ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตนะครับ เนื้อหาที่นำมาต่างจากของจีนอยู่นะครับ 魔礼青 โม๋หลี่ชิง ถือกระบี่ประจำทิศใต้ 魔礼海 โม๋หลีไห่ ถือพิณประจำทิศตะวันออก 魔礼红 โม๋หลี่หง ถือร่มประจำทิศเหนือ 魔礼寿 โม๋หลี่โซ่ว ถืองูประจำทิศตะวันตก เทพทั้งสี่เป็นจตุโลกบาลที่นำมาทำให้เป็นแบบจีนโดยผ่านวรรณกรรม ห้องสิน ครับ ทั้งสี่เป็นตัวแทนที่สื่อถึง "ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล" โดยอาวุธที่ถือของแต่ละองค์มีนัยถึงความหมายดังที่กล่าวไว้ด้านบนครับ เพิ่มเติมชื่อเป็นตัวอักษรจีนครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 01:33:17 จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:16:14

ความคิดเห็นที่ 2 โม๋หลี่ชิง ถือกระบี่ประจำทิศใต้ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:17:41

ความคิดเห็นที่ 3 โม๋หลีไห่ ถือพิณประจำทิศตะวันออก จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:18:10

ความคิดเห็นที่ 4 โม๋หลี่หง ถือร่มประจำทิศเหนือ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:18:42

ความคิดเห็นที่ 5 โม๋หลี่โซ่ว ถืองูประจำทิศตะวันตก จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:19:13

ความคิดเห็นที่ 6 เนื้อหา: สถาบันทักษิณคดีศึกษา. ๒๕๒๙. สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๒๙ เล่ม ๒.หน้า ๗๐๑ ถ้าเนื้อหานำมาจากด้านบนนี้ก็ขอบอกว่า ไม่น่าจะถูกต้อง แต่ดูจากเวลาแล้วเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างเก่า อาจยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะการออกเสียงดูแล้วต้องการจะออกเป็นแบบจีนกลาง แต่ออกเสียงวรรณยุกต์เพี้ยนไป ซึ่งคาดว่าคนทำข้อมูลน่าจะเอามาจากภาษาอังกฤษอีกที ตำแหน่งทิศของเทพที่สลับกันก็อาจจะนำมาจากข้อมูลชุดเดียวกันครับ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:29:56

ความคิดเห็นที่ 7 มีที่มาจากเรื่องฮ่องสินใช่มั้ยครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 02:32:12

ความคิดเห็นที่ 8 ความเป็นมาเป็นมารายระเอียดเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ไม่รู้จักเลย เคยได้ยินแต่อาม่าบอกว่านี่คือ  "สี่ซิ้งทีอ๊วง" คาดว่าตัวอักษรคงจะเป็น 四神天王 จากคุณ : ลืมไม่ลงคงไม่ลืม เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 04:21:06

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากๆครับผม ทั้ง 4 คนเดิมทีเป็นนักพรตที่บำเพ็ญเพียรอยู่ที่เกาะจินอ๋าวครับ ต่อมาเมื่อกองทัพซางรบกับซีโจว เจียงจื่อหยาก็เริ่มเอาศิษย์หลานทั้งหลายที่ฝึกวิชาจากเขาคุนลุ้นมารบกับกองทหารซางเพื่อปกป้องซีโจวครับ เหวินไท่ซือก็เลยเรียกพวกนักพรตที่มีวิชาอาคมลงมาช่วยสู้บ้าง โดยไปเชิญเอา 4 พี่น้องนี่แลมาเพื่อต่อสู้กับเจียงจื่อหยากับนักพรตคุนลุ้น ซึ่งสุดท้ายทั้งสี่ก็พ่ายแพ้ครับ (โดนหวงเทียนฮั่ว ฆ่าตายหมดทั้ง 4 คนเลยกระมังถ้าจำไม่ผิด) พอก่อตั้งราชวงศ์โจวเสร็จสิ้น เจียงจื่อหยาก็รับบัญชาของเจ้าแม่หนี่หวา แต่งตั้งเหล่านักพรตที่ตายในสงครามขึ้นเป็นเซียนครับ 4 พี่น้องแซ่หมอก็เลยกลายเป็นเทพประจำทิศต่างๆไปด้วย แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 12:03:36 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 09:08:04 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 07:39:26 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 07:34:54 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 07:26:09

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ ตุ๊กตาหินแกะสลักได้งามมากเลย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 07:59:38

ความคิดเห็นที่ 11 ขอขอบพระคุณมากๆ เลยครับคุณอุปรากรจีน ตอนแรกผมคิดแต่จะนำเสนอเพียงรูปภาพอย่างเดียวครับ เพราะเห็นว่าเป็นภาพเก่า แต่อยากให้มีเนื้อหาสาระเพิ่มมากขึ้นเลยไปค้นคว้าเพิ่มเติมตามที่ได้อ่านกันนี้ครับ และขอขอบคุณคุณอุ้ย (digimontamer) ด้วยนะครับสำหรับประวัติความเป็นมา ป.ล. ท่านใดมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม สามารถโพสต์เพิ่มได้ตลอดนะครับผม จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:04:21

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเรียนถามคุณอุปรากรจีน เพิ่มเติมนะครับ ไม่ทราบว่า ทวารบาลจีน สององค์นี้มีชื่อด้วยไหมครับ ผมถ่ายมาจากวัดล่องคูน ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองเซียงแมน ประเทศลาวครับ องค์แรกครับ ผมคิดว่าจะบ่งบอกว่าเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 11:28:56 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:26:45

ความคิดเห็นที่ 13 องค์ที่สอง ไม่ทราบว่ามืออีกข้างถืออะไรอยู่ครับ..ผมเดาว่าอาจจะเป็นกรับ และเดาเอาอีกว่าอาจจะแสดงว่าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:28:14

ความคิดเห็นที่ 14 คห.4 四神天王 ก็เรียก แต่ที่คนจีนนิยมเรียกกันคือ 四大天王 ครับ ถ้าเป็นตามเรื่อง ห้องสิน ก็มีอีกชื่อว่า 魔家四将 หรือ สี่ขุนพลตระกูลโม๋ ครับ ส่วนภาพทวารบาล เล่าเฉพาะตำนานที่แพร่หลายนะครับ ก็ประมาณว่า พญามังกรไปเจอหมอดูแล้วเกิดพนันกัน หมอดูก็ทำนายว่าฝนจะตกเท่าๆนี้ พญามังกรซึ่งมีหน้าที่ให้ฝนก็เปลี่ยนปริมาณการให้ฝน เท่ากับผิดต่อหน้าที่ สวรรค์ก็เลยสั่งประหาร พญามังกรรู้ว่าเพชรฆาตบนสวรรค์คือเว่ยเจิงขุนนางของถังไท่จง ก็เลยไปขอร้องให้ถังไท่จงถ่วงเวลาเว่ยเจิงด้วยการเดินหมาก จะได้มาประหารไม่ทัน แต่เว่ยเจิงแอบงีบระหว่างเดินหมาก ส่วนวิญญาณก็กลับไปทำหน้าที่เพชรฆาตเช่นเดิม พญามังกรก็เลยถูกประหารแล้ววิญญาณก็มาทวงเอาชีวิตกับถังไท่จงทุกคืน ถังไท่จงนอนไม่หลับสองขุนพล "ฉินฉยง" กับ "อวี้ฉือกง" ก็เลยอาสามาเฝ้าประตู แต่เฝ้าตลอดเวลาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ถังไท่จงก็เลยวาดรูปเหมือนแปะประตูไว้แทน ก็เลยเป็นที่มาของทวารบาลจีน เช่นนี้แล แต่จริงๆสองขุนพลนี้เพิ่งจะมาแพร่หลายในสมัยหยวนเพราะเรื่องไซอิ๋วนะครับ ก่อนหน้านั้นสมัยถังจริงๆก็ใช้รูปจงขุยหรือเทพอื่นๆมาแปะประตูก็มีครับ ส่วนภาพทั้งสองด้านบน คิดว่าเป็นภาพทวารบาลแบบบู๊ทั้งคู่นะครับ เพราะมือที่อยู่ด้านหลังถืออาวุธคนละแบบ ส่วนที่หน้าอกของทั้งสองภาพมองไม่ออกเช่นกันว่าถืออะไรครับ ภาพทวารบาลมีหลายแบบครับ ไม่เฉพาะเป็นขุนพล เป็นแบบบัณฑิตคู่กันก็มี อย่างในพระราชวังต้องห้าม ทวารบาลของฝ่ายในเป็นรูปนางฟ้าคู่กันครับ พวกตำหนักองค์ชายองค์หญิงก็เป็นรูปพวกเทพเด็กคู่กัน ถือของมงคลต่างๆ บางที่ก็ทำเป็นบุ๋นบู๊คู่กันก็มีครับ แต่ส่วนมากที่เห็นจะเป็นบู๊ทั้งคู่มากกว่า เพราะดูน่าเกรงขามและดูเหมาะกับเป็นผู้เฝ้าประตูมากกว่าครับ เติมภาษาจีนให้อีกนิด เผื่อมีผู้สนใจไปหาอ่านต่อเอง "ฉินฉยง" ตัวจีน 秦琼 (มีอีกชื่อว่า ฉินซูเป่า 秦叔宝) "อวี้ฉือกง" ตัวจีน 尉迟恭 (尉 ตัวนี้ถ้าเป็นแซ่อ่านว่า อวี้ Yu4 นะครับ คนไทยเขียนเรื่องทวารบาลอ่านว่า เว่ย กันเป็นแถว) http://dict.baidu.com/s?wd=%CE%BE 尉 Yù 详细字义 〈名〉 1. 姓 尉,姓。古有尉缭子著书。——《广韵》 2. 另见 wèi 常用词组 1. 尉迟 Yùchí [a surname] 复姓 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 12:51:23 จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 12:47:46

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับคุณอุปรากรจีน สำหรับคำตอบ จากภาพทวารบาลที่เห็นถือเหมือนกันนั้นดูแล้วคล้ายๆกับผ้าเช็ดหน้าเลยครับ..แต่ทวารบาลจะมาถือผ้าเช็ดหน้าทำไมกัน ผ้าเช็ดหน้าน่าจะเป็นของใช้ของผู้หญิงมากกว่าครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:01:09

ความคิดเห็นที่ 16 1. ในภาพด้านบนนั้น คนถือกระบี่ (ภาพที่ 13) คือฉินฉยง ครับ ส่วนคนถือง้าวในภาพที่ 12 คืออวี้ฉือกง  ครับ 2. คือ อวี้ฉือกง เขาเป็นขุนนางเซียนเปยหน่ะครับ เลยแซ่ อวี้ฉือ ตามบรรพบุรุษ แต่ทีนี้ในปีไท่เหอที่ 18 ตรงกับช่วงปี ค.ศ.495 นั้น จักรพรรดิเสี้ยวเหวินตี้ทรงออกพระราชโองการให้เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์เซียนเปยทั้งหลาย แปลงแซ่ตนเองให้กลายเป็นแซ่แบบชาวหัวเซี่ยเสียครับ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างขุนนางเซียนเปยและขุนนางหัวเซี่ยในราชสำนัก ทำให้ตระกูลอวี้ฉือ แปลงแซ่ของตนกลายเป็น แซ่อวี้ เฉยๆหน่ะครับ แต่ในยุคถัง ก็ยังพอจะมีคนที่เป็นลูกหลานตระกูลอวี้ฉือ ยังใช้แซ่เต็มๆของตัวเองอยู่ เพื่อบ่งบอกว่าตนเป็นคนเซียนเปยก็มี 3. อวี้ฉือกงนั้น เป็นขุนพลคู่ใจของจักรพรรดิถังไท่จงเลยครับ ติดตามพระองค์ออกรบเหนือใต้ออกตกมาทั่ว คนที่ลั่นเกาทัณฑ์สังหารหลี่หยวนจี ที่เป็นรัชทายาทของจักรพรรดิเกาจู่ ก็คืออวี้ฉือกงนี่แลครับ  ข้อเสียของอวี้ฉือกงคือในวัยหนุ่ม-วัยกลางคนนั้น แกออกจะห่ามไปเสียหน่อยครับ แต่จักรพรรดิไท่จงก็มิได้ถือสา ทว่าวันหนึ่งในงานเลี้ยงพระราชทานนี่ อวี้ฉือกงดื่มมากไปหน่อย เลยลุกไปหาเรื่อง อวี่เหวินสือจี้ และต่อยหลี่ต้าวจงจนตาปูด ทำให้จักรพรรดิไท่จงพิโรธมาก และต่อว่าต่อขานเขาให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่ หลังจากนั้นมาอวี้ฉือกงก็สงบเสงี่ยมลงไปเยอะครับ อวี้ฉือกงถือเป็นหนึ่งในขุนนางที่ตามเสด็จจักรพรรดิไท่จงไปตีโกกุเรียวในปี ค.ศ. 645 ครับ ตอนแรกๆอวี้ฉือกงก็ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าจักรพรรดิไท่จงทรงชราภาพมากแล้ว ไม่ควรจะยกไปเอง ก็เลยหยุดบำเพ็ญเพียร (ตอนนั้นแกลาออกจากราชการไปอยู่บ้าน และเริ่มบำเพ็ญเพียรเป็นนักพรตเต๋า) เข้าวังไปทัดทานจักรพรรดิไท่จง แต่ไม่ทราบว่าทัดทานท่าไหน อวี้ฉือกงกลับโดนจักรพรรดิไท่จงชักชวนให้เดินทัพไปร่วมทำศึกด้วยกันเสียนี่...... 4. ส่วนฉินฉยงนั้น ก็เป็นขุนพลคนสนิทอีกคนของจักรพรรดิไท่จงครับ ว่ากันว่า ถ้าอยู่ในงานเลี้ยงแบบไม่เป็นทางการ พระองค์จะตรัสเรียกฉินฉยงว่า พี่ฉิน เสมอๆ เดิมทีฉินฉยงเป็นลูกน้องของหวางซื่อชงครับ มีฝีมือการรบเลื่องลือ เคยรบชนะหลี่ซื่อหมินมาแล้วเหมือนกัน แต่เพราะหวางซื่อชงเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ฟังคำที่ปรึกษาและโหดร้ายป่าเถื่อน ทำให้อำนาจของเขาตกต่ำลงเรื่อยๆ จนตอนหลังพวกขุนพลก็เริ่มตีจากหวางซื่อชงไปกันหมด รวมทั้งฉินฉยงที่หันไปรับใช้หลี่ซื่อหมินแทนด้วย และช่วยเหลืองานสงครามตลอดมาครับ แต่ช่วงหลังๆของศักราชเจิ้นกวน ฉินฉยงจะสุขภาพไม่ค่อยดีครับ และก็ป่วยตายในปี เจิ้นกวน ที่ 12 ครับ ตรงกับปี ค.ศ. 638 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:43:02

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพสองสามภาพแต่ทำให้เราได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมายจริงๆครับ ขอบคุณ จขกท. ที่นำภาพมาแบ่งปันกันนะครับ คุณอุ้ยเหมือนครูประวัติศาสตร์จีนมากๆ จะมีเกร็ดความรู้มาฝากเสมอๆ ขอบคุณคุณอุ้ยด้วยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 15:05:53

ความคิดเห็นที่ 18 ขอขอบคุณคุณ อุ้ย (digimontamer)  มากเลยครับสำหรับข้อมูลดีดี เหมือนอย่างที่คุณอุปรากรจีนว่าไว้เลยครับว่า รูปเพียงไม่กี่รูปให้ความรู้กับเราได้มากมายครับ ผมขอเรียนถามคุณ อุ้ย (digimontamer)  เพิ่มเติมด้วยครับมีข้อสงสัยเพิ่มเติมจากใน คห.ที่ 16 ครับว่า - จากภาพเขียนใน คห.ที่ 12 และ 13 นั้น อะไรเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าภาพนั้นๆคือ ฉินฉยง และอวี้ฉือกง ครับ เพราะถ้าหากพิจารณาจากเพียงอาวุธที่ถือ ซึ่งเป็นง้าว และกระบี่นั้น (ซึ่งผมยังดูไม่ออกว่าเป็นกระบี่เลยครับ) เป็นอาวุธทั่วไปที่ทหารโดยปกติก็ถือกันครับ หรือว่ามีส่วนใดที่พิจารณาเพิ่มเติมอีกครับเช่น เครื่องแต่งกาย หรือ อากัปกิริยาจากภาพครับ - ไม่ทราบว่าการนำภาพของ ฉินฉยง และอวี้ฉือกง มาเป็นทวารบาลนั้น พบเห็นได้จากสถานที่ใดอีกบ้างไหมครับ หรือมีการใช้วาดอย่างแพร่หลายมากน้อยแค่ไหนครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับผม จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 17:55:14

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้นี้มีความรู้ดีมาก ๆ เลยครับ แจ๋วอะ ผู้เยี่ยมยุทธิ์ทั้งหลายมาให้ความรู้ ขอคารวะพันจอก //กรึ๊บๆ ^.^ จากคุณ : ระวังแตก เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 20:20:32

ความคิดเห็นที่ 20 ตามหลักการแล้ว ถ้าเป็นภาพแบบครบถ้วนบ่งบอกได้จริงๆนั้น ฉินฉยงจะต้องผิวขาว ตาตี่และดูใจดีครับ มักจะพกอาวุธเป็นกระบี่หรือกระบองคู่ (แต่บางเวอร์ชั่นก็พกทวนหรือง้าวก็มีเหมือนกัน) แต่ที่แน่ๆ ถ้าผิวขาว ดูใจดี จะเป็นฉินฉยงแน่ๆ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 21:55:59

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพฉินฉยงครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 21:57:17

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนอวี้ฉือกงนั้น เนื่องจากตามพงศาวดาร ท่านจะเป็นคนห่ามๆหน่อยแต่ซื่อตรง รูปภาพของท่านเลยวาดให้ผิวดำ ตาถลนโต ดูน่ากลัวครับ และมักจะถือง้าวหรือทวน (แต่บางเวอร์ชั่นถือกระบองคู่ก็มี) แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 21:59:09 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 21:58:23

ความคิดเห็นที่ 23 อวี้่ฉือกงอีกภาพครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 22:03:16

ความคิดเห็นที่ 24 อย่างไรก็ลองเดากันดูครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 22:07:52 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 22:07:28

ความคิดเห็นที่ 25 ตามมาเก็บรายละเอียดและข้อมูลดีดีครับ จากคุณ : techkon_d เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 15:55:41