ความคิดเห็นที่ 1 พยายามเลี่ยงการใช้ศัพท์ยากและศัพท์ที่ไม่เคยใช้มาก่อนอ่ะครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:35:57

ความคิดเห็นที่ 2 ขี้เกียจอ่าน แต่อ่านไปย่อหน้าแรกแล้วเจอที่ผิดแรง ๆ I was not wrong about deciding to study at this course, what I have learned from this course was already respond to my need. ประโยคสองประโยคคั่นด้วยคอมมาไม่ได้ครับ ในกรณีนี้เปลี่ยนคอมมาเป็นพีเรียด แล้วขึ้นประโยคใหม่ครับ I was not wrong about deciding to study at this course. What I have learned from this course was already respond to my need. อย่างที่สองคือ I expected to learn a lot of things from this course such as how to write essay, how to write any business letters, how to promote the product in formal way and etc.  I was not wrong about deciding to study at this course, what I have learned from this course was already respond to my need. ใช้ past simp ตรงที่เคยคาดคิดจะเรียนเยอะ ๆ ก็พอ พอมาถึงปัจจุบันก็คิดไม่ผิด เปลี่ยนไปเป็น present simp เลยครับ I am not wrong about deciding to study at this course, what I have learned from this course is already respond to my need. ต่อมาคือ I am not wrong ใช้แบบนี้สื่อความเหมือนว่าเป็นความจริงที่ไม่มีวันผิดเลยครับ แต่กรณีนี้ น่าจะบอกว่า ฉันคิดว่าฉันคิดไม่ผิด และตามด้วย because เลย เพราะ คนอ่านต้องถามในใจแน่ ๆ ว่า ทำไม ? ทำไมถึงคิดว่าตัดสินใจถูก ถ้าหากว่าจบแค่เพียงบอกว่า ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจถูก ก็จะทำให้คนอ่านอึดอัด ดังนั้น ก็ต่อด้วย because เลย I think what I have decided is totally right for me, because what I have learned from this course is already respond to my need. และไม่ต้องเยิ่นเย้อไปว่า decided to study เพราะอ่านมาถึงตรงนี้ก็รู้แล้วว่าตัดสินใจอะไร จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:04:08

ความคิดเห็นที่ 3 หรือ I think I have made a right decision to study in this course, because what I have learned from this course is already respond to my need. แต่ผมว่ามันเยิ่เย้อโดยใช่เหตุครับ ใช้แบบเดิมดีกว่า คือ what I have decided is totally right for me จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:07:22

ความคิดเห็นที่ 4 Leaflet was my first lesson in this course. อย่างแรก leaflet เป็นนามนับได้ครับ เพราะฉะนั้นต้องมี article ครับ ! เลือกว่าจะใช้ a/an/the กรณีไม่ใช่ an แน่ ๆ เหลือ a/the แต่เราไม่เน้น เพราะฉะนั้นใช้ a สมมติว่าใช้ the leaflet คนถามต้องถามเราแน่ ๆ ว่า leaflet อะไร อยู่ดี ๆ ก็พูดว่า leaflet เหมือนฉันเคยรู้มาก่อนว่า leaflet อะไร A leaflet was my first lesson in this course. จริง ๆ เราเรียนการเขียนไม่ใช่หรอครับ ก็ควรจะบอกไปว่า การเขียน leaflet เป็น first lesson Writing a leaflet was my first lesson in this course. พอเท่านี้หละกันนะครับ หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์บ้าง จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:12:04

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ ผิดพลาดมากมาย แต่ดีใจๆสุดๆที่ได้รู้ข้อผิดพลาดตัวเอง.... เพราะถึงแม้ผมจะเอางานนี้ไปถามอาจารย์คาดว่าคงไม่ได้รับการอธิบายโดยละเอียดยิบแบบนี้แน่นอน= = จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:16:10

ความคิดเห็นที่ 6 I knew how to write a leaflet which can be attracted the audience. ต้องมี comma หน้า which ด้วยครับ เพราะ which ตัวนี้แทนทั้งประโยค ไม่ได้แทนแค่คำว่า a leaflet แอบถามนิดนึง ทีตรงนี้ยังใช้ a leaflet เลย แล้วทำไมข้างหน้า leaflet เฉย ๆ = = I knew how to write a leaflet, which can be attracted the audience. การเขียน leaflet ทำให้คนอ่านประทับใจ หรือดึงดูดใจ ไม่ใช่ ถูกทำให้คนอ่านประทับใจนี่ครับ ? ไม่ต้องใช้ passive หรอกครับ I knew how to write a leaflet, which can attract the audience. ส่วนอย่างสุดท้าย เราดึงดูดคนอ่าน ไม่ได้ดึงดูดผู้ชมการแสดง หรือไม่เขียนเพื่อให้คนมาฟัง ดังนั้น เปลี่ยนเป็น the reader. I knew how to write a leaflet, which can attract the reader. อีกหนึ่งอย่างหละกัน ผมว่าไม่จำเป็นต้องใช้ past เลยหละ ตอนนี้ก็ยังรู้นี่ครับ = = บรรยายเรื่องราวในปัจจุบันไปเลย ไม่ต้องบรรยายเรื่องราวในอดีต และประโยคมันห้วน ๆ ไปหน่อย ก็ใส่ adj. adv. ประดับหน่อยหละกันเนอะ I know how to write an excellent leaflet, which effectively make the reader feel so attracted. พอจริง ๆ แล้วครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:21:52

ความคิดเห็นที่ 7 แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องใช้ relative clause ก็ได้นืครับ เขียน leaflet ดี ๆ "เพื่อที่จะ" ทำให้คนอ่านรู้สึกประทับใจ I know how to write an excellent leaflet in order to make the reader feel so attracted. จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:23:32

ความคิดเห็นที่ 8 Grammar ยังผิดอยู่มากนะครับ ลอง detect งานตัวเองดู ผมต้องบ๊ายบายของจริงแล้ว จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:24:32

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าแก้ให้ ก็ไม่มีเวลาอธิบาย และ จขกท. ก็ไม่รู้ว่าทำไมงานตัวเองถึงผิด ผมเลยตัดสินใจแก้แค่บางประโยค และอธิบายว่าทำไมจึงผิด และควรเปลี่ยนเป็นอะไร เพราะเหตุผลอะไร ครับ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการโยนของถูกให้เฉย ๆ ครับ ผมคงทำได้แค่เท่านี้จริง ๆ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 16:30:47 จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:30:24

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนแรกผมกะจะหมายถึง leaflet ทีผมเขียนมา ประมาณว่า leaflet นั้นจะดึงดูดคนอ่าน  แต่ว่าแบบที่พี่เขียน อ่านแล้วสื่อได้กระชับดีกว่าอ่ะครับ ตอนผมเรียนอาจารย์ชอบใช้ audience กับ leaflet เลยจำมาใช้บ้างอ่ะครับ ผมก็ว่า reader น่าจะเหมาะสมกว่า จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:31:33

ความคิดเห็นที่ 11 I was not wrong about deciding to study at this course, what I have learned from this course was already respond to my need. ^ study at this course? (It sounds unnatural. Try to study all the collocations of the words "study" and "course", using esl dictionaries.) You use comma incorrectly. was already respond? (This verb form doesn't exist in the English language.) The word "respond" is used incorrectly. How about: I made the right decision to take this course; its contents really fulfilled my needs. (Seeing the outcome, I have to ask this question "Are you really sure?") ..................................................................... Leaflet was my first lesson in this course; I knew how to write a leaflet which can be attracted the audience. ^ Logically speaking, "leaflet" can't really be a lesson in this context. In actual fact, your first lesson is "learning how to create leaflets". can be attracted the audience? (This verb form doesn't exist in the English language) How about: In my first lesson, I learned how to create leaflets that attract the audience. ....................................................................... The essay is far too long to be edited for free. In an online forum, free lessons should be limited to a few lines.  It is time consuming to point out all the mistakes and get you on the right track. Your teacher should be editing your essay because he gets paid for it. ....................................................................... Suggestions: Learn when to use or not to use 'to be'. Make it your top priority. Look up esl dictionaries to learn how to use words to construct sentences. แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 16:59:23 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:31:58

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าใจและขอบคุณมากครับ เพราะสมัยก่อนตอนผมนำงานเขียนแบบเป็นพารากาฟมาได้ในห้องแก้ไข แล้วผมรู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลย ต่อให้ภาษาในนั้นจะสวยงามแค่ไหน แต่การขอให้อธิบายจุดผิดมันต้องใช้เวลาเยอะพอสมควรอ่าจิครับ บางครั้งเลยเกรงใจอ่ะครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:34:37

ความคิดเห็นที่ 13 To #6: ส่วนอย่างสุดท้าย เราดึงดูดคนอ่าน ไม่ได้ดึงดูดผู้ชมการแสดง หรือไม่เขียนเพื่อให้คนมาฟัง ดังนั้น เปลี่ยนเป็น the reader. ^ In this context, the word "audience" means the people who read the author's writing. It is widely used in marketing. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:40:31

ความคิดเห็นที่ 14 ขอตอบคุณ fortuneteller ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คือส่วนหนึ่งผมก็อยากเขียน Essay มานานแล้วแต่ที่ผ่านมาความรู้ที่สะสมมายังไม่แน่นแล้วก็ดีพอเลย แต่ดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะเลย(สำหรับตัวผมนะ) ผมเรียนคอร์สนี้เป็นวิชาโทตัวสุดท้ายในมหาลัยอ่ะครับ จริงๆมันก็ไม่ได้ให้อะไรผมมากอันนี้ยอมรับเลยครับ แต่อาจารย์ให้นักเรียนเขียน Essay เลยซะงั้น วิชาโทที่ผ่านๆมายังไม่เคยเรียนการเขียน Essay เลยแม้แต่ตัวเดียว แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดอยู่แล้วอ่ะครับ อาจารย์เค้าบอกว่าจะเอาไปให้ใคร Edit grammar ให้ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าให้มีความเป็นต้นฉบับในแบบของคำพูดตนเองหรือไอเดียของตัวเองหลงเหลืออยู่บ้าง แล้วมีนักศึกษายกมือถามว่า ให้อาจารย์ Edit ให้เลยได้เปล่าครับ อาจารย์บอกว่า "ไม่ได้" 555 ผมเลยลองมารบกวนพี่ๆในนี้ดูอ่ะครับ ไม่ต้องแก้ทั้งหมดก็ได้คร้าบ รบกวนเวลาเกินไป แต่บางจุดผมดูแล้วหลายรอบมันก็ยังมองไม่ออกอยู่ดี ถ้าเป็นจุดผิดใหญ่ๆรบกวนชี้แนะแทนได้ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 16:46:45 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:45:38

ความคิดเห็นที่ 15 To #10 ตอนผมเรียนอาจารย์ชอบใช้ audience กับ leaflet เลยจำมาใช้บ้างอ่ะครับ ผมก็ว่า reader น่าจะเหมาะสมกว่า ^ Your teacher has taught you the right word! Read my comments in #13. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:47:04

ความคิดเห็นที่ 16 ครับผม จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 16:52:59

ความคิดเห็นที่ 17 โห คุณ : [:Rexagon:]  มีน้ำใจจังเลยครับ ปลื้มแทน จขกท จากคุณ : ted_chen เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 17:57:42

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ ผมก็ไม้ได้อยู่ในวงการ เลยไม่รู้ศัพท์เทคนิคมากนัก ไว้ทีหลัง comment ใคร จะระวังให้มากขึ้นกว่านี้ครับผม ผมสัญญา จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:21:36

ความคิดเห็นที่ 19 คห.10 เรียกผมว่าพี่ซะงั้น คุณ jewes เรียนโท ส่วนผมยัง ป.ตรีอยู่เลยครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ในชีวิตจริง คนเรียนโทหลายคนก็เรียกผมว่าพี่ = = จน"ชิน"ไปแล้ว แม้แต่อ.ยังถามในห้องเรียนเลยว่า อยู่ ป.โทหรือเปล่า = = จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:28:30

ความคิดเห็นที่ 20 There are many steps in writing a leaflet such as collecting good information, selecting the interesting topic, choosing the comfortable front, gathering addresses of audiences in order to contract with them. สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยเลยก็คือ "การพิมพ์ผิด" ครับ ชอบตัว r หรอครับ 555+ เลือก front สวย ๆ(สร้างบ้าน ?), เพื่อที่จะติดโรคกับคนอ่าน ? (อะไรเนี่ย ?) ส่วน in order to contract with them การบอกว่า การรวบรวมที่อยู่ของคนอ่าน ก็สื่อได้แล้วว่าเราจะเอาที่อยู่ไปทำอะไร ผมจึงคิดว่าเยิ่นเย้อไปหน่อย แต่มีก็ไม่ได้เสียหายอะไรครับ จะได้ทำให้คนอ่านเข้าใจชัดเจนไปเลย จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:40:45

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ใช่เรียนปริญญาโทครับผม หมายถึงวิชาโทหรือ minor ซึ่งผมเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เอกวิทยาการคอมพิวเตอร์แต่ว่าผมเรียนวิชา minor คือ การสื่อสารธุรกิจครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:49:33

ความคิดเห็นที่ 22 There are many steps in writing a leaflet such as collecting good information, selecting the interesting topic, choosing the comfortable front, gathering addresses of audiences in order to contract with them. ตรงสุดท้ายผมต้องการจะสื่อว่าจะมีที่อยู่หรือช่องทางการติดต่อของบริษัทหรือช่องทางในการซื้อสินค้านั้นไว้อ่ะครับ เพื่อให้ผู้อ่านได้ติดต่อซื้อสินค้าได้ แต่อันนี้ประมาณแสดงที่อยู่ผู้อ่านเพื่อจะติดต่อผู้อ่านหรือเปล่าอ่ะครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:52:13

ความคิดเห็นที่ 23 Teacher also let us to find our own group to create an assignment and present at last of minute in the class. ประโยคนี้จริง ๆ แล้วใช้โครงสร้างง่าย ๆ แต่ จขกท. ยังใช้ผิด แสดงว่าแกรมมาร์ยังอ่อนมาก ๆ เลยนะครับเนี่ย = = let s/o do sth. ครับ หมายถึง let + ใคร + V.1 + สิ่งหนึ่ง แปลว่า ปล่อยให้ใครทำอะไร และยังมีการลืม article อยู่นะครับ กรณีนี้ใช้ the ครับ the teacher พอใช้ the ปั๊บ ถามตัวเองเลย คนอ่านจะเข้าใจมั้ยว่า the teacher คือครูคนไหน ใคร ๆ ก็ต้องรู้ว่า ครูคนนี้ คือครูที่สอนคุณ เพราะฉะนั้นใช้ the The teacher also let us find our own group to create an assignment and present at last of minute in the class. ส่วน let นี่ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็น V.2 คือจะเล่าเรื่องในอดีต แต่เอ๋ ... ทำไม present ถึงไม่ได้เป็น V2 ด้วยหละเนี่ย ประธานนน่าจะเป็น A teacher นะ และก็มาเข้าใจว่า อ๋อ and เชื่อม V.1 คือ to+v.1 and v.1 นี่คือประเด็นสำคัญที่ควรจะเปลี่ยนจาก present เป็น to present ครับ หลักการง่าย ๆ อย่างนี้เลย The teacher also let us find our own group to create an assignment and to present at last of minute in the class. ต่อมาคือ present อะไรหว่า ลองแปลเป็นไทยดิครับ เพื่อที่จะสร้างการบ้าน และเพื่อที่จะเสนอ ตอนจบ เอ๊ะ เสนออะไร รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าต้องทำอะไร ต้องหา obj ให้ present ครับ obj. ของ present มีได้ตัวเดียวคือ assignment แต่เอ๊ะ... ถ้าเราใช้ว่า and to present an assignment มันก็เวิ่นเว้ออีก จะพูดยาว ๆ ทำไมสองครั้ง ทำไงดี ... ใช่นี่เลยครับ and to present it The teacher also let us find our own group to create an assignment and to present it at last of minute in the class. ต่อมาคือประโยคที่ผมคิดว่าสวยกว่า The teacher also gave me a group assignment and I had to present it in the class. ไม่ต้องไปบอกหรอกครับว่า "คุณครูปล่อยให้หนูหากลุ่ม" เพื่อทำงานด้วยกัน แล้วก็เพื่อมาเสนองานด้วยกันในนาทีสุดท้ายของคาบเรียน = = give มี 2 อย่างครับคือ give s/o sth และ give sth. to s/o ในกรณีนี้จะใช้ gave me a group assignment หรือ gave a group assignment to me ก็ได้ แต่มี to แล้วยาวพิกล เลยขอใช้ s/o sth หละกันครับ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 21:53:24 แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 20:07:32 จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 19:54:52

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าอย่างนั้น having an address in contract with the audience. ก็น่าจะเปลี่ยนเป็น notifyting the address of the organization so that customers can inquire about the information. แจ้งที่อยู่(ใช้ the เพราะเรารู้แล้วว่าที่อยู่ของบริษัทในใบ leaflet) เพื่อที่ว่าลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลได้ แต่ผมว่าประโยคนี้แปร่ง ๆ อยู่ ถ้าคิดที่ดีกว่านี้ได้ จะมาบอกครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 20:03:53

ความคิดเห็นที่ 25 ใจจดใจจ่อเลยครับอิอิ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 20:31:58

ความคิดเห็นที่ 26 ผมยังไม่หายไปไหนนะครับ ขอบคุณอีกหลายๆรอบเลย T-T จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 20:32:37

ความคิดเห็นที่ 27 ขอโทษด้วยครับ ผมออกจากกระทู้นี้ไปนานแล้วครับ เพราะมีงานที่ต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้สองงาน ขอโทษที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้รอนะครับ = = ไว้วันพฤหัส จะมาช่วยอย่างเต็มที่เลยครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 21:51:07

ความคิดเห็นที่ 28 For one thing, I love the past of teacher feedback’s giving. She would give you a particular suggestion of your speaking which was very useful to improve the student’s skills ขออนุญาตเปลี่ยนเฉย ๆ โดยไม่อธิบายแล้วละกันนะครับ The teacher also gave me a group assignment and I had to present it in English in the class. After presenting the assignment, I would receive very useful comments from her especially about how to improve my skills such as presentation skill and speaking skill. จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 22:00:31

ความคิดเห็นที่ 29 The teacher also gave me a group assignment and I had to present it in English in the class. After presenting the assignment, I would receive very useful comments from her especially about how to improve my skills. skills มักเติม s เสมอ เพราะการทำสิ่งหนึ่ง มักต้องใช้ความสามารถในหลาย ๆ skills ตกลงจะบรรยายเรื่องในอดีต หรือปัจจุบันเนี่ยครับ เดี๋ยวก็ present เดี๋ยวก็ past งงนะ อย่าใช้รูปย่อในงานเขียน She always writes the mistakes (ใช้ the เพราะมี relative clause ขยาย - Relative clause ละ which/that ไว้ตรงนี้) I have made while I am doing the presentation. All suggestions given by her are beneficial for me and other students. It is very nice of her to try to help develop skills of all students, which I have never seen before. จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 22:14:00

ความคิดเห็นที่ 30 She always writes the mistakes (ใช้ the เพราะมี relative clause ขยาย - Relative clause ละ which/that ไว้ตรงนี้) I have made while I am doing the presentation. All suggestions given by her are beneficial for me and ALSO other students. It is very nice of her to try to help develop skills of all students, which I have never seen before. จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 22:21:14

ความคิดเห็นที่ 31 to help develop อ่านแล้วแปลกๆอ่ะครับ ถ้าเป็น to help developing หรือ to help improving ได้ไหมครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 22:39:55

ความคิดเห็นที่ 32 to help to develop [American style] to help develop [British style], the so-called infinitive without "to" จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 22:46:14

ความคิดเห็นที่ 33 ครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 23:03:16

ความคิดเห็นที่ 34 help มีโครงสร้าง 3 แบบครับ help s/o do sth. help s/o to do sth และ help + V.1 ซึ่งบางทีก็จะเห็นเขาใช้ว่า help s/o with sth. บ้างครับ เรื่อง help นี้คนผิดเยอะครับ เพราะคิดว่า V แท้มี 2 ตัวได้อย่างไรกัน แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสูตรของแกรมมาร์ ที่ต้องใช้ตามนั้นครับ ที่รู้ว่าผิดเยอะเพราะผมชอบพูดอังกฤษกับพวกเพื่อน ๆ ที่ไปสอบ toefl แล้วคำว่า help มันก็เป็นคำที่แต่ละคนมักจะใช้บ่อย ๆ เพราะเป็นคำทั่ว ๆ ไป เลยทำให้เราได้เห็นบ่อย ๆ ว่าหลาย ๆ คนใช้ผิดครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:40:36

ความคิดเห็นที่ 35 มายกตัวอย่างให้ห่อยดีกว่า Beta Carothine helps decrease antioxidant in your body. Knowing and Using correct grammatical rules can help enhance my intellectual class. Please help me move this box. แนะนำอย่างหนึ่งครับ การเรียนภาษาอังกฤษ ต้องเริ่มจากการจำแกรมมาร์ได้อย่างถ่องแท้ครับ เพราะเราไม่ใช่ฝรั่ง ที่จะมาอาศัยการชินได้ เราไม่ได้มีเวลาเป็น 10 ปีเพื่อให้เราชิน แม้กระทั่งเจ้าของภาษาเอง ก็ยังใช้แกรมมาร์ผิดเลยครับ เมื่อเราได้แกรมมาร์แล้ว เราก็จะสามารถเขียนได้อย่างถูกต้อง พูดได้อย่างถูกต้อง หลังจากนั้นค่อยหาศัพท์ หา idiom มาปรับปรุงประโยคให้ไพเราะ ซึ่งได้มาจากการท่อง และการอ่านครับ จากนั้นก็ใช้แกรมมาร์บ่อย ๆ ใช้ศัพท์บ่อย ๆ ใช้อีเดียมบ่อย ๆ โดยการเขียนบ้าง คุยกับตัวเองบ้าง หาโจทย์มาทำบ้าง จนทุกอย่างมันชิน และไหลมาเองโดยไม่ต้องคิดครับ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ถ้าไอเดียในภาษาไทยไม่ชัด จะแปลเป็นภาษาอะไรมันก็ไม่ชัดครับ นั่นคือ...การเขียน เราต้องเขียนในภาษาไทยให้รู้เรื่องก่อน ให้น่าเชื่อถือก่อน โดยเฉพาะเราเอง ต้องเชื่อในสิ่งที่เราเขียน (เราไม่เชื่อ แล้วใครจะเชื่อ) แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษครับผม การศึกษาภาษาอังกฤษ อาศัยเวลา อาศัยการสะสม อาศัยความเพียรอยู่มาก แต่เมื่อเราใช้มันได้เสมือนเป็นอวัยวะหนึ่ง ที่เราใช้โดยไม่จำเป็นต้องนึกก่อน เมื่อนั้นเราจะมีความสุขมาก ๆ ครับ มันจะทำให้เราเปิดโลกได้กว้างมากขึ้น ทั้งในด้านการศึกษา ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ และวัฒนธรรมกับชาวต่างชาติครับ สู้ ๆ ครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 02:05:59

ความคิดเห็นที่ 36 แนะนำอีกอย่างครับ คนส่วนใหญ่เมื่อเก่ง แล้วมักมีอีโก้ครับ การมีอีโก้ ทำให้เราหยุดการพัฒนาตนเอง และไม่ยอมเปิดรับทัศนคติใหม่ ๆ เพราะคิดว่าเราอยู่จุดสูงสุดซึ่งเหนือนกว่าคนอื่นแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราอาจจะอยู่สูงสุดบนกะลาของเราก็ได้ครับ เมื่อใดที่กะลาใบนี้แตก แล้วได้เห็นกะลาใบใหญ่ ที่มันครอบกะลาเดิม เมื่อนั้นอีโก้เราจะแตกสลาย แล้วเราจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ครับ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ให้ทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้วครับ ฟังคนอื่นเยอะ ๆ อะไรที่มีสาระก็เก็บ อะไรที่ไม่มีสาระ หรือไม่มีประโยชน์ หรือฟังแล้วไม่มีความสุขก็ทิ้งไปครับ และเมื่อรู้สึกว่าน้ำมันเติมใส่แก้วไม่ค่อยได้ เติมแล้วล้น หรือไม่มีอะไรมาเติม ก็ลองถ่ายน้ำใส่แก้วคนอื่นบ้าง โดยการช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ให้คำแนะนำบ้าง หรือหาความรู้ใส่แก้วเพิ่มเติมครับ สู้ ๆ ครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 02:17:07

ความคิดเห็นที่ 37 ผมจะกลับมาช่วยใหม่ในวันพุธ พฤหัสนะครับผม จะมาจัดให้แบบเต็มสตรีมเลย จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 02:18:18

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำครับ เพราะตอนแรกผมเห็นแล้วคิดว่าเป็น v แท้สองตัวอย่างที่คุณบอกจริงๆ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 12:02:00

ความคิดเห็นที่ 39 พยายามลองแก้ใหม่อีกรอบนึง ต่อจากที่คุณ [:Rexagon:] แก้ไว้ให้ และได้ฉบับเต็มดังนี้ What I have learned from this course I expected to learn a lot of things from this course such as how to create a leaflet, how to write essay, how to write any business letters, how to promote the product in formal way and etc.  I made the right decision to take this course; its contents really fulfilled my needs. In my first lesson, I learned how to create leaflets that attract the audience.  There are many steps in writing a leaflet such as collecting good information, selecting the interesting topic, choosing the comfortable front, notifying the address of the organization so that customers can inquire about the information.  The teacher also gave me a group assignment and I had to present it in English in the class. After presenting the assignment, I would receive very useful comments from her especially about how to improve my skills.  She always writes the mistakes I have made while I am doing the presentation.  All suggestions given by her are beneficial for me and also other students.  It is very nice of her to try to help develop skills of all students, which I have never seen before. The last lesson took us two weeks to complete them then I was going to the next lesson that is the most interesting for me.  The topic was about a product had a lot of contents such as the promotion, the presentation, the target market, the product feature and the marketing strategy.  We were given a group assignment concerning writing in a formal style to launch the product which was created by our own ideas.  For examples; our company, VISEHEROES, is selling the various types of glasses that made by the recycle materials.  The reasons we had to choose the recycle materials are our product must be an environmental friendly to follow the global warming trend and to induce the customers realizing about saving the earth, so the customers, they can do both by using our glasses.  Moreover, the glasses with colorful styles were targeted on a teenager group that making them feels as the fashion’s leader. There are several promotions of ordering the glasses such as you’ll get 10% discount if you bring your old one to us.  We also presented the product in front the class in order to tell the audiences how good the product is, the reasons you have to buy our products. The last assignment brought us to the business letter that we had to write it and send them all to our target markets.  First of all, I would like to express my feeling for this assignment that I felt like I have to be responsible with it, then I volunteered to do it all by myself without helping of my colleagues because I did not help my group at the last presentation.  I started to write the business letter from studying the sample business letters which my friends lectured it from the class.  I searched more information on the internet to apply their subjects and details for my work. The next step is writing the invitation card for inviting the customers to celebrate our new products.  On the other hand, we also had to write a polite refusing of the invitation if we don’t want to go. The various knowledge and skills I have gained are more than I expected.  I’ve learned more about grammar, writing in a formal style for business, techniques of speaking and I am not excited anymore when I have to present in front of a lot of people in the class. แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 54 23:09:58 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:47:57 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:46:17 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:45:04 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:44:05 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:42:44 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:37:21 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:30:21

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ Rexagon นี่เล่นห้องแป้งอะป่าวครับ อยู่ ป ตรีเหรอครับ ไมอังกฤษเมพจัง ฝึกอังกฤษมากี่ปีแล้วหรอครับ จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:50:14

ความคิดเห็นที่ 41 ผมเล่นห้องแป้งเองแหล่ะครับ ไม่ใช่คุณ [:Rexagon:] หรอกฮ่าๆ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:35:50

ความคิดเห็นที่ 42 how to write AN essay, => เพราะ essay เป็นนามนับได้ครับ and etc => เราไม่ใช่รูปย่อในงานเขียนครับ => ควรเปลี่ยนเป็น and so on หรือไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ครับ เพราะข้างหน้าใช้คำว่า such as แล้ว คนอ่านรู้แล้วครับว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปแค่ยกตัวอย่าง ไม่ได้จะพูดถึงทั้งหมด The last lesson took us two weeks to complete them => them ตัวนี้แทนคำว่า the last lesson นี่ครับ ซึ่งเป็นนามเอกพจน์ เปลี่ยนมาใช้เป็น it นะครับ The topic was about a product had a lot of contents such as the promotion, the presentation, the target market, the product feature and the marketing strategy. => ตรง The topic was about a product had a lot of contents มี V แท้สองตัวนิครับ ถ้าจะขยายว่า topic นี้มีหลายหัวข้อ ... ควรทำตามนี้ครับ ถ้าเราจะใช้ which The topic was about a product which had a lot of contents = which ตัวนี้จะแทน a product ซึ่งเราไม่ได้ขยาย product เพราะฉะนั้นผ่านวิธีนี้ไปก่อน The topic was about a product, and it had a lot of contents =อันนี้โอเคครับ คนอ่านรู้แน่ว่า it นี้คืออะไร เพราะสิ่งที่จะมีเนื้อหามากมาย คงไม่ใช่ product The topic was about a product, and it had a lot of contents =แต่ในเรื่อง relative clause แบบ non-defining บอกไว้ว่า เราใช้ rel.pronoun แทน and + ประธานได้ และวิธีการใช้ก็คือต้องมี คอมมาหน้า จึงเปลี่ยนเป็น The topic was about a product, which had a lot of contents ต่อมาคือ the target market นามสองตัวแปะกัน ที่เรียกว่า compound noun พยายามใช้เฉพาะตัวที่เคยเห็นนะครับ เพราะปกติแล้วจะเอา adj ขยาย n มากกว่า การเอา n มาขยาย n กรณีนี้ใช้ the target of the market ดีกว่า ส่วน the product feature ผมคุ้น ๆ นะว่ามีใช้ อันนี้ผมขอไม่ฟังธงหละกันครับ แต่ประเด็นนึงคือ น่าจะมีหลาย feature ผลิตภัณฑ์ที่เราจะเอาไปขาย ใคร ๆ ก็อยากโฆษณาฟีเจอร์ทั้งนั้น และ น่าจะมีหลายกลยุทธ์ the product features and the marketing strategies ต่อมาครับ For examples; our company, VISEHEROES, is selling the various types of glasses that made by the recycle materials. ทำไมใช้ present ละครับ จะบรรยายเรื่องราวในอดีต ก็ใช้ past ให้หมดเลยครับ และ For example ตามด้วน comma ครับ For examples, our company, VISEHEROES, was selling the various types of glasses that made by the recycle materials. ต่อมา โครงสร้างอย่างนี้เคยเห็นมั้ยเอ่ย The reason why I ........... is that ................. เหตุผลที่ว่าทำไมฉันจึง.........ก็คือ...................... an environmental friendly เริ่ม an มาแสดงว่าเดี๋ยวมีนามที่เริ่มเติ่นออกเสียงด้วยตัว ยอยักแน่ ๆ แต่ทำไมมีแต่ adj ไม่มีคำนามซะงั้น พออ่าน ๆ ไป ก็เข้าใจแล้วละว่า ตั้งจะบอกว่า สภาพของสินค้าเราจะเป็นอย่างไร ก็เลยมีแต่ adj ... ส่วนคำว่า an นี่ลืมลบชัวร์ ๆ The reason why we had to choose the recycle materials is that our product must be an environmental friendly to follow the global warming trend and ต่อมาเดาเอาเองครับ  http://www.ldoceonline.com/dictionary/induce to induce the customers realizing about saving the earth ต่อมาเป็นส่วนที่อภัยไม่ได้ !!!!!!!!!!!! จะใช้คำนามก็ใช้คำนามเลยครับ จะใช้สรรพนามตามมาอีกทำไมหนอ กรณีนี้ตัด they ทิ้งเลยครับ , so the customers can do both by using our glasses. ต่อมาคือ can do both by using our glasses ตลกอ่ะครับ ผมขอให้ประโยคเลยหละดัน so the customers can share our sense of conserving the nature by using our glasses ดังนั้นลูกค้าจะสามารถมีความรู้สึกของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ร่วมไปกับเรา โดยใช้แว่นตาของเรา ต่อมา  Moreover, the glasses with colorful styles were targeted on a teenager group that making them feels as the fashion’s leader. ผมเคยเห็นแต่ ผลิตภันฑ์นี้ target on หรือเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน ไม่เคยเห็นลูกค้ามา target บริษัทเลย คิดว่า จขกท. ก็คงรู้สึก กรณีนี้เข้าใจว่า จขกท จะบอกว่า วัยรุ่นสนใจ were interested by a teenager group that และเปลี่ยน a teenager group เป็น teenagers เฉย ๆ ก็พอครับ ต่อมา that making them feels as the fashion’s leader. that+ประโยคเท่านั้นครับ และในประโยคเนี่ย ใช่ because เข้าท่ากว่าเยอะครับ แว่นเราได้รับความรู้สึกสนใจจากวัยรุ่น "เพราะ" our products makes them feel as if they are the leaders of fashion จริง ๆ as if/as though บวก past sim เพื่อสมมติเรื่องในปัจจุบัน และอนาคต กับ past perf เพื่อสมมติเรื่องราวในอดีต แต่เมื่อไหร่ใช่ present ธรรมดา แสดงว่าเราไม่ได้ต้องการสมมติ แต่เป็นมุมมองที่เราเห็นว่าจริง ต่อมา There are several promotions of ordering the glasses such as you’ll get 10% discount if you bring your old one to us. such as + noun เท่านั้นครับ ส่วนคนอ่านตอนนี้ก็ยังเป็นคนอ่าน อยู่ดี ๆ ไปเรียกว่า you เฉยเลย = = คนอ่านเป็นลูกค้าทุกคนเสียเมื่อไหร่ = = เปลี่ยนเป็น We will provide the customers with many great promotions. For example, they will get 10% discount if they bring old glasses to buy new ones. ต่อมา ยกตัวอย่างอันสุดท้าย มี and หน่อยเน้อ how good the product is, and the reasons you have to buy our products. เดี๋ยวกลับมาต่อครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : วันรพี 54 13:45:28

ความคิดเห็นที่ 43 ข้างบนพลาด an environmental friendly เริ่ม an มาแสดงว่าเดี๋ยวมีนามที่เริ่มเติ่นออกเสียงด้วยตัว ยอยักแน่ ๆ แต่ทำไมมีแต่ adj ไม่มีคำนามซะงั้น ต้องออกเสียง อออ่างครับ ไว้ดึก ๆ กลับมาแก้ที่เหลือให้ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : วันรพี 54 13:49:18

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณคร้าบ โหผมไม่คิดว่าจะพี่จะมาติดตามกระทู้นี้แล้ว ผมอ่านไปแล้วขำในความโง่ตัวเองอิอิ แต่ได้ความรู้มากๆเลยครับ ถ้าพี่เป็นอาจารย์ผมคงสนุก ฮาแน่ๆอ่ะคับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 13:26:01 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:25:48

ความคิดเห็นที่ 45 ที่แก้ให้เนี่ย เพราะอยากให้รู้ครับว่า grammar สำคัญมาก ๆ ครับ ลองนับดูนะครับว่างานนี้มี grammar ผิดไปกี่จุด ที่สำคัญ งานเราไม่ได้มีคนมาแก้ให้เราเรื่อย ๆ เราต้องเป็นคนใช้แกรมมาร์ และตรวจ grammar ให้ถูกต้องด้วยตัวเราเอง ดังนั้น การท่องแกรมมาร์ให้ได้ 100% (หรือฝึกฝนให้เข้าใกล้ได้มากที่สุด) และการฝึกใช้โดยการทำโจทย์ error, sentence completion เพื่อเป็นการ detect ว่าเรายังผิดตรงไหน ตรงไหนที่เราจำไม่ได้เสียที ซึ่งจะทำให้เรานำ grammar ไปใช้ในงานเขียน และการพูดได้ถูกต้องครับ ที่สำคัญ อย่ามีอีโก้ หรืออัตตาครับ การมีอีโก้ คิดว่าเราเก่งที่สุดในจักรวาล ดีเด่นเหนือคนอื่น ถือตัว หรือไม่ยอมรับความผิด จะเป็นการปิดกั้นการพัฒนาตัวเองอย่างมากครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 22:46:16

ความคิดเห็นที่ 46 In the last lesson, she introduced how to write the business letter and how to send them all(เปลี่ยน them all เป็น it เพราะ them นี้แทน the business letter) to our expected customers. ลูกค้าเป้าหมายเปล่าครับ ? targeted กีกว่ามั้ง First of all, I volunteered to do it all my own without helping of my colleagues. คำว่า volunteer นี้นี่ใช้เพราะเคยเห็นเขาใช้กันหรือเปล่าครับ ถึงเลือกมาใช้ ถ้าเป็นผมจะเปลี่ยนไปเป็น "ผมตัดสินใจที่จะทำงาน" First of all, I decided to ... ต่อมาคือ to do it all ผมเห็นว่าที่เล่ามาตอนต้นนี้มี write กับ send แล้วทำไมใช้ it ? เปลี่ยนเป็น to do them all ครับ ต่อมา I felt like I have to be responsible on this work, be responsible for ครับ ไม่ใช่ on (คำพวกนี้เรียกว่า collocation เป็นรูปประโยคที้่ต้องใช้ตามนั้น) เปลี่ยนเป็น I felt like I have to be responsible for these work without any help from others, (work ไม่ต้องมี s ถูกแล้วครับ ถ้ามี s จะแปลว่าผลงานทางด้านวรณกรรม หรืองานเขียน) other มี s เพราะ อื่น ๆ นี่หลายอื่น ๆ ถ้ามีอื่น ๆ อีกอันเดียวใช้ another ครับ (ลองดู other แบบอื่น ๆ เองนะครับ) อีกแล้วนะครับ !!! เอาประโยคคั่นด้วยคอมมาอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเปลี่ยน comma เป็น period !!! the reason is that I did not help my friends at the last presentation because I skipped out that hour. เปลี่ยนเป็น I skipped that class. ประโยคนี้ก็หมายถึง class ในวันนั้นครับ class นี่หมายถึงเป็นครั้ง ๆ ไปนะครับ แบบ ยกเลิก class วันนี้ ต่อมา And I was not going to think that my friends wasn’t help me at all, if I volunteered it all by myself. ไม่มีใครใช้ and ขึ้นประโยคครับ ถ้าจะบอกว่ามีอื่น ๆ อีก ให้ใช้ Furthermore, Morover, In addition, Additionally แล้วแต่ครับ อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วตลกครับ สิ่งที่ จขกท.เขียน มันงง ๆ ครับ เหตุผลที่มา support ไม่หนักแน่นเลย ลองแปลเป็นไทยดูนะครับ ... คือถ้าจะบอกว่า ผมต้องรับผิดชอบงานทั้งหมดเพราะเพื่อนไม่ช่วย เลยตัดสินใจปล่อยให้เพื่อนพรีเซนต์ แล้วเราก็โดดไป เพราะถ้าไม่โดด เพื่อนก็จะให้เราพรีเซนต์อีก ดีกว่ามั้ย ? (พอเขียนประโยคในไทยได้สวย ๆ แล้ว ก็ค่อยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ) I have to take the full responsibility for this work because my teammates did not help me at all. I,therefore,(therefore คั่นกลางแปลว่าจึง ในกรณีนี้แปลว่า ฉันจึง) decided to skip that class in order to let them make a presentation. จบ ตอนแรกผมใช้ do the presentation อันนั้นผิดครับ มีแต่ make the presentation ขชอโทษครับ I believe that studying and learning were started from practice. study กับ learn มันต่างกันยังไงครับ ทำไมต้องย้ำด้วย เขียนเยอะ ๆ แต่ idea นิดเดียว ไม่ดีครับ เขียนให้น้อย ๆ สั้น ๆ แต่สื่อความได้เยอะ ๆ เทพกว่า ดูดีมีความรู้กว่า เปลี่ยนประโยคเป็น การเรียนรู้ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากการฝึกฝน I believe that studying everything needed practice. (เปลี่ยนประโยคไทยเป็นภาษาอังกฤษแล้วแปลก ๆ ก็เลยใช้ need แทนครับ) ส่วนที่เหลืออยากให้ จขกท. กลับไปแก้ใหม่ก่อน โดยใช้สิ่งที่แนะนำเพิ่มเติมไปแล้ว เพราะยิ่งแก้ ก็ยิ่งเห็นว่าจะผิดซ้ำ ๆ 1.ใช้ pronoun ให้ถูก แทนเอกพจน์ พหูพจน์ 2.ใช้ voice ให้ถูก 3.เขียนแล้วลองแปลเป็นไทยว่าตลกมั้ย 4.ลองเขียนเป็นประโยคไทยก่อนให้ชัดเจนไม่ตลก แล้วค่อยแปลเป็นอังกฤษ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 23:16:39 จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 23:14:36

ความคิดเห็นที่ 47 ตรงเรื่องเพื่อนและงาน ตั้งใจจะพูดประมาณว่า รับอาสาทำงานชิ้นนึงคนเดียวอ่ะครับ เพราะว่าครั้งที่แล้วไม่ได้เข้าเรียน และมันมีงานพรีเซ้นที่ผมไม่ได้ช่วยเพื่อนเลยอ่ะครับ คือสาเหตุให้ผมอยากชดเชยที่ผมไม่ได้เข้าไปช่วย และก็ผมจะไม่คิดว่าเพื่อนไม่ช่วยผมเนืองจากผมอาสาทำงานชิ้นนั้เอง จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 21:44:23

ความคิดเห็นที่ 48 ลองแก้ส่วนที่เหลือกลับมาให้ดูหน่อยซิครับ กับส่วนที่บอกใน คห.47 ผมอยากรู้ว่า จขกท. ไปถึงขั้นไหนแล้ว และที่ผมช่วยนี่จะมีประโยชน์บ้างหรือเปล่า อย่าลืมท่องแกรมมาร์นะครับ ^^ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 54 10:59:42

ความคิดเห็นที่ 49 In the last lesson, she introduced how to write the business letter, and how to send it all to our targeted customers, she also gave us the assignment.  First of all, the reasons why I decided to do them all without any help from others was I felt like I have to take the full responsibility for this work because I didn't help my friends doing the presentation at last period. I started to write the business letter from studying the sample business letters which my friends lectured them from that class.  Furthermore, I searched more information on the internet to apply their subjects and details for my work. The next step was writing the invitation card for inviting the targeted customers to celebrate our new products.  On the other hand, we also had to write a polite refusing of the invitation. The several knowledge and skills that I have gained are more than I firstly expected.  I’ve learned more about grammar, writing in a formal style for business, techniques of speaking and so on.  Moreover, I am not excited anymore when I present a presentation in front of a lot of people in a class. แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 54 00:41:42 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 00:39:28

ความคิดเห็นที่ 50 because I didn't help my friends doing the presentation at last period. ==> make the presentation ==> help s/o do sth สอนไปแล้วน้าาาาาาาาาาาาาา ==> make ครับ ไม่ใช่ do ==> ตอนแรกผมใช้ do แต่ผมแก้ไปเป็น make ใน คห.46แล้วนะ = = ==> ได้อ่านกระทู้บ้างมั้ยเนี่ย = = ==> at the last period ครับ ==> บอกลำดับ อย่าลืม the เช่น the last, the second, the fifth, ... I started to write the business letter from studying the sample business letters which my friends lectured them from that class ==> ประโยคนี้ใช้ relative clause ผิดครับ ==> ยังไม่แม่นมาก ๆ เลยครับ ==> which my friends lectured them from that class ==> which ตัวนี้เป็น obj แทน business letters ==> ซึ่ง which ตัวนี้เป็น obj ของ my friends lectured them from that class ==> แต่ my friends lectured them from that class ดันมี them ซ้ำ ==> กลายเป็นประโยคนี้มี obj ตัวเดียวกัน ซ้ำกัน เหมือนกัน อยู่ 2 ตัว อีกตัวคือ them ==> ทั้งคู่แทน sample business letters ==> กรณีนี้ทำยังไง เราก็ตัด them ออกครับ เพราะ obj ของ rel.clause. ควรจะเป็น which ==> I started to write the business letter from studying the sample business letters which my friends lectured from that class ==> พอคนอ่านอ่านมาถึง which ปุ๊บ แล้วเจอ sub ตามมา คนอ่านก็รู้แล้วครับว่า which เป็น obj ซึ่งก็ต้องไปดูว่า which แทนอะไร เพื่อที่ว่า พออ่านประโยคต่อไปแล้วเจอตรงไหนที่ต้องการ obj ก็เอาตัวที่ which มันแทน มาแทนที่ในส่วนที่ต้องการ obj Furthermore, I searched more information on the internet to apply their subjects and details for my work. ==> แปลเป็นไทยแล้วตลกครับ ==> เป็นผม จะบอกแค่ว่า หาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตเพื่อมาประยุกต์ใช้ในงานของผม ==> ผหมว่าไม่มีใครบอกว่า หาข้อมูล เพื่อเอาแต่ละเรื่อง แต่ละรายละเอียด ทุกซอก ทุกมุมมาใช้ ==> I searched more information on the internet to apply them in my work. The next step was writing the invitation card for inviting the targeted customers to celebrate our new products. ==> จริง ๆ แล้วแปลความเป็นไทย แล้วต้องการบอกว่าขั้นต่อไป"ก็คือ" ==> คำว่าก็คือ ให้ใช้ be + to-inf เช่น is to, was to, were to, ... ==> แต่จริง ๆ แล้ว be + to-inf แปลได้สองอย่างคือ "จะ" และ "ก็คือ" ==> The next step was to write the invitation card for inviting the targeted customers to celebrate our new products. On the other hand, we also had to write a polite refusing of the invitation. ==> ได้รู้ความหมายของ on the other hand ก่อนมาใช้หรือเปล่าครับ ==> หรือก่อนใช้ได้ลองแปลประโยคเป็นภาษาไทยหรือยัง ==> ตรงนี้ทำไมถึงใช้ ในทางกลับกัน พวกเราก็ยังได้เรียน ... ==> คนไทย คนไหน ๆ ก็ไม่พูดมั้งครับ มันขัดแย้งกับส่วนก่อน ๆ ยังไง ? ==> เปลี่ยนเป็น สุดท้าย ==> Last, we also had to write a polite letter to refuse of the invitation. I present a presentation ==> เปลี่ยนเป็น make a presentation ดีกว่าครับ จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 09:54:29

ความคิดเห็นที่ 51 GRAMMAR สำคัญที่สุด จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 09:59:08

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 21:01:58