 |
1. ที่รอดชีวิตก็มีอยู่เยอะเหมือนกันครับ โดยเฉพาะพระโอรสองค์หนึ่งของจักรพรรดิฉงเจิน คือ จูฉี่หวน ที่มีชีวิตรอดจนถึงปีคังซีที่ื 47 เลย (ปี ค.ศ. 1708)
จูฉี่หวน เป็นโอรสพระองค์ที่ 5 ของจักรพรรดิฉงเจินครับ ประสูติในปี ค.ศ. 1633 จากฮุ่ยเฟยซู่ พอปักกิ่งแตก จูฉี่หวนก็ได้ขุนนางช่วยเหลือให้หลบหนีออกจากเมืองไป และก็หนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเฟิงหยาง และก็เปลี่ยนแซ่เป็นหวางแทน ก่อนจะหลบไปบวชเป็นพระอยู่หลายปีครับ ตอนหลังเขาเดินทางไปถึงมณฑลเจ๋อเจียง ก็ได้ไปเจอกับบัณฑิตชื่อดังประจำเจียงหนานที่ชื่อว่า หูป่อ ก็คุยกันได้ถูกคอดี หูป่อเลยยกลูกสาวให้แต่งงานกับ จูฉี่หวน ครับ
จูฉี่หวนก็ศึกจากการเป็นพระมาเป็นฆารวาส เปลี่ยนชื่อแซ่เป็นจางเยี่ยะไหว๋แทน และก็อาศัยที่เจ๋อเจียงต่อมาอีกหลายปี โดยยึดอาชีพเป็นบัณฑิตสืบมา จนตอนหลังในปีคังซีที่ 44 ทางราชสำนักสืบรู้ว่าสกุลจางที่แท้แล้วเป็นทายาทสายตรงของจักรพรรดิฉงเจินแห่งต้าหมิง ทางราชสำนักเกรงว่าพวกเขาอาจจะก่อการกบฎได้ เลยมีคำสั่งให้จับกุมตัวจางเยี่ยะไหว๋และครอบครัวไปที่เมืองหลวงเพื่อสอบสวนครับ
ตอนที่ราชสำนักสอบสวนเขานั้น ได้ถามเขาว่า "ท่านเป็นทายาทจักรพรรดิ ทำไมไม่คิดกบฎฟื้นฟูราชวงศ์หล่ะ"
จูฉี่หวนก็ตอบว่า "ข้าเปลี่ยนชื่อแซ่มานับสิบปีเพื่อหลบหนีความวุ่นวายหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบ ใยจะไปคิดฟื้นฟูราชวงศ์หล่ะ อีกทั้งราชสำนักชิงมีพระคุณกับข้าถึง 3 ประการซึ่งทำให้ข้าไม่คิดจะเป็นกบฎแน่นอน"
ทางราชสำนักก็ถามว่า "พระคุณ 3 ประการคืออะไร ?"
จูฉี่หวนตอบไปว่า "1.ราชสำนักช่วยข้าแก้แค้นให้บิดา กำจัดหลี่จื้อเฉิง ปราบพวกโจรกบฏ, 2.ราชสำนักรู้ว่าข้าเป็นทายาทราชวงศ์หมิง แต่ก็ยังไม่สังหาร, 3.ราชสำนักช่วยฟื้นฟูและทำนุบำรุงสุสานบรรพกษัตริย์ราชวงศ์หมิง" ตอนนี้ข้าอายุ 70 กว่าปีแล้ว หมดสิ้นทั้งความกล้าและความทะเยอทะยาน ไฉนจะคิดกบฏได้.......
แต่อย่างไรก็ตามทางราชสำนักก็ไม่ไว้ใจเขา จูฉี่หวนและลูกๆเลยโดนประหารจนหมดครับ
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 54 09:12:24
จากคุณ |
:
อุ้ย (digimontamer)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแม่แห่งชาติ 54 09:07:56
|
|
|
|
 |