ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณที่แจ้งข่าวค่ะ จากคุณ : S77 เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 11:29:28

ความคิดเห็นที่ 2 ที่น่าเศร้าคือ จะสำนักพระราชวังจะปิดปราสาทเก็บพระศพไว้เฉยๆ โดยไม่อนุญาตให้ใครไปเป็นเจ้าภาพถวาย ไม่ให้ใครไปถวายบังคมน่ะสิครับ ผมคิดว่า น่าจะปิดปราสาทในช่วงวันเฉลิมพระชนม์พรรษาราว ๑ อาทิตย์น่าจะเพียงพอแล้ว คือไม่มีการแต่งดำเข้าวังหลวง แต่ก่อนหรือหลังจากนั้น น่าจะเปิดให้ประชาชนเฝ้าพระศพ สักการะพระศพ และร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลบ้าง เฮ้อ สงสาร สมเด็จเจ้าฟ้่า ในพระโกศ ด้วยทรงอาภัพนัก ใครได้ฟังพระประวัติก็คงจะคิดไม่ต่างจากนี้ ประสูิติมาจัดการพระเกียรติยศก็ไม่เต็มที่นัก ด้วยพระบรมชนกนาถสวรรคต การฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา ก็ไม่เต็มที่นักเพราะงานพระศพพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีพระมารดา พอบัดนี้คราวสิ้นพระชนม์ การถวายพระเกียรติของหน่วยงานต่างๆก็มิได้ทำอย่างสมพระเกียรตินัก น่าเศร้าใจจริงๆ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 12:13:32 จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 11:59:53

ความคิดเห็นที่ 3 เคยไปกราบพระศพมาครั้งหนึ่ง ตอนกราบพระพุทธรูปประจำพระชนม กับกราบพระศพ อยู่แถวหน้าสุด ใกล้กับพระแท่นทรงกราบเลย เมื่อกราบพระศพแล้วเสร็จ จะนั่งดูพระโกศต่ออีกสักหน่อยก็ได้ เพราะช่วงเวลาที่ไป(วันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาบ่ายสาม) ไม่ค่อยจะมีคนเท่าไหร รอบนั้นน่าจะมีเจ็ดหรือแปดคนเห็นจะได้ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 12:29:25 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 12:28:15 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 12:27:46

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องรอดูครับว่า สมเด็จพระเทพฯ จะทรงเห็นด้วยไหม เมื่อครั้งแรกๆ ที่สมเด็จสิ้นพระชนม์ คุณรัตนาวุธเคยเร่งให้กรมศิลปากรสร้างพระเมรุให้เสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อจะพระราชทานเพลิงพระศพก่อนวันเฉลิมฯ หากทําไม่ได้ตามกําหนดเวลาสํานักพระราชวังจะสร้างพระเมรุเอง และคุณรัตนาวุธยังบอกอีกว่า ถ้าสร้างพระเมรุไม่เสร็จก่อนวันเฉลิมฯ ปีนี้ ก็ให้พระราชทานเพลิงในปี 2556 เพราะปี 2555 สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระบรมฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา แต่สมเด็จพระเทพฯ  ได้ตรัสกับอธิบดีกรมศิลปากรว่า ให้สร้างพระเมรุให้เสร็จภายใน 8 เดือน (มีนาคม 2555) สงสารสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ในพระโกศ ครับ จริงๆ น่าจะอนุญาตให้คณะบุคคลต่างๆ บําเพ็ญกุศลถวายจนกระทั่งออกพระเมรุเหมือนครั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 13:03:45

ความคิดเห็นที่ 5 เห็น ครม นำแบบพระเมรุเสนอไปแล้วนี่ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 14:56:33

ความคิดเห็นที่ 6 ที่เห็นที่รู้มาก็น่าสงสาร คนมาเฝ้าถวายบังคมพระศพ ยามดึกยามมืด สำนักพระราชวังก็ให้ปิดประตูเทวาภิรมย์ ข้างพระที่นั่งนั่งดุสิตฯที่จะข้ามไปท่าราชวรดิษฐ์ (จัดไว้เป็นที่จอดรถ)แล้วให้ออกทางประตูวิเศษไชยศรีแทน เดินก็ไกลมาก เด็กโรงเรียนวชิราวุธ ทั้งประถมมัธยม ที่มาเฝ้าพระศพตอนดึก ต้องเดินตากฝนออกประตูวิเศษ ไปขึ้นรถที่ท่าราชฯ น่าสงสารมาก ในคราวสมเด็จฯกรมหลวงฯ สมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระนางรำไพฯ ประชาชนทั้งหลายก็ได้มีโอกาสได้สนองพระเดชพระคุณ ถวายบังคมพระบรมศพ พระศพ องค์กรหลายหลากก็ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพถวายเป็นพระราชกุศล พระกุศล อย่างทั่วถึงจนคราวถึงกาลถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระศพ เฮ้อ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 19:56:42

ความคิดเห็นที่ 7 หากพิจารณาจากคำสัมภาษณ์ของคุณรัตนาวุธแล้ว ก็สามารถอนุมานได้ งานพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าในพระโกศ เป็นการจัดในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ เมื่อครบ ๑๐๐ วัน ซึ่งใกล้ระยะเวลาที่เตรียมงานพระราชพิธีใหญ่ในปีนี้ และเป็นการมงคล ที่หน่วยงานราชการจะได้เฉลิมฉลอง สนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถามว่า จะปิดประตูพระมหาปราสาท มิให้ประชาชนเข้าถวายสักการะ หรือเฝ้าพระศพ ก็ยังไม่สามารถว่าได้ ครั้งงานพระศพ สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสฯ ก็มี "พระบรมราชานุญาต" ให้หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการพระศพ หลังจากครบกำหนดที่จะบำเพ็ญพระราชกุศลศตมวาร พระราชทานพระศพ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีพระบรมราชวินิจฉัย พระราชทานลงมาแต่อย่างใด ซึ่งมิสามารถก้าวล่วงได้ อนึ่งการปิดพระศพ ซึ่งเป็นธรรมเนียมแต่เดิม คือ การชักวิสูตรปิดพระศพ เพื่อรอการพระราชทานเพลิงพระศพในลำดับต่อไป ซึ่งเหมือนกับสามัญชน ที่เก็บศพไว้ ซึ่งระหว่างช่วงรอนี้ ก็จะมีการทำบุญอุทิศแต่ผู้วายชนม์ โดยเสมอ อาจจะกำหนดวันทำบุญ ทุกวันใดวันหนึ่ง ซึ่งอาจใช้วันเกิด หรือวันตาย ทำบุญที่บ้าน หรือ ที่ไว้ที่ไว้ศพนั้นๆ ก็ได้ ตามแต่กำลังของเจ้าภาพ จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 21:07:44

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ไปมาเองเมื่อสองสามวันก่อน คนน้อยจนน่าใจหายครับ กลุ่มที่มาก็เป็นกลุ่มเดิมๆ ไม่มากมายเหมือนคราวก่อนๆ ยิ่งได้ทราบพระประวัติตั้งแต่ประสูติก็น่าสงสารแล้ว พอประสูติมาพระราชบิดาก็สวรรคต กำพร้าตั้งแต่ทรงพระเยาว์ นี่มาถึงงานพระศพ ก็เป็นช่วงที่ไม่อำนวยอีก อแต่อย่างน้อย ขณะนี้ก็มีเวลาอยู่ แม้ว่าร้อยวันจะไม่มากนัก แต่คิดว่าถ้ามีผู้ที่อยากเข้าไปมาสักการพระศพมากกว่านี้ ก็คงจะดี ทั้งยังได้ดูได้เหนราชประเพณีโบราณของชาติ ที่ทำได้ไม่บ่อยอย่างประโคมยำ่่ยาม พระโกศฯลฯ อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการทำบุญถวายนั้น ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะเปิดไปจนถึงงานพระราชทานเพลิงเลยจะปิดช่วยวันเฉลิมฯสักสองอาทิตยืก็ได้ แล้วนอกนั้นให้กลุ่มต่างๆที่อยากทำบุญถวาย ได้ร่วมทำอย่าเต็มที่ ไหนจะวันประสูิติของเจ้าฟ้าท่านอีก เคยได้ยินว่าท่านจะยินดีเสมอทีมีผู็มาเฝ้าในวันประสูติเยอะๆ ถ้าเปิดไปถึงวันประสูติก็ยังดีนะคับ คนที่เขาอยากทำบุญถวาย จะได้มีโอกาส ไม่ต้องไปเบียดๆรวมกันน่าจะดีกว่านะครับ จากคุณ : พ่อปลัด เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 03:22:48

ความคิดเห็นที่ 9 การกระทำบางอย่าง (คน)ของสำนักพระราชวัง เหมือปิดกั้นไม่ให้ประชาชนมาถวายความจงรักภักดี คนที่อยากจะอยู่เฝ้าจนถึงเทียงคืน ก็ทำไม่ได้ เพราะรถอยู่ที่ท่าราชฯเพราะมาตั้งแต่เย็น ส่วนคนที่พึ่งเสร็จภาระงาน อยากมาดึกๆก็เดินทางไม่สะดวก ต้องเดินอ้อมวัง กว่าจะถึงพระที่นั่งฯ  ประตูปิดหมด เหลือแค่ประตูเดียวซึ่งไกลมากกว่าจะถึงพระที่นั่ง ได้ไปร่วมงานมา หลายครั้งอยู่ คนน้อยบ้างเยอะบ้างแล้วแต่บางวัน ช่วงเวลาที่คนน้อยชัดเจนที่สุดคือช่วงเวลาตั้งแต่สามทุ่ม คนน้อยน่าใจหาย แต่ถ้าให้ผมเองตีความว่าทำไมคนถึงน้อยก็อาจจะเป็นเพราะกรณีข้างต้น เพราะประชานเดินทามไม่สะดวกเลยมิอยากมากัน   ถ้าทุกคนทราบพระประัวัติของเจ้าฟ้าในพระโกสแล้ว จะทราบได้ดี ช่างเป็นเจ้าฟ้่าที่อาภัพยิ่งนัก เมื่อประสูติพระราชบิดาก็สวรรคต กำพร้าพระราชบิดาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระราชพิธีขึ้นพระอู่ก็ต้องกระมิดกระเมี้ยนทำ เพราะำพระราชบิดาพึ่งสวรรคต พอพระชนพรรษาครบ 60 พระมารดา ก็สิ้นชนม์ฺ ก็ไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลองอย่างที่สมควรจัด พอมางานพระศพก็ยังคงไม่ได้จัดอย่างเต็มที่อย่างสมพระเกียรติเพราะดิตด้วยเหตุผลหลายประการ น่าสงสารสมเด็จฯเจ้าฟ้าในพระโกศยิ่งนัก ทำไมนะคนบ้างคนถึงไม่สงสารเจ้าฟ้าในพระโกศแบบเราบ้างนะ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 12:09:08 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 12:07:19 จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 11:59:09

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับทุกความเห็นเลยครับ ท่านเป็นเจ้าฟ้าในพระโกศอาภัพนัก ตั้งแต่แรกประสูติ จนเสด็จลับเลือนหายไปก็ยังคงอาภัพด้วยเหตุนาประการ ที่ไม่สามารถถวายพระเกียรติยศเต็มที่ได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่นั่งรถในกรุงเทพฯยาว ๆ ไม่เคยเห็นแม้แต่ป้ายถวายอาลัยเล็ก ๆสักป้าย การผูกผ้าดำขาว ก็ไม่เห็นเลยสักนิด จะด้วยเหตุผลใดก็ตามมันทำให้คนเปรียบเทียบกับคราวพระพี่นางได้ องค์หนึ่งเป็นพระพี่นางพระมหากษัตริย์สองพระองค์ ส่วนพระองค์หนึ่งเป็นพระภคินีเธอห่างชั้นไป ถึงแม้เป็นพระราชธิดากษัตริย์ก็ตาม แต่ที่ยังมีคนถวายพระเกียรติบ้าง ก็ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระบรมชนกนาถที่ยังพอมีอยู่บ้าง อยากให้ชัดเจนครับ ถวายอาลัยหรือไม่ ไว้ทุกข์หรือไม่ อย่าให้พวกเรา ๆต้องนั่งเดากันเลย ในความคิดของผม ปีมหามงคลของในหลวงที่พวกเรารักยิ่ง กับงานพระศพเจ้าฟ้าฯในพระโกศอันเป็นเจ้านายชั้นสูงตั้งแต่ครั้ง ร.6 หรืออาจจะนับเป็นพระราชวงศ์ที่เจริญพระชนม์สูงสุด พระองค์สุดท้ายแล้ว  เราแยกบทบาทหน้าที่และการแสดงออกได้ ก็หวังลึก ๆ ครับว่าพระองค์จะไม่เสด็จลับเลือนหายไปเงียบ ๆ อย่างครั้งที่ทรงพระชนม์อยู่อย่างเงียบ ๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ทางราชการคงจะทำอะไรบ้าง อยากให้ไปหาหนังสือ ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้ามาอ่านกันเยอะ  ๆ ครับ จะได้เข้าใจเหตุผลที่เขียนมาทั้งหมด http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10889919/K10889919.html จากคุณ : peeradol33189 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 15:52:36

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับคุณ peeradol33189 ครับ ผมว่าจริงเหมือนที่คุณว่าไว้ที่ว่า ตั้งแต่สมเด็จสิ้นพระชนม์ ผมยังไม่เห็นป้ายถวายความอาลัยหรือแม้กระทั่งผ้าขาวดําตามสถานที่ราชการต่างๆ เลย เท่าที่ผมเห็นมีอยู่ที่เดียวที่ทํา คือ จุฬาฯ เพราะ ทางมหาวิทยาลัยถือว่า "พระองค์เป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย(รัชกาลที่ 6)" ผมว่าที่เจ้าหน้าที่สํานักพระราชวังทําแบบนี้ จะเป็นจะนําไปสู่ต้นเหตุหนึ่งที่ทําให้ประชาชนทั่วไป แม้กระทั่งพวกล้มสถาบัน นําไปเปรียบเทียบกับงานพระเมรุคราวก่อนได้ ประชาชนธรรมดาเปรียบเทียบเฉยๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่พวกล้มสถาบันนะสิครับจะนําไปขยายความหาว่า พระองค์ท่านลําเอียง งานแม่อย่างหนึ่ง งานพี่สาวอย่างหนึ่ง งานนี้อีกอย่างหนึ่ง ขนาดการก่อสร้างพระเมรุงานก่อน มันยังเอาไปด่าตั้งแต่ลงเสาเอกพระเมรุจนกระทั่งรื้อพระเมรุลง จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 16:59:07

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยครับ จากคุณ : บังเอิญติดดิน เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 17:37:01

ความคิดเห็นที่ 13 ปี พ.ศ.๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมายุ ๔ รอบ ๔๘ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา  สิ้นพระชนม์ มีประกาศสำนักพระราชวัง ให้ไว้ทุกข์ถวาย ๑๕ วัน และเว้นวันเฉลิมพระชนม์พรรษา และวันทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเฉลิมพระชนม์ำพรรษา คือวันที่ ๔ ๕ ๖ ธันวาคม นอกจากนี้ ยังมีวันที่เว้นอีกคือ วันฉลองรัฐธรรมนูญ วันไปส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ไปเมืองนอก วันไปรับเสด็จ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ อีกด้วย ***************************************** ในสมัยการสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล มีการประกาศไว้ทุกข์ ๑ ปี ครั้งนั้น เมื่อพ้น ๑ ปีแล้ว ก็มีการประกาศให้เลิกทุกข์ โดยแต่งกายปกติในราชสำนัก ยกเว้นผู้ที่ปฏิบัติงานบริเวณพระที่นั่งดุสิตฯ และผู้ที่จะไปเฝ้าพระบรมศพ ที่ต้องแต่งดำ ***************************************** สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ เสด็จสวรรคต ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานสัตมวาร วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๒๘ เมื่อครั้ง หลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน ๑๐๐ วัน สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗  แล้ว และยังไม่มีทรงพระกรุณาฯ ให้กำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศาุนุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน เข้าถวายบังคมพระบรมศพได้ตั้งแต่เวลา ๙ นาฬิกา ถึง ๑๖ นาฬิกาทุกวัน จนถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ คุณพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ เลขาธิการสำนักพระราชวัง ได้มีบัญชาให้ ๑.เปิดพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้ประชาชนขึ้นถวายบังคมพระบรมศพ ตามวันเวลาข้างต้น ๒.ไม่มีการสวดพระอภิธรรม ๓.ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ ๔.ไม่มีการเลี้ยงน้ำ นอกจากยังคงตั้งถังน้ำดื่มสำหรับประชาชนเช่นเคย ๕.สำหรับวันอังคาร คณะบุคคลใดจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม และเลี้ยงพระก็ได้ แต่ไม่มีการประโคม ๖.เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยที่จะจัดประจำอยู่ทุกวันนั้น ต้องมีจัดไว้ปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสม ๗.เครื่องเสวยถวายพระบรมศพ ยังคงให้จัดเช่นเดิม ๘.โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ผู้ที่จะไปถวายบังคมพระบรมศพ แต่งกายสุภาพนิยม จะไม่แต่งเครื่องทุกข์ก็ได้ "เมื่อเสด็จสวรรคตครบ ๑๐๐ วันแล้ว พ้นกำหนดการไว้ทุกข์ถวายตามประกาศของสำนักพระราชวัง แต่พระบรมศพยังคงประดิษฐานอยู่่" สำหรับผู้มีภารกิจและจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต้องไว้ทุกข์จนถึงวันถวายพระเพลิง แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 18:29:07 จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 18:28:13

ความคิดเห็นที่ 14 จะพูดอย่างสามัญ ก็ว่า ท่านอาภัพมาตั้งแต่เกิด จากคุณ : Jouette เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 18:45:03

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนตัวผมคิดว่า คงจะมีการจัดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงต้นไป ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จ และวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมฯแน่ๆ แต่ที่แน่ๆ ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปถวายสักการะเลย ผมจะไปให้ได้ครับ สงสารพระองค์ท่าน จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 19:33:13

ความคิดเห็นที่ 16 อย่าคิดมาก ขนาดตอนประชวรประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชเกือบเดือน ยังไม่มีประกาศเลย โต๊ะให้ลงนามถวายพระพรก็ยังไม่มีขนาดอยู่โรงพยาบาลศิริราชแท้ๆๆ มาประกาศอีกทีตอนสิ้นพระชนม์แล้ว ตอนแรกผมก็ยังงงๆๆทั้งๆที่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็มีการถวายพระพรทุกวันออกข่าวทุกวัน ..... จากคุณ : Jacques เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 19:47:33

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆ เมื่อคณะแพทย์แจ้งพระอาการประชวรว่าอีกไม่นานสมเด็จฯ ใกล้ที่จะสิ้นพระชนม์ลงแล้ว สํานักพระราชวังควรที่จะเปิดให้ลงนามถวายพระพร พร้อมทั้งออกแถลงการณ์สํานักพระราชวังให้ประชาชนทราบ อย่างน้อยก็ทําให้ประชาชนทราบว่า พระองค์เป็นใคร พระอาการประชวรเป็นอย่างไร ผมว่าถ้าสํานักพระราชวังทําแบบที่ผมพูดไว้อย่างน้อยเมื่อท่านสิ้นพระชนม์ลงประชาชนยังอาจจะรู้สึกอาลัยพระองค์อยู่บ้าง ตอนนั้นข่าวการสิ้นพระชนม์หลุดลอดออกมาก่อนที่สํานักพระราชวังออกแถลงการณ์ จากห้องเฉลิมไทยมีล็อกอินท่านหนึ่งบอกว่าทราบมาจากท่านมุ้ย จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 20:32:41

ความคิดเห็นที่ 18 (คนใน)สำนักพระราชวังเหมือนกับว่า ไม่สนใจ เมินเฉยต่อพระองค์มาก  ยิ่งเรื่องการจัดงานพระศพยังจัดแบบขาดๆเหมือนกับไม่อยากทำ  แถมยัง ให้ปิดประตูวัง ประตูโน้นประตูนี้  คล้ายๆกับปิดกั้นมิให้ประชาชนเข้าถึงพระองค์ท่าน ทั้งๆืที่เป็นวาระสุดท้ายที่ประชาชนจะได้ใกล้ชิดพระองค์ท่่าน ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ ทำไมถึงทำแบบนี้ก็ไม่รู้ ยิ่งนานวันการปฎิบัติต่อพระบรมวงศานุวงคื ก็ยิ่งแย่ลงเลื่อยๆ นี่ขนาด(คนใน)สำนักพระราชวังเองนะ แล้วถ้าเป็นประชาชนทั้วไปหละ  ไม่อยากจะคิดเลย จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 20:58:25

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่ออาทิดที่แร้วนั่งรถผ่านหน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎ รู้สึกว่าจะ ไม่เห็นพระรูป หรือผ้าดำขาว สักนิด อยากถามคนในกระทู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านหน้าหน่วยงานในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯหรือเสด็จพระนางสุวัทนา หรือแม้แต่ในพระราชูปถัมภ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 มีสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์ติดอยู่ที่หน่วยงานนั้นๆบ้างรึปล่าว ยกตัวอย่างนะ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรพยาบาลจุฬา โรงเรียนสายน้ำผึ้ง วชิรพยาบาล ฯลฯ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 22:16:04

ความคิดเห็นที่ 20 ช่วยแจ้งด้วยอยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 22:16:47

ความคิดเห็นที่ 21 คุณไข่มุขราตรี ครับ ส่วนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการติดพระฉายาลักษณ์และผ้าขาวดำตรงประตูใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งพร้อมทั้งตั้งโต๊ะลงนามถวายอาลัยหน้าพระฉายาลักษณ์บริเวณหน้าศูนย์หนังสือจุฬาฯ สยามสแควร์ อาคารจามจุรี 9 ศูนย์การค้าจัตุรัสจามจุรี โดยทางมหาวิทยาลัยขอความกรุณาให้คณาจารย์ นิสิต ไว้ทุกข์ถวาย 100 วัน ส่วนสถาบัน องค์กรในพระอุปถัมภ์อื่นๆ ไม่ทราบเหมือนกันครับ จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 22:49:07

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปากร(วิทยาเขตพระราชวังวนามจันทร์ นครปฐม) ก็มีการขึ้นป้ายไว้ทุกข์ที่ทางแยกกลางมหาวิทยาลัย และหน้าคณะต่างๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ สำหรับการไว้ทุกข์ก็เห็นอาจารย์ใส่ดำกันทุกคนครับ แต่มิได้มีประกาศให้นักศึกษาไว้ทุกข์แต่อย่างไร เนื่องพระองค์เป็นองค์อุปถมภ์มหาวิทยาลัยครับ ปล.สำหรับวิทยาเขตอื่น ผมไม่ทราบนะครับ แต่คาดว่าคงจะมีเหมือนๆกัน ^^ จากคุณ : วุฒิสันติ์กุล เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 01:48:44

ความคิดเห็นที่ 23 ลบครับ มันขึ้นความเห็นสองอัน ^^ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 01:49:51 จากคุณ : วุฒิสันติ์กุล เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 01:49:11

ความคิดเห็นที่ 24 มาชี้แจงครับ ในส่วนโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้านั้น พระรูปและโต๊ะลงนามอยู่ในตัวโถงอาคารเฉลิมพระเกียรติ(ตึกใหญ่) เลยครับ เข้ามาจะเห็นได้ทันที ชัดเจน ไม่หลบมุม เรียกว่าใครเข้ามาก็ต้องเห็น เพราะอยู่ใจกลางจริงๆ และเหตุที่ไม่นำพระรูปไปติดและใช้ผ้าขาวดำวางไว้หน้าโรงพยาบาลนั้น เหตุเพราะว่า มีพระบรมฉายาลักษณ์ใหญ่อีกองค์หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติและธง ภปร. อยู่แล้ว หากไปติดก็เป็นการมิบังควร   ชี้แจงให้สบายใจตรงนี้เลยครับ ว่าเด็กพระมงกุฎฯ อาจารย์และเจ้าหน้าที่ทุกนาย เคารพ ศรัทธาและเทิดทูนองค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ไม่ต่างไปจากความรู้สึกที่เด็กจุฬาฯ หรือ จปร. ที่มีต่อรัชกาลที่ ๕ ครับ ส่วนของพระราชวังพญาไทอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นพระที่นั่งพิมานจักรีครับ จากคุณ : A ARM เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 02:14:13

ความคิดเห็นที่ 25 ดิฉันว่า ในบรรดาเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินผืนทรายทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ทรงอาภัพที่สุด คือ รัชกาลที่ 7 พระบรมศพไม่ได้ทรงพระบรมโกศ ไม่มีงานพระเมรุกลางเมือง อย่างที่ทราบๆ กัน อนิจฺจา วต สงฺขารา  สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 09:14:59

ความคิดเห็นที่ 26 สำหรับสมเด็จเจ้าฯ ในพระโกศ ดิฉันว่า ทรงได้รับพระเกียรติยศสูงพอสมควร ได้ทรงพระโกศทองใหญ่ ประดิษฐานพระศพบนพระที่นั่งดุสิตฯ ลองเปรียบเทียบกับสมเด็จเจ้าฟ้าในอดีตดูสิคะ สมเด็จฯ กรมหลวงพิษณุโลก ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชแท้ๆ (ในรัชกาลที่ 6)  พระศพยัง "อยู่" วังปารุสก์ สมเด็จพระบรมราชชนก รู้สึกจะวังสวนกุหลาบ ลองหาข้อมูลเจ้าฟ้าพระองค์อื่นๆ มา "แชร์" กันสิคะ อะไรๆ มันจะได้อยู่บนเหตุผล ไม่อยู่บนอารมณ์นะค่ะ จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 09:20:58

ความคิดเห็นที่ 27 อ้อ อีกประเด็น การที่พระศพของพระองค์ใดจะได้รับพระเกียรติยศเป็นกรณีพิเศษ หรือไม่พิเศษ ดิฉันก็ไม่เห็นแปลกประหลาดแต่ประการใด ก็ขึ้นอยู่กับว่าทรงสนิทสนมกับเจ้าแผ่นดินผืนทรายขนาดไหน อย่างสมเด็จพระปฐมบรมราชชนก  มีแต่พระบรมอัฐิแท้ๆ ยังมีงานพระเมรุกลางเมือง สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ทรงเป็นแค่พระองค์เจ้า เมื่อถึงวาระสุดท้าย ก็เรียกว่า "สวรรคต" ลองหาข้อมูลเรื่องพระศพที่ทรงได้รับการยกย่องเป็นกรณีพิเศษมา "แชร์" กันอีกสิคะ น่าจะดีออก จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 09:26:43

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วอีกประเด็นที่น่าสนใจ เจ้านายที่ทรงอาภัพ ก็มีอยู่มาก สมเด็จฯ กรมหลวงเพชรบุรีฯ  สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 8 แต่พระเจ้าแผ่นดินยัง "เด็ก" งานพระศพของพระปิตุจฉาจึงค่อนข้างกระท่อนกระแท่นนะคะ ยิ่งสมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์ฯ ยิ่งแล้ว สิ้นพระชนม์ที่ชวา แล้วตั้ง 6-7 กว่าจะมีงานพระเมรุ นี่สำหรับเจ้าฟ้านะคะ ถ้าชั้นอื่นๆ ดิฉันว่าที่ทรงอาภัพมากๆ ก็เห็นจะเป็นข้างในทั้งหลายของรัชกาลที่ 6 ดูสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีฯ สิคะ ทรงเคยเป็นสมเด็จพระบรมราชินีมาก่อนแท้ๆ แต่ท้ายที่สุด พระศพ "อยู่" บนศาลาสหทัยฯ พระราชทานเพลิงเมรุหลวงฯ วัดเทพศิรินทร์ แล้วลองค้นอีก 3-4 พระองค์ มาดูสิคะ "พอๆ กัน" แล้วอย่าว่าอย่างโน้น อย่างนี้ เลย ถ้าให้ดิฉันเดานะ  ถ้ารัชกาลที่ 6 ไม่ด่วนเสด็จสวรรคตเสียก่อน พระนางเจ้าสุวัทนา อาจ "ไม่ขึ้น" ดิฉันว่า "ลง" มากกว่า และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าในพระโกศ อาจไม่ได้ทรงรับพระเกียรติยศถึงเพียงนี้ จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 09:43:19

ความคิดเห็นที่ 29 ลองหาข้อมูลมาแบ่งปันกันนะคะ ดิฉันไม่ไหวจริงๆ เน็ตมันช้าจริงๆ ค่ะ จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 09:45:26

ความคิดเห็นที่ 30 ครั้งสมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลฯ ตอนออกพระเมรุ แทบจะมีแต่ลูกเสือชาวบ้าน มาเดินในริ้วกระบวน เหมือนเคยอ่านจากหนังสือพระพันวัสสามานะ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 12:02:50

ความคิดเห็นที่ 31 ที่ผมว่ารันทด อาภัพ น่าสงสาร ก็เพราะการกระทำของหน่วยงานบางหน่วยงาน ที่มองข้ามพระองค์ไป อาจจะเป็นทั้งเรื่องท่านไม่ใช่พี่สาวสายตรง ของพระเจ้าอยู่หัว "คนโดยรอบที่มีอำนาจ ที่เป็นฉลองพระเนตร เป็นแขนเป็นขาพระเจ้าอยู่หัว " มองไม่เห็นคความสำคัญ ไม่จัดการให้สมบูรณ์สมพระเกียรติได้ต่างหาก แตกต่างจากงานพระบรมศพและพระศพที่ผ่านมา ที่คุณจางวางเต่าพูดมานั้น ผมไม่เห็นด้วยบางส่วน ด้วยคุณจางวางเต่าอย่าลืมว่า เรื่องราวต่างๆที่อาภัพในอดีตนั้น บ้านเมืองไม่ปกติ "พระเจ้าอยู่หัวไม่เสด็จอยู่ ด้วยเสด็จอยู่ต่างประเทศ สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกบุคคลบางพวกลดความสำคัญลง" การทำงานการจัดการทั้งหลาย หากไม่สมพระเกียรติ ก็ไม่ได้มีใครมาว่ามากล่าว ให้ถึงองค์พระเจ้าอยู่หัว แต่ในครั้งนี้บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุขมากพอสมควร พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมศานุวงศ์ ทรงเปี่ยมด้วยพระบารมีและพระบรมโพธิสมภาร แต่ด้วยพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และเจริญพระชนมายุสูง ก็ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้หน่วยงานต่างๆอันเป็นหน่วยงานรอบพระองค์ เป็นผู้ถวายงานต่างพระเนตรพระกรรณ หากทำไม่ดี หรือไม่สมพระเกียรติ ก็อาจจะเป็นที่ครหาหรือเสื่อมเสียพระเกียรติไปถึงพระเจ้าอยู่หัวได้ ขอยกตัวอย่างในเรื่องนี้ ว่าเท่าที่ผมทราบมา สมเด็จเจ้าฟ้าท่าน ทรงพระชรา และประชวรมาหลายปีแล้ว หลังจากผู้ถวายงานเดิมอนิจกรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ไว้วางพระราชหฤทัย ให้ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เป็นผู้บริหารงานในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ซึ่งท่านผู้หญิง และคณะผู้บริหาร ก็ได้ ถวายงานสนองพระเดชพระคุณในสมเด็จเจ้าฟ้า อย่างเต็มที่ การอันเป็นพระกุศลใดที่ทรงปฏิบัติเมื่อครั้ง มีพระพลานามัยดี ก็ปฏิบัติต่างพระเนตรพระกรรณสมเด็จเจ้าฟ้า โดยตลอด พระเกียรติยศบารมีก็คืนกลับเพิ่มพูนแด่ สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นั้นให้สาธุชนเคารพสักการะ สำนึกในพระกรุณาเสมอมาโดยตลอด ส่วนเรื่องพระโกศทองใหญ่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด ระเบียบ ของสำนักพระราชวัง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ก็ได้มีการปรับปรุงข้อกำหนด ระเบียบเหล่านี้ครับ สมเด็จเจ้าฟ้า แต่เดิมทรงพระโกศทองน้อย ก็ทรงเลื่อนมาเป็นพระโกศทองใหญ่ ด้วยเพราะเจ้าฟ้ามีน้อยพระองค์แล้ว นอกจากนี้ สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้จัดถวายพระเกียรติยศสูงสุด ไว้ทุกข์ถึง ๑๐๐ วัน (ปกติตามกำหนด สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ พี่นางเธอ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ น้องนางเธอ  ไว้ทุกข์ ๒ เดือน) การปรับปรุงนั้นยังเลยไปถึงศพนักการเมืองด้วย อย่างเช่น หากเป็นงานศพนายกรัฐมนตรี รองนายก รัฐมนตรี ประธานองค์กรต่างๆ หากอสัญกรรม อนิจกรรม ในตำแหน่ง หากเสด็จพระราชทานน้ำหลวงหรือเพลิง การแต่งกายให้ "แต่งกายเต็มยศไว้ทุกข์" เป็นต้น โดยสรุป เสนาบดี ข้าราชการ ทั้งถวายงานโดยตรงและโดยอ้อม ต่างเป็นเสมือน "ฉลองพระเนตร" เป็นแขนเป็นขา พระเจ้าแผ่นดิน ตามสุภาษิตโบราณ ทั้งตามแบบสมัยใหม่ กล่าวคือ เป็นทั้งผู้ถวายความคิดเห็น เป็นผู้ปฏิบัติต่างพระเนตรพระกรรณเพื่อมิให้พระเกียรติยศหม่นหมอง อีกทั้งตามแบบสมัยใหม่คือ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพื่อให้คำสั่งของพระเจ้าอยู่หัว มีผู้รับรองและรับผิดชอบ เป็นต้น มีพระไอยการกฎหมายฉบับหนึ่งเท่าที่จำได้ กล่าวโทษเสนาบดีว่า หากพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระพิโรธ เกิดพระโทสะขนาดสติ มิให้เสนาบดีใดนำพระแสงไปถวาย หากถวาย โทษถึงตายฟันคอริบเรือน ส่วนเรื่องที่คุณจางวางเต่า บอกว่าควรจะพูดถึงไม่เป็นอารมณ์ ผมควรจะตอบว่า ไม่เลยครับ ประเด็นหลักอยู่ที่ ความคิดเห็นที่ ๑๓ ครับ คือ งานมหามงคลก็จัดไป งานศพก็ต้องจัดตามสมควร ในเขตกำแพงแก้ว  ไม่ใช่จะปิดโอกาสไม่ให้คนมาถวายบังคม ปิดประตูพระมหาปราสาทไม่ให้คนมาเป็นเจ้าภาพ ปิดประตูประตูเทวาภิรมย์ให้คนเดินอ้อมหลายร้อยเมตร ฝนตกก็ตากฝนไปทั้งเด็กเล็กเด็กโต และผู้ใหญ่ทั้งหนุ่มแก่ ส่วนงานมหามงคล ก็สมควรจะปิดปราสาทอย่างงานสมเด็จอินทร์ เมื่อจัดงานเรียบร้อยทั้งในพระราชฐานและภายนอก ก็เปิดให้มีการสักการะพระศพอย่างเดิม จะมีหลักการที่งดงามเหมือนกับสมัยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพ ก็ได้ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 13:24:27

ความคิดเห็นที่ 32 อ้างถึง คห 28 ย่าว่างี้งั้นเลยนะครับ ที่ว่าเสด็จพระนางทรงขึ้น ตามที่ผมเคยอ่านหนังสือดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเวอร์ชั่นเก่าที่สั่งซื้อจากธนาคารเมื่อนานมาแล้ว แต่พอจะจำได้ว่า เมื่อพระราชธิดาประสูติได้เวลาไม่เท่าไหร่เสด็จพระนางก็ต้องทรงเตรียมเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลใหม่ จากนั้นก็ต้องทรงขายบ้านให้รัฐบาล (ขออนุญาตใช้คำสามัญ) เพื่อไปรักษาองค์พระราชธิดาที่อังกฤษหรืออเมริกาไม่แน่ใจ ซ้ำยังทรงถูกรัฐบาลห้ามมิให้ใช้คำว่า ปรินส์เซสส หรือ เฮอร์ไฮเนส หรือ ปรินสเซสคอนซอรท์ ในเอกสารฝรั่ง ให้ใช้ทับศัพท์เป็นพระนามว่า chaofapeacharaja หรือ pranangchaosuwadana (เขียนผิดขอประธานอภัย เพราะรีบ) นอกจากนี้พระราชทรัพย์มรดกของล้นเกล้ารัชกาลที่6 พระธิดาก็หมดสิทธิ์ เนื่องจากทรงเป็นราชกุมารี มิใช่ราชกุมาร ตามที่ระบุไว้ในพระราชพินัยกรรม ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำรงพระเกียรติของสมเด็จเจ้าฟ้า   ตลอดจนการสนับสนุนกิจการมูลนิธิต่างๆ  จึงมาจากทรัพย์สินเดิมของเสด็จพระนาง และทรัพย์สินที่ได้มาจากการมีพระอุสาห พระปรีชาสามารถ ของเสด็จพระนางแทบทั้งสิ้น แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 14:47:02 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 14:43:57

ความคิดเห็นที่ 33 เผอิญ ดิฉันอยู่บ้านนอก ไม่ได้เห็นกะตา แต่ก็ขอแนะนำคร่าวๆ ว่า ลองเขียนหนังสือแจ้งข้อขัดข้องของผู้เฝ้าฯ และข้อแนะนำเรื่องการเปิดปิดประตูดูสิคะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น ส่วนธรรมเนียมพิธีการต่างๆ ก็จนปัญญาค่ะ สำหรับประชาชนทั่วไป ก็ต้องอาศัยความสมัครใจ พวกเราๆ ก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ เผยแพร่พระเกียรติคุณเท่าที่เป็นไปได้ แต่เท่าที่ทราบๆ มา วัดในต่างจังหวัดก็มีการจัดสวดพระอภิธรรมถวายนะคะ วัดในเมืองนอกก็มี เห็นลงเว็บไซต์อยู่ รู้สึกจะทำโดยสมัครใจด้วย ไม่ใช่การเกณฑ์โดยหน่วยราชการ ส่วนตัวดิฉันก็กะจะไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสวัดแถวๆ บ้าน แนะนำให้ท่านจัดสวดพระอภิธรรมถวาย โดยเชิญชวนชาวบ้านมาร่วมด้วย ก็ชาวบ้านที่ไปปฏิบัติธรรมช่วงเข้าพรรษานั่นแหละค่ะ หวังว่าคงไม่สายไปนะคะ สำนักพระราชวังจะปิดประตูพระมหาปราสาท หรือพระบรมมหาราชวังก็ตามแต่เถอะคะ ปิดใจดิฉันไม่ได้ดอก ขืนมาปิดประตูวัดดิฉันเข้าอีก เป็นเจอตะพด จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 15:57:41

ความคิดเห็นที่ 34 "สำนักพระราชวังจะปิดประตูพระมหาปราสาท หรือพระบรมมหาราชวังก็ตามแต่เถอะคะ ปิดใจดิฉันไม่ได้ดอก" ชอบประโยคนี้ของคุณจางวางเต่ามากค่ะ ตรงใจดิฉันมากจริงๆ จากคุณ : Gunyarina เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 20:37:42

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านกระทู้นี้แล้ว น้ำตาไหล หดหู่ เศร้าใจ ความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ มันมากมายนะคะ เพียงแค่ขอเวลาอีกนิด เพื่อให้พวกเค้าได้มีโอกาสแสดงออกมา เช่น ชาวบ้าน คุณตาคุณยายแก่ๆที่เกิดและโตมาและมีบุญได้เห็นพระองค์ท่านทรงพระกรณียกิจมากมาย แต่พวกเค้าอยู่ต่างจังหวัด กว่าจะรวบรวมแรงกายแรงใจ พากันมากทม. มันต้องใช้เวลาบ้าง ขอเวลาให้พวกเค้าบ้างเถอะค่ะ จากคุณ : Blackforest26 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 23:27:31

ความคิดเห็นที่ 36 ยังไม่มีพระบรมราชวินิฉัยลงมา ทำไมคุณรัตนาวุธจึงให้สัมภาษณ์แบบนี้ การจะปิดพระมหาปราสาท หรือกิจการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระศพ เจ้าฟ้าในพระโกศ ต้องรอพระบรมราชวินิฉัยก่อนไม่ใช่หรือ การกระทำของคุณรัตนาวุธในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าก้าวล่วงพระราชอำนาจก็เป็นได้ ส่วนความคิดเห็นของคุณจางวางเต่า ผมว่าไม่ถูกสักเท่าไหร่นะครับ ลองกลับไปศึกษาประวัติศาตร์ดูใหม่นะครับ ทำไมการพระศพของเจ้าฟ้าเหล่านั้นจึงจัดออกมาแบบนั้น อาทิเช่น สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ พระศพตั้งไว้ในท้องพระโรงวังปารุสกวันก็ถูกต้องสมควรแล้ว เพราะเป็นวังที่ประทับของท่าน และท่านทิวงคตในขณะที่จะมีการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ซึ่งจะต้องใช้หมู่พระมหาปราสาทในการประกอบพระราชพิธี จึงทำให้ไม่สะดวกหากจะประดิษฐานพระโกศในพระมหาปราสาท จึงมีการเชิญพระโกศประดิษฐานไว้ในท้องพระโรงวังปารุสกวันแทน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระเมรุมาศประดิษฐานพระโกศ ณ ท้องสนามหลวงตามพระราชประเพณี จะว่าท่านอาภัพก็ไม่ถูกนะครับ เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองจึงทำให้ต้องจัดถวายแบบนั้น คุณจางวางเต่าเรียกร้องให้มีการนำเอาข้อมูลมาแชร์กัน ผมว่าคุณก็สมควรเอามาแชร์กันบ้างนะครับ อย่ากล่างอ้างแต่เพียงลอยๆ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้นะครับ ด้วยความเคารพ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 54 00:24:01 จากคุณ : พูห์ครับ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 00:22:46

ความคิดเห็นที่ 37 ยังไม่มีพระบรมราชวินิฉัยลงมา ทำไมคุณรัตนาวุธจึงให้สัมภาษณ์แบบนี้ การจะปิดพระมหาปราสาท หรือกิจการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระศพ เจ้าฟ้าในพระโกศ ต้องรอพระบรมราชวินิฉัยก่อนไม่ใช่หรือ การกระทำของคุณรัตนาวุธในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าก้าวล่วงพระราชอำนาจก็เป็นได้ ข้อความนี้ ของคุณพูห์ครับ ผมเห็นด้วย พูดออกมาอย่างนี้ ต้องมีคนรับผิดชอบครับ จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 01:14:43

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าที่คุณรัตนาวุธให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นคงเป็นเพราะเขาดํารงตําแหน่ง "ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สํานักพระราชวัง" หรือเปล่าครับ จําได้ว่า ครั้งงานสมเด็จกรมหลวงฯ ไม่เคยได้ยินตําแหน่งนี้มาก่อน สงสัยจะตั้งได้ไม่นาน อีกอย่างหนึ่ง ในช่วงนี้ที่เห็น พระอนุวงศ์ ราชสกุลต่างๆ ไปบําเพ็ญพระกุศลหรือไปบําเพ็ญกุศลทุกวัน ยังถือว่าอยู่ในพิธีหลวงอยู่ ซึ่งมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 100 วัน ถ้าหากจะปิดพระมหาปราสาทหลังจากพระราชพิธีบําเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร 100 วัน ก็เท่ากับว่า ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชน หน่วยงาน ห้างร้าน ได้บําเพ็ญพระกุศลถวายเลย แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 54 03:02:25 จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 02:56:25

ความคิดเห็นที่ 39 คุณรัตนาวุธ วัชโรทัย ท่านดำรงตำแหน่งนานแล้วครับ สำหรับรายละเอียดงานพระราชพิธีทั้งหมด ให้อ่านในนี้ครับ http://www.onab.go.th/attachments/5021_v112_54.pdf จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 12:54:50

ความคิดเห็นที่ 40 ความเห็นที่ 36 พระศพสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าชั้นโทได้ประดิษฐานในพระที่นั่งดุสิตมหาประสาทก็ถือว่าพระเกียรติสูงมากนะครับ ต่างจากสมเด็จฯ กรมหลวงพิษณุโลก ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก พระบรมศพ และพระศพที่เคยประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นที่ทราบกันดีว่า “พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท” เป็นสถานที่สำหรับประดิษฐานพระบรมศพพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระอัครมเหสี หรือพระศพพระบรมราชวงศ์ชั้นสูงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระเกียรติยศเป็นพิเศษ ซึ่งเท่าที่ปรากฏหลักฐานรอยใบลานรวบรวมมาได้ ดังนี้ พระองค์ที่ ๑ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๒ พระองค์ที่ ๒ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๗ พระองค์ที่ ๓ พระบรมศพสมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๙ พระองค์ที่ ๔ พระบรมศพสมเด็จกรมพระศรีสุลาไลย พระบรมราชนนีพันปีหลวง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ พระองค์ที่ ๕ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ พระองค์ที่ ๖ พระศพสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี บรมอรรคราชเทวี ในรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๕ พระองค์ที่ ๗ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑   พระองค์ที่ ๘ พระบรมศพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘ พระองค์ที่ ๙ พระศพพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ (ในรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้ออกพระนามใหม่ว่า “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร”) พระองค์ที่  ๑๐  พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ – ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๔ พระองค์ที่ ๑๑  พระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๒ – ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๓ พระองค์ที่ ๑๒ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ – ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๙ พระองค์ที่ ๑๓  พระศพสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี  พระอัครราชเทวี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ พระองค์ที่ ๑๔ พระศพสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑   พระองค์ที่ ๑๕ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระประเมนทรมหาอานันทมหิดล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ – ๒๔๙๓   พระองค์ที่ ๑๖ พระบรมศพสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ – ๒๔๙๙ พระองค์ที่ ๑๗ พระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ – ๒๕๒๘ พระองค์ที่  ๑๘ พระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ – ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๙ พระองค์ที่ ๑๙ พระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑ –  ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ พระองค์ที่ ๒๐  พระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๕๔ – ปัจจุบัน หมายเหตุ ๑. กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตในรัชกาลที่ ๓ ขณะนั้นทรงอยู่ในฐานะ “สมเด็จพระพันวสา” และประทับอยู่กับพระราชโอรส ณ พระราชวังเดิม ฝั่งธนบุรี เมื่อเสด็จสวรรคตจึงเชิญพระบรมศพประดิษฐานไว้ยังท้องพระโรง เมื่อถึงคราวถวายพระเพลิงจึงเชิญพระบรมศพมายังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง พระบรมศพของพระองค์จึงไม่ได้ประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๒. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่พระบรมศพไม่ได้ประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เนื่องจากเสด็จสวรรคตที่ประเทศอังกฤษ ๓. เจ้านายฝ่ายในที่ประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเห็นว่าในระยะแรกล้วนแต่เป็นพระบรมวงศ์ที่ทรงศักดิ์เป็น “สมเด็จพระพันปีหลวง” หรือ “สมเด็จพระพันวสา” ทั้งสิ้น จะมีพระอัครมเหสีพระองค์แรก ก็คือ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี บรมอรรคราชเทวี ในรัชกาลที่ ๔  ทั้งนี้เนื่องจากในเวลานั้น “หอธรรมสังเวช” ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งพระศพของเจ้านายฝ่ายในยังซ่อมไม่แล้วเสร็จ จึงได้เชิญพระศพขึ้นประดิษฐานยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนางเธอรำเพยภมราภิรมย์ สิ้นพระชนม์ ก็โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระศพที่หอธรรมสังเวชเช่นเดิม ต่อมาในรัชกาลปัจจุบันพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๗ จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอีกวาระหนึ่ง ๔. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นเจ้านายฝ่ายหน้าเพียงพระองค์เดียวที่เคยได้ประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในฐานะที่ทรงรับรัชทายาทสืบสันตติวงศ์ และดำรงพระเกียรติยศเสมอด้วยสมเด็จพระมหาอุปราชฝ่ายหน้า กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ๕. พระศพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ก็เป็นเจ้านายอีกพระองค์หนึ่งที่พระราชทานพระเกียรติยศเป็นพิเศษ ด้วยทรงอุปถัมภ์คำชูพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเคารพเสมอด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว จึงโปรดให้เจ้าพนักงานจัดพระเศวตรฉัตร ๗ ชั้น กางกั้นเหนือพระโกศ และในหมายของทางราชการนั้นโปรดให้ใช้คำว่า “สวรรคต” เหมือนอย่างงานพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนี อย่างไรก็ดี ในหมายของทางราชการก็ยังคงใช้คำว่า “พระศพ” มิได้ใช้คำว่า “พระบรมศพ” ๖. นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นต้นมา พระบรมวงศ์ฝ่ายในบางพระองค์ที่ดำรงพระอิสริยยศสูง และเป็นที่เคารพแห่งพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นกรณีพิเศษ เช่น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ และในรัชกาลที่ ๘ สมเด็จเจ้าฟ้าฝ่ายในพระองค์แรก คือ สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรนธร ข้อมูลทั้งหมดมิได้เป็นข้อยุติ หากท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเชิญเลยนะครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=roybilan&month=05-08-2011&group=2&gblog=2 จากคุณ : ซูรากัน เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:21:44

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบพระคุณ คห 40 มากค่ะ ตรงกับที่ต้องการทราบจริงๆ ค่ะ มีอีกประการที่ดิฉันคิดว่า สมเด็จเจ้าฟ้าในพระโกศทรงได้รับพระเกียรติยศอันสูงส่ง คือ แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระอาการประชวร เสด็จพระราชดำเนินลำบาก  แต่ยังเสด็จมาในการพระราชพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ หาได้ทรงใช้ผู้แทนพระองค์ไม่ หากสมเด็จเจ้าฟ้าในพระโกศทรงทราบ คงจะทรงปีติมาก ทำให้คิดถึงภาพตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ในโอกาสมีพระชนมายุครบ ๖๐ ปี และ ๗๒ ปี ประทับใจดิฉันไม่รู้ลืม จากคุณ : จางวางเต่า เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:18:16

ความคิดเห็นที่ 42 สบศ. เผยออบแบบฉากบังเพลิงแล้วเสร็จ 1 เดือน นายกมล สุวุฒโฑ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) เปิดเผยว่า สบศ.ได้รับการประสานให้เตรียมความพร้อมในการจัดทำฉากบังเพลิงประกอบพระเมรุ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการเพื่อกำหนดรูปแบบการจัดสร้างฉากบังเพลิง เพื่อให้มีรูปแบบเฉพาะประจำพระองค์ ซึ่งจะต้องพิจารณาจากตราแบบสัญลักษณ์ประจำพระองค์ สีประจำพระองค์ พระกรณียกิจ  รวมถึงขนาดสัดส่วนทั้งหมด เพื่อที่จะนำไปจัดทำศิลปกรรมประกอบฉากบังเพลิงให้มีความสอดคล้องสัมพันธ์กันทั้ง 4 ทิศของทางขึ้นลงพระเมรุ คาดว่าจะสามารถออกแบบให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน สำหรับรูปแบบและลวดลาย จะมีความแตกต่างจากลวดลายฉากบังเพลิงครั้งที่จัดสร้างพระเมรุ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่เป็นลายดอกพุดตาน และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ใช้ลวดลายดอกแก้วกัลยา เป็นสัญลักษณ์ ทั้งนี้ตนจะมอบหมายให้อาจารย์ผู้สอนในสังกัดสบศ. ทั้งอาจารย์จากวิทยาลัยช่างศิลป์ สาขาจิตรกรรมไทย และจากคณะศิลปะวิจิตร  เป็นผู้เขียนแบบและลวดลาย โดยระหว่างนี้จะต้องมีการศึกษาองค์ประกอบทั้งหมดก่อน. จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:22:36

ความคิดเห็นที่ 43 อย่าไปเข้าใจผิด สำนักพระราชวังจัดอย่างสมพระเกียรติแล้ว อยู่ที่ฟากรัฐบาล ส่วนราชการ และประชาชนมากกว่าว่าจะถวายพระเกียรติพระองค์ท่านหรือเปล่า เพราะปัจจุบันพวกล้มเจ้าก็มาก ยิ่งบางคนก็เข้ามาอยู่ในรัฐบาล (ก็มากอยู่) เฮ้อ..... ป.ล. ขอโทษนะที่พูด แต่บางทีทนไม่ไหว คิดดูสิว่า พระเจ้าอยู่หัวอยากให้บ้านเมืองสงบสุข เพราะบ้านเมืองวุ่นวายมากพอแล้ว อยากให้สงบสุข แต่อีกฝ่ายบอกว่าไงรู้มั้ย มีนักข่าวสัมภาษณ์พวกล้มเจ้าว่า ไม่กลัวว่าจะแตกแยกไปมากกว่านี้เหรอ พวกล้มเจ้าเขาพูดประมาณว่า มันแตกมานานละ แตกอีกก็จะเป็นไร คนมีปัญญาจริงๆถึงจะรู้ว่าใครคือคนดีจริงๆ จากคุณ : ซูรากัน เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 23:17:10

ความคิดเห็นที่ 44 ดีจริงมิจริงผมมิทราบ นะครับ เพราะผมเป็นประชาชนทั้วโอกาสไปกราบพระศพก็น้อยจะว่างไปทีก็ทุ่มสองทุ่ม อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างมาก คงจะไม่มีโอกาสไปดูการทำงานของสำนักพระราชวังซักเท่าไหล่ แต่จะบอกว่าสำนักพระราชวังจัดอย่างสมพระเกียรติแล้วอาจจะเข้าใจได้ แต่ที่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องปิดประตูเทวาภิรมย์ตอนสามทุ่ม ทั้งๆที่ไปช่วงแรกๆปิดสี่ทุ่ม ผมเห็นนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยและผู้มีใจจงรักภักดี ที่มากราบพระศพ ต้องเดินอ้อมวังจากประตูวิเศษไชยศรีไปยังประตูเทวาภิรมย์ เพื่อขึ้นรถและเอารถที่ท่าราชฯ เดินอ้อมไม่เท่าไหล่ซ้ำร้ายช่วงนี้หน้าฝนบางทีต้องเดินตากไป ไม่เข้าใจจริงๆครับ ว่าทำไมต้องปิดประตูตอนสามทุ่ม ทั้งๆที่มีทหารเวรเฝ้า หรือว่า ผมอาจจะเข้าใจผิดไปว่า สำนักพระราชวังก็มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มากราบพระศพด้วย ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ถ้าเข้าใจผิดต้องขออภัย อีกอย่างหนึ่งการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของบุคคล บุคคลหนี่ง สิ่งที่ให้สัมภาษณ์นั้นคือสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องตัดสิ้นพระทัยด้วยพระองค์เอง(ผมเป็นชาวบ้านไม่ค่อยทราบคำราชาศัพท์ต้องของอภัย)แต่บุคคลนั้นกลับมาให้สัมภาษณ์ทั้งๆที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการ นั่นถือว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ   อันนี้ผมมาพูดถึงความเหมาะสม มิใช่เรื่องการจัดงานพระศพอย่างสมพระเกียรติหรือไม่สมพระเกียรติ  นะครับ จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:43:01

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องการประดิษฐานพระโกศ พระราชทานเครื่องเกียรติยศ ใดๆ ล้วนเป็นการขอพระราชทานพระบรมราชานุมัติครับ แต่เรื่องปลีกย่อย เช่นการอำนวยความสะดวก การเปิดปิดประตู สำนักพระราชวังมีอำนาจเต็มในการอำนวยความสะดวกอยู่แล้วครับผม ดังนั้น สำนักพระราชวัง จะจัดน้ำดื่มมาแจก จะปิดประตูไหนหรือไม่ เป็นความเห็นของสำนักพระราชวังครับ และหากเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องขอพระบรมราชานุมัติไป จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 10:44:39

ความคิดเห็นที่ 46 ในส่วนความเหมาะสม ผมมองว่า ถ้าเรามีใจจงรักภักดีจริง ลำบากขนาดไหนก็ไม่บ่นหรอก คุณตาคุณยายบางท่านมาถวายบังคมพระศพเจ้าฟ้าเพชรรัตน์มาลำบากนะ เขาก็ไม่บ่น แล้วเราจะบ่นทำไม อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครับ เราควรมองว่า เขาลำบากมากเพื่อมาสักการะพระศพ เพราะความตั้งใจจริง เหมือนคนไปทำบุญก็จะไปวัดไกลๆลำบากๆ มันเป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจจริง บางทีความตั้งใจของเราอาจจะสู้ยายอายุเกือบร้อยบางท่านที่มานอนเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวตอนพระองค์ประชวรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จากคุณ : ซูรากัน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:03:27

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ ด้วยความเคารพนะคะ เข้าใจประเด็นของคุณ ซูรากัน ค่ะ เพียงแต่ เรื่องนี้ ประเด็นที่ คุณสองออนสามพัต กับ คุณ natthaset กล่าวไว้ด้านบน คือ สำนักพระราชวังปิดประตูเทวาภิรมย์ แล้วให้ออกทางประตูวิเศษไชยศรีแทน ซึ่งเดินไกลมากและดึกแล้ว เด็กเอย ผู้ใหญ่เอย คนแก่เอย ก็ต้องเดินไกล จริงค่ะที่ว่าถ้ามีความจงรักภักดี ไกลแค่ไหนก็ไม่ลำบากหรอก เพียงแต่...สองท่านด้านบนแค่สะท้อนให้เราเห็นถึงว่า ในเมื่อมันมีทางให้คนที่จงรักภักดี ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น คือ ไม่ต้องปิดประตูเทวาภิรมย์ ข้างพระที่นั่งดุสิตฯ ก็จบค่ะ ไม่เหมือนกับการไปวัดไกลๆตามต่างจังหวัดซึ่งถ้าเราอยากไป ใจศรัทธา เราก็ไปค่ะ เพราะวัดตั้งอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางเลือกค่ะ แต่ประเด็นนี้คือ มีทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ไม่เลือก ด้วยความเคารพค่ะ... จากคุณ : Blackforest26 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:44:21

ความคิดเห็นที่ 48 ถูกครับ คุณBlackforest26 ตอบได้ถูกต้องที่สุด กล่าวคือ ผมมีความคิดว่าสำนักพระราชวัง มีหน้าที่อำนวยความสะดวกประชาชนที่มาถวายบังคมพระัศพ และก็มองไม่เห็นในความจำเป็นที่จะต้องปิดประตูเทวาภิรมย์  ผมมิได้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่สงสารเด็กน้อยๆที่มาเผ้าพระศพ แล้วต้องลำบาก ทั้งๆที่ไม่น่าจะต้องลำบาก ผมอยากจะให้คุณซูรากัน มาลองเห็นภาพและประสบด้วยตัวเองจริงๆก่อนว่า สิ่งที่สำนักพระราชวังสามารถอำนวยความสะดวกได้ แต่สำนักพระราชวังไม่ทำ  ที่มาพูด เพื่อแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่บ่น อยากจะให้ทุกคนมองโลกแห่งความเป็นจริง เห็นแล้วค่อยพูด รู้แล้วค่อยพูด อย่าเอาสีข้างเข้าถูก มันจะจบไม่งาม จากคุณ : สองออนสามพัต เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 02:27:03

ความคิดเห็นที่ 49 แม้จะเป็นว่า สมเด็จเจ้าฟ้าทรงเปนเจ้าฟ้าชั้นโท หากแต่ในปัจจุบัน เจ้านายชั้นเจ้าฟ้าก็มิได้มีมากพระองค์ และแต่ละพระองค์ก็ทรงบำเพ็ญพระกรณ๊ยกิจนานๆประการ ทรงคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง เป็นแบบอย่างอันควรยกย่อง ก็เป็นเหตุอันสมควรที่จะต้องถวายพระเกียรติยศสูงสุดที่จะถวายได้ในวาระอันเป็นที่สุดนี้  หากแต่ประเด็นที่กำลังพูดกันอยู่นั้น เหมือนหลายๆท่านได้ออกความเห็นว่า ทำไมถึงไม่เอื้ออำนวยความสะดวกแต่ผู้ที่จะมาเฝ้า ทั้งเรื่องของประตู และไหนจะเรื่องของการบำเพ็ญกุศลถวายพระศพอีก ที่หน่วยงานต่างๆอยากจะมาทำถวาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ต้องมารวมๆกันทำเยอะๆ ดูไม่ฉลองศรัทธาของผู้ตั้งใจจริงที่จะรำลึกในพระกรุณาด้วยการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายในวาระที่สุดนี้เลย นี่คือสิ่งที่หลายๆท่านสงสัยไม่ใช่ว่าจัดได้สมพระเกียรติหรือไม่ เพราะต่อให้สมพระเกียรติเพียงใด สิ่งที่แสดงพระเกียรคุณได้ดีที่สุด คือ การที่ประชาชนต่างพร้อมใจกันสนองพระเดชพระุคุณ ในวาระที่สุดนี้ พร้อมเรียงกัน ในโอกาสที่อำนวนให้ กับทั้งเชื่อแน่ว่าแม้จะต้องฝ่าฝนหรือลำบากเพียงใด อย่างน้อยๆ นักเรียนวชิราวุธก็มีแก่ใจมาเฝ้าพระศพถึงดึกดื่นทุกวัน เพราะด้วยเขาสำนึกในพระกรุณาที่พระราชทานมานับตั้งแต่สมัยพระบรมชนกนาถของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ มาจนเดี๋ยวนี้ แม้ว่าจะประตูจะปิด แต่ปิดใจของเขาไม่ได้ เพียงแต่รอผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเปิดใจ มองให้ลึกถึงพระกรุณาที่มีมาแต่กาลก่อนๆ คิดถึงน้ำใจภักดีที่ราษฎรทั้งหลายมี ก็คงจะดีขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ภักดีทุกคน เพื่อที่จะถวายในวาระที่สุดนี้ จากคุณ : พ่อปลัด เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 03:02:21

ความคิดเห็นที่ 50 ประเด็นที่หลายคนเป็นห่วงในเรื่องปิดประตูเทวาภิรมย์แล้วผู้มาร่วมงานพระศพเดินอ้อมไปท่าราชวรดิษฐ์นั้นมิได้อยู่ที่เดินไกลหรอกครับ  แต่ที่เป็นห่วงกันมากคือ ความปลอดภัยในระหว่างการเดินจากประตูวิเศษไชยศรีไปถึงท่าราชวรดิษฐ์ซึ่งในเวลากลางคืนค่อนข้างจะเปลี่ยวและน่ากลัวมากๆ จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 06:55:52

ความคิดเห็นที่ 51 ก็เข้าใจหลายๆท่านนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ยังไงท่านก็ลองประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้อำนวยความสะดวกตามที่ท่านได้ร้องขอ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 10:53:46 จากคุณ : ซูรากัน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 13:43:59

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าหากผมจะเดินทางเข้าไปแข่งในกรุงเทพ วันที่ 25 พฤศิกายน จะสามารถเข้าสักการะพระศพได้ไหมครับ จากคุณ : Mousse au chocolat เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:10:06

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ Mousse au chocolat ก็ตองรอฟังข่าว ว่าจะมีการเปิด พระมหาปราสาทให้เข้าไปกราบพระศพได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไปตามข่าวที่คุณรัตนาวุธ ให้ข่าวกับสื่อมวลชน ก็คงจะไม่ได้ครับ เพราะเกิน 100 วันแล้ว ถ้าเป็นไปตามข่าวก็คงเศร้า เพราะจะมีโอกาสไปกราบพระศพอีกไม่กี่ครั้ง เพราะงานมันช่างรัดตัวซะเหลือเกิน จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:34:20

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ จากคุณ : Mousse au chocolat เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 17:08:03

ความคิดเห็นที่ 55 ลูกหลานท่านผู้หญิงพัว วัชโรทัย นี่ สนองเบื้องพระนุคลบาทกันทั้งนั้นเลย จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 09:34:51

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นด้วยกับ คห 43 กด like ให้ 1000000 ครั้งเลย ทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่อง มันต้องทำตามหลักการและเหตุผล ผมว่าถ้าพวกคุณได้รู้รายละเอียดและเหตุผลจริงๆ จากสำนักพระราชวัง ก็น่าจะเข้าใจ ผมว่าทุกอย่าง เค้าคิดหาเหตุผลกันมาแล้วหละครับ ผมว่านะ เรามีหน้าที่ถวายพระเกียรติ ก็ถวายเต็มกำลังดีกว่า จากคุณ : ขนมปัง (okeky) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 09:47:50

ความคิดเห็นที่ 57 ผมรู้สึกว่าการถวายอาลัยครั้งนี้กระทำอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ผิดกับสมัยพระพี่นาง ขนาดโทรทัศน์รายการตลกยังนำมาฉายได้ ขึ้นเพียงข้อความสั้น ๆ ว่า "ขออภัย รายการนี้จัดทำก่อนวันที่....." แม้แต่สถานที่ราชการส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ติดพระฉายาลักษณ์แสดงความอาลัย หรือผูกผ้าดำไว้ทุกข์ถวาย จากคุณ : DoRaePEET เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:33:06

ความคิดเห็นที่ 58 ท่านผู้หญิงพัว วัชโรทัย เป็นพยาบาลประจำพระองค์สมเด็จเจ้าฟ้าฯครับ แต่หลาน........ ถึงคุณ ขนมปัง แล้วคุณทราบในรายละเอียดและเหตุผลจริงๆ ของสำนักพระราชวังที่ ปิดประตูเทวาภิรมย์สามทุ่ม ปิดไม่ให้ประชานมากราบพระศพหลัง ร้อยวัน  ปิดไม่ให้ประชาชนทำบุญถวายหลัง ร้อยวัน หรือเปล่าครับ ถ้าทราบ ช่วยตอบประชนที่ไม่รู็ถึงเหตุผลหน่อยครับ จะได้หายสงสัยและจะได้จดจำกันเอาไว้ อีกเรื่องนะครับ ถ้าบอกว่า สมเด็จเจ้าฟ้าฯเจ้าฟ้าชั้นโท แต่สมเด็จกรมหลวง ก็ชั้นโทเหมือนกัน แต่ทำไมการจัดงาน  ต่างกันซะเหลือเกิน   ผมว่าทั้งสองข้อนี้ คุณขนมปัง คงให้คำตอบประชานตาดำๆที่มีใจจงรักภักดี แต่ไม่ทราบถึงรายละเอียดและเหตุผลของสำนักพระราชวัง ยังไงแล้วรบกวนคุณขนมปีงไขของสงสัยของประชาชนตาดำๆด้วยนะครับ เพราะคุณขนมปังทราบถึงเหตุผลและรายละเอียด จากคุณ : สองออนสามพัต (สองออนสามพัต) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:54:54

ความคิดเห็นที่ 59 โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย มีการประดับผ้าแพรดำหน้าประตูโรงเรียนครับ และทราบว่าคณาจารย์ของโรงเรียนก็ไว้ทุกข์ถวายสมเด็จฯ ๑๐๐ วันครับ คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งโต๊ะัหมู่พระฉายาลักษณ์ ไว้ที่ลานฯใต้อาคารเทพทวาราวดี มีการจัดทำบุญถวายคราวครบรอบ ๑๕ วัน และมีการทำบุญตักบาตรถวายฯอยู่ ๒-๓ คราที่คณะ ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ และคิดว่าหลายๆหน่วยงานที่สมเด็จฯมีพระกรุณาธิคุณ ก็คงจัดการแสดงความอาลัยให้กับพระองค์ท่านครับ แต่เท่าที่ผมทราบมีเท่านี้ ขออภัยถ้าใช้คำไม่ถูกต้องครับ จากคุณ : ชายชิน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 16:53:31

ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อวานนี้ผมไปกราบพระศพ ถ้าไม่นับที่มากัึนเป็นคณะ รอบที่ผมไปนั่งคอยอยู่ ก็มีป้าแก่ ๆ 3 คนซึ่งมากันคนละหลายรอบแล้ว และก็ผมที่กำลังจะแก่อีก 1  สรุปรอบนั้นขึ้นไปกราบกัน 4 คน เก้าอี้ในเต็นท์ที่รอขึ้นไปกราบพระศพว่างเลยครับหลังจากที่นักเรียนโรงเรียนหนึ่งออกไปกันหมดแล้ว จากคุณ : peeradol33189 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 07:37:28