ในอดีตเราใช้ โหม่ง ฆ้อง กลอง แผ่นโลหะตีบอกเวลา...เวลาเท่าไหร่ก็ตีเท่านั้น 6 นาฬิกาเรียกย่ำรุ่ง
ช่วงเช้าใช้โหม่ง...เวลาตีก็จะดังโหม่งๆๆ-โมง
7 นาฬิกา = 1 โมง 8 นาฬิกา = 2 โมง เรื่อยไปจนถึง11 นาฬิกา คือ 5 โมง หรือเพล แล้วก็เที่ยงวัน
จากนั้นตอนบ่ายใช้ฆ้อง
เริ่มจาก 13 นาฬิกา = 1 โมงบ่าย (บ่ายโมงนั่นแหละ) 14 นาฬิกา = 2 โมงบ่าย (บ่ายสองโมง) เรื่อยมาจนถึง 17 นาฬิกาคือ บ่าย5โมง 18 นาฬิกาเรียกหกโมงเย็นหรือย่ำค่ำ
ตอนกลางคืนใช้กลอง เลยเสียงดังตุ๊มๆ หรือทุ่มๆ ก็ว่ากัน เริ่มจาก19 นาฬิกา = 1ทุ่ม 20 นาฬิกา = 2 ทุ่ม เรื่อยไปจนถึง 23 นาฬิกาหรือ5 ทุ่ม จากนั้นก็เที่ยงคืน
พอตอนดึกครั้นจะตีกลองคนคงนอนไม่หลับ เลยมาตีแผ่นโลหะแทน เหมือนในหนังจีนไง...เป๊งๆ 2 ยาม อากาศแห้งแล้งระวังฟืนฟายยย ^^
เสียงตี นี่จะเริ่มที่ 1 นาฬิกา คือ ตี หนึ่ง 2 นาฬิกา คือ ตี สอง เรื่อยไปจนถึงย่ำรุ่ง
ปัจจุบันก็ยังเรียกกันเหมือนเดิม เพียงแต่ช่วงเช้าดูจะมีปัญหามากที่สุดเพราะใช้สับสนกันจาก 3 โมงเช้า เป็น 9 โมงเช้า ทั้งที่ควรจะเรียกว่า 9 นาฬิกา หรือช่วงเย็น ที่เรียกว่า 4 โมงเย็น ทั้งที่ควรเรียกว่า บ่ายสี่โมง
อย่างไรก็ตามการที่ผู้ส่งสารกับผู้รับสารเข้าใจเวลาที่ตรงกันคือสิ่งสำคัญในการนัดหมาย...ถ้าไม่อยากสับสนก็ใช้แบบทางการก็แล้วกัน
จากคุณ |
:
kiria chalee
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 54 15:45:01
|
|
|
|