ความคิดเห็นที่ 1 มหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ ๑. มีฝ่าพระบาทราบเสมอกัน ๒. พื้นฝ่าพระบาททั้งสองมีจักรซึ่งมีกำ ข้างละ ๑,๐๐๐ ซี่ มีกง มีดุม และมีส่วนประกอบครบทุกอย่าง ๓. มีส้นพระบาทยื่นยาวออกไป ๔. มีพระองคุลียาว ๕. มีพระหัตถ์และพระบาทอ่อนนุ่ม ๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีเส้นที่ข้อพระองคุลีจดกันเป็นรูปตาข่าย ๗. มีข้อพระบาทสูง ๘. มีพระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย  ๙. เมื่อประทับยืน ไม่ต้องน้อมพระองค์ลง ก็ทรงลูบคลำถึงพระชานุด้วยพระหัตถ์ทั้งสองได้ ๑๐. พระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก ๑๑. มีพระฉวีสีทอง มีพระฉวีเปล่งปลั่งดุจทองคำ ๑๒. มีพระฉวีละเอียดจนละอองธุลีไม่อาจติดพระวรกายได้ ๑๓. มีพระโลมชาติเดี่ยว คือในแต่ละขุมมีเพียงเส้นเดียว ๑๔. มีพระโลมชาติปลายงอนขึ้น คือพระโลมชาติขอดเป็นวง เวียนขวาดังกุณฑลสีคราม เข้มดังดอกอัญชัน ๑๕. มีพระวรกายตั้งตรงดุจกายพรหม ๑๖. มีพระมังสะในที่ ๗ แห่ง๑ เต็มบริบูรณ์ ๑๗. มีพระวรกายทุกส่วนบริบูรณ์ดุจลำตัวท่อนหน้าของราชสีห์ ๑๘. มีร่องพระปฤษฎางค์เต็มเสมอกัน ๑๙. มีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจปริมณฑล ของต้นไทร พระวรกายสูงเท่ากับ ๑ วา ของพระองค์ (๑ วาของพระองค์เท่ากับส่วนสูงพระวรกาย) ๒๐. มีลำพระศอกลมเท่ากันตลอด ๒๑. มีเส้นประสาทรับรสพระกระยาหารได้ดี ๒๒. พระหนุดุจคางราชสีห์ ๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ ๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน ๒๕. มีพระทนต์ไม่ห่างกัน ๒๖. มีพระเขี้ยวแก้วขาวงาม ๒๗. มีพระชิวหาใหญ่ยาว ๒๘. มีพระสุรเสียงดุจพรหม ตรัสดุจเสียงร้องของนกการเวก ๒๙. มีพระเนตรดำสนิท ๓๐. มีดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด ๓๑. มีพระอุณาโลมระหว่างพระโขนง สีขาวอ่อนเหมือนปุยนุ่น ๓๒. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=209&articlegroup_id=60 จากคุณ : das Kino เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 04:11:56

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนว่า พระพุทธองค์ จะทรงอยู่ในเชื้อสาย อารยัน บริสุทธินะครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 04:57:45 A:115.87.22.50 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 3 ฝรั่งโมเมมาแต่ไกล พระพุทธเจ้าเป็นแขก เป็นคนเอเชีย ถ้าทรงมีพระเนตรสีฟ้าจริง คงเป็นความผิดปกติทางกรรมพันธุ์อ่ะดิ จากคุณ : khumchalong เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 05:01:20

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ต้องดูว่าใครแปลผิดเพราะแปลมาจากบาลีทั้งคู่ ส่วนที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นแขกก็ถูก แต่แขกทางเหนือที่ตาสีฟ้าก็มีเพราะมีเชื้อสายที่มาจากคนที่อพยพมาจากแถบยูเครนตั้งแต่สมัยยุคสำริด (~1800 BCE) ซึ่งมีจำนวนไม่มากนักแต่ก็พบเห็นได้ ชนเผ่า อินโด-อารยัน เหล่านี้กระจายกันอยู่ในอินเดียตอนเหนือ แถบอิหร่าน และยุโรป สังเกตว่าพระพุทธเจ้าน่าจะเป็นชาวอารยันเผ่าหนึ่ง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 05:25:59

ความคิดเห็นที่ 5 เหมือนชนอารยัน จะมาจากตอนใต้ของทะเลสาป แคสเปี้ยนนะครับ(ที่มีปลาสเตอร์เจี้ยนที่ให้ไข่คาร์เวียร์อยู่อ่ะครับ) ผมก็ว่าเป็นไปได้เหมือนกันนะครับ เพราะฝรั่งเขาก็ศึกษาบาลีเหมือนเรานะครับ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 05:59:07 A:115.87.22.50 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 6 พระพุทธเจ้าเป็นอารยันเผ่าหนึ่งอย่างที่ คห. 4 ว่าค่ะ แล้วรูปลัณษณ์ของพระองค์ก็แล้วแต่ว่าใครจะตีความอย่างไร บทที่พูดถึงมหาปุริสลักษณะอยู่ใน อรรถกถา ลักขณสูตร ข้อที่ 29 ที่พูดถึงสีตาใช้คำว่า นิละ ในภาษาบาลี ซึ่งก็คือสีของนิล มีตั้งแต่สีฟ้าน้ำทะเล ฟ้าเข้มจัด เรื่อยไปจนถึงสีคราม สีน้ำเงิน คนไทยมองว่านิลคือสีดำ ก็เลยสรุปว่าเป็นสีดำ จริงๆ แล้วไม่ใช่สีดำค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 06:05:15

ความคิดเห็นที่ 7 หารูปสีของนิลมาให้ดูค่ะ นี่ล่ะค่ะสีของ นิละ เป็นสีตาของมหาปุริสลักษณะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็คือ deep blue จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 06:15:44

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ผมรู้มา แต่ก่อนดินแดนอินเดีย ปกครองโดยชนเผ่าดราวิเดียนซึ่งเป็นชนผิวคล้ำ แต่ชาวดราวิเดียนมีวัฒนธรรมสูงอยู่แล้ว รู้สึกจะชื่ออารธรรมโมเหนจาดาโรหรือเปล่าครับเนี้ย จำไม่ค่อยแม่น ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรม 1 ใน 3 ที่สำคัญของโลกยุคโบราณ อันได้แก่ อารยธรรมฮวงโฮ อารยธรรมอียีปต์ และอารยธรรมโมเหนจาดาโรแห่งลุ่มน้ำสินธุ ต่อมาชาวอารยันอพยพลงมาจากบริเวณ ทะเลสาปแคสเปี้ยน ซึ่งชาวอารยันมีผิวขาว และมาพร้อมกับศาสนาพระเวท มาตอนแรกๆ ก็เกิดการ ผสมผสานเชื้อชาติ และรับวัฒนธรรมของชาวดราวิเดียนด้วย เนื่องจากเป็นอารยธรรมที่เจริญแล้ว ชาวอารยันบางส่วนเกิดความไม่พอใจ จึงบัญญัติ กฎที่เรียกว่า วรรณะ ซึ่งแปลว่าผิวพรรณ โดย ให้พวกผิวดำอยู่ในวรรณะต่ำ แล้วถ้าอารยันซึ่งอยู่ในวรรณะสูงกว่า ผสม ข้ามวรรณะ จะกลายเป็น จัณทาล ทันที (เขียนถูกหรือเปล่าเนี้ย) ซึ่งต่ำกว่าวรรณะของพวกดราวิเดียนซะอีก เพื่อกันไม่ให้มีการผสมข้ามสายพันธ์กับชนพื้นเมือง รู้สึกตระกูลของพระพุทธองค์จะให้ความสำคัญกับเรื่องวรรณะมาก ถือวรรณสูง คือจะไม่ผสมกับชนพื้นเมืองเลย จึงเป็นตระกูลที่ผิวขาวสนิทครับ อันนี้คือที่ผมรู้มา ..................... อันนี้คือตัวอย่าง ชาวผิวดำแต่มีดวงตาสีฟ้าครับ http://video.postjung.com/5800.html จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 06:32:56 A:124.121.133.102 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 9 พูดยากอ่ะครับ เพราะเป็นเรื่องที่ถูกบันทึกมา จริงไม่จริง ก็ยากที่จะบอกได้ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 08:11:18

ความคิดเห็นที่ 10 เหมือนจะเห็นใบหน้าขึงขังในพลอยของ คห.7 นะคะ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 12:56:49

ความคิดเห็นที่ 11 ในความเป็นจริงเราไม่มีใครทราบได้ แต่ถ้าจะบอกว่าพุทธองค์ตาสีฟ้า ก็คงไม่ใช่เรื่องเกิดความคาดหมาย เพราะพระองค์กำเนิดในวรรณะกษัตริย์ สืบเชื้อสายอารยันซึ่งมาจากทางตะวันตก ศากวงศ์นั้นมีเชื้อสายบริสุทธิ์มาก และหยิ่งทระนงในเชื้อสายของตนอย่างยิ่ง แม้แต่วงศ์กษัตริย์ด้วยกัน ชาวศากยวงศ์ก็ยังหยามเหยียดว่าวงศ์อื่นว่าไม่บริสุทธิ์เท่าตน เห็นได้จากพระเจ้าแคว้นมคธ ซึ่งเป็นแคว้นมหาอำนาจ มาสู่ขอเจ้าหญิงศากยวงศ์ ครั้นจะไม่ให้ก็ไม่ได้ เพราะเป็นแคว้นมหาอำนาจ แต่ถ้าให้ก็จะเป็นการเสื่อมเกียรติจะที่ต้องเกี่ยวดองกับสายเลือดที่บริสุทธิ์น้อยกว่า จึงตัดสินใจส่งลูกทาสไปให้เป็นพระมเหสี สุดท้ายก็นำมาซึ่งการฆ่าล้างบางชาวศากยวงศ์ สังเกตว่า ดาราอินเดีย หลายคนก็มีตาสีฟ้า เช่น ไอศวรรยา ไร จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 16:45:44

ความคิดเห็นที่ 12 อารยันเป็นชาติพันธุ์คอเคซอยด์ครับ    ผิวขาวเหมือนชาวยุโรปไม่ใช่ผิวเหลืองแบบมองโกลอยด์    รึออกคล้ำๆแบบดราวิเดียน       พระพุทธเจ้าเป็นวรรณะกษัติรย์ในราชวงศ์นสูงก็แน่นอนว่าต้องมีเชื้อสายอารยันค่อนข้างบริสุทธิ์     ดังนั้นถ้าพระพุทธเจ้าจะมีดวงตาสีฟ้าก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร         เผลอๆดีไม่ดีความจริงพระพุทธเจ้าอาจจะมีผมสีทองด้วยซ้ำไป จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 19:53:50

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ^ เรื่องผมทองผมว่าไม่ใช่แล้วล่ะครับ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 03:40:25 A:115.87.28.5 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะเป็น อินโด-อารยัน นะครับ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 03:42:59 A:124.122.61.146 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 15 ผมทองไม่น่าใช่ แต่ผมหยักศกไม่แน่ อ่านจากพระไตรปิฎกแล้วพระพุทธเจ้าน่าจะผมหยักศก จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 10:06:46

ความคิดเห็นที่ 16 ก็อาจเป็นได้ทั้งฟ้าทั้งดำหรือเปล่าครับ เป็นฟ้า ก็เพราะเราอาจแปลความหมายผิดเพราะแปลจากภาษาต่างประเทศ เป็นดำ ก็อาจเพราะเป็นลักษณะพิเศษของพุทธองค์ที่ทำให้ดูรู้ว่าเป็นมหาบุรษ ตอนนี้ยังสงสัยเลยว่าทำไมพระรามถึงกายเขียว เพราะเท่าที่เห็นภาพวาดเทพเจ้าอินเดียจะเป็นกายสีดอกตะแบก (ฟ้าอมม่วง) เหมือนสีกายพระนารายณ์ที่เป็นร่างเดิมก่อนอวตารลงมา ตามตำราโขนเขาว่าสีกายพระรามเป็นสีเขียวเพราะเป็นไปตามเวลาเกิด คือ พระราม กำเนิดในเวลาดึกสงัด (มัชฌิมยาม)จึงมีกายสีเขียว พระพรต  กำเนิดในเวลาเช้า พระอาทิตย์ทอแสง จึงมีผิวกายสีแดง พระลักษมณ์ กำเนิดในช่วงบ่าย (สามนาฬิกาห้าบาท)จึงมีผิวกายสีเหลือง พระสัตรุด กำเนิดในช่วงเย็น(สี่โมงเศษ) จึงมีผิวกายสีม่วง ถ้าเป็นเช่นนี้ทำไมโขนไทยกำหนดให้พระรามมีสีกายเป็น สีเขียว (ตอนดึกเป็นสีเขียว?) ต่างจากรูปวาดเทพเจ้าของอินเดียที่มีสีกายเป็นสีฟ้าอมม่วงเหมือนสีกายพระนารายณ์ ซึ่งถ้าเกิดดึกสงัด สีฟ้าอมม่วงก็น่าจะเข้ากว่า ทำไมถึงว่าเป็น สีเขียว ครับ พอดีเห็นภาพวาดเทพเจ้าอินเดียที่เป็นรูปพระรามแล้วสงสัยครับ แอบสงสัยว่าเพราะคนไทยแปลเพี้ยนไปหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเพี้ยนก็ไม่น่ามีบอกสีกายพระนารายณ์ไว้ว่าเป็น สีดอกตะแบก เขียนเองงงเอง ฮา ไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไร แต่สงสัยจริงๆ เสิร์ชหาข้อมูลก็ไม่เจอคำตอบที่ต้องการเลย ข้องใจมาก ผู้รู้ท่านใดทราบ รบกวนให้ความรู้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ป.ล. ภาพพระรามในแบบอินเดียหายาก ลองใช้ राम คำนี้เสิร์ชดูครับ จะเห็นว่าสีกายพระรามเป็นสีดอกตะแบกเหมือนสีกายพระนารายณ์ ซึ่งหัวโขนกับชุดพระนารายณ์โขนไทยเราก็เป็นสีดอกตะแบก แต่ทำไมอวตารมาเป็นพระรามแล้วสีกายเปลี่ยนเป็นเขียวแทน ไม่เหมือนภาพวาดอินเดีย เพิ่มเติม http://www.ramayanatheepic.com/ อันนี้เป็นการ์ตูนพระราม ก็มีกายสีดอกตะแบกเหมือนกันครับ เป็นการร่วมกันสร้างระหว่างทางอินเดียกับทางWB ก็แสดงว่าฝรั่งก็เข้าใจสีกายพระรามเป็นแบบในการ์ตูนใช่ไหมครับ ซึ่งก็ไม่น่าผิดพลาด เพราะถ้าผิด ทางอินเดียก็ไม่น่าจะให้ใส่สีนี้ออกมา แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 54 11:51:52 จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 11:40:34

ความคิดเห็นที่ 17 พระวิษณุกายสีดอกตะแบกนี่ก็ผิดครับ       ตามหลักแล้วในกลียุคพระวิษณุต้องมีกายสีดำ    ดำแบบที่เรียกว่าดำปิ๊ดปี๋เลยล่ะ      แต่ช่างในสมัยก่อนเห็นว่าให้กายดำแบบนั้นมืดไม่งาม    จึงยักเยื้องให้กลายเป็นสีดอกตะแบกรึสีดอกอัญชันไป จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 18:29:26

ความคิดเห็นที่ 18 ^^ แสดงว่าเป็นไปตามช่างศิลป์ในสมัยก่อนใช่ไหมครับ เลยให้กายพระนารายณ์เป็นสีดอกอัญชันแทน ตามภาพวาดอินเดียก็จะเป็นสีดอกอัญชันเหมือนกัน (ที่เสิร์ชอ่านดูเขาว่าดำหรืออัญชัน) เพราะยุคที่พระนารายณ์อวตาร เป็นยุคที่กายสีขาว แต่ภาพวาดเป็นสีดอกอัญชันหมด (ไม่ว่าจะเป็นไทยหรืออินเดียต้นตำรับ) แต่ที่สงสัยคือพระรามของไทยที่กายสีเขียว ผิดกับของอินเดียที่เป็นสีอัญชัน หรือว่าเป็นไปตามช่างศิลป์หรือวรรณกรรมที่เราแปลความมาอีกแบบครับ ? ขอบคุณคุณ zodiac28 สำหรับความรู้ครับ ป.ล. ไปอ่านเจอคอมเมนท์อนิเมชั่นเรื่องลงด้านบนมา เด็กไทยงงกันเป็นแถว ทำไมพระรามตัวฟ้า ไม่เป็นสีเขียวแบบที่เรียนมานะ ฮา จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 05:43:32

ความคิดเห็นที่ 19 จากคห 1 ข้อ 31 พระโขนงคืออะไรเหรอคะ จากคุณ : จันทราเทวี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 06:01:32 A:125.27.33.139 X: TicketID:322016

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 19 พระขนง แปลว่า คิ้ว ครับ ส่วน โขนง ไม่แน่ใจว่าเขียนได้สองแบบหรือไม่ ลองเช็คพจนานุกรมดูอีกทีครับ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 10:30:54

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องสีกายนี่มีความผิดพลาดเยอะพอดูครับ        อย่างพระพรหมาคนไทยส่วนใหญ่ว่ากายสีขาว     บางคนก็ว่าสีทอง       แต่ความจริงแล้วพระพรหมากายสีแดง พระอินทร์แต่เดิมกายสีทองรึสีแสด      แต่หลังๆกลายเป็นสีเขียวไป    แต่อินเดียก็ว่าเขียว   เป็นอันว่าไม่ได้มาเปลี่ยนในไทย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 15:05:51

ความคิดเห็นที่ 22 ^^ แล้วสรุปพระรามไทยกับพระรามอินเดีย สีเดียวกันไหมครับ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 16:34:59

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เคยเช็คเหมือนกันครับ     คงต้องเช็คจากข้อมูลของรามายณะ      คงหาไม่ยากมากมายอะไร      หนังสือแปลรามายณะก็เคยเห็นมีขายอยู่ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 19:06:04

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ ไว้กลับไทยแล้วจะลองไปหาดู จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 19:51:39

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่มเติมครับ จริงๆ แล้ว มหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ ตามที่ คห.1 ว่า ไม่ใช่ลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะนะครับ แต่เป็นคติทีเกิดขึ้นภายหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งในช่วงดังกล่าวก็ไม่มีผู้ใดทราบอย่างแท้จริงแล้วว่าพระพักตร์ของพระองค์มีลักษณะเช่นใด จึงคดิคติขึ้นมาว่าหากบุคคลผู้หนึ่งจะมีบุญญาธิการถึงขั้นได้ตรัสรู้พระสมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ควรจะมีลักษณะแบบใด ทั้งนี้ก็ออกมาโดยมีลักษณะทั้ง 32 ประการดังกล่าวครับ นอกจากนี้ยังมีอนุพยัญชนะ 80 ประการอีกด้วย โดยลักษณะที่ว่านี้ คิดออกอมาเพื่อใช้ในการสร้างรูปสักการะอันเป็นสิ่งระลึกถึงพระพุทธองค์ (ในสมัยแรกของพระพุทธศาสนาไม่มีรูปสักการะ) ด้วยเหตุนี้พระพุทธรูปจึงถูกสร้างขึ้นตามคติดังกล่าวครับ ป.ล.พระพุทธรูปไม่ใช่สิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้านะครับ เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อระลึกถึง สิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้าคือพระธรรมที่ทรงสอน จากคุณ : psbonn เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 12:01:56

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ^ เคลียร์เลย จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 02:56:56 A:115.87.30.9 X: TicketID:300645