ความคิดเห็นที่ 1 อ้าว! ตายละ ดูผลโหวตตัวเองกลับเป็นส่วนน้อย 555 คือเดี๊ยนเป็นคนขี้เกียจน่ะค่ะ เลยขี้เกียจที่จะฝึกใช้ใหม่อีกรอบ ขอเอาไว้ใช้ในกรณีพิเศษก็พอ เหมือน ๆ กับที่ไม่อยากให้นำคำว่า "สยาม" กลับมาใช้ใหม่แหละค่ะ ตอบเครียดไปมั้ยคะ เอิ๊ก ๆ จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:18:49

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่รังเกียจ แต่เห็นว่าไม่มีความจำเป็น จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:25:32

ความคิดเห็นที่ 3 ยกเลิกไปน่ะดีแล้ว ไม่ต้องเอากลับมา ยิ่งยกเลิกอักษรที่ไม่จำเป็นอีกหลายๆตัวได้ยิ่งดี แล้วสะกดแบบคนลาวสะกดชีวิตจะง่ายกว่า จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:48:15

ความคิดเห็นที่ 4 สิ่งไหนที่ผ่านพ้นยุคสมัยไปแล้วก็ควรเก็บไว้ในบันทึกและความทรงจำเถอะครับ ตรงกันข้าม สิ่งไหนที่เกิดขึ้นใหม่และมีการใช้อย่างแพร่หลายก็หัดยอมรับซะบ้าง อย่าไปตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์กันให้มากนักเลย จากคุณ : มดคันไฟไร้ระเบียบ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:49:41

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอักษรตัวไหนไม่จำเป็นหรอ?? ตัวพวก ฏ ฐ ฒ ฑ จำเป็นต้องใช้รักษารากศัพท์บาลีสันสกฤต ชีวิตง่ายกว่าหรือมักง่ายกว่า.. ส่วน ฃ ฅ อยากให้เอากลับมาแต่แค่สองคำ คือ ฃวด กับ ฅน แค่ให้มีที่ใช้บ้าง จากคุณ : Terngeniuz เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:51:05

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวอักษรที่คิดว่าออกเสียงซ้ำกัน แต่จริง ๆ ออกเสียงต่างกันนะครับ ดูง่าย ๆ ย.ยักษ์ กับ ญ.หญิง ออกเสียงต่างกันครับ ญ.หญิงออกเสียงขึ้นนาสิกครับ คนโบราณท่านออกแบบมาดีแล้วครับ เพราะอักษรภาษาไทยนั้นมาจากสำเนียงหลาย ๆ ภาษา ทั้งบาลี สันสกฤติ ลาว เขมร ฯลฯ การออกเสียงในเสียงเดียวกัน แต่ต่างสำเนียงย่อมต้องมีตัวอักษรที่สื่อถึงสำเนียงนั้นให้ชัดเจน นี่คือความละเอียดของคนโบราณ ดังนั้น ตัวอักษรสองตัวที่เราเลิกใช้ จึงอาจจะมีการออกเสียงที่พิเศษต่างจากตัวอักษรที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ส่วนการเลิกใช้นั้นมีสาเหตุมาจากความนิยมในการออกเสียงที่อนุโลมไปตามกาลเวลา เหมือนปัจจุบันที่เราออกเสียง ร.เรือ กับ ล.ลิง เกือบจะเหมือนกัน และไม่แน่ว่า ในอนาคตอันไกล ร.เรือ ก็อาจจะหายไปอีกหนึ่งตัว จากคุณ : teacheregg เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:30:39

ความคิดเห็นที่ 7 เชื่อกันว่า ฃ ฅ  นี้ออกเสียงไม่เหมือน ข ค ครับ แต่จะออกยังไงก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถ้าจะนำกลับมาใช้จริงๆ คงต้องหาวิธีออกเสียงให้เหมือนของเดิมด้วย พวก ท ธ ฐ ฒ อะไรนี่เอาไว้เก็บรูปศัพท์สันสกฤต จริงๆแล้วในภาษาแขกมันออกเสียงต่างกันอีกนั่นแหละ ส ษ ศ ก็ออกคนละอย่าง จากคุณ : ปลาทองสยองเมือง เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:33:23

ความคิดเห็นที่ 8 ฅ ไม่เคยใช้เขียนคำว่า ฅน แต่ใช้เขียนคำว่า ฅอ ทางสายกลางสำหรับผม คือ นำกลับไปบรรจุไว้ในพจนานุกรมใหม่ เช่น ฅอ หรือ ฃวด (หรือ คำที่เคยพบว่าเขียน ฃ หรือ ฅ ได้ เช่น ฃัง ฃุน) แต่กำหนดว่า ให้เขียนด้วย ข หรือ ฃ ก็ได้ ทีนี้ก็สุดแต่ใช้กัน เหมือนตัวเอสเซทของเยอรมัน (ตัวคล้ายๆ B) ที่ใช้ ss ก็ได้ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:38:36

ความคิดเห็นที่ 9 ฃ กับ ฅ เห็นด้วยว่าไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ให้สับสน เพราะมันหมดความจำเป็นไปแล้ว ไม่มีใครใช้เสียแล้ว เก็บไว้ในพจนาณุกรมก็พอ ส่วนพวก ณ ท ธ ฐ ฒ ศ ษ ไรพวกนี้ ยังควรใช้อยู่เพราะมันมีประโยชน์ คือเอาไว้ใช้เก็บรูปศัพท์บาลี-สันสกฤต นี่ว่ากันด้วยเหตุผลทางภาษาศาสตร์ล้วนๆ ภาษาไทยก็ต้องเขียนแบบไทยจะให้ไปเขียนแบบภาษาอื่นได้อย่างไร ชุดอักษรที่เรามีอยู่มันก็ไม่ได้ยุ่งยากมากถึงขนาดที่ต้องไปทำให้เป็น Simplified  Thai แต่อย่างใด จากคุณ : Varalbastra เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:55:12

ความคิดเห็นที่ 10 ฃ กับ ฅ คงแล้วแต่ครับ เพราะยกเลิกไปนานแล้ว ถ้าจะกลับมาใช้ใหม่ ไม่รู้จะวุ่นวายแค่ไหนเหมือนกัน แต่สำหรับพยัญชนะในวรรค ฏ รวมถึงอักษร ศ ษ ฬ เห็นด้วยว่าควรเก็บไว้ เพื่อเก็บคำศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต ถ้าจะคิดว่ายกเลิกพยัญชนะพวกนี้เพื่อให้เรียนง่าย เอาเข้าจริงก็อาจจะไม่ทำให้ง่ายขึ้นมากอย่างที่คิดนะครับ เพราะอาจจะเกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนคือจะมีคำพ้องรูปเพิ่มขึ้นอีกมากมาย อย่างเช่นคำว่า "พัน" "พรรณ" "พันธุ์" "พันธ์" "ภัณฑ์" จะกลายเป็น "พัน" เหมือนกันหมด ซึ่งอาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านได้ว่า ผู้เขียนต้องการหมายถึงคำไหนกันแน่ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:59:18

ความคิดเห็นที่ 11 คน ไม่เคยสะกดด้วย ฅ ที่ใช้นั้นเคยมี แต่การเดินทางของ ฅ และ ฃ มารวมกับ ค กับ ข ไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 15:49:18 จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:46:54

ความคิดเห็นที่ 12 อักษรปัจจุบันนี้ตัวไหนไม่จำเป็น มีคนใช้ก็แปลว่าจำเป็นสิ การไปบังคับให้ใครใช้ไม่ใช้ หรือบังคับให้ต้องยกเลิกคำนี้ มันเป็นเผด็จการพอๆ กับการที่ไปบอกว่า ภาษาไทยเขียนผิดแผกไปจากภาษาทางการไม่ได้นั่นแหละ จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:50:56

ความคิดเห็นที่ 13 ที่ คคห 5 บอกว่า "ชีวิตง่ายกว่าหรือมักง่ายกว่า" ^ นี่ไม่ใช่เรื่องของ "ความมักง่าย" แต่เป็นเรื่องของ "การลองคิดพลิกแพลงเพื่อหาทางปรับปรุงอะไรให้มันดีขึ้น" เนื่องจากจะยังไงๆก็คนไทยก็ไม่ออกเสียงเหมือนแขกอยู่แล้ว ตัวอักษรที่ีเสียงเคยไม่เหมือนกันกลายเป็นเสียงกร่อนหายไปกลายเป็นเสียงเหมือนกัน การรักษารูปบาลีสันสกฤตจริงๆแล้วมันก็รักษาไม่ได้เท่าไหร่หรอก ถ้าจะรักษาจริงๆก็คงต้องมีเครื่องหมายข้างบนข้างล่างยึบยับไปหมดเหมือนๆที่แขกใช้อักษรโรมันเขียนภาษาสันสกฤตนั่นแหละ การทดลองคิดเรื่องแปลกๆใหม่ๆไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป มันเหมือนๆกับการเดินหมากรุกพอมองเผินๆมันเดินไปแล้วถูกกินฟรี แต่ถ้าคิดให้ลึกๆกว่านี้ มันกลายเป็นชนะได้ "การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็เกิดจากการกล้าทดลองคิดอะไรในเรื่องที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้" การรักษาอักษรบางตัวไว้เพื่อรักษารูปตัวสะกดให้แสดงความแตกต่างกันของความหมาย ถ้าคิดตื้นๆมันเป็นอุปสรรค์แต่ถ้าคิดให้ลึกๆมันมีวิธีแก้ข้อบกพร่องอันนี้ ด้วยการดัดแปลงอะไรบางอย่างเช่นใช้เครื่องหมายอะไรมาช่วยหรือดัดแปลงตัวสะกดนิดหน่อยฯลฯ มันอาจยากตอนต้น "แต่ถ้าทำสำเร็จมันกลายเป็นง่ายขึ้น ไม่ใช่เป็นมักง่าย" แล้วถ้ามันเป็นไปไม่ได้ป่านนี้ประเทศลาวก็คงจะโกลาหลกันไปแล้วที่เขียนหนังสือแล้วอ่านเข้าใจผิดกันไปหมดน่ะสิ แต่เท่าที่เห็นนะลาวก็ไม่ได้จะด้อยความเจริญไปกว่าไทย แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลง บางทีมันอาจไม่ง่ายนัก ตอนคิดค้น อย่างเช่นกว่าภาษาจีนจะลดจำนวนขีดลงจนเขียนง่ายเขาต้องระดมนักภาษาศาสตร์มากถึง 200-300 คนมาช่วยกันคิด ที่มีคนพูดว่า "ภาษาไทยมันไม่ยุ่งยากมากขนาดนั้นอนุรักษ์เอาไว้จะดีกว่า" อีกทั้งพูดว่า "การเปลี่ยนแปลงมันกลายเป็นยุ่งยากมากกว่าและเสียรูปแบบที่ควรอนุรักษ์ไว้" มันก็เป็นมุมมองที่มีเหตุผล ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็อ้างได้เช่นกันว่า "มันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะทดลองคิดอะไรแปลกๆใหม่ๆบ้าง เผื่อจะได้แนวคิดที่ดีขึ้น ที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นง่ายกว่าจริงๆ แล้วก็อ้างได้เช่นกันว่าคนลาวสะกดง่ายๆแต่ก็ยังสื่อสารกันได้ไม่มีปัญหา" ถกกันด้วยเหตุผลเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยประมาณนี้ตามที่ยกตัวอย่างมาให้ดู เราว่าน่าจะเป็นแนวคิดของปัญญาชน แต่อยู่ดีๆมาใช้คำว่า "มักง่าย" เราว่าไม่ใช่ความเห็นของผู้มีสติปัญญา แต่เป็นความเห็นของคนที่จิตใจคับแคบ ถ้าประเทศชาติมีคนจิตใจคับแคบแบบนี้เยอะๆประเทศชาติก้าวหน้าลำบาก เพราะใครคิดอะไรแปลกๆใหม่ๆแทนที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีเหตุผลกลับถูกประนามไปซะก่อนจนไม่กล้าคิดกล้าทำอะไรแปลกๆใหม่ๆ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 15:58:33 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:53:57

ความคิดเห็นที่ 14 หือมมม มั่นใจเลยหรือคะว่าภาษาลาวเขาสื่อสารได้อย่างไม่มีปัญหา เอาง่ายๆ ในพิธีซีเกมส์ที่ผ่านมา ตัวเอกที่เขาใช้ในการเปิดงานกีฬาก็คือ สินไซ คุณ fortuneteller เห็นแค่ "สินไซ" รู้ไหมว่ามันแปลว่าอะไร มาจากไหน สักวันคนลาวต้องมายืมหลักฐานบันทึกฝั่งไทยว่า สินไซ มาจาก ศิลป์ชัย -->สินไชย-->สินไซ ตามการออกเสียงของเขา อันนี้มาจากวิกิพีเดีย http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7 3. แบบของท่านพูมี วงวิจิด อักขรวิธีแบบนี้สะกดตามเสียงอ่านเท่านั้น คือ อ่านออกเสียงอย่างไรให้สะกดอย่างนั้น เริ่มใช้ในเขตปลดปล่อยของขบวนการปะเทดลาวก่อน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว รัฐบาล สปป.ลาว จึงได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อักษรลาวสามารถเขียนง่ายอ่านง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดจุดอ่อนหลายอย่าง และทำให้ภาษาลาวเกิดปัญหาการขาดหลักการสะกดคำที่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เช่น ได้มีการตัดตัวการันต์ ตัว ร หันลิ้น (ภาษาลาวเรียกว่า ร รถ) ออก ทำให้ไม่สามารถเขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศและภาษาของชนเผ่าต่างๆ ได้ครบถ้วน อักษรลาวระบบนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2518 จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการลาวได้บรรจุตัว ร หันลิ้นกลับมาใช้ใหม่ และมีการใช้ตัวการันต์สำหรับสะกดคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ เช่นคำภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ยกเว้นคำที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต และคำลาวเดิม ยังสะกดตามเสียงอ่านอยู่เหมือนเดิม ปัญหาของระบบอักษรลาวปัจจุบัน ระบบการเขียนภาษาลาวในปัจจุบันยังขาดเอกภาพไม่มีมาตรฐานในการเขียนและการใช้คำศัพท์ เพราะยังไม่มีองค์กรที่มาควบคุมอย่างเป็นทางการ จึงมีลักษณะต่างคนต่างเขียนตามหลักการของตนเอง ทำให้เกิดความสับสนในการเขียนและการใช้คำศัพท์ ส่วนคนลาวที่อพยพไปอยู่ต่างประเทศหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2518 ก็ยังมีการใช้ภาษาลาวตามแบบที่ 2 ในสมัยที่ยังเป็นราชอาณาจักรลาวอยู่เหมือนเดิม ทำให้เกิดความสับสนระหว่างคนลาวในประเทศและนอกประเทศ แม้รัฐบาลและประชาชนลาวเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในข้างต้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน แต่ในอนาคตคาดว่ารัฐบาล สปป.ลาว จะมีการจัดตั้งองค์กรออกมาควบคุมเพื่อให้ระบบการใช้ภาษาลาวเป็นมาตรฐานเดียวกัน จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 16:27:43

ความคิดเห็นที่ 15 ภาษาไทยแต่เดิมทีเราก็ไม่ได้มีพยัญชนะเยอะแยะอย่างนี้ แต่เพราะสังคมมันพัฒนาขึ้น ยืมภาษาอื่นมาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะภาษาสันสกฤตที่เรารับผ่านมอญและเขมร ไม่ใช่แค่อักขระ ถ้าจะเอาง่าย เราต้องยกเลิกวิธีการสะกดแบบที่เรายืมเขมรมาใช้ คงสนุกน่าดู เจริญ ก็คงต้องเปลี่ยนเป็น จะเริญ, เสมียน ก็ต้องเปลี่ยนเป็น สะเหมียน และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ในหนังสือของจิตร ภูมิศักดิ์ ได้ระบุไว้ว่าพม่าที่ออกเสียงแม่กมไม่ได้ เขายังอุตส่าห์มี ม ไว้ในสารบบอักษร เพราะเขามีคำยืมที่ยืมมาจากภาษาอื่น แล้วก็ต้องเก็บเอาไว้ ส่วนจะออกเสียงได้หรือออกเสียงไม่ได้นั้น คงอีกเรื่อง สรุปถ้าเปลี่ยนมันตั้งแต่ตัวอักษรจนถึงวิธีสะกด ก็คงโกลาหลน่าดูชม คงใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าควรเขียนแบบไหนดี เป็นการลงทุนลงแรงที่คุ้มค่าหรือเปล่าไม่ทราบ (ไม่ต้องถามว่าทำไปเพื่ออะไร) จริงๆ การเขียนภาษาไทยโดยใช้หลักง่ายเข้าว่านั้น เราเคยทำมาแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งคือสมัยจอมพล ป. ทำไมก็ไม่ทราบเหมือนกันทั้งๆ ที่มันง่ายขนาดนั้น พอพ้นยุคสมัยจอมพล ป. ก็ไม่มีใครคิดจะใช้อีกเลย เราคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะหมดยุคจอมพล ป. คนก็เลิกกินหมาก และหันมาแต่งชุดสากลออกนอกบ้านไม่เปลี่ยนแปลง จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 16:40:55

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่แต่เฉพาะภาษาลาว ภาษาไท อีกหลายภาษา ก็เขียนตามเสียง ก็สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง  โดยอาศัย "บริบท" และตำแหน่งที่คำนั้นอยู่ คนโบราณ แม้ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้  ก็ พูดกันรู้เรื่อง เพราะ เสีียง แทน ความหมาย ตัวหนังสือ เพิ่งเกิดมาทีหลัง  สมมุติให้แทน เสียง จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:54:39

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไม่รู้ว่าคำอะไรจะใช้ ฃ กับ ฅ ได้บ้าง ต้องมาจำกันใหม่ละตายเลย อนึ่ง อยากรู้จังเลยค่ะ ที่ว่าออกเสียงต่างกันนั้น ต่างกันอย่างไร ถ้าใครรู้ ออกเสียงอัดลง youtube ให้ฟังบ้างสิคะ จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 19:46:31

ความคิดเห็นที่ 18 โดยส่วนตัวเห็นว่า ฅ-ฃ ไม่จำเป็นเท่าใด แต่อักษรจากบาลีสันสกฤตนั้นยังจำเป็นอยู่มาก เป็นเรื่องการคงรากศัพท์ไว้ ทำให้เราทราบได้ ว่าคำเหล่านี้เรายืมมาจากบาลี-สันสกฤต หรือเ้ขมร ส่วนคำไทยแท้เราก็จะทราบได้ จากการสะกดที่ตรงตัว ปัญหาการสื่อสารพูดจานั้นก็ไม่ค่อยเกี่ยวตัวอักษรอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีตัวอักษรเราก็พูดจากันรู้เรื่อง หรือต่อให้เขียนอย่างหนึ่งก็ยังไปออกเสียงเป็นอีกอย่างก็ยังได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การเขียนต่างหาก เราข้ามพ้นยุคก่อนประวัติศาสตร์มาแล้วเราไม่ได้สื่อสารกันแต่คำพูดอย่างเดียว แต่ต้องเขียนด้วย เพราะฉะนั้นตัวอักษรจึงต้ิองมีระบบระเบียบ ตัวอักษรที่นอกจากสื่อสารกันตรงความหมายแล้ว ยังสามารถบอกที่มาที่ไปของคำได้ น่าจะดีและสามารถใช้ประประโยชน์ได้มากกว่า ตัวอักษรที่ตรงกับเสียงอย่างเดียว ถ้ายกเลิกอักษรเหล่านี้เสีย คงไม่ได้ทำให้อะไรง่ายขึ้นเท่าใด อาจลำบากมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:52:07

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะทำให้ภาษาไทยง่ายขึ้นครับ การที่ต้องรู้ว่า คำนี้ ยืมมาจากเขมร หรือ บาลี หรือสันสกฤต มันมีประโยชน์อะไร แต่การดำเนินการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการคิดที่รอบคอบ ขอเสนอว่า 1. ปรับอักษรทุกตัวเป็นอักษรกลาง 2. ตัวที่เสียงเหมือนกันให้เลือกตัวที่มีคนใช้เยอะสุด 3. ใช้วรรณยุกต์ แทน เสียงสูงต่ำทั้งหมด (ยกเลิกอักษรนำ และอักษรสูง ยกเลิกอะกึ่งมาตรา ยกเลิกสระอำ ไอ ใอ ให้ใช้ อัม อัย แทน เปลี่ยน สระ อัว ให้เขียนแบบ อูา ส่วนตัว สระ อัว ให้อ่าน เอา แทน เปลี่ยนสระ เอือ เป็น อืา  สระเอียเป็น อีา เป็นต้น) เช่น สะเมี๋ยน คะยะ(ขยะ) ปะท๋ม(ประถม) ราดสะดอน ราดน้าเส้นยั่ย คอมพิวเตอ รืาสัมเภา(เรือสัมเภา) สาย(ทราย) ส๋าย(สาย) พุดสา(พุดทรา) จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 11:55:02

ความคิดเห็นที่ 20 เสมียน ควรเขียนว่า สะมี๋าน แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 11:57:35 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 11:57:04

ความคิดเห็นที่ 21 http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/03/K8940533/K8940533.html จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 01:23:32

ความคิดเห็นที่ 22 แค่มีอักษรเพิ่มมาในคำที่ใช้งานอีกสองตัว มันยากตรงไหน ? จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 12:20:21

ความคิดเห็นที่ 23 ฅ ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วแยกแยะได้ คำใหน ค คำใหน ฅ ไม่ค่อยมีปัญหา ข ก็พยายามใช้อยู่ จำยากง่า T T แต่ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่ผู้ตั้งกระทู้เสนอมาจ้า จากคุณ : เขียนบน i-mobile (นู๋เองง่ะ) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 09:37:15