Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หมอวิเศษ ติดต่อทีมงาน

เสี้ยวสามก๊ก

หมอวิเศษ

"เล่าเซี่ยงชุน"

ได้เคยเล่าถึงขบวนการผู้วิเศษในสามก๊ก มาครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อน ซึ่งได้กล่าวถึง อิเกียด ผู้วิเศษแห่งเมืองกังตั๋ง ที่มีประชาชนรักมาก แต่เป็นที่เกลียดชังของซุนเซ็กเจ้าเมืองกังตั๋ง จึงถูกฆ่าแต่ก็แสดงอิทธิฤทธิ์มากมาย จนซุนเซ็กต้องถึงแก่ความตายตามไปด้วย

อีกคนหนึ่งก็คือ โจจู๋ หมอผีแห่งเมืองฮูโต๋ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนกับโจโฉ แต่เป็นพวกนิยมเล่าปี่ จึงแสดงฤทธิ์เดชหลอกล่อโจโฉ จนทนไม่ได้ ต้องขับไล่ให้ไปถูกฆ่าตายที่เมืองเกงจิ๋ว

และอีกคนหนึ่งคือกวนลอหมอดูเทวดา ที่ทำนายทายทักเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ เป็นที่ถูกอกถูกใจโจโฉ ถึงกับมอบรางวัลให้มากมาย และขอให้อยู่เป็นที่ปรึกษา แต่กวนลอก็ไม่ต้องการ ขอกลับไปอยู่ในป่าเขาตามเดิม

ส่วนหมอที่เป็นนายแพทย์รักษาคนไข้ธรรมดา ก็คือ เกียดเป๋ง หมอหลวงของราชสำนักพระเจ้าเหี้ยนเต้ ที่เกลียดชังโจโฉ จึงคิดจะวางยาพิษฆ่าโจโฉ แต่ถูกจับได้ จึงถูกโจโฉทรมานจนต้องฆ่าตัวตาย

และคนที่จะเล่าในคราวนี้คือ หมอฮูโต๋ ซึ่งเป็นนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงของสามก๊ก เดิมเป็นชาวบ้านเจียวก๋วน แขวงเมืองไพก๊ก เป็นผู้ที่มีคนนับถือมาก ถ้าได้รักษาโรคแล้วบางทีก็ให้ยาทายากิน บางทีก็เผาบางทีก็ผ่า แต่พอยกมือขึ้นความเจ็บก็หาย ถ้าเป็นโรคในท้องให้กินยาเข้าไป คนไข้ก็หลับไปหารู้สึกตัวไม่ จึงเอามีดผ่าท้อง เอาไส้พุงออกมาชำระให้สิ้นโสโครก แล้วคืนใส่เข้าไปไว้อย่างเก่า เอาไหมเย็บแล้วทายา บางคนเดือนหนึ่งก็หาย บางคนยี่สิบวันก็หายเป็นปกติเหมือนเก่า

ครั้งหนึ่งฮัวโต๋เดินไปตามถนน ได้ยินเสียงคนครางอยู่บนเรือน จึงเข้าไปขอรักษา แล้วเอากระเทียมกับกุยช่ายบดให้ละเอียด ใส่น้ำลงสองทะนานให้คนไข้กินให้สิ้น พอกินหมดคนไข้ก็อาเจียนออกมา มีงูตัวหนึ่งยาวสองศอกเศษไหลออกมาด้วย ไข้นั้นก็หายสิ้นไป

อีกครั้งหนึ่งชาวเมืองกังเหลงเป็นไข้ ในท้องให้ลั่นโครกคราก กินข้าวไม่ได้ ผอมหน้าเหลือง จึงเชิญฮัวโต๋มารักษา แต่พอกินยาเข้าไปมื้อเดียวก็อาเจียนออกมา ล้วนแต่หนอนหัวแดงยังเป็นอยู่ ประมาณสักสองทะนาน คนไข้ถามว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ฮัวโต๋ก็บอกว่าท่านเอาเนื้อดิบปลาดิบมาพล่ากินจึงเป็นโรคดังนี้ แต่ถึงออกมากระนี้แล้วก็ยังไม่หายขาด อีกสามปีโรคนี้จะกลับเป็นอีก คราวนี้จะรักษาไม่หายเลย สามปีต่อมาคนไข้ผู้นั้นก็ตาย เหมือนที่ฮัวโต๋คาดไว้

อีกคนหนึ่งเป็นฝีขึ้นมาที่หลังคิ้ว ให้ปวดแสบปวดร้อนนัก หมอฮัวโต๋แลดูก็ว่ามีสัตว์บินได้อยู่ในนั้น คนทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ หมอฮัวโต๋ก็เอามีดผ่าฝีนั้นออก มีนกกระจอกเต้นออกมาแล้วก็บินไป โรคนั้นก็หาย

อีกคนหนึ่งสุนัขกัดเอาหัวแม่เท้าขาดไป แล้วเกิดเป็นก้อนเนื้อ ย้อยออกมาสองก้อน ก้อนหนึ่งเจ็บ ก้อนหนึ่งคัน หมอฮัวโต๋ดูแล้วจึงว่า ก้อนเนื้อที่เจ็บนั้นข้างในมี เข็มอยู่สิบเล่ม ก้อนที่คันนั้นมีลูกสกาอยู่สองลูก ขาวกับดำ คนทั้งปวงไม่เชื่อ หมอฮัวโต๋ก็เอามีดผ่าออก ได้เข็มและลูกสกาดังที่ว่านั้น คนทั้งปวงก็สรรเสริญว่า เหมือนเทพยดา

หมอฮัวโต๋นี้เคยรักษาจิวท่าย ทหารเอกของซุนกวนแห่งเมืองกังตั๋งมาก่อน แล้วมารักษาแผลถูกเกาทัณฑ์ให้ กวนอูน้องร่วมสาบานของเล่าปี่ ซึ่งบาดเจ็บมาจากการรบกับโจหยินทหารเอกของโจโฉ ในบั้นปลายของชีวิต

กวนเป๋งลูกเลี้ยงของกวนอู รับหมอฮัวโต๋จากเมืองเจากุ๋น ให้มารักษาบิดา กวนอูได้ทราบกิติศัพท์ของหมอฮัวโต๋มาแล้ว จึงยอมให้ทำการรักษา ทั้ง ๆ ที่มีความเจ็บปวดเป็นอันมาก แต่เกรงว่าทหารทั้งปวงจะเสียน้ำใจ จึงอุตส่าห์แข็งใจทำเป็นสบาย โดยให้ม้าเลี้ยงนายทหารคนหนึ่งเข้ามาเล่นหมากรุกด้วย

เมื่อให้หมอฮัวโต๋กินน้ำชาแล้วจึงให้ดูแผลถูกเกาทัณฑ์ที่ไหล่ซ้าย หมอฮัวโต๋ก็ว่า

" แผลเกาทัณฑ์อาบด้วยยาพิษซาบเข้าไปถึงกระดูก ถ้ามิเร่งรักษานานไปไหล่จะเสีย "

กวนอูก็ถามว่า ท่านจะรักษาได้หรือไม่ ฮัวโต๋ก็ว่ารักษาได้แต่กลัวว่าท่านจะทนมิได้ กวนอูก็ว่า ท่านจะทำอย่างไรก็ตามเถิด ฮัวโต๋ก็บอกว่าจะเอาปลอกรัดท่านไว้กับเสามิให้ไหวตัวได้ กวนอูก็หัวเราะแล้วจึงว่า

" เราหากลัวไม่ อย่าพักเอาปลอกรัดเลย ท่านจะทำประการใดก็ตามแต่จะทำเถิด เราจะนิ่งให้ทำ "

แล้วก็ชวนหมอฮูโต๋กินเหล้าด้วยกัน พอเมาแล้วกวนอูก็เล่นหมากรุกกับม้าเลี้ยงต่อ และเอียงไหล่ซ้ายให้หมอผ่าตัด

หมอฮัวโต๋จึงเอามีดเข้าเชือดเนื้อร้ายออกเสียแล้วเอายาใส่ แล้วจึงเอาเข็มเย็บไว้ คนทั้งหลายรอบข้างก็ไม่อาจจะดูอยู่ได้ด้วยความเสียวสยอง

เสร็จแล้วกวนอูก็ลุกขึ้นสรรเสริญว่าหมอคนนี้ดีประหนึ่งเทพยดาก็ว่าได้ หมอฮัวโต๋จึงว่า

"...ข้าพเจ้ารักษาคนป่วยมานี้ก็มาก อยู่แล้ว หาเหมือนท่านไม่ อันท่านนี้น้ำใจทนทานต่อความเจ็บไม่สะดุ้งสะเทือนเลย..."

กวนอูหายเจ็บแล้วก็ดีใจ สั่งให้ยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงหมอให้กินตามสบาย หมอก็แนะนำว่า

"...อันแผลนี้พึ่งหาย ท่านจงระงับความโกรธกว่าจะถ้วนร้อยวัน พิษเกาทัณฑ์จึงจะหายสนิท "

กวนอูก็รับคำและให้เอาทองหนักสามชั่งสิบบาท ให้เป็นบำเหน็จรางวัลแก่หมอวิเศษ แต่หมอฮัวโต๋บอกว่า

"..ซึ่งข้าพเจ้ามารักษาท่านทั้งนี้ จะเห็นแก่บำเหน็จมิได้ ข้าพเจ้าเห็นท่านนี้ประกอบด้วยความสัตย์ซื่อ จึงมาช่วยพยาบาลมิให้เป็นอันตราย แลท่านซึ่งให้บำเหน็จ ข้าพเจ้าไม่เอา ขอคืนไว้ให้ท่าน "

ว่าแล้วก็เอายาสำหรับปิดแผลให้ไว้อีก แล้วก็ลากลับไป

แต่หลังจากนั้นไม่นาน กวนอูก็พ่ายแพในการรบกับซุนกวนอีกครั้งหนึ่ง และถูกจับตัวไปประหารชีวิต


ต่อมาหลังจากซุนกวนเอาศีรษะกวนอูมาเป็นของกำนัลให้โจโฉแล้ว โจโฉก็ถูกศีรษะกวนอูหลอกจนป่วยไข้ไม่หาย มีอาการปวดศีรษะเป็นกำลัง ที่ปรึกษาก็เชิญหมอฮูโต๋มารักษา เมื่อหมอแหวกเสื้อดูเส้นที่ข้อมือแล้วก็บอกว่า

“..โรคท่านอันนี้เป็นลมเสียดแทงในศีรษะ ท่านกินยามาหนักหนาหาชอบโรคไม่ จะรักษาโรคอันนี้ชอบให้ผ่าจึงจะหาย..”

โจโฉถามว่าจะผ่าอย่างไร หมอฮัวโต๋ก็บอกว่า

“..ข้าพเจ้าจะให้ท่านกินยาให้มึนเมาไม่รู้สึกตัว จึงผ่าศีรษะด้วยขวานอันคม แล้วจึงจะชำระโรคในศีรษะให้หมด แล้วจึงจะประกับให้เหมือนเก่า ก็จะทายาให้หายแผล โรคท่านจึงจะหายขาด..”

โจโฉได้ยินดังนั้นก็โกรธนักจึงว่า

“..เอ็งจะแกล้งฆ่าเราหรือจึงว่ากล่าวดังนี้..”

ฮัวโต๋ตอบว่า

“..เมื่อครั้งกวนอูถูกเกาทัณฑ์ที่แขนนั้น ข้าพเจ้าไปรักษา กวนอูนั่งนิ่งให้ข้าพเจ้าผ่าเอาลูกเกาทัณฑ์ออกเสีย แล้วก็ขูดยาพิษซึ่งติดกระดูกนั้นออกเสีย กวนอูก็หากลัวไม่ โรคของท่านหน่อยหนึ่งเท่านี้จะกลัวอันใด ข้าพเจ้าผ่าแล้วก็จะหาย ท่านอย่าได้กลัวเลย ..”

โจโฉจึงว่า

“..อันเจ็บที่แขนนั้นจะผ่าก็ควร เจ็บที่ศีรษะนี้จะควรผ่าแล้วหรือ อ้ายคนนี้คบคิดกับพวกกวนอู ทำกลมารยาแกล้งจะมาฆ่าเราให้ตาย..”

แล้วก็สั่งให้จับเอาหมอฮัวโต๋ไปใส่คุกเสีย แล้วค่อยเอาตัวออกมาเฆี่ยนถามเอาความจริงภายหลัง ที่ปรึกษาก็ห้ามว่า

“..ขอให้ท่านพิเคราะห์ดูจงละเอียดก่อน อันหมอฮัวโต๋นี้ดีนัก ทุกวันนี้จะหาตัวเสมอมิได้แล้ว อย่าเพ่อให้เป็นอันตรายเลย..”

โจโฉก็ตวาดเอาว่า

“..หมอคนนี้คิดอ่านจะทำร้ายเราครั้งนี้ เหมือนครั้งเกียดเป๋งทำร้ายแก่เราครั้งนั้น จะให้กรมเมืองเฆี่ยนถามเอาเนื้อความให้จงได้..”

ทหารจึงเอาตัวหมอฮัวโต๋ไปจำคุกไว้ตามคำสั่ง แต่ผู้คุมนับถือหมอฮัวโต๋ว่าเป็นคนดี จึงปฏิบัติรักษา ส่งเหล้าข้าวหมูเป็ดไก่ทุกเวลามิได้ขาด

หมอฮัวโต๋คิดถึงคุณของผู้คุมจึงว่า

“..ข้าพเจ้านี้เห็นจะตายเป็นแท้แล้ว ไม่มีสิ่งใดจะแทนคุณท่าน วิชาการฝ่ายหมอของข้าพเจ้าดีนัก ยังหาได้บอกกล่าวลูกศิษย์ผู้ใดไม่ ท่านเอาหนังสือของข้าพเจ้านี้ ไปให้ภรรยาของข้าพเจ้าเอาตำราที่เรือนมา ข้าพเจ้าจะชี้แจงให้จงสิ้น..”

ผู้คุมก็ดีใจนักจึงว่า

“..ข้าพเจ้าได้วิชาหมอของท่านแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่ทำการเป็นผู้คุมสืบไปเลย จะทำการฝ่ายแพทย์รักษาโรคให้เลื่องลือปรากฏไป ก็จะได้ขวัญข้าวค่ายาเลี้ยงชีวิตดีกว่า..”

ฮัวโต๋จึงเขียนหนังสือให้ผู้คุมถือไปเอาหนังสือจากภรรยาที่บ้านกิมเสียมา แล้วก็ชี้แจงบอกวิชาแพทย์ให้รู้แจ้งทุกประการ กับมอบตำรานั้นให้เอาไปเก็บไว้ที่บ้าน

อยู่มาอีกนานจนหมอฮัวโต๋ถูกขังลืมก็ตายลงในคุกนั้น ผู้คุมก็ไปแจ้งแก่โจโฉว่าฮัวโต๋ตายแล้ว และจัดแจงเครื่องเซ่นเชิญศพหมอฮัวโต๋ไปฝังตามธรรมเนียม

แต่เมื่อผู้คุมกลับไปบ้าน ก็พบว่าภรรยาของตนได้เอาตำราแพทย์ที่หมอฮัวโต๋ให้ไว้นั้น เผาไฟอยู่ จึงเข้าไปแย่งมาได้ไม่กี่ชิ้น

เมื่อผู้คุมถามภรรยาว่าเอาตำราเหล่านี้ไปเผาเสียทำไม นางก็ตอบว่า ฮัวโต๋ครูของท่านที่นับถือว่าดีนัก ก็ตายในคุก ท่านจะเอาตำราไว้ทำไม เดี๋ยวก็ต้องตายในคุกอีกเหมือนกัน

ความฝันของผู้คุมที่คิดว่า จะได้เป็นนายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ต่อจากหมอฮัวโต๋ นั้น ก็พลันสลายลงไปจนสิ้นเชิง ดังนี้.

#########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 18:39:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com