น เราก็ลืมจะพิมพ์ลงไป เพราะไม่คิดจะแต่งงาน เพิ่มเป็นสามละกัน ขอเผื่อสาวๆที่ยังมีความหวังหาแฟนนิสัยดีๆเจอ อ้อ ไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้าที่สาวๆชอบบอกว่า ฉันอยากจะแต่งเซ็กซี่อย่างไรก็ได้ แต่มือผู้ชายอย่ามาต้อง เผอิญเราเห็นด้วยว่า ผู้หญิงควรแต่งกายให้มิดชิดเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จะไปแต่งยั่ว แล้วให้ผู้ชายควบคุมอารมณ์ตัวเองดูเหมือนจะเอาเปรียบไปหน่อย ภูมิคุ้มกันของผู้ชายเอเชียต่ำกว่าผู้ชายยุโรป ฮ่าๆ อีกอย่าง แต่งการมิดชิดก็ไม่ลำบากอะไร ‘เราไม่นับผู้หญิงที่ยังสาว ไม่ตั้งครรภ์ เป็นผู้อ่อนแอ อีกต่อไป จริงไหมครับ’ถ้าในกรณี ขึ้นรถเมล์ ก็ขอตอบว่าจริง แต่ถ้าเป็นบางเรื่อง เช่น การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ผู้หญิงเป็นฝ่ายอ่อนแออยู่ดีค่ะ เพราะสภาพร่างกายตามธรรมชาติเป็นแบบนั้น ไม่รวมถึงความกล้า ความอยากเอาชนะ ที่มีน้อยกว่า แข่งอะไรก็ไม่รุนแรง ไม่จริงจังเท่า โอกาสที่จะชนะก็น้อยกว่าด้วย คำตอบเหล่านี้เราเขียน เราพูดมาหลายปีแล้ว ที่เราเขียนแรงมากก็เพราะช่วงหลังๆมีกระทู้พวกนี้บ่อย ไม่รู้ทำไม ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ เราแน่ใจด้วยว่ากระทู้แบบนี้ของคุณคงไม่ใช่กระทู้สุดท้าย ตอนแรกกะว่าหลังจากสอบกพ.เสร็จจะหาเวลาเขียนชมหนุ่มไทยให้สาวจีนฟังเสียหน่อย มาเจอกระทู้พวกนี้เยอะๆเข้าหมดอารมณ์อยากจะชมเลย คงเปลี่ยนเป็นเขียนอย่างอื่นแทน ครั้งนี้เป็นการแวะมาเขียนคห.ครั้งสุดท้าย คงไม่ได้มากระทู้นี้อีก จขกท.ไม่ต้องห่วงนะคะ จากคุณ : khumchalong เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 09:15:01

ความคิดเห็นที่ 17 ป้ายใน รถเมล์ไทย น่าจะเติมคำว่า  " พระภิกษุ สามเณร " เข้าไปด้วย ที่นั่ง สำหรับพระภิกษุ สามเณร มักมีคนเข้าไปนั่้งหน้าตาเฉย เวลา พระภิกษุ สามเณร ขึ้นไป ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ส่วนคนขับ รถเมล์ เวลาจะผ่านป้ายที่มี พระภิกษุ สามเณร ขึ้นประจำ ถ้าไม่มีคนลง    ก็จะออกเลนขวา ไปเลย จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 09:22:08

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่จริงครับ ไม่ใช่เป็นการดูถูก แต่เป็น มารยาทสากล เลยล่ะครับ จากคุณ : ABCD (มด_ค้างคาว_แมว_สุนัข) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 09:25:56

ความคิดเห็นที่ 19 # คุณขวัญ ผมเพิ่งทราบว่าคุณเล่นประจำห้องนี้   ผมไม่ได้เล่นประจำ   ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรกันอยู่   ไม่เป็นไรครับ   ความคิดผมก็คือเรื่องน้ำใจมันตีความวุ่น  กระเป๋าก้ไม่เคร่งครัด  ถ้าทำให้ชัดเจนเสียก็น่าจะระบุว่า ทีนั่ง สงวนให้เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา อาจจะสงวนไว้สองเก้าอี้  หากแต่เมื่อไม่มีคนกลุ่มนี้มานั่ง  คนทั่วไปก็นั่งได้ แล้วก็ลุกทันที  หากมีคนมานั่งตามที่ระบุบนก้าอี้  ถ้าจัดการให้เป็นเรื่องของสิทธิ แทนที่จะเป็นเรื่องของน้ำใจ  (ทีระบุลอยๆ)  จะได้ไม่ต้องมาโทษกัน ว่า ทำไมผู้ชายบางคนจึงนั่งนิ่งๆ ไม่ลุกให้สตรีมีครรภ์  เพราะมันมองได้อีกแง่ว่า มันกระทบสิทธิของเขานะ เอาล่ะ  ผมอาจจะมองอะไรในมุมของตัวเองไปสักหน่อย      และคราวหน้าผมเองอาจจะต้องปรับคำในหัวข้อกระทู้สักหน่อยให้มันบวกกว่านี้   ยินดีที่ได้ร่วมสนทนาครับ #17 รถเมล์ร้อน กันที่นั่งที่แรกที่ติดประตูให้ภิกษุสงฆ์อยู่แล้วครับ   เลยไม่ได้นำมารวม ต่างกับ เด็ก สตรี และคนชรา ที่ต้องเป็นเรื่องน้ำใจมากกว่า จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 09:55:18

ความคิดเห็นที่ 20 รถไฟใต้ดินใน London ก็วิ่งดีไม่กระชากนะแต่เราก็ยังเคยเห็นฝรั่งลุกให้คนแก่ คนท้อง เด็กตัวเล็กๆ คนอุ้มลูก หรือคนหิ้วของหนักๆนั่ง แต่หนุ่มๆไม่ลุกให้สาวๆนั่งแค่เพราะอยากเป็นพระเอกหรอก ส่วนบนรถ bus ในอ้งกฤษโอกาสจะลุกให้คนนั่งมันคงมีน้อยเพราะเขาอนุญาตให้ยืนได้แค่ไม่กี่คนเอง เรื่องการขับรถเมล์ที่อันตรายมากในเมืองไทย เราเคยเจอมา แล้วทำให้คิดว่า "คนไทยเป็นชนชาติที่ประหลาดมากๆ" คือเราเคยนั่งรถเมล์ในเมืองไทยแล้วคนขับมันขับแบบตีนผีนรกรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแบบแทบจะพลิกคว่ำแต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้แต่นั่งตัวเกร็งไป เด็กๆหรือผู้หญิงบางคนส่งเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว บางคนกลัวตายรีบลงป้ายหน้าทันที ตอนเราเจอแบบนี้สมัยเพิ่งกลับจากต่างแดนมาเมืองไทยใหม่ๆแล้วเราประท้วงจนเกือบจะโดนกระเป๋ารถเมล์กับคนขับรถเมล์รุมทำร้ายเอา แต่ไม่มีผู้โดยสารคนไหนให้ความช่วยเหลือเราเลย ทุกคนหันมามองเราด้วยแววตาที่บ่งบอกว่า "ไอ้ห่ะนี่มันโง่จริงๆ เดี๋ยวก็โดนเสียบตายหรอก" ^ ทำไมทุกคนไม่ลุกขึ้นมาแล้วช่วยๆกันอุ้มคนขับลงไปจากรถ แล้วเรียกตำรวจมา เราเคยเห็นกลุ่มคนไทยละเมิดกฎบนรถ bus ในประเทศอังกฤษโดยการดันทุรังขึ้นรถ bus ที่คนเต็มแล้ว พอกระเป๋ารถมาไล่ลงกลุ่มคนไทยไม่ยอมลง ขณะที่กระเป๋ารถพยายามไปตามตำรวจมาไล่บรรดาผู้โดยสารตั้งหลายคนโมโหที่ต้องเสียเวลาเลยถลกแขนเสื้อเตรียมรุมประชาทัณฑ์กลุ่มคนไทย เลยกลุ่มคนไทยรีบเผ่นหนีลงมาจากรถ bus แล้วไม่กล้าซ่าอีกเลย ^ แล้วทำไมบนรถเมล์ไทยในประเทศไทยไม่มีผู้โดยสารคนไหนช่วยเราอุ้มคนขับไปส่งตำรวจเลย?ทั้งๆที่่มันกระทำผิดกฎสังคมร้ายแรงยิ่งกว่ากลุ่มคนไทยพยายามขึ้นรถ bus ที่คนเต็มแล้ว  สำหรับเรื่องที่เกิดในเมืองไทยนะผู้โดยสารคนบนรถมีต้้งหลายสิบคนมากล้วคนขับกับกระเป๋ารถแค่ 2 คนเอง มันไม่ต่างอะไรไปจากห้องประมูลงานราชการที่มีมาเฟียแค่ 2-3 คนอยู่ในนั้น ที่คอยกำกับดูแลให้มีการประมูลงานโกงกันเพื่อปล้นประเทศไทย แต่คนไทยตั้งหลายสิบล้านคนไม่มีใครพร้อมใจกันไปขัดขวางพวกเขา แล้วได้แต่มาบ่นว่า "เบื่อนักการเมืองโกงกินประเทศชาติ" แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 10:55:17 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 10:39:58

ความคิดเห็นที่ 21 น้ำใจ  ในสังคมตะวันตก  เปรียบเทียบกับ ในสังคมไทย? การเรียกร้อง  ความเท่าเทียมกันของสตรี   ขอบเขตและความหมายควรเป็นอย่างไร? กลุ่มคนที่อ่อนแอ  ได้แก่ใคร? (เด็ก  สตรี(มีครรภ์)  คนชรา  คนพิการ  พระภิกษุสามเณร) ความเท่าเทียมกัน   คืออะไร?    มีจริงไหม?  และทำไมต้องเท่าเทียมกัน? เหล่านี้   เป็น คำถามที่เกิดขึ้น   หลังจากอ่านหลายคห.ผ่านมา สังคมไทย   ไม่ได้ศรัทธาต่อระบบ   มากกว่า   ตัวคน น้ำใจ   ถ้าทำให้เป็น  สิทธิ  ก็คือ ทำให้กลายเป็น  ระบบ (รู้กัน  เข้าใจกัน มีบทลงโทษ) แต่หลายอย่าง   ...ผมคิดว่า  คนไทยก็ไม่ค่อยรู้  หรือ เคร่งต่อกฏหมาย  แต่อาศัยความเกรงใจ หรือ น้ำใจ  การอะลุ่มอะหล่วย  ในการปฏิบัติต่อกันเป็นอย่างมาก   อาจเรียกรวมๆว่า ระบบอุปถัมภ์ หรือการใช้เส้นสาย   การเป็นหนี้บุญคุณ   ทำนองนี้       น้ำใจบนรถสาธารณะ   เป็น  สิ่งงดงาม  แช่มชื่นยามพบเห็น   น่าจะรักษาไว้   หลักการที่ จขกท.เชื่อคือ   ความเท่าเทียมกัน   ...มันเหมาะสำหรับ การเอาไว้เป็นอาวุธทางความคิดเพื่อต่อสู้ทางเมือง   เพื่อ สร้างเป็นธรรมหรือต่อต้านระบบที่ไม่เป็นธรรม แต่ในรถเมล์  รถสาธารณะ   ที่ตลาด  ในห้าง  ทางเท้า   ... ความเท่าเทียมกัน   มันซ่อนตัวอยู่    หรืออาจไม่มีอยู่จริง แม้ในที่ รร. ที่ทำงาน   หน่วยราชการ  ที่รัฐสภา..ฯลฯ มีแต่ความแตกต่างหลากหลาย   และความจริงอันหนึ่งที่ว่า  มีคนที่อ่อนแอกว่าทางกายภาพ ภายในระบบที่ไม่ได้สร้างไว้สำหรับพวกเขา   รอยคอยเพียงน้ำใจหรือคนบางคนไปสร้างให้เกิดเป็นคราวๆ   จะทำหรือไม่  ก็แล้วแต่ใจ  และใจของใจนั่นแหละ จะตัดสินการแสดงออกเช่นไร ก็ไปสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมหรือไม่....เช่นนั้น จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 10:41:31

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องที่เราเขี่ยนใน คคห 20 ทำให้เราฉุกคิดว่า แนวคิดที่ฝรั่งเตรียมจะรุมประชาทัณฑ์กลุ่มคนไทย(ที่ทำผิดกฎสังคม) กันอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายกันเหมือนๆกับที่กลุ่มนักศึกษาและประชาชนในอังกฤษระดมกำลังกันออกมานั่งบนถนนประท้วงนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่นจนนักการเมืองคนนั้นต้องลาออกไป มันเป็นอะไรที่น่าสนใจคือมันเหมือนกับมากันเองโดยไม่ได้นัดหมายกัน ไม่มีใครได้รับการว่าจ้างให้มากัน ^ แนวคิดแบบนี้ใช่ไหมที่ทำให้ประชาธิปไตยในประเทศของเขาประสบความสำเร็จมากกว่าในประเทศไทย แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 10:49:32 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 10:48:49

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ก่อนขึ้นรถเมล์ในอเมริกาแทบทุกวัน แต่นี่ไม่ได้ขึ้นมา สี่ปีแล้ว การลุกให้เด็ก คนแก่ และสตรีมีครรภ์ เป็นมารยาทสากลค่ะ ถ้ามีเด็กเล็กๆ คนแก่ๆ หรือคนท้องขึ้นรถมานี่ มีคนลุกแน่นอนค่ะ ส่วนผุ้หญิงธรรมดาขึ้นมานี่ ไม่ลุกให้นั่งเสมอไปนะคะ ก็ยืนกันไป ไม่มีการมองหน้ากันด้วย เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แล้วเขาจะไม่ถือของให้กันด้วย(ไม่รู้ที่เมืองไทย คนนั่งยังถือของให้คนยืนอยู่ไหม) แต่ถ้าคนพิการที่มีรถเข็นจะขึ้นมานี่ คนขับจะเอียงรถ เปิดRamp ให้รถเข็นขึ้นมาได้ แล้วคนขับจะลุกขึ้นมาพับเก้าอี้ ให้กลายเป็นที่ว่าง พอรถเข็นขึ้นมา ก็จะคาดเข็มขัดล๊อกรถเข็น จากคุณ : Carry On!! เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 11:22:36

ความคิดเห็นที่ 24 การลุกให้คนอื่น การเปิดประตูค้างไว้เพื่อให้ผู้ตามมาทีหลังเดินตามออกมาได้ การอาสาช่วยถือของ การพาคนแก่ข้ามถนน ฯลฯ มันไม่ใช่เรื่องปรัชญาหรือสิทธิสภาพเท่าเทียมอันใดหรอก มันก็แค่เรื่องของคนคนหนึ่งที่อยากทำอะไรให้คนอื่น แค่นั้นจริงๆ จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 12:39:15

ความคิดเห็นที่ 25 ไหนๆ ก็ไหนๆ ไม่รู้จะกระทู้นี้จะไปทางไหน เราอยากต่อความยาวส่วนจะสาวความยืดหรือไม่นั้น...ไม่รู้ ขอต่อจาก Ter @ AFC ก็แล้วกัน เรื่องผู้ชายเลี้ยงข้าวผู้หญิง รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ครือๆ กัน ขออภัยที่ต่อจากนี้อาจเป็นการนินทาผู้อื่น (เรื่องเม้านั้นก็พอจะสันทัดบ้าง) แต่เก็บไว้ไม่รู้จะพูดที่ไหนดีก็มาพูดที่นี่ก็แล้วกัน เราเคยเห็นกระทู้ที่สาวนางหนึ่งในวัยนักศึกษา เอากระเป๋าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์เกือบสิบใบมาโชว์ในกระทู้ แต่ละใบเฉลี่ยที่ราวๆ สองหมื่นปลายถึงสามหมื่น พูดด้วยน้ำเสียงชื่นมื่นปลื้มใจยิ่งว่า ทุกใบนั้นแฟนซื้อให้นะคร้าาาาาาาา พร้อมบอกราคาและรุ่นละเอียดยิบ ตามประสากระทู้รีวิว และมีภาพเธอกับแฟนคลอเคลียกันมาเอาแปะในกระทู้เป็นประจักษ์หลักฐานแห่งความรักอันหวานชื่น กระทู้นั้นได้รับคำสรรเสริญเยินยออย่างมาก ถึงความรักของเขาและเธอ ทั้งๆ ที่ อย่างที่กล่าวไปว่าเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ ใครไม่ขนลุก แต่เราขนลุกขนพองสยองเกล้ามาก จริงๆ ผู้ชายซื้อกระเป๋าให้แฟนนั้นเป็นเรื่องปกติ จะราคาเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของกระเป๋าเงินใครก็กระเป๋าเงินคนนั้น  ผู้ชายจะพาแฟนไปทานอาหารค่ำในโรงแรมหรูก็เป็นเรื่องปกติอีก เพราะเป็นการให้และความอยากที่จะทำอะไรบางอย่างให้คนพิเศษ แต่ทีเรารู้สึกขนลุกคือการแสดงการโอ้อวดในที่สาธารณะและยินดีที่แฟนหนุ่มซื้อให้ ทุ่มเทเงินทองให้ถึงขั้นนั้น แล้วก็มีคนเข้ามาสรรเสริญเยินยอด้วย คือเราไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดของสตรีกลุ่มนี้เท่าไหร่ แบบนี้มันแปลว่าคุณยินดีที่มีผู้ชายคนหนึ่งเลี้ยงดูปูเสื่อคุณขนาดนี้ ให้ของราคาแพงแก่คุณในระดับเหนือใคร คุณกำลังบอกคนอื่นว่าคุณมีคุณค่ายิ่งเพราะได้รับการทุ่มเทอันเหลือเฟือเช่นนี้…หรือเปล่า จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:04:56

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องที่สองคือ กระทู้ที่ถามว่าทำไมผู้หญิงไทยชอบมีสามีฝรั่ง หลายๆ คำตอบในกระทู้ที่เราสกัดออกมาได้คือ มีสามีฝรั่งแล้วรวยขึ้น สบายๆ ไม่ต้องทำอะไร สามีรักและเทิดทูนให้เกียรติดีมาก ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงทุกคนที่มีสามีฝรั่งเป็นแบบนี้นะคะ อย่าเข้าใจผิด แต่คำตอบที่ได้จากกระทู้ทีว่านั้น มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ผู้หญิงไทยจำนวนมากที่หัดเล่นอินเทอร์เน็ต แชท แคมฟร้อก ฯลฯ เพราะอยากมีแฟน/ผัวฝรั่ง เขาคิดอะไร… เห็นคำว่าศักดิ์ศรีกับสตรีในกระทู้นี้ เราอดคิดถึงสองเรื่องนี้ไมได้ … คนเราจะนำมาสู่ความเท่าเทียมได้ มันน่าจะมาจากคำว่า เป็นไทแก่ตน หรือไม่พึ่งพาใคร ขอแงะคำต่างด้าวมาใช้หน่อยเพราะตรงกว่าคือคำว่า Independency ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่า ผู้หญิงไทยจำนวนมาก และวัฒนธรรมไทยไม่ค่อยบ่มให้สตรีไทยคิดประกาศอิสรภาพแก่ตนเท่าไหร่นัก เป็นนางแก้วกิริยานั้นดูสบายดี ดีกว่าเป็นแก้วหน้าม้านี่นะ... แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 13:07:38 แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 13:07:09 จากคุณ : อันตราคนี เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:05:47

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับเรานะ เรื่องนี่ก็คิดไว้นะ แล้วก็ได้ทำด้วย อันนี้ของจริงเลยนะ เราลุกให้เด็กเล็กๆ คนแก่ ผู้หญิงที่อ้วนมากๆ ผู้หญิงที่โตแล้วแต่ถือของมาเยอะๆเราก็ลุกให้ หญิงท้องนี่รีบเลย...กลัวเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด คนพิการ คนตาบอด เอ...มีไรอีกนะ อ้อ พระด้วย ถ้าไปนั่งที่สำรองของพระ และเคยลุกให้ฝรั่งแบ็คแพคเกอร์หอบของพะรุงพะรังด้วย แต่คนที่ไม่ลุกให้นั่ง ญอหญิงโตแล้ว เด็กหญิงที่ใส่ชุดนักเรียนที่โตแล้ว ก็ไม่ลุกนะ ลุกแล้วรู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะเด็กหญิงเม้าส์แตก ออกแนวแดะแด๋ 5555 ...... แต่ถ้าเรายืนคือไม่ได้นั่ง อันนี้จะให้ผู้หญิงได้นั่งก่อน บางทีก็เห็น หญิงเล่นเก้าอี้ดนตรีกัน ดูเพลิน มันส์มาก แย่งกันยังกับเปรตลง -*- มักจะเป็นกับหญิงที่ไม่สวย 555 หรือมีอายุนิดนึง ....... แต่หลังๆ พอเริ่มผ่านประสบการณ์ ทั้งที่ทำงาน ทั้งเห็นในสังคมโดยบังเอิญ ความรู้สึกอยากลุกให้หญิงที่โตแล้วแต่ยังไม่แก่นั่งก็เริ่มค่อยๆจางหาย... หญิงในที่ทำงานเม้าท์แตกระเบิดระเบ้อ เม้าท์คนอื่นเสียๆหายๆไม่มีเบรค เออ...จริงๆหญิงไทยก้ปีกกล้าขาแข็งดีเนอะ... ......... แต่มีอีกอัน อันนี้เหมือนเป็นโรคจิตส่วนตัวนะ อย่าว่าละกัน เราจะไม่ชอบหญิงที่เราลุกให้นั่งแล้วไม่พูดอะไรเลย หรือหญิงที่พาลูกมาด้วย แล้วเราลุกให้ลูกเขานั่ง แต่ไม่บอกให้ลูกขอบคุณ แต่จะรู้สึกดีมากๆ เมื่อเห็นคนเป็นแม่บอกให้ลูกขอบคุณ อาจจะเป็นเพราะตอนเด็กๆ พอขึ้นเรถเมล์ มีคนลุกให้นั่ง แม่จะบอกว่า ให้ขอบคุณเขา แล้วยกมือไหว้ด้วย... .......... อีกอันนะ อันนี้เป็นข้อสังเกตุส่วนตัว... มีหญิงมักจะเป็นวัยกลางคน เหมือนแบบทำเป็นมายืนใกล้ คล้ายๆอยากจะให้เราลุกให้นั่ง เหล่มอง เจอแบบนี้นะ...เราจะไม่ลุกให้นั่งเลย ทรมาณคนเล่น เพราะเป็นคนไม่ชอบคนที่มีเลห์เลี่ยมอ่ะนะ แต่แปลกพอเห็นเราจะลี่เข้ามาใกล้ๆเราก่อนเลย ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะ ดูท่าทางแล้วไอ้นี่มันน่าจะลุกให้นั่ง หารู้ไม่...เหอ เหอ ..... ความคิดเห็นของคนบ้าๆบอๆคนหนึ่ง อ่ะนะ แต่เราไม่เคย จ้องเพ่งโทษคนนั้นคนนี้นะว่า ทำไมไม่ลุกให้คนอื่นนั่ง เพราะเท่าที่เห็น หญิงที่ยังไม่แก่ ก็ไม่ลุกให้คนแก่นั่งเหมือนกัน แต่คนที่ลุกให้นั่งก็มีนะ แต่ส่วนน้อย แต่ถ้าได้เห็นจะรู้สึกแบบว่า เธอแมนมาก เท่จริงๆนะ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:17:11 A:110.168.7.112 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 28 ..แต่เท่าที่เห็นนั้นคุณ #26 ก็พอจะเป็นแก้วกิริยาได้ ยกเว้นแต่อีตอนบทอยากจะเล่นเป็นแก้วหน้าม้าก็ตัวใครตัวมันนะตัวเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:26:03

ความคิดเห็นที่ 29 จขกท ครับ   ผมไม่ได้ขัดขวางหรือต่อว่าเรื่องการแสดงน้ำใจ   หากเราเห็นพ้องกันว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งดีและควรคงไว้   แต่จากสภาพของคนและความแออัดในกรุงเทพฯ  ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า  การหวังให้แสดงน้ำใจอาจจะไม่เพียงพอ   จากข้อมูลใน 20# ก็ทำให้นึกถึงเรื่อง การปล้นรถเมล์หรือลวนลามผู้โดยสาร ที่ คนอื่นๆได้แต่เฉยเมย  ไม่มีมีใครอยากยื่นมือมาทำให้ตัวเองยุ่งยาก   อ่อ แต่เรื่องประชาทัณฑ์ไม่เห้นด้วยนะครับ  เราไม่ได้ใช้กฏหมายฮัมมุราบี  จะได้ตาต่อตาฟันต่อฟัน เรื่องการลุก ให้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่า หากจะหวังเรื่องน้ำใจ จะไม่ได้ผล  และจะยิ่งไม่ได้ผลมากขึ้น   เอาละ  หากเรา เห็นพ้องต้องกันว่า คนกล่มนี้ อ่อนแอ  เราควรจะให้สิทธิคนกลุ่มนี้แค่ไหน  อย่างไรถึงจะเรียกว่าพอ  และจะดำเนินการอย่างไร    จะปล่อยไปแบบนี้ อะลุ่มอะหล่วยไปเรื่อยๆแบบไม่มีหลักการที่ชัดเจนหรือ หากมีคนท้องขึ้นมา เห็นพ้องว่าควรลุกทันทีโดยไม่ต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่น  แต่หากเป็นดีกรีที่รองลงมา จะทำอย่างไร  จะบังคับให้คนที่นั่งอยู่ลุกทันทีเลยหรือ มันเป็นการละเมิดสิทธิเขาหรือเปล่า  จำเป็นด้วยหรือว่าหากเป็นผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงแล้วต้องลุกให้เสมอไปในทุกๆครั้ง     คำถามแบบกระทู้นี้ มีขึ้นเพราะมีคนมาบอกว่าในต่างประเทศ การลุกให้อาจเป็นการดูถูกกัน เพราะลุกแล้ว ฝรั่งก็ไม่นั่ง บางรายคนไทยไปลุกให้เด็กแล้วก็ไม่ให้ลูกเขามานั่งด้วย เพราะไม่ไว้ใจว่าคนแปลกหน้าคิดอะไร   คนไทยก็หน้าแตกไป และบางคนเขาก็มีแนวความคิดเรื่องสิทธิสตรีอย่างเข้มข้น   นอกจากนี้ ยังได้ยินอีกว่าบางประเทศ เด็กๆจะต้องยืนถ้ารถเต็ม เพราะต้องให้สิทธิคนที่จ่ายค่ารถเมลล์ อย่างเต็มราคาเสียก่อน เรื่องเล้กๆและใกล้ตัวอย่างนี้ แหละ ถึงต้องนำมาพูด  แทนที่จะนำเรื่องสิทธิสตรี หรือ ความเท่าเทียมไปใช้กับเรื่องใหญ่ๆโตๆ ลองเอามาคิดดู จะได้เห็นกันว่า  สิ่งเหล่านี้หากจะปรับมาใช้กับคนไทย ทำได้แค่ไหน   ถ้ายึดหลักการสากลให้มั่นแล้วปรับใช้  มันจะได้เป็น อารยะ  หรือ คุณๆคิดว่าพัฒนาจากจารีตแบบไทยๆไปดีกว่า  อย่าลืมนะว่าจารีตแบบไทยๆ มันมีการแบ่งแยก สูงต่ำดำขาวอยู่ในตัว  การมีน้ำใจของคนไทยหลายๆครั้งมันอยู่บนพื้นฐานว่าสองฝ่ายไม่เท่าเทียม ผู้ชายแข็งแรง ที่ยืนยัน จะไม่ลุกให้ ผู้หญิงท้อง โดยยืนยันว่า ได้ใคร่ครวญไตรตรองมาดีแล้ว ที่จะปกป้องสิทธิของตัวเอง สมควรถูกประนามหรือ ในเหตุการณ์แบบเดียวกัน  ผู้หญิงสาว ที่ไม่ลุก  กับผู้ชายหนุ่มที่ไม่ลุก  ใครควรจะถูกต่อว่ามากกว่ากัน หรือ ควรจะถูกต่อว่าพอๆกัน  หรือ ไม่ต้องต่อว่ากันเลย ปล ถ้าห้องสมุด ที่คนมีคุณภาพสูงสุด  ใช้อคติน้อยสุด ไม่อาจคุยเรื่องนี้กันได้อย่างปรกติ  ก็แย่แล้วล่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 14:24:42 จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:13:24

ความคิดเห็นที่ 30 ปกติรถไฟ หรือรถโดยสาร จะมีที่นั่งพิเศษสำหรับ คนพิการ คนท้อง สตรีมีครรภ์ คนชรา ซึ่งโดยปกติ จะไม่ค่อยมีคนนั่ง หรือถ้านั่ง หากเวลามีคนพิการ คนท้อง สตรีมีครรภ์ คนชรา ขึ้นโดยสารจะต้องลุกให้นั่ง ดังนั้นที่นั่งอื่น มักจะไม่ค่อยมีการลุกให้ผู้หญิง และเด็กนั่ง เคยถามความเห็นคนญี่ปุ่นว่าทำไมไม่นั่งให้เห็นลุกให้เด็กและ ผู้หญิง ตอบประมาณ คุณต้องรับผิดชอบตัวคุณเอง มีความอดทน กลายเป็นว่าคนที่ลุกให้เด็กหรือผู้หญิงนั่ง มักจะเป็นชาวต่างชาติเสมอ แต่เวลามีคนพิการหรือสตรีมีครรภ์ ถึงแม้จะไม่ใช้ทีนั่งพิเศษ ก็จะมีคนลุกให้เสมอ จากคุณ : faforfun เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:17:07

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ขอบคุณที่ช่วยมาคอนเฟิร์มเรื่อง ญี่ปุ่นครับ ค่านิยม อดทน  พึงพาตัวเอง นี่แหละอาจะเป็น เหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวหลังสงครามได้อย่างน่าทึ่ง จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:23:41

ความคิดเห็นที่ 32 ในอเมริกา (เมืองที่เราเคยอยู่) บนรถเมล์เค้าจะมีที่จัดเฉพาะให้คนพิการ นะคะ ถ้าใครไปนั่งที่เหล่านี้ แล้วมีคนพิการขึ้นมา เค้า"ต้อง" ลุกจากที่นั่งนั้น ส่วนเรื่องเป็นการดูถูกหรือไม่ เราว่ามันแล้วแต่คนจะมองนะ ฝรั่งที่เข้าใจวัฒนธรรมไทยบ้าง เค้าจะมองว่าเรามีน้ำใจ (ในการช่วยเหลือต่างๆ) คนที่ไม่เข้าใจ (ไม่ว่าจะชาติอะไร) ก็ย่อมมีความคิดในแง่ลบอยู่แล้วล่ะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 18:07:13

ความคิดเห็นที่ 33 เอาข้อมูลมาเติม ใครว่าคนญี่ปุ่นอดทนเหนือมนุษย์ชนชาติอื่น   ใครๆก็ไม่อยากยืนให้เมื่อยขาหรอก นี่เป็นแผ่นบอกที่นั่งโดยเฉพาะสำรองไว้ ให้คนอ่อนแอกว่าในสังคมได้นั่งในรถไฟ แต่ก็บ่อยที่คนแก่ คนท้อง คนอ่อนเปลี้ยเสียขา ต้องยืนห้อยรี่ๆรอๆให้คนแข็งแรงที่นั่งกางขา อยู่ตรงนั้น ต้องกระแอมกระไอ ให้รู้ตัว บอกนัยๆว่าที่นี่ของฉัน   เป็นที่น่ายินดีมากๆระยะหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อต้นปีนี้ ชาวประชาซากุระใจดีขึ้นเยอะ  มีน้ำใจขึ้นมาก   คนแก่ คนท้อง คนอ่อนเปลี้ยเสียขา ไม่ต้องกระแอมกระไอให้เหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พระแม่อะมะเทระซึ ยังไม่ทิ้งพวกเขา   ได้ทำให้พวกเขารู้ตัวแล้วทำตัวให้มีน้ำใจสวยงามมากขึ้นแล้ว จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 18:36:29

ความคิดเห็นที่ 34 อีกรูป ป้ายเรียกร้องให้ชาวประชาช่วยกันแสดงน้ำใจ แผ่ความกรุณามีเยอะแยะ ทั่วมุมรถและสถานี มันจำเป็นเหลือหลายที่ต้องเรียกร้อง(และสั่งสอน)ประชาชนให้มีรู้จัก "การให้" ประชาชนประเทศนี้เขาออกจะลืมไปหลังจากช่วงพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ระหว่างปี 60s ถึง 90s เลยจนถึงเมื่อแผ่นดินไหว ทสึนามิ แล้วก็รังสีเมื่อเร็วๆนี้ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 18:44:39 จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 18:43:17

ความคิดเห็นที่ 35 อ้าว คุณเจ้าของกระทู้ อย่าคิดแทนคนอื่นจะดีกว่าไหมคะ ที่ว่า "การลุกให้อาจเป็นการดูถูกกัน เพราะลุกแล้ว ฝรั่งก็ไม่นั่ง บางรายคนไทยไปลุกให้เด็กแล้วก็ไม่ให้ลูกเขามานั่งด้วย เพราะไม่ไว้ใจว่าคนแปลกหน้าคิดอะไร" กรณีแรกที่ว่าลุกให้คนแก่แล้วเขาไม่นั่งในทันทีเพราะอาจคิดว่าเป็นการดูถูกกัน คุณเข้าใจผิดถนัดค่ะ ถ้ามาเห็นกับตาตัวเอง คุณจะเข้าใจว่านั่นไม่ใช่เพราะคิดว่าดูถูก แต่เพราะ เกรงใจ ค่ะ ฝรั่งก็เกรงใจเป็นเหมือนกันนะคะ เกรงใจกันมากด้วย ส่วนกรณีแม่กับลูก ที่ผู้ชายหลายคนลุกให้นั่งทั้งๆ ที่รู้ว่ายังมีที่นั่งตอนหลังว่างอยู่ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งผู้หญิงกับลูกเล็กๆ อีก 2 คนต้องเดินไปถึงข้างหลังขณะรถวิ่ง และผู้หญิงคนนั้นก็บอกให้ลูกนั่งหลังจากที่บอกขอบคุณค่ะ ถ้าเจอแบบนี้คนไทยคงไม่ถึงกับไม่ไว้ใจหรอกมั้งคะ น่าจะชื่นชมเสียอีก คนที่เห็นก็พลอยชื่นชมไปด้วย แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 21:57:52 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 21:54:28

ความคิดเห็นที่ 36 มาต่ออีกนิด สงสัยว่าคุณเจ้าของกระทู้คิดมากไปหรือเปล่าคะ ทำไมต้องมานั่งคิดเล็กคิดน้อยด้วยว่าควรลุกให้ใคร ไม่ควรลุกให้ใคร ลุกแล้วเขาจะคิดยังไง ควรมีกฎหรือไม่ว่าควรลุกให้ใครบ้าง ลุกหรือไม่ลุกให้แล้วคนอื่นจะคิดยังไง มัวแต่คิดแบบนั้นปวดหัวเปล่าค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่แต่เป็นเรื่องของน้ำใจเท่านั้น เป็นเรื่องของจิตสำนึกที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของคนๆ นั้นด้วยค่ะ หลายๆ คนที่เห็นและรู้จักไม่ได้ทำเพราะคิดว่าเป็นกฎเกณฑ์หรือความเหมาะสมที่ควรทำ ส่วนใหญ่ที่เจอเขาลุกให้คนอื่นเพราะปลูกฝังกันมาแบบนั้นจนกลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว แล้วอยู่มาจนป่านนี้ (ก็หลายสิบปีแล้วเนอะ) ไม่เคยเจอกรณีที่ผู้ชายลุกให้ใครแล้วคนนั้นคิดหรือระแวงว่า เอ๊ะ เขาดูถูกเราหรือเปล่าที่สละเก้าอี้ให้เรานั่ง ที่จริงใครคิดว่าถ้ามีคนลุกให้ที่นั่งนี่เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีกัน คนนั้นเข้าข่าย paranoid แล้วค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะมาเป็นกรณีให้ต้องวิเคราะห์กันใหญ่โตเลยสักนิด คุณอยากลุกให้ใครก็ลุกไป ไม่อยากลุกให้ใคร ก็ไม่ต้องลุก ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดกฎเกณฑ์ทางสังคมใดๆ ไม่มีใครทำอะไรคุณได้หรอก จากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ เรื่องแบบนี้มันสะท้อนให้เห็นสิ่งเดียวคือบุคลิกของตัวคนๆ นั้นเองค่ะ ตัวอย่างเคยไปเกาหลีแล้วเห็นนิสัยและการกระทำของผู้ชายเกาหลีบางคนที่ไม่รู้จักให้เกียรติใครเลย โดยเฉพาะคนแก่ เด็ก และผู้หญิง แล้วเมื่อคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและนิสัยผู้คนที่ให้เกียรติคนในกลุ่มเหล่านั้นแล้วตัวเองเกิดความรู้สึกรังเกียจแล้วก็ดูถูกผู้ชายเกาหลีที่เห็นค่ะ (เน้นนิดหนึ่งว่าที่พูดถึงนี่ไม่ได้หมายถึงผู้ชายเกาหลีโดยรวมนะคะ หมายถึงที่เห็นบนเครื่องบินจากที่บินด้วยสายการบิน Korean Air กับ Asiana หลายรอบแล้ว กับที่เห็นทุกครั้งที่ไปพักอยู่ที่โซลเท่านั้นค่ะ) คือง่ายๆ ว่าเรื่องการรู้จักให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ท้ายที่สุดแล้วมันก็มาได้หรือเสียที่ตัวเองนี่แหละค่ะ คนมีน้ำใจให้คนอื่นเขาไม่มัวมาห่วงหรอกค่ะว่าแสดงน้ำใจแล้วผู้ที่เราเสนอให้เขาจะคิดอย่างไร ลุกให้แล้วจะนั่งหรือไม่นั่งก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลย แต่รู้อย่างหนึ่งว่าเห็นใครแสดงน้ำใจแบบนั้นแล้วชื่นชมค่ะ และก็คิดว่าคนอื่นๆ ที่เห็นก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:25:59

ความคิดเห็นที่ 37 ผมตัดปัญหาง่ายๆครับ บนBTSผมยืนอย่างเดียวไม่นั่งครับถ้าคนเยอะ จะนั่งก็ต่อเมื่อมันว่างจริงๆ จากคุณ : bambert เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 06:38:52

ความคิดเห็นที่ 38 #36  เข้าใจเรื่องจารีตไทยดีครับ   ผมเพียงอยากลองถกโดยใช้มุมมองเสียงสิทธิส่วนบุคคล   สิทธิเสรีภาพมาเกี่ยวข้อง   ท่านที่ทำการกระทำที่ยอมรับกันว่าเป็นน้ำใจ  ผมไม่คัดค้านหรอกครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 12:41:51

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าโดยส่วนตัวแล้วผมก็ลุกให้นะครับ ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ตาม เพราะถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่เรายังให้กันได้อยู่ ผมถือว่าน้ำใจ เป็นสากลครับ ไม่มีแบ่งชนชั้น ประเทศ สังคม อะไรทั้งนั้น ให้ได้คือดีที่สุด ถึงคนอื่นจะไม่ลุกเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ถ้าเราทำได้ก็ทำเถอะครับ ตามปกติแล้วถ้าผมจะลุก ผมก็จะมีข้อกำหนดประจำตัวอยู่บ้าง เช่น ถ้าผมนั่งอยู่ มีคนแก่ เด็ก สตรี (ถ้าเป็นคนท้องจะลุกทันทีไม่มีเงื่อนไข) แต่ถ้าเป็นสตรีอื่นๆ ทั่วๆ ไป แล้วแต่สถานการณ์ครับ ถ้าถือของมา หรือต้องยืน คนเดียวอะไรประมาณนี้ก็จะลุกให้นั่งครับ ยกเว้นกรณีเดียวคือสตรีท่านนั้นรูปร่าง ใหญ่ ท้วม จนเกิดลังเลใจว่าตกลงเพราะท้องหรือท้วมกันแน่ กลัวว่าลุกให้นั่งแล้ว เค้าจะโกรธว่า คิดว่าเค้าท้องแต่จริงๆไม่รึเปล่า แต่ถ้าผมลุกแล้ว เกิดมีเก้าอี้ว่างขึ้นมา ถ้ามี คนแก่ เด็ก หรือสตรี (ทั้งหมดนะครับ ไม่แบ่งว่าท้องหรือไม่ท้อง) ผมก็จะสละเก้าตัวนั้นให้ไปครับ ถ้ามีคนลุกอีกแล้วยัง มีผู้หญิงอยู่แถวๆนั้น ก็จะให้ไปครับ จนกว่าจะหมดเหลือแต่ผู้ชายด้วยกัน คราวนี้ ก็ไม่เกรงใจละครับ... ผมว่าบางครั้งที่เราลุกให้ใครนั่ง หรือเราเสียสละอะไรบางอย่างให้กับคนที่เค้าอยากได้จริงๆ บางทีก็รู้สึกดีนะครับ จะมีแค่บางที กำลังจะเชิญมานั่งอยู่แล้ว คุณเจ๊ก็วิ่งพรวดพราดเข้ามายังกับเล่นรักบี้ กระแทกตัวแถมเบียดแซงเข้ามาเพื่อจะ นั่ง เหมือนกลัวโดนแย่ง  อย่างนี้บางทีก็มีคิดบ้างครับว่ารู้งี้นั่งไปเลยก็ดี... แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 15:47:26 จากคุณ : Parindrome เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 15:44:20

ความคิดเห็นที่ 40 ลุกแล้วเขารับน้ำใจนั่งเราก็ดีใจ  แต่หากปฏิเสธไซร้ ..ขาเกรงไปหมดนั่งลงไปก็อายตัวเอง บางทีการปฏิเสธน้ำใจอันบริสุทธิ์อาจสร้างบาดแผลให้ผู้นั้นจนอับอายที่จะให้ต่อไป จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 54 19:49:14

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าเรื่องแบบนี้พูดยาก ถ้ายึดในแง่เหตุผลล้วนๆ โดยอิงจาก สิทธิและความเท่าเทียม ก็ถูกต้อง ว่าทุกคนบนโลกนี้มีสิทธิเท่ากัน ฉะนั้นแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องลุกให้ใครเลย... แต่โลกนี้ยังมีศีลธรรมจอมปลอมๆเคลือบอยู่.. จากคุณ : Calypsol_Red เขียนเมื่อ : วันรพี 54 23:08:16

ความคิดเห็นที่ 42 สิทธิ  มาจากไหน   คนอื่น  โดยกฏหมายหรือ? มันก็เป็นเรื่องจอมปลอมเช่นกัน ความเท่าเทียม  ก็จอมปลอม  ไม่มีอยู่จริงหรอก   เป็นเรื่องคาดหวังลมๆแล้งๆ  ไม่แน่นอนจากกฏหมาย หรือในธรรมชาติก็ไม่มีจริง สิทธิและความเท่าเทียม   ในมุมมองธรรมชาตินั้น   ไม่มีความหมายใดๆ สรรพสิ่ง  มีแต่การปรับตัว และต้องปรับเท่านั้น  จึงจักอยู่รอด แต่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ในสิ่งดีๆ   ก็เพราะ  ความรัก ความเมตตา หรือ หลักใจเขาใจเรา ก็เท่านั้นเอง แต่มันก็ยิ่งใหญ่   เมื่อมันกระทำต่อคนชายขอบ หรือ ผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งมีมากมาย อย่างไรก็ตาม   มนุษย์ก็สามารถละทิ้งหลักการใจเขาใจเราได้เสียสิ้น เมื่อเกิดภาวะสงคราม   และนั่นคือ   หลุมดำของสังคมมนุษย์ ที่ดูดกลืนคุณค่าทั้งผองหายสิ้น เมื่อศีลธรรมถูกตีตราว่าจอมปลอม   แล้วที่ไม่จอมปลอมคืออะไร  อยู่ที่ไหน หรือ  แค่คำว่า  มีประโยชน์ต่อผู้กล่าว  หรือต่อเมื่อปรากฏในบริบทไร้ความขัดแย้งที่มีนัยยะ กระนั้น? จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:01:45