เตรียมขึ้นทะเบียน น้ำปลาไทย แม่นาคพระโขนง เป็นมรดกโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมเผยเตรียมขึ้นทะเบียน น้ำปลาไทย ตำนานแม่นาคพระโขนง การไหว้ ต้มยำกุ้ง เป็นมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติปี 54 ด้าน วธ.ยัน กัมพูชาขึ้นทะเบียนท่ารำ หนังใหญ่ไม่ส่งผลกระทบให้ไทยเสียสิทธิ พร้อมน้อมรับคำวิจารณ์นักวิชาการค้านเข้าร่วมภาคีวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ระบุ 5 ประเทศในอาเซียนเข้าเป็นสมาชิกแล้วทั้งกัมพูชา อินโด  นีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ชี้มีประโยชน์รู้จักเขา-รู้จักเรา
   
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกัมพูชาขึ้นทะเบียนท่ารำ และหนังใหญ่ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกว่า รายละเอียดการหารือระหว่าง วธ.กับกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอให้นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (16 ส.ค.) คาดว่าจะแถลงรายละเอียดแก่สื่อมวลชนภายหลังการประชุมครม. อย่างไรก็ตามหลักการสำคัญของการหารือครั้งนี้ เรามองว่าการขึ้นทะเบียนของทางกัมพูชาไม่ได้ทำให้เราเสียสิทธิในการที่จะขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒน ธรรมที่จับต้องไม่ได้ของไทย
   
นายสมชายกล่าวต่อว่า สิ่งที่ วธ.จะดำเนินการต่อไป คือจะประชุมทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงสื่อมวล ชนภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหาแนวทางเบื้องต้นให้ได้ข้อสรุปตรงกัน  การดำเนินงานข้างต้นจะมีการหารือเรื่องวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่จะขึ้นทะเบียนระดับชาติในปี 2554 จำนวน 30 รายการควบคู่กันไปด้วย  ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในอนาคตหากไทยเป็นสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ก็สามารถนำเสนอเรื่องเหล่านี้ขึ้นจดทะเบียนได้เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ตนเรียนว่า วธ.ไม่สามารถดำเนินการโดยเอกเทศ แต่เป็นลักษณะพหุภาคี และเป็นเรื่องระหว่างประเทศจะต้องมีความคิดเห็นจากหลาย ๆ ฝ่าย เมื่อได้ข้อสรุปก็ต้องนำเสนอผ่านครม.ตามขั้นตอน
   
สำหรับเสียงท้วงติงจากนักวิชาการที่ ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาของทางยูเนสโกนั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการต่างประเทศได้หยิบยกเรื่องนี้มาหารือเช่นกัน ซึ่งคิดว่าเป็นทรรศนะของนักวิชาการแต่ละคนที่จะเสนอความแตกต่างในแง่ของความคิด ตนขอเรียนให้ทราบว่าสมาชิกยูเนสโกไม่ได้มีเฉพาะประเทศตะวันตก แต่มีทุกภูมิภาคของโลก ขณะนี้ตนทราบว่ามีประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมภาคีนี้แล้ว 136 ประเทศ จากจำนวนสมาชิกยูเนสโกประมาณ 190 ประเทศ เพราะฉะนั้นไทยควรใช้เวทีแบบนี้ในการหารือแลกเปลี่ยนกันในการที่จะจัดระเบียบร่วมกันในเรื่องวัฒนธรรม การศึกษาและศาสนา
   
“การที่มีพื้นที่ระดับนานาชาติหรือ  ระดับโลกในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย จะทำ ให้นานาชาติเข้าใจประเทศไทยดีขึ้น เพราะ ในแง่ของวัฒนธรรมแล้วเรามองถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันข้ามพรมแดนรัฐ ยิ่งในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยิ่งจำเป็นต้องมองเรื่องเหล่านี้ เพื่อที่เราจะอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ อย่างสันติร่วมกัน ขณะนี้ในสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ มีถึง 5 ประเทศได้เข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกแล้ว ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เราคงต้องใช้เวทีอาเซียนในการทำงานเรื่องนี้ร่วมกัน ผมคิดว่าต้องรอระยะเวลาให้เข้าใจเรื่องอนุสัญญาดังกล่าวให้ชัดเจนมากขึ้น” นายสมชาย กล่าว
   
ด้าน ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า สำหรับทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติที่เตรียมขึ้นทะเบียนเพิ่มอีก 30 รายการในปี 2554 นั้นต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง โดยภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนในปีนี้ มีหลายประเภท ดังนี้ ประเภทศิลปะการแสดง อาทิ ขับเสภา และละครนอก ประเภทงานช่างฝีมือดั้งเดิม อาทิ ช่างแทงหยวก ประเภทวรรณกรรมพื้นบ้าน อาทิ ตำนานแม่นาคพระโขนง ประเภทกีฬาภูมิปัญญาไทย อาทิ กีฬาว่าวไทย ประเภทแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล อาทิ การแสดงความเคารพแบบไทย เช่น การไหว้ และประเพณีสงกรานต์ ประเภทความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล อาทิ ต้มยำกุ้ง (เป็นอาหารมีส่วนผสมเรื่องของสมุนไพรมาจากธรรมชาติ)  น้ำปลาไทย (เป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้ภูมิปัญญาไทยทำขึ้นมาจากการหมัก และใช้วัสดุผลิตในประเทศ ปัจจุบันเป็นสินค้าส่งออกของไทยด้วย).


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=157671

จากคุณ	: หมาป่าดำ
เขียนเมื่อ	: 17 ส.ค. 54 12:23:08