ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่ได้เป็นครูหรอกนะ แต่ขอแหล่งที่มาของตัวเลขที่คุณว่าครูเป็นคนกลุ่มที่ก่อหนี้มากที่สุดหน่อยสิครับ ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่าครูชอบก่อหนี้หรอกแต่มองราชการทุกคนเลย เพราะสวัสดิการที่มีอยู่มันเอื้อให้ก่อหนี้ไง ไม่อยากให้เสียวินัยต้องยกเลิกสวัสดิการที่มีอยู่ของราชการแล้วมั้งครับ ส่วนวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เขามองว่าทุกวันนี้ครูไม่มีคุณภาพเพราะหนี้มันเยอะ เลยไม่สามารถสอนเด็กได้เต็มที่ จุดนี้ต่างหากที่เขาอยากจะแก้ไข อยากจะให้การเรียนมันมีคุณภาพดีๆ เหมือนกันทุกที (คงจะประสบความสำเร็จยากอยู่ดี เพราะโครงการนี้มันแก้ที่ปลายเหตุ เฮ้อ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ) จริงๆแล้วตำแหน่งครูควรจะเป็นคนที่เก่งจริงๆ ชะส่วนใหญ่(ความเห็นส่วนตัวนะครับ) แต่ที่ไม่มีเพราะคนเก่งๆเขาหนีไปทำอย่างอื่นกันหมดแล้ว เพราะอะไรก็คิดกันเองนะครับ อุดมการณ์อย่างเดียวในยุคนี้มันไม่พอแล้วละครับ จากคุณ : LightBlaze เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 01:15:44

ความคิดเห็นที่ 2 ครูก่อหนี้มากที่สุดจริงหรือครับ ครูรร.ผมคงเป็นส่วนน้อยเพราะเขาไม่ค่อยมีหนี้กันอ่ะ มีไม่กี่คนที่กู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมาซื้อรถ ซื้อบ้าน กู้มาศึกษาต่อ  ส่วนใหญ่จะหมดเงินไปกับค่าน้ำมัน การเดินทางมากกว่า  ชนบทๆแบบที่ผมอยู่ไม่มีที่ให้ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยกันอ่ะครับ   ตอบค.ที่ 1 ก่อนจะเข้ามาเป็นครู ไม่เคยรู้เลยนะครับว่าครูได้เงินเดือนเท่าไร เห็นเงินเดือนตัวเองแล้วสลดหดหู่ใจ ยังไม่ถึงหมื่นเลย   แต่พอไปเห็นเงินเดือนครูท่านอื่นแล้ว ตกอกตกใจ โห! 4-5หมื่น ถ้ามองแบบไกลๆ ครูก็เงินเดือนดีนะครับ คนเก่งๆก็มาเป็นครูกันเยอะ  เพราะมองไกลๆกัน ไม่ใช่มองแค่ใกล้ๆ จบมาปุ๊บ มาเป็นครูแล้วจะเอาเงินเดือน2หมื่นเลย ทุกอย่างมันก็มีขั้นมีตอน มีลำดับ ค่อยๆดำเนินการไป ปล. ถ้าจะให้ครูสอนอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ที่จุดไหนคงจะรู้ดีนะครับท่านผู้ใหญ่โตทั้งหลาย  ช่วงนี้ผมออกงานอีเวร เอ้ย! อีเว้นท์บ่อยมาก อบรมอะไรกันหนักกันหนา เป็นครู หรือเป็นนักอบรมก็ไม่รู้ จากคุณ : ครูผู้ช่วยเชี่ยวชาญพิเศษ(อบรม) (รัตนลาวัณย์) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 06:12:34

ความคิดเห็นที่ 3 มีผลวิจัยเยอะมากๆครับ ลองsearch..ดูก็จะพบครับ จริงอยู่ข้าราชการก็เป็นหนี้กันอยู่ทั้งนั้น แต่ความง่ายความสะดวกเป็นเหตุหนี่ง ครูมีสหกรณ์เงินกู้ครู อยู่ใกล้ๆ หยิบคว้าได้ง่าย และที่สำคัญ ครูจะมีความรู้สึกว่า เดี๋ยวก็มีคนช่วย นี่แหละครับ คือปัญหา มีครูเท่านั้นมั้งครับ กู้เงินไปทำวิทยะฐานะ. เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า. ครูไปขอกู้.สหกรณ์บอกว่ายอดเงินสุดเพดานแล้ว.ไม่ให้ ครูท่านนั้นบอกว่า จะขอกู้เอาไป ปรับเพิ่มวิทยะฐานะ..สหกรณ์ให้กู้เพิ่มอีกเป็นแสน.ตลกไม่ออกเลยไหมครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 07:52:39

ความคิดเห็นที่ 4 ขอดูมาตรการประกอบอื่นๆ ที่ ... โดยรวมแล้ว ... จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยครับ เข้าใจว่าแต่ละโครงการ มันมีความเชื่อมโยงกัน ไม่ใช่แค่ระดับ 'dual track' แล้ว เดี๋ยวนี้ จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:23:22

ความคิดเห็นที่ 5 ปัญหาที่ครูไม่มีเวลาสอนส่วนมากจะเกี่ยวกับการอบรมต่างๆของหน่วยงาน บอกว่าเป็นการพัฒนาครู  พัฒนาครูน่ะใช่แล้วนักเรียนล่ะ บางโรงเรียนในชนบท มีครูอยู่แค่ 3คน 1 ผอ ไปประชุมซะสองคนเหลือสอนคน การสอนมันจะมีคุณภาพได้งัย ดีแต่เอางบประมาณไปผลาญกับการอบรมซะหมด จากคุณ : OomiM เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:35:38

ความคิดเห็นที่ 6 คุณสุดเสียดายนี่ใช่คนเดียวกับที่เคยตั้งกระทู้โจมตีครูหลายเดือนก่อนรึเปล่าครับ จำเนื้อหาไม่ค่อยได้แล้ว ^^ จากคุณ : Urashima เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:35:37

ความคิดเห็นที่ 7 คนนี้ คนเดียวกันนี่แหละครับ. ไม่น่าจะใช้คำว่าโจมตีนะครับ ให้ใช้คำว่า ออกมาแฉ ความ ห่วยแตก ความไม่ได้เรื่องของครูและการศึกษามากกว่านะครับ..ไป ค้นหาคำว่า "สุดเดียวดาย"ได้ครับ.. ผมเน้นเรื่องครูและการศึกษาครับ.. ถ้ามีความเห็นอะไรก็แสดงออกมาได้ครับ หรือคิดว่าการศึกษาหรือครูทุกวันนี้มันสุดยอด ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องแก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือใส่ใจ ก็ว่ามาเลยครับ..ยินดีแลกเปลี่ยน. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:27:58

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องก่อหนี้ไม่ทราบนะคะ...แต่ญาติเป็นครูสองสามคนก็หนี้เป็นล้านเหมือนกัน แล้วก็ครูไม่ค่อยมีเวลาสอนเท่าไหร่หรอกค่ะ ต้องอบรมบ้าง ทำผลงานบ้าง บางทีก็เรียนเพิ่มเติมไปด้วย ครูผู้น้อย+นักเรียนก็ต้องมาช่วยกันนั่งทำผลงานงาน ทำสื่อการสอนให้บ้าง ยิ่งระดับสูงๆ หน่อยแล้วเรียนป. เอกก็จะให้ครูภาษาอังกฤษช่วยแปลงาน ช่วยดูเรื่องการบ้านให้...น่าเบื่อ และน่าสังเวชมากค่ะ ส่วนเรื่องล้างหนี้ให้ครู...จริงๆ แล้วไม่เห็นด้วยทั้งนั้นกับการล้างหนี้ให้อาชีพไหน เพราะเรียนกู้ก็ต้องเรียนชดใช้กันเอาเอง คนอีกหลายอาชีพ มีความลำบากก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ข้าราชการเงินเดือนน้อยก็จริง แต่ก็ยังมีสวัสดิการ พูดจริงๆ แล้วคนที่เป็นครูนี่น่าจะมีวุฒิภาวะ มีปัญญาพอที่จะพิจารณานะว่าจัดการบริหารเงินของตัวเองยังไง ถ้ากู้แล้วจะจัดการยังไง ช่วยลดหนี้บางส่วน+เพิ่มสวัสดิการ+ปรับอัตราเงินเดือนน่าจะดูดีกว่าเพราะยอมรับว่างานครูนั้นหนักจริงๆ และเป็นอาชีพที่ไม่เอื้อกับการทำอาชีพเสริม ส่วนการล้างหนี้นั้นไม่เห็นด้วยสุดๆ ประเทศยังต้องใช้เงินภาษีไปกับเรื่องที่สำคัญกว่านี้ จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:46:02

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วมันจะมีโครงการปลดหนี้กันให้ครบทุกอาชีพไหมละเนี่ย จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:49:46

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ากู้เพราะความจำเป็น ก็น่าเห็นใจครับ (ขรก.อื่นด้วยนะ) กู้สหกรณ์มาซื้อรถ ซื้อบ้าน ศึกษาต่อ/ทำวุฒิ ยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นการลงทุนหรือซื้อความสะดวก หลายคนก็ไม่ได้เดือดร้อนทางการเงินหรอก เพียงแต่คำว่า'เป็นหนี้' ยังไงๆมันก็ค้ำคอค้ำตาให้หลับไม่สนิทนักล่ะครับ ก็ต้องขวนขวายจ่ายคืนกันไป แต่บางคนกู้เพื่อรักษาสิทธินี่ซิ "ดอกถูกน่ะเธอ เอาๆไว้ก่อน รักษาสิทธิ" เคยมีชวนกันไปเที่ยวเกาหลี พอบอก"ไม่เอาล่ะ เปลือง ไม่มีเงินไปหรอก" ก็ได้คำแนะนำว่า "กู้ซิ ดอกถูกๆ เดี๋ยวช่วยทำเรื่องให้" ฟังบ่อยๆจนชินหู ก็ชักอยากกู้เหมือนกันนะ อิอิ -_-" แต่ขรก.อื่นที่รู้จัก ผมไม่ได้ยินเขาปรึกษากันเรื่องกู้ๆกันมากเท่าครูเลยล่ะ ทั้งที่จริงครูมีรายได้รวมไม่น้อยกว่าขรก.พลเรือนอื่นทั่วๆไปหรอกนะ (เอ๊ะ เป็นวิชาชีพชั้นสูงหนิ ต้องเทียบกับหมอ/ผู้พิพากษาซิ (แต่ปริมาณบุคคลากรต่างกันเยอะอ้ะ)) ปล.โครงการปลดหนี้นี่ กพ.จัดให้มั่งม๊ายครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:40:41

ความคิดเห็นที่ 11 เราเป็นครูอยู่ชายแดนนะคะ  เงินเดือนตอนนี้ได้ถึงหมื่นที่ไหนกันล่ะ แต่ด้วยความเป็นครูชนท  ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ค่อยมให้ใช้หรอกค่ะ เสียแต่ค่าน้ำมันรถไปกลับบ้าน จะให้มาเติมแก๊สนี่ก็ไม่ได้  รถไปเสียในป่าในดอย  ตายสถานเดียวค่ะ ส่วนเราคิดว่าที่เขากู้เงินกันเยอะนั่นน่ะ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวนะคะ บางคนญาติพี่น้องในครอบครัวเห็นว่าเป็นราชการเลยจะคอยมาอาศัยพึ่งพิง แล้วเงินเดือนครูเริ่มต้นน้อยๆแค่นั้น  เลี้ยงครอบครัวไม่พอยาไส้หรอกค่ะ  หลายปากท้อง ดังนั้นเราว่าถ้าจะปลดหนี้ให้  ก็ควรพิจารณาเป็นรายคนไป  แต่พวกที่กู้ไปปรับวิทยฐานะอะไรนั่น ไม่ต้องไปปลดหนี้ให้เขาหรอกค่ะ  ถ้าเขาทำวิทยฐานะจนได้เลื่อนอันดับแล้ว  เขาจะมีเงินไปใช้หนี้อีกมากมายเลยค่ะ ป.ล.กรุณาอย่าเหมารวมครูทุกคนเลยนะคะ  บางคนลำบากจริง  กว่าจะได้บรรจุ  ก็แลกกับการมาอยู่ไกลบ้านห่างเมืองขนาดนี้ จากคุณ : ครูชายแดน (มิคาจี้) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:17:10

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าเรื่องปลดหนี้ครูนี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ของสังคมชาติเราเลยนะ.. ทำไมเหรอ.. - ทำไมต้องปลดหนี้ครู หรือล้างหนี้ให้ครู.. ครูเป็นใคร ทำไมมีอภิสิทธิ์นัก(ไม่ใช่ชื่ออดีตนายกฯอภิสิทธิ์นะ)ครูเป็นเทวดา ลอยฟ้ามาจากไหน ก่อหนี้แล้วไม่ต้องใช้ มีคนคอยช่วยปลดหนี้ ล้างหนี้ให้.แล้วคนอื่นในแผ่นดินละ เขาเป็นคนไทยเหมือนครูหรือป่าว แล้วข้าราชการฝ่ายอื่นละ ทำไมไม่ทำให้เขา.. หรือว่าเขากินข้าวไม่เป็น ขับรถไม่เป็น ไม่มีสิทธิ์อยู่บ้านตัวเอง..เป็นข้าราชการชั้นสองต่ำชั้นกว่าครู. ลองตอบคำถามให้ชัดซิครับ พวกคนที่จะปลด กับพวกครูหน้าด้านๆ ที่จะให้เขาปลดหนี้ให้ - จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:09:38

ความคิดเห็นที่ 13 -การจะอ้างว่า ครูเป็นหนี้ทำให้การเรียนการสอนเด็กไม่มีคุณภาพ.... อ๋อ/งั้นเหรอครับ..แสดงว่าคุณเอาการเรียนการสอบเด็กมาเป็นตัวประกันใช่หรือไม่ ถ้าไม่ปลดหนี้ให้  การศึกษาของชาติก็จะไม่มีวันดีขึ้น คุณกำลังเอาเด็กไทยมาต่อรองใช่หรือไม่.. นี่หรือครูที่ต้องการจะเป็นอาชีพชั้นสูง.. แล้วถ้าอาชีพอื่นทำบ้างละ..ตำรวจเขาบอกว่า ถ้าไม่ปลดหนี้ให้ จะไม่จับคนร้าย จะไม่รักษากฎหมาย หมอ พยาบาล ถ้าไม่ล้างหนี้ให้ จะทิ้งโรงพยายาล ฯลฯ ..คุณกำลังจะทำให้สังคมไทยพินาศ เบี่ยงเบน เพราะความห่วยแตก เห็นแก่ตัว.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:13:52

ความคิดเห็นที่ 14 ทุกวันนี้คุณใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาไปเท่าไหร่..เคยดูข่าวและคุยกันแล้วใช่ไหม.. มากที่สุดในเอเซีย สุรุ่ยสุร่าย มีผลตอบแทนทางการศึกษาต่ำสุด..เมื่เทียบต่อGDP  สรุปคือห่วยที่สุด..แล้วยังจะมาขอล้างหนี้อีก.คุณจะขอ แบมือ เรียกร้องกันไปถึงไหน..คุณภาพการศึกษาเคยคิดถึงบ้างไหม เด็กอ่านหนังสือไม่ออก มากขึ้นๆ คุณภาพการศึกษาต่ำลงๆ .. ลองหาข่าวจากกระทู้เก่าๆดูนะครับ ..มันน่าอายขนาดไหน.. -http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10739297/K10739297.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:18:50

ความคิดเห็นที่ 15 อยากเป็นครูค่ะ จบตรีมาทางด้านภาษาอังกฤษจะเรียนตรีอีกใบด้านครู อยากจะตรวจสอบความตั้งใจของตัวเองดีๆ เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยครู (บางทีก็ได้สอน หุๆ) อยู่หนึ่งปี...สรุปว่า อื้มมม ยิ่งทำให้อยากเป็นครูมากขึ้นอีก อยากสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง สักเล็กๆ น้อยๆ ก็ดี จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 18:11:03

ความคิดเห็นที่ 16 คุณแม่ผมเป็นครู ท่านเลี้ยงลูกชายสามคนมาด้วยเงินเดือนครู... จนทุกคนจบการศึกษาระดับปริญญาโท... ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น คุณแม่ผมไม่เคยเป็นหนี้แม้แต่บาทเดียว ท่านใช้จ่ายเงินเท่าที่มี...ไม่เคยขี้เหนียวกับการศึกษาของลูก แต่เรื่องของฟุ่มเฟือย การพนัน ท่านไม่เคยแตะ... แต่ในเวลาเดียวกัน เพื่อนครูของท่านแทบทุกคนล้วนแต่มีปัญหาหนี้สิน เป็นหนี้สินที่ไม่ได้เกิดจากความจำเป็น แต่เป็นหนี้สินที่เกิดจากการแข่งขันกันมีของฟุ่มเฟือย.. ยิ่งมีเงินกู้มากมายหลายแหล่ง ก็แห่กันไปกู้... ใช้ไปได้สองงวดก็กู้ใหม่.. หนี้สินพอกพูนไปกับของที่ไม่มีประโนชน์ แต่มีเพื่ออวดกัน ครูหลายคนโกงแชร์เป็นว่าเล่น ครูหลายคนโกงเงินของลูกศิษย์ ครูหลายคนไม่ยอมสอน เอาเวลาไปหาเงิน ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่อาชีพครู แต่เป็นปัญหาจากความจมไม่ลงของครู... เงินเดือน เงินตำแหน่ง ก็มากกว่าข้าราชการอื่นอยู่แล้ว ยังมาร้องให้แก้ปัญหาหนี้สิน  ทั้งที่หนี้สินนั้นไม่ได้ต้องก่อเพราะความจำเป็นเลย ผมก็เป็นข้าราชการ ถึงจะเกษียณมาแล้วก็ตาม ชีวิตที่ผ่านมาเห็นเลยว่าข้าราชการที่เป็นหนี้สินสินรุงรังนั้น ทุกคน..ย้ำว่าทุกคนที่เห็น คือพวกใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น การพนัน ลอดเตอรี่ ซื้อยานพาหนะเกินฐานะ ทั้งชีวิตหมุรไปมากับหนี้สิน ต้องยืมเงิน ต้องโกง ทุกสิ่งก็เพื่อหน้าตาของตนเอง ผมดำเนินชีวิตตามคุณแม่มาตลอด ชีวิตนี้ไม่เคยเป็นหนี้ ซื้อทุกอย่างด้วยเงินสดที่เก็บออม... และยืนยันได้ว่าข้าราชการนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหนี้สินเลย หากรู้จักใช้ชีวิต รู้จักเก็บออม รู้จักการใช้เงิน เมื่อชีวิตราชการผ่านไป เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากคุณผ่านชีวิตที่พอเพียงช่วงต้นมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปสิบห้่าปีโดยไม่มีหนี้สิน เงินเดือนข้าราชการจะมากเกินพอสำหรับใช้ในครอบครัว และเก็บออมเป็นฐานสำหรับชีวิตหลังเกษียนณ สำหรับผมเอง ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าสบายแล้ว เงินบำนาญ บวกดอกเบี้ยจากการเก็บออม เกินพอที่จะใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิต จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 19:32:25

ความคิดเห็นที่ 17 คือใครเข้าไปเป็นราชการไม่กู้ก็ ไม่ฉลาด กู้ออกมาปล่อยดอกครูบรรจุใหม่ กู้มาซื้อรถ กู้มาซื้อบ้าน กู้มาใช้เจ้าหนี้(ใช้เงินซื้อเข้ามา บรรจุแล้วก็ต้องกู้ไปคืน คุ้มจะตาย)รัฐบาลเองก็ชอบนะปล่อยกู้ให้ราชการ กินดอกเงินทองไม่ไปไหนได้คืนแน่ๆ ไม่มีหนี้สูญชัวร์ เป็นการหารายได้อีกทาง ของทางรัฐบาลเอง จากคุณ : O_O (cabal1) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 20:14:47

ความคิดเห็นที่ 18 ขอชื่นชมและปรบมือให้กับคุณหมู4x ความเห็นที่ 16 ครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 20:34:08

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนตัวเราเท่าที่เห็นครูในโรงเรียนกู้มี 2 แบบ 1. แบบฟุ้งเฟ้อเหมือนที่หลายๆ ความเห็นว่า เพราะเราสังเกตเห็นเลยว่า ใช้เงินกันเป็นว่าเล่น ขนาดเราพอมี ยังมองพี่ๆ หลายๆ คนเลยว่า ฟุ่มเฟือย บางคน กระเป๋าถือ ซื้อที่ 3-4 ใบ เราไปด้วยกันยังไม่ได้เลยซักใบ แอบมองราคา แล้วคิดแล้วคิดอีก วันดีคืนดี ก็จะมาถามว่า เราปล่อยกู้ไหม เอ่อ...เอาเข้าไป 2. แบบที่เจอครอบครัว กดดัน เช่น พี่บางคน...กู้เอาเงินไปทำบ้านให้แม่ แม่อยากได้ ประมาณนั้น เราเคยถามว่าทำไมไม่บอกแม่ว่ายังไม่มี เพิ่งบรรจุเอง พี่เขาตอบมาว่า แม่ส่งเสียมามากแล้ว ต้องตอบแทนท่านบ้าง พี่บางคน...ที่บ้านเห็นเป็นข้าราชการมีเงินเดือน ก็ฟุ้มเฟือย ขอแล้ว ขออีก สุดท้ายไม่มีเงินเหลือก็ต้องไปกู้ เอามาให้ที่บ้านใช้ แถมเรื่องที่ได้ยินพี่ในโรงเรียนพูดกันบ่อยๆคือ อันนั้นเปิดให้กู้ อันนี้เปิดให้กู้ จนพี่บางคนแซวว่า ไม่กู้กันก็แค่ระเบิดใช่ไหม เหอๆ.. ป.ล. 1 อยากให้มองครูในหลายๆมุมค่ะ คนที่ตั้งใจทำงานไม่ได้รับผลประโยชน์ในส่วนนี้ก็มี อย่าเหมารวมว่าคุณครูทั้งหมดเลยนะคะ ป.ล. 2 ส่วนตัวคิดว่า ระเบียบวินัยทางการเงินเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดค่ะ จากคุณ : rea_jam เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 21:41:25

ความคิดเห็นที่ 20 พักเรื่องหนี้ครูนิดนึงนะครับ  จะได้ไม่เครียดมาก 555 บ้านเมืองเราเนี่ย  กติกาต่างๆมันถูกกำหนดแบบไม่เหมาะสมแยะมากครับ วันก่อนผมเข้าร่วมประชุมหน่วยงานหนึ่ง  มีข้าราชการนั่งเต็มห้อง  มีที่ไม่ใช่ข้าราชการไม่กี่คน คราวนี้เขาพูดถึงหัวข้อของสิทธิรักษาพยาบาล ถ้าไม่รวมการประกันชีวิต  ก็จะมีสิทธิอยู่ 3 ประเภท  คือ 1. สิทธิบัตรทอง (30 บาทเดิม) 2. สิทธิประกันสังคม 3. สิทธิข้าราชการ ผมเลยแกว่งปากหา.........(เติมเอาเองนะครับ)  โดยพูดขึ้นว่า เมื่อไรจะมีแนวทางในการทำให้สิทธิต่างๆเป็นธรรมกับสังคมสักที (ตอนนี้ก็มีท่านหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาว่า "จริงค่ะ พวกประกันสังคมโดนเอาเปรียบมากที่สุด") ผมก็พูดต่อว่า ....  ท่านที่เป็นข้าราชการโปรดอย่าได้รุม......ผมนะครับเพราะเรื่องที่ผมจะพูดนั้นเกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง 555  แล้วก็ยกตัวอย่าง นาย A รับราชการ  มีพ่อ-แม่ -ภรรยา - ลูกอีก 5 คน  ใช้สิทธิรักษาพยาบาลฟรีรวม 9 คน (ที่สำคัญคือยาที่ดีกว่าสิทธิอื่นๆ + ห้องพิเศษ) นาย B รับราชการ  แต่พ่อ-แม่ เสียชีวิต  ไม่มีภรรยา ไม่มีลูก  รวมใช้สิทธิ 1 คน แค่นี้ข้าราชการด้วยกันก็เหลื่อมล้ำกันมากแล้ว สำหรับผู้ที่เข้ารับราชการคนต่อไป  ทำไมไม่กำหนดให้ใช้สิทธินี้ได้เพียงเฉพาะตัว หมายเหตุ  สิทธิรักษาฯข้าราชการตกรายหัวปีละเกือบ 10,000.- บาท, สิทธิบัตรทอง รายหัวปีละ 2,000.- กว่าบาท ที่ผมยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังเพราะส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับ จขก. ที่รัฐมักจะมีนโยบายอะไรแปลกๆที่ไม่เป็นธรรมออกมาเสมอ ผมว่าการบริหารอะไรก็ตาม  จะต้องมีจุดยืนที่ถูกต้อง  ไม่ใช่มีปัญหาขึ้นมาอย่างหนึ่ง แล้วใช้อีกอย่างไปแก้ปัญหา การศึกษาตกต่ำ  ต้องแก้ที่ตัวปัญหา  ไม่ใช่แก้โดยปลดหนี้ครู   คนทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ  ต้องไล่ออกครับ   (แรงไปไหมครับ 555  ของจริงก็แบบนี้แหละครับ  ไม่งั้นก็หน่อมแน้มซื่อบื้อกันไปเรื่อยๆ) จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 22:34:59

ความคิดเห็นที่ 21 การเอาคนไม่มีความสามารถมาคุมกระทรวงที่งบประมาณเยอะ สิ่งที่เขาจะทำก็คือออกนโยบายเอาใจกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้มาสนับสนุนหรือเป็นฐานเสียงตนเอง พรรคต้นสังกัดจะได้ถูกเลือกกลับมาอีก ที่สำคัญ นโยบายที่มันออก ก็ไม่ได้ใช้เงินส่วนตัวของมัน เงินภาษีประชาชนทั้งนั้น ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จากคุณ : French Vanilla เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 22:56:17

ความคิดเห็นที่ 22 ขอแก้ข่าวนิดนึงนะคะ  ที่ว่า "ครูกู้ทุกอย่าง  ยกเว้นระเบิด!!!~" ไม่จริงค่ะ "ครูโรงเรียนเรามีอบรมกู้ระเบิดด้วย"  (จริงๆนะ ) และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  ที่ครูจะมาอ้างว่ามีหนี้แล้วทำให้การเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพ บ้าบอมาก!!!~  ควรแยกเรื่องหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวออกจากกันนะคะ  มันเป็นข้ออ้างที่น่าสลดใจมาก   บ้านเรา  แม่เราเป็นหนี้เยอะแยะ  แต่สาเหตุเพราะกิจการที่บ้านมีปัญหา  ทำให้แม่ต้องกู้เงินมา  (เห็นไหมว่า  สาเหตุการกู้มันมีจากสาเหตุอื่นด้วย) แต่แม่เราก็ยังส่งเด็กไปแข่งโน่นนี่ได้ในระดับเขต  ระดับภาค -------------------------------------------------------------------------------- ~~ขอให้ครูทุกคนปลดหนี้ด้วยตัวเองให้ไวๆไม่ต้องพึ่งใครมาช่วยนะคะ  เพราะสร้างหนี้มาเอง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร  ก็ขอให้สู้ชีวิต  ปลดหนี้ให้สำเร็จกันทุกคน~~ จากคุณ : ครูชายแดน (มิคาจี้) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 23:54:27

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเป็นหนีซื้อบ้านซื้อรถก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ที่เห็นบางคนไปเที่ยวยุโรปซื้อของมาเพียบ กระเป๋าแบรนเนม เสื้อผ้าราคาแพง แล้วก็แหกปากตอนเริ่มทำงานเงินเดือนไม่ถึงหมื่น แหม...อาชีพไหนก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละค่ะ เริ่มงานใหม่ๆเงินเดือนน้อยประสบการณ์เยอะขึ้นทำนานขึ้นก็เงินเดือนขึ้น เป็นกันเกือบทุกอาชีพ ขนาดหมอเงินเดือนสตาร์ทยังหมื่นต้นๆเลยคุณขา -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 00:30:15

ความคิดเห็นที่ 24 หนี้ใครก็หนี้มันครับ จะมาใช้หนี้ให้กันได้อย่างไร ถ้ากู้มาเป็นหนี้แล้วรัฐใช้ให้แบบนี้  นิสัยของข้าราชการมันก็แย่เลย จากคนดีๆเข้ามาอยู่ในระบบที่มันเป็นแบบนี้ มันจะทำให้เขาเสียนิสัยกันรู้ไหมครับ ถ้าใช้หนี้ให้กันแบบนี้ แล้วคนที่เขาประหยัดอดออม ไม่กู้ อยู่อย่างพอเพียง คุณคิดว่าพวกเขาจะไม่คิดอะไรบ้างหรือครับ   ประเทศไทยนี้อวยให้คนไม่ดีตลอด  คนถึงเลือกที่จะเป็นคนไม่ดี มากกว่าคนดี จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 07:27:09

ความคิดเห็นที่ 25 เงินเดือนน้อยแต่ออกแคมรี่ มิวเซเว่นก็เงี้ย จากคุณ : pheebar เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 08:42:53

ความคิดเห็นที่ 26 ถูกต้องตามความเห็นที่ 23 นะครับ. เชื่อไหมครับว่า ครูเขากู้เงินไปเที่ยวยุโรป และซื้อกระเป๋าหลุยย์ มาอวดกัน เรื่องนี้ลองเช๊คครูแถวจังหวัดใหญ่ๆทางภาคกลางซิครับ เขาจะมีโครงการกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวเมืองนอกกันบ่อยมาก ปีหนึ่ง 3-4 หน ๆ ละ 5-7 หมื่นบาท กู้สหกรณ์ซิครับ.. เมื่อกู้แล้วถ้าชนเพดาน ก็ไปกู้ข้างนอก ดอกสูง เพื่อจะได่ไปเที่ยว เมื่อไปแล้วคราวต่อไปก็จะไปอีก เพราะถ้าไม่ไปจะเสียหน้าตา.. จมไม่ลงครับ แล้วมาต่อรองเพื่อขอยกเลิกหนี้..โทษใครหรือครับ ถ้าไม่ใช่ตนเอง      ข้าราชการฝ่ายอื่นเริ่มต้นก็เหมือนครู แต่ทำไมทำงานไปๆ ครูมีหนี้เยอะ .. น่าจะเอะใจคิด ครูนั้นทำงานไป 10 กว่าปี ได้เทียบ ซี 8แทบทั้งนั้น เงินเพิ่มก็ได้ ตั้งแต่ คศ.2  อีกอย่างครูถ้าไม่รักศักดิ์ศรีครูเอง ไม่ช่วยกันตักเตือน จะให้คนอื่นเขามองครูภาพรวมอย่างไร จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 11:18:58

ความคิดเห็นที่ 27 ทั่วประเทศนี้.. มีแต่ครูเท่านั้นหรือค่ะ...   ที่เป็นบุคลลที่มีหนี้ ทั้งประเทศมันก็มีหนี้กันเกือบทั้งนั้น... คิดว่าสิ่งที่ควรจะทำ... คือให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อภาระที่สร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่สร้างทุกสิ่งเพื่อความสบายของตัวเอง.. แล้วผลักภาระ  ความรับผิดชอบให้คนอื่นใช้หนี้แทน... เพราะเงินของรัฐก็มาจากภาษีของทุกคนที่ต้องจ่าย กู้มาถึงเวลาใช้คืนก็เอาจากงบประมาณภาษี ผู้ที่มีหนี้สินมากเกินตัว  ทุกคนควรพิจรณาตัวเองใด้แล้ว... ประชาชนคนธรรมดาแทบจะไม่มีสวัสดิการ...เบิกอะไรก็ไม่ใด้ ทำงานหาเช้ากินค่ำ...ทำไมหนี้ต่อหัวของเขาต่ำกว่าครูที่มีทั้งเงินเดือนและสวัดิการต่างๆ  มาก          ......................................................................... และนี่คือความคิดเห็นหนึ่ง... ที่มาจากคนที่มีหนี้...จ่ายภาษี...และเป็นประชาชนไทยเหมือนกัน..... แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 13:02:59 จากคุณ : พริ้มพราย (พริ้มพราย) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 12:49:53

ความคิดเห็นที่ 28 งานหนัก ทั้งให้ความรู้ และสอนให้คนเป็นคนดี แต่เงินน้อย แล้วต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ห้ามฟุ้งเฟ้อ อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น ๆ ลำบากยังไงก็ทน ๆ ไป ครูบางคนอยู่ถิ่นทุรกันดาร เงินเดือนน้อย แล้วยังต้องเจียดให้เด็กด้อยโอกาส ไหนจะภาระทางบ้าน ไหนจะผู้บริหารสรรหางานเพิ่มให้ เพื่อหน้าเพื่อตาตัวเอง เด็กสมัยนี้ ถึงเบนเข็มไปตะเกียกตะกายหางานสบาย ๆ แต่ค่าตอบแทนสูง ๆ กันหมด จากคุณ : BAHAMAS เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:17:07

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 14:19:15 จากคุณ : BAHAMAS เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:17:52

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่ควรจะมาบ่นว่างานหนัก สอนคนให้เป็นคนดี หรือเงินเดือนน้อยหรอก../ มันไม่ใช่มาเรียกร้องความสงสาร หรือขอความเห็นใจ เพื่อจะได้ขอยกเลิกหนี้ มันคนละประเด็นกัน. งานหนัก.ใครก็ต้องทำงาน ครูวิเศษ เป็นเทวดามาจากไหน ถึงทำงานหนักไม่ได้ แค่ไหนที่ว่างานหนัก ตำรวจ พยาบาล งานกว่าไหม ไม่เห็นเขาขอเรียกร้องให้ปลดหนี้ ยกเลิกหนี้.  ครู .ความจริงควรจะเป็นตัวอย่างของความประหยัด อดออม รู้จักพออยู่พอกิน เขียมเอา. มีน้อย ใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน..  ครู...ถ้าไม่เป็นตัวอย่างของความประหยัด แต่กลับฟุ้งเฟื้อ สุร่ยสุร่าย อวดร่ำอวดรวย .แล้วลูกศิษย์จะเอาตัวอย่างไหม.. สังคมที่วุ่นวาย ฟุ้งเฟื้อ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หยิงโหย่ง ก็เนื่องจากครู..ครูไม่สำเหนียกที่จะรับผิดชอบต่อสังคม.. ไม่ละอาย เอาแต่โวยวาย แบมือขอ จะเรียกร้อง..ให้ปลดหนี้  การเรียกร้องให้ปลดหนี้ ยกเลิกหนี้ เป็นพฤติกรรมที่จริยธรรมต่ำมาก  ที่คิดจะเอาเงินภาษีของประชาชนมาใช้หนี้แทนตน คนไทยยังต้องการความช่วยเหลืออีกมากยังต้องใช้งบประมาณไปเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้อีกเยอะ ไม่ใช่มาปลดหนี้ให้ครู คส.2 คส.3 ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ที่เงินเดือนคนหนึ่ง ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นถึง 6 หมื่นบาทเพื่อจะใช้หนี้รถยนต์ป้ายแดง ค่าเหล้า ค่าเที่ยวเมืองนอก ค่าเสื้อผ้าแพงๆให้พวกครู จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 17:37:56

ความคิดเห็นที่ 31 งานสอนหนังสือสอนคน หรือเงินเดือนน้อยไม่เคยกลัว กลัวอย่างเดียว คือ อาชีพครูทุกวันนี้เหมือนจะไม่ใช่อาชีพครูเข้าไปทุกที จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 18:08:42

ความคิดเห็นที่ 32 ใครกู้ ก็ควรให้คนนั้นใช้ค่ะ เรื่องกู้บางคนก็กู้เพราะจำเป็น แต่ที่เห็นส่วนมากก็เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จมไม่ลงจริงๆนั่นแหละค่ะ ครูบางคนเงิน คศ 3 ตกเบิกได้เป็นแสน สองแสน แทนที่จะเอาเงินไปใช้หนี้ดันเอาเงินไปดาวน์รถ มิวเซเว่น แคมรี บางคนก็สร้างบ้านหลังโตๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็มีรถอยู่แล้ว ยิ่งมีนโยบายมาช่วยแบบนี้ยิ่งเสียวินัยไปกันใหญ่  และก็เห็นด้วยกับคุณ หมู4X ค่ะว่าข้าราชการครูไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้ พ่อกับแม่ดิฉันก็เป็นครูนะคะที่ไม่มีหนี้สินและเลี้ยงดิฉันกับพี่สาวจนจะจบโททั้งสองคนได้ เพราะแม่ดิฉันประหยัด พ่อไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ บ้านเราก็สร้างหลังเล็กๆพออยู่ ปลูกผักกินเองบ้าง แม้จะมีครูบางคนมากระแหนะกระแหนว่าบ้านเราประหยัดเกินไป พ่อก็บอกว่าอย่าไปแคร์เพราะถ้าเรากู้เงินมาสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ เขาก็แค่มาชื่นชมแต่เขาไม่ได้มาช่วยเราใช้หนี้ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 20:02:00 จากคุณ : ความดีชนะทุกอย่าง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:48:39

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงพี่สุดเดียวดายค่ะ หนู๋รู้สึกว่าพี่จะเข้าใจว่าครูโวยวายปลดหนี้ (จากที่อ่าน คห. 30) หนู๋เลยกลับไปอ่านข่าวที่พี่แปะมาใหม่ (เพราะรอบแรกไม่ได้อ่าน แหะๆ) เท่าที่อ่านข่าวเนี่ย คุณวรวัจน์ เขาคิดขึ้นมาของเขาเองไม่ใช่เหรอค่ะ ไม่ใช่ว่ามีครูไปประท้วงก่อม็อบ โวยวายขอยกหนี้นี่ค่ะ ประเด็นที่หนู๋อยากจะ ถามคือ ทำไมรัฐบาลส่วนใหญ่ ถึงชอบตั้งคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับวงการศึกษามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ทำไมรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาส่วนใหญ่ถึงไม่มีวุฒิทางการศึกษา หรือเคยทำงานเกี่ยวข้องกับการสอนมาอย่างน้อยซัก 5 ปี ถือซะว่าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 19:56:06 จากคุณ : rea_jam เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:54:15

ความคิดเห็นที่ 34 เอาเถอะ ไม่ใช่จะมาบ่นว่า หรือเรียกร้องความสงสารหรอก เพียงแต่ไม่อยากให้มองภาพรวม ว่าครูทั้งหมดน่ะไม่ดี ครูดีเสียสละก็มี ครูต้องอยู่ด้วยความกดดัน ทั้งเรื่องงานเรื่องเงิน ความเครียดในชีวิตก็มีมาก เราเองก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาหนี้ ใครกู้ใครยืมคนนั้นต้องชดใช้ก็ถูกแล้ว เหมือนพวกกู้นอกระบบ เดือดร้อนคนอื่นต้องช่วยแก้ปัญหานั่นแหละ แค่นั้น ไม่ใช่นึกจะแสดงความคิดเห็นอย่างอคติ ก็ปาว ๆ ออกมาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เจตนาดูถูก เหยียดหยาม ซ้ำเติม มากกว่าการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง จากคุณ : BAHAMAS เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:07:07

ความคิดเห็นที่ 35 ประเด็นนี้ไม่ต้องก่อม็อบ เพราะบ่นกันเป็นกิจวัตร ผู้บริหารกี่คนๆก็ได้ยิน รอชงเสนออยู่ตลอดแล้ว มวลชนมีคะแนนเสียงมากพอ จะกี่รัฐบาลก็ต้องสนใจเตรียมสนองโดยอัตโนมัติ กลุ่มเป้าหมายได้ประโยชน์ชัดเจน จะมีกี่คนที่เลือกปฏิเสธไม่รับ หรือคัดค้านไม่ให้คนข้างๆได้รับประโยชน์ที่กำลังจะได้ ปล. รมต.คนก่อนจบการปกครอง&การศึกษา เคยเป็นครู ผลงานออกมา*ดีเยี่ยม*ครับ :P ผมคิดว่าปัญหาของวงการนี้อยู่ที่ขรก.ประจำเป็นหลัก ไม่ใช่แต่ขรก.การเมือง แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 20:53:29 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:51:56

ความคิดเห็นที่ 36 http://www.komchadluek.net/detail/20110817/106355/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9.html และ http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01p0106030954&sectionid=0101&selday=2011-09-03 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:08:32

ความคิดเห็นที่ 37 ลองเปิดlink ทั้งสองนี้ดูนะครับ คคห.ที่ 33 และ 34 ครับ ผมเคยนำlink ไปไว้ที่กระทู้ของคุณครับผมครั้งหนึ่ง เพื่อให้.วิญญูชนได้ ฉุกคิดว่า มันควรหรือไม่ครับ..  คำว่า "ควร" คงไม่ต้องอธิบายดอกนะครับ. ใครกู้ ใครใช้เงินเกินตัว ใครบริหารตนเองจนเป็นหนี้ ผู้นั้นก็ต้องชดใช้ ไม่ใช่นำเงินงบประมาณมาใช้แทน หรือยกเลิกหนี้ให้  ผมว่า ประเด็นมีแค่นี้แหละครับ ถ้าเราไม่เข้าใจในประเด็นนี้ แต่กลับไปมองว่า ทำไมต้องพูดจา ตำหนิ ติเตียน ดูถูกกันด้วย อันนี้ผมก็โนคอมเมนต์ครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:14:34

ความคิดเห็นที่ 38 เชิญที่นี่ครับ ความอุบาทว์ของกระทรวงศึกษาพิการแห่งประเทศสารขันธ์ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10884235/K10884235.html  ความเห็นที่ 179 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:22:59

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เห็นด้วยกะโครงการ ที่เหมือนมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ควรจะมีกฎข้อบังคับตั้งแต่ให้กู้แล้วค่ะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปล่อยให้กู้ไป สำหรับครูบางคน  บ้านและรถเป็นสิ่งสำคัญนะคะ (อย่างเรานี่ไม่มีรถก็ไม่ต้องออกมาโลกภายนอกแล้ว   อยู่ในป่าไปเถอะ  ไม่มีแม้แต่รถโดยสารวิ่งเข้าไป  ขนาดเงินค่าโรงเรียนกันดารยังไม่ได้เลย  อีก๕ กิโลจะถึงชายแดนอยู่แล้วเนี่ย) ส่วนพวกครูที่กู้ไปเที่ยวเมืองนอกเมืองนา  กระเป๋าแรนด์เนมนี่  ส่งมาสอนชายแดนแทนเราได้ไหมนะ  จะได้รู้ว่ามาใช้ที่นี่ไม่รู้ว่าจะเอาไปอวดใคร เราอยู่บ้านพักครู  ส่วนบ้านเดิมเรามีแล้วอยู่ห่างจากโรงเรียน  ๗๐ กิโล  (จะตั้งอยู่บ้านพักครู)  จึงไม่ต้องกู้ไปสร้าง ส่วนรถนี่  คงต้องกู้มาแหละค่ะ(เราว่าจำเป็นมาก)  ไม่งั้นปั่นจักรยานสามวันก็ไปไม่ถึงโรงเรียน  อ่อ  ไม่ใช่พวกแคมนี่  ซิวิคไรนี่นะคะ กระบะเท่านั้น  หลุมที่นี่ก็ลึกยังกะจะมีโครงการสร้างเขื่อน  ขืนเอาแคมรี่ไปขับแถวนั้น  ๓วันได้ซ่อมแน่ๆเลยค่ะ   ชีวิตแบบนี้เราก็มีความสุขดี  ไม่ต้องไปกู้ในเรื่องที่ไม่จำเป็น ขอเล่าเรื่องประสบการณ์นิดนึงนะคะ  อิอิ  ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเนอะ **แก้คำผิดนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:28:58 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:28:13 จากคุณ : ครูชายแดน (มิคาจี้) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:26:38

ความคิดเห็นที่ 40 เราก็เป็นครู...ไม่ใช่เทวดามาจากไหน...มีหนี้บ้างแต่ก็ใช้เองทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย..คุณลองดูดีๆนะคะทุกข้อเสนอนั้นมีแต่เค้าเสนอมาเองทั้งนั้นไม่มีครูที่ไหนไปเรียกร้องเอาหรอกค่ะ..ที่เค้าเสนอให้เพราะรู้ว่าครูเดี๋ยวนี้เงินเดือนเยอะมีเงินประจำตำแหน่งสามารถส่งได้อย่างสบายๆ..ไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สูญ... แล้วคุณคิดว่ามันเป็นความผิดของคนกู้หรือคนให้กู้.. ...คุณต้องเห็นใจคนที่เค้าไม่มีฐานะแล้วมาเป็นครูแล้วต้องส่งน้องเรียน..ส่งทางบ้านอีก..เค้าจะเอาเงินที่ไหนเพราะบรรจุใหม่เงินเดือนน้อย..ให้ประหยัดให้ตายก็ไม่พอใช้หรอกจ้า... .. จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 22:02:23

ความคิดเห็นที่ 41 กู้ซื้อบ้าน ใครอยู่??????  ผอ. บังคับให้มีบ้าน???????????? กู้ซื้อรถ ใครขับ???????   ผอ. บังคับให้มีรถ????????????? เวลากู้ก็กู้ง่ายกว่าชาวบ้านชาวช่อง แล้วพอหนี้ท่วมหัวยังต้องเอาเงินภาษีคนอื่นไปล้างหนี้ให้อีก เกินไปมั้ย ครูสอนหนังสือ แล้วครูไม่ได้เงินเดือนเหรอ สอนฟรี?????????????? หมอ เค้าไม่ได้สอนคน แต่เค้าถึงขั้นช่วยชีวิตคนเค้ายังไม่ได้อยู่เหนือหนี้ คนทำงานทุกคนมีบทบาทในการพัฒนาประเทศทั้งนั้น ไม่ใช่มีแค่ครูที่เป็นคนสร้างประเทศ พวกพนักงานเอกชนเค้าก็คือเฟิองนึงในการขับเคลื่อนประเทศ ถ้าเอาเงินไปซื้อหรือพัฒนาเรื่องการเรียนการสอนให้เด็กๆเราจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เอาไปปรนเปรอให้คนสร้างหนี้เนี่ยนะ ครูคือครูค่ะ ที่มีทุกวันนี้ระลึกอยู่เสมอว่าครูคือคนที่สอนและให้ความรู้กับเรา และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามาถึงทุกวันนี้ได้ เราเคารพครูทุกคนทีสอนเรามา แต่หนี้ ไม่ใช่ครู หนี้อยู่นอกเหนือคำว่าครู ครูสร้างหนี้ให้ตัวเอง นั่นคือตัวบุคคุลไม่ใช่อาชีพ อย่าเอาอาชีพครูมาหาพวกหรือใช้เงินภาษีประชาชนเพื่อเอาใจใคร แค่ยังไม่ได้ล้างให้ ครูก็สร้างหนี้กันบานเบอะจนเป็นปัญหา แล้วก็นำมาเป็นข้ออ้างต่างๆนาๆ แล้วถ้าเกิดว่าล้างให้จริงๆ นึกไม่ออกเลยว่าเงินมันจะถูกผลาญไปแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 23:13:28 จากคุณ : KS_SK เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 23:10:40

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ครูคือใครคะ ผู้มีหน้าที่สอน เป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ที่เจอหน้ากันตั้งแต่ 8.00 ถึง 16.30 น. เลยนะคะ หนี้เป็นสิ่งที่ตัวเองสมัครใจสร้างขึ้นเอง ไม่รับผิดชอบเอง หรือมีคนมาคอยเลี้ยงแบบให้เสียวินัยทางการเงินแบบนี้ ไม่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมเลยค่ะ และถ้าจะใช้นโยบายนี้กับข้าราชการทั้งหมด ก็ไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ ใครก่อหนี้ ก็ใช้เองสิคะ มาปลดหนี้ให้แบบนี้ เสียคนหมด แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 23:23:10 จากคุณ : ซาลาสซา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 23:21:58

ความคิดเห็นที่ 43 รัฐมนตรีคนนี้ขยันสร้างผลงานจัง   คราวก่อนอ่านเจอข่าวว่า จะยกเลิก ห้องสมุดโรงเรียน เพราะไม่มีความจำเป็น http://thaipost.net/news/010911/44209 0_0!! จากคุณ : latics1 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 23:47:09

ความคิดเห็นที่ 44 นับถือคุณสุดเดียวดายที่ ตามเรื่องของครูไม่ปล่อย สนับสนุนครับ ดีมากเลย จะได้มีพลังจากประชาชนคอยตรวจสอบกระบวนการการทำงานของข้าราชการครู รวมถึง นักการเมืองที่เกี่ยวเนื่อง ทุกตัวตน มันเป็นปัญหาหลายเรื่องรุมเร้า เอามาตีแผ่รวมกัน ก็สนุกดีเหมือนกัน ยุคนี้เป็นยุค critical theory กำลังครองโลก ทุกสิ่งอย่างต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง ดุเด็ดเผ็ดมัน จริงๆ คุณสุดเดียวดาย น่าจะรวบรวมประเด็น ที่ถกกันมาทั้งหมด ไว้เป็นบล๊อกก็ดีนะครับ จะได้เป็นประวัติศาสตร์ทางการศึกษาอย่างน้อยประชาชนก็กำลังจับตามอง เหมือนกัน เอาไว้ศึกษาได้ต่อไป ผมฝากคำถาม เกี่ยวกับแวดวงการศึกษา 1. จริงหรือไม่ที่ครูอายุสี่สิบอัพส่วนใหญ่ พิมพ์งานโดยใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น หรือไม่คล่องแคล่ว ส่งผลให้เกิดการจ้างทำวิทยานิพนธ์อย่างเป็นล่ำสัน 2. จริงหรือไม่ คนที่จะเป็น ผอ.โรงเรียนต้องมีวุฒิ บริหารการศึกษา เท่านั้น สองคำถามก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 03:17:13 จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 03:14:59

ความคิดเห็นที่ 45 ชอบค.ที่ 39 มากเลยครับ  ถึงว่าครูที่รร.ผมส่วนใหญ่ออกรถกระบะ เพราะหลุมนี่เอง มาคิดๆอีกที ที่เขาเปิดให้กู้ก็เพื่อประโยชน์ที่จำเป็นจริงๆ แต่ทำไมนะคนเราชอบเอาประโยชน์ตรงนี้มาทำเรื่องแย่ๆให้คนอื่นเขามาว่า เขามาดูถูก ผมว่าอาชีพครูปล่อยให้กู้ได้เยอะเกินไปจริงๆ พ่อผมรับราชการเป็นทหารมา30กว่าปียังกู้สู้ผมที่เพิ่งบรรจุครูมาปีหนึ่งไม่ได้เลย  ครูกู้ได้เป็นล้านๆนี่เรื่องจริงอ่ะเออ... (ผมไม่ได้กู้นะเออ เพียงแต่มีสิทธิ์รู้ว่าตัวเองกู้ได้เท่าไรแค่นั้นก็ตกใจ 555) ถ้าจะให้ดีต้องเปิดให้กู้ไม่ต้องมากครับ แต่ก็นึกถึงใจเขาใจเรา คนที่เขาจำเป็นจริงๆก็มี เฮ้อ... กลายเป็นปัญหาใหญ่ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาด้วยซ้ำ จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 07:52:31

ความคิดเห็นที่ 46 ส่วนค.ที่44 ข้อ 1  อย่าดูถูกครูอายุ 40 อัพนะครับ  ผมเจอครู 50 ใช้กระดานอัจฉริยระบบสัมผัสมาแล้ว  เรื่องพิมพ์งานเนี่ยครูส่วนใหญ่ทำได้ครับ เพียงแต่อายุ 50อัพขึ้นไป  เขาจะไม่ค่อยใช้กัน  ครูบางท่านใช้wold2003เพิ่งจะได้ ไวรัสเข้าลงใหม่2007 เขาก็งง ปวดหัวกันแล้ว  เลยไม่อยากทำ (แต่จริงๆเขาทำกันได้นะ )  บางคนอีก2-3ปีเกษียณเขาก็ไม่อยากเรียนรู้ ไม่อยากทำแล้ว (อันนี้ก็แล้วแต่ตัวบุคคล)  แล้วอีกอย่างมีน้องๆรุ่นใหม่ไว้ให้ใช้งานง่ายกว่า พิมพ์เร็วกว่า ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย อิอิ ข้อ 2 จริง ถ้าจะถามจริงๆควรถามว่า ครูที่ได้คศ.3 มานะ พิมพ์งานเองได้ไหม  แต่มาคิดๆอีกทีครูบางคนเขาก็เก่งทำจริง เก่งทำสื่อ แต่ไม่ถนัดคอม มันก็หยวนๆกันไปได้ไหม อยากให้มองหลายๆด้าน หลายๆมุมกันครับ   ปล. เดือนกันยายน ผมต้องไปอบรม 4 วันแล้วครับ  ไม่รู้จะใช้งบให้มันสิ้นเปลืองอะไรกันมากมาย  สงสัยงบจะถูกตัด เลยต้องรีบใช้  จัดอบรมบ้าบอกันเข้าไป เฮ้อ.... จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 08:01:12

ความคิดเห็นที่ 47 1.    "ครูสอนหนังสือ แล้วครูไม่ได้เงินเดือนเหรอ สอนฟรี?????????????? หมอ เค้าไม่ได้สอนคน แต่เค้าถึงขั้นช่วยชีวิตคนเค้ายังไม่ได้อยู่เหนือหนี้ 2. "ครูคือครูค่ะ ที่มีทุกวันนี้ระลึกอยู่เสมอว่าครูคือคนที่สอนและให้ความรู้กับเรา และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามาถึงทุกวันนี้ได้ เราเคารพครูทุกคนทีสอนเรามา แต่หนี้ ไม่ใช่ครู หนี้อยู่นอกเหนือคำว่าครู ครูสร้างหนี้ให้ตัวเอง นั่นคือตัวบุคคุลไม่ใช่อาชีพ อย่าเอาอาชีพครูมาหาพวกหรือใช้เงินภาษีประชาชนเพื่อเอาใจใคร ความเห็นที่ 41 คุณ KS _SK โอ้โฮ.. งดงามสุดยอดจริงๆครับ สองประโยคนี้... งดงามเทียบเท่า ศรีบูรพา หรือ คมกริบดุจเปลว สีเงินหรือโกวเล้งเลยครับ ชื่นชมๆ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 08:12:06 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 08:09:05

ความคิดเห็นที่ 48 ครู วันนี้เป็นเทวดามาจากไหน. ใหญ่โตคับประเทศเลยหรือไร ที่มีหนี้แล้วไม่ต้องจ่าย ตั้งม๊อบขึ้นมาต่อรองให้ปลดหนี้ ครู เป็นเทวดามาจากไหน ที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ในขณะที่สถาบันสำคัญๆต่างๆและคนไทยทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ครูได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหนี้ ใช่ไหม. ครู สำคัญกว่าข้าราชการหน่วยใดๆ จึงต้องให้อภิสิทธิ์.??  แล้วตำรวจทหารชั้นผู้น้อยนั้นละ ตำรวจที่ยืนโบกจราจรอยู่หน้าโรงเรียนละ ทหารที่อยู่ชายแดนละ ถ้าคิดจะทำ คิดจะปลดหนี้คุณต้องปลดให้ทั้งระบบ จะเลือกครูอย่างเดียวไม่ได้ การเรียกร้องให้ปลดหนี้ครู สมควรจะมีความละอายอยู่ก่อนแล้ว ความละอายใจ .ถ้าไม่เกิดขึ้นเอง ต้องให้คนอื่นมาบอก ก็ไม่สมควรจะเรียกตนเองว่าครู หรือ หมดสภาพความเป็นครูทางจิตวิญญาณแล้ว ไม่ต้องไปหาใบประกอบวิชาชีพ หรือไปเรียนอีก หนึ่งปีหรอก จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 09:50:15

ความคิดเห็นที่ 49 การพาครูไปอบรมโน่นนี่  ไม่เห็นได้ประโยชน์เท่าไรเลยค่ะ เห็นแต่พวกไปนั่งกินกาแฟ  ตอนพักเบรค  พอเขาอบรมต่อก็หายไปไหนไม่รู้  กลับมาอีกทีตอนเย็น โดยเฉพาะที่ต้องพานักเรียนไปด้วย มีฝากนักเรียนกับครูคนอื่นด้วยนะ ตัวเองไปข้างนอกกลับมา  รับนักเรียนช้าอีก  เบื่อมาก  เราก็เกรงใจเพราะเป็นครูใหม่   เปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ จากคุณ : มิคาจี้ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 09:54:46

ความคิดเห็นที่ 50 คห 46 อย่าตีความคำถามแรกของผมในเชิงดูถูก ผมถามหาความจริง และไม่ใช่คำถาม ที่ผมจะถามว่า ครู คศ 3 พิมพ์งานได้ไหม ไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องการถาม เอาใหม่ ผมควรจะถาม ว่า ครูอายุสี่สิบ ขึ้นไปใช้งานคอมพิวเตอร์เป็น คล่องแคล่วประมาณกี่เปอร์เซนต์ ซึ่ง เป็นประโยคทำนองเดียวกันกับ จริงหรือไม่ที่ครูอายุสี่สิบอัพส่วนใหญ่ พิมพ์งานโดยใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น หรือไม่คล่องแคล่ว จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 14:12:04

ความคิดเห็นที่ 51 อ้างถึง ***************************************************** ความคิดเห็นที่ 37     ลองเปิดlink ทั้งสองนี้ดูนะครับ คคห.ที่ 33 และ 34 ครับ ผมเคยนำlink ไปไว้ที่กระทู้ของคุณครับผมครั้งหนึ่ง เพื่อให้.วิญญูชนได้ ฉุกคิดว่า มันควรหรือไม่ครับ.. คำว่า "ควร" คงไม่ต้องอธิบายดอกนะครับ. ใครกู้ ใครใช้เงินเกินตัว ใครบริหารตนเองจนเป็นหนี้ ผู้นั้นก็ต้องชดใช้ ไม่ใช่นำเงินงบประมาณมาใช้แทน หรือยกเลิกหนี้ให้ ผมว่า ประเด็นมีแค่นี้แหละครับ ถ้าเราไม่เข้าใจในประเด็นนี้ แต่กลับไปมองว่า ทำไมต้องพูดจา ตำหนิ ติเตียน ดูถูกกันด้วย อันนี้ผมก็โนคอมเมนต์ครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย     เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:14:34   ******************************************************* ความคิดเห็นที่ 48     ครู วันนี้เป็นเทวดามาจากไหน. ใหญ่โตคับประเทศเลยหรือไร ที่มีหนี้แล้วไม่ต้องจ่าย ตั้งม๊อบขึ้นมาต่อรองให้ปลดหนี้ ครู เป็นเทวดามาจากไหน ที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ในขณะที่สถาบันสำคัญๆต่างๆและคนไทยทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ครูได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหนี้ ใช่ไหม. ครู สำคัญกว่าข้าราชการหน่วยใดๆ จึงต้องให้อภิสิทธิ์.??  แล้วตำรวจทหารชั้นผู้น้อยนั้นละ ตำรวจที่ยืนโบกจราจรอยู่หน้าโรงเรียนละ ทหารที่อยู่ชายแดนละ ถ้าคิดจะทำ คิดจะปลดหนี้คุณต้องปลดให้ทั้งระบบ จะเลือกครูอย่างเดียวไม่ได้ การเรียกร้องให้ปลดหนี้ครู สมควรจะมีความละอายอยู่ก่อนแล้ว ความละอายใจ .ถ้าไม่เกิดขึ้นเอง ต้องให้คนอื่นมาบอก ก็ไม่สมควรจะเรียกตนเองว่าครู หรือ หมดสภาพความเป็นครูทางจิตวิญญาณแล้ว ไม่ต้องไปหาใบประกอบวิชาชีพ หรือไปเรียนอีก หนึ่งปีหรอก จากคุณ : สุดเดียวดาย     เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 09:50:15   ******************************************************** ก่อนอื่นขอบคุณที่แปะลิ้งใหม่ที่เกี่ยวข้องให้ค่ะ ตอบคำถามพี่ง่ายๆ เลย "หนี้ใครคนนั้นก็ต้องจ่าย" แต่ที่ไม่ชอบใจคือการตั้งกระทู้และออกความเห็นต่อว่า ผู้ที่ประกอบอาชีพครู 1. ผู้ประกอบอาชีพครูก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่ได้เป็นเทวดามาจากไหน 2. ครูดีๆ ที่คนอื่นไม่เคยเห็นมีมากมาย คิดถึงครูที่ตั้งใจทำงาน ดูแลเด็กด้วยนะคะ ใครที่คิดว่าครูมีหน้าที่สอนอย่างเดียว กรุณาคิดใหม่ 3. ใครที่เปรียบเทียบอาชีพครู กับ หมอ กรุณา เข้าใจด้วยว่าไม่เหมือนกัน   หมอเจอคนไข้ จ่ายยา แล้วก็จากกัน  แต่ ครู เจอเด็กทุกวันนะคะ   การที่คิดว่าหมอรักษาชีวิตคน ช่วยคิดด้วยนะคะว่าอาชีพครูก็ช่วยชีวิตคนเหมือนกัน ช่วยยกฐานะทางจิตใจของมนุษย์ ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคน กับเด็กที่คิดฆ่าตัวตายเด็กไปหาหมอไหมคะ   ท้ายสุดนี้ ทุกอาชีพมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 16:55:40 จากคุณ : rea_jam เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 16:54:17

ความคิดเห็นที่ 52 ความเห็นของคุณ cheychai ที่ 44 ครับ ผมเองก็ไม่ได้เป็นนักการศึกษาหรือเป็นครูดอกครับ ที่พูดๆนี่ก็เพราะได้ยิน เฝ้ามองเยาวชนของชาติข้างๆตัวนะครับ คิดอะไรออกก็พิมพ์ตั้งกระทู้มา ไม่ได้เก็บไว้เลย ความจริง สิ่งที่ผมว่า น่ากลัวที่สุด และอันตรายที่สุด คือเรื่อง ใบประกอบวิชาชีพครูนะครับ ..อันนั้นอันตรายมาก เหมือนมีการวางแผนระยะยาว เพื่อบ่อนทำลายระบบการศึกษาอย่างลึกซึ้งและให้ราบคาบไปเลยนะครับ .การจำกัดคนเก่ง คนดีให้มาเป็นครู นั่นนะ มันจะเป็นรากแก้วที่เน่าเฟะ รุ่มเร้า บ่อนเซาะระบบให้ล้มเหลวอย่างสะใจคนทำที่สุดเลยนะ แค่ทุกวันนี้ เด็กอ่านหนังสือไม่ออก ทั้งที่จบ ม.3 เยอะมากๆ ยังไม่เท่าไหร่ ต่อไปเอาครูที่โง่ๆ ขี้เกียจ เรียนไม่เก่ง มาเป็นครู กระจายกันไปทั่วทุกหัวระแหง.. ทีนี้ละครับ หนาวไหม  คนมักจะมองไม่เห็นภัยนี้ . ทีนี้ระบบฯถ้ามีแต่คนไม่ค่อยเก่ง คนห่วย อะไรๆก็ห่วยตามไป  มานึกถึงเรื่องการจะยกหนี้ให้ครู โยงไปถึงการจำกัดคนดีเข้าระบบมาเป็นครู การเร่งรัดออกกฎให้ขาย เลื่อนวิทยฐานะให้ได้มากๆ ให้ได้ง่ายๆ การเปลี่ยนแปลงงประมาณไปใช้หรืออะไรๆอีกหลายอย่าง ผมว่ามีต้องมีแผนการ่ระดับประเทศที่ทำลายการศึกษาไทยอย่างแน่นอน  ลองสังเกตุดูซิครับ มันต้องมีขบวนการบ่อนทำลายการศึกษาแน่ๆ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 17:22:54

ความคิดเห็นที่ 53 ครับ แต่ก็เป็นความเห็นที่ดีครับคุณ chaychaiผมจะลองทำดู อาชีพผมเองก็เกษตรกรครับ ใช้คอมพิวเตอร์+โปรแกรมฯไม่ค่อยคล่องเลย แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 17:26:57 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 17:24:37 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 17:23:08

ความคิดเห็นที่ 54 ครับ ขอบคุณ คุณ real_jam ที่เข้ามาบอกครับ เรื่องการศึกษานี่มีหลายกระทู้หลาย link ที่น่าสนใจนะครับ อยากให้ลองเข้าไปศึกษาดู อย่างเช่น link ที่ให้ไว้ ต่อไปถึงเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่อง ที่ว่าด้วยใบประกอบวิชาชีพครู หรือเรื่อง อจ.จุฬาบอก เด็กไทยการศึกษาต่ำที่สุดในแถบนี้นะครับ หรือเรื่องของคุณครับผมฯลฯ จริงๆเรื่องครูเราก็ทราบกันดีว่า มีทั้งคนดีและคนไม่ดี  แต่ทำอย่างไรเราจะแยกคนดีและไม่ดีออกจากกัน เช่นเรื่องการปลดหนี้ ยกเลิกหนี้ นี่นะครับ ครูหลายคน ก็คงจำเป็น แต่ก็มีหลายคนมากที่สุด ที่ไม่จำเป็นและก็เป็นส่วนมากที่สุดด้วย แล้วจะทำอย่างไร เอาคนที่ใกล้ๆผมนี้ ซื้อรถอีซูสุ สี่ประตูสองตอนมาได้ ไม่ถึง3ปี ยังใหม่อยู่เลย บอกขายต่อถูกๆ ไปกู้เพิ่มมาซื้อแอคคอร์ด ให้เหตุผลว่า พี่ๆ มันเด้ง ไม่ค่อยนิ่ม และจะเข้า กทม.บ่อยเลยต้องใช้รถเก๋ง กู้อีก อีกคนกู้ไปเที่ยวเมืองยุโรป ไปเป็น่ว่าเล่น.อันนี้จะทำอย่างไร จะแยกออกได้ไง  ครู ควรจะช่วยกันรักษาสถาบัน และส่วนให่ญ่ที่เขาพูดกัน เขาก็พูดกันถึงครูที่บุคคลนะครับ อย่างความเห็นของคุณ ks_sk ที่ 41ครับ  ทุกอาชีพมีความสำคัญทั้งนั้นนะครับ ตำรวจโบกรถก็สำคัญ ประเด็นคือ ทำไมจะปลดหนี้ครูเพียงอาชีพเดียว อาชีพนี้อภิสิทธิ์ชน ไม่ต้องอยู่ใต้กกฎหมายไทย อย่างไร แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 17:55:34 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 17:50:17

ความคิดเห็นที่ 55 เกี่ยวหรือเปล่าไม่รู้ แต่ครูชอบบังคับให้เราซื้อประกัน ตั้งแต่เราเรียนมัธยมจนจบแล้วไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าก็ยังมาตามขายเราอยู่เลย แอบเซ็ง! จากคุณ : อยากระบาย (ข้าวผัดปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 19:12:27

ความคิดเห็นที่ 56 กระทู้การศึกษาเกี่ยวกับครูนี่คุณครับผม คุณสุดเดียวดาย น่าจะเป็นแนวหน้าที่หยิบยกประเด็นร้อนๆขึ้นมาถก ทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามมาโดยตลอด ทั้งติดตามอ่านเงียบๆและโพสต์บ้างนานๆครั้งโดยส่วนตัวชอบความหลากหลายในการแสดงความคิดเห็น ถูกสอนมาให้เคารพความคิดเห็นต่าง เชื่อว่าความแตกต่างที่หลากหลายเป็นความงดงาม ขอเพียงเราเปิดใจให้กว้างและเรียนรู้ไปกับทุกความคิดเห็น  เข้าใจว่าจขกท.คงเจตนาตีแรงๆเพื่อให้เกิดความกระเพื่อม เพราะถ้าโพสต์แบบนิ่มๆก็คงไม่น่าสนใจ และเราเองก็เป็นอีกวิชาชีพหนึ่งที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้เยาวชน ทั้งท้องไม่พร้อม ปัญหาการเรียน ปัญหาฆ่าตัวตาย ทำงานโครงการเพื่อประโยชน์ของเยาวชนหลายโครงการ เป็นวิทยากรไปบรรยายในสถานศึกษา  ก็น่าเศร้าใจที่เยาวชนทุกวันนี้ส่วนใหญ่ชอบเสพความสนุกสนาน บรรยายความรู้วิชาการมากไปก็บ่นเบื่อ ชอบฮาอย่างเดียว เลยไม่แปลกใจเลยที่เยาวชนเราที่ถูกเวียดนามแซงหน้าไปแล้วเรียบร้อย จะสนุกกันไปถึงไหน ครูผู้สอนหลายคนก็ท้อแท้ในการเคี่ยวเข็ญแล้ว  ...ไปกันใหญ่ แวดวงรอบตัวเราก็ล้วนเป็นครู..เลยได้รับรู้ปัญหาการศึกษามาโดยตลอด มันทะ:-)ๆตั้งแต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่เข้าใจว่าเจตนาคนนำนโยบายนี้เข้ามาคงคิดง่ายๆว่าถ้านำผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษามาใช้เป็นตัวชี้วัด คุณครูทั้งหลายคงตั้งใจสอนเพื่อให้เด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดี หารู้ไม่ว่ามันเป็นดาบ2คมที่ผู้บริหารทางการศึกษาเล่นง่ายกว่า สั่งครูไม่ให้เด็กตกซะงั้น เพื่อให้ผ่านตัวชี้วัด 555 ดอกเตอร์ก็ดอกเตอร์เถอะ สงสัยไม่เคยอ่านศรีธนนชัย เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก็ต้องคอยดูแลปลอบใจคนใกล้ตัวทั้งหลายที่เป็นครูเครียดเรื่องการทำชำนาญการพิเศษ  พอพ้นระยะนั้นไปก็ต้องอ้าปากค้างที่บรรดาคุณครูทั้งหลายถอยรถออกมาเป็นว่าเล่น เรียกว่า ป้ายแดง10คันผ่านไป ซัก8คันเป็นรถคุณครู ...อ้าว..จัดกันปาย  เรื่องปลดหนี้ครูนี่เห็นมาหลายรอบแล้ว คิดว่าคงไม่ใช่นโยบายนักการเมืองเพียวๆน่าจะมาจากการชงขึ้นมาจากกลุ่มครู ขอแสดงความนับถือว่า วิชาชีพครูเก่งในเรื่องการผลักดันนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ของตนเอง  ถ้าจะเปลี่ยนความเก่งนั้นมาใช้ผลักดันให้เกิดนโยบายเพื่อให้เด็กมีการศึกษาที่มีคุณภาพก็น่าจะดีไม่น้อย นานๆแวะมาทักทาย เขียนยาวนิดยาวหน่อยอย่าว่ากันนะ  ให้กำลังใจทุกความคิดเห็น จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:21:08

ความคิดเห็นที่ 57 ขอถามนะคะ  ปลดหนี้ให้ครู  ในความหมายของคุณคือ..หนี้ที่ครูมีทั้งหมดเป็นศูนย์ เหรอค่ะ.. แต่ตามที่ดิฉันเข้าใจน่าจะหมายถึงว่าหาสถาบันทางการเงินอื่นมาแบบที่ดอกถูกกว่าเหมือนการรีไฟแนนส์มากกว่า.. ไม่ใช่ว่า..ปลดหนี้คือใช้หนี้แทนทุกบาททุกสตางค์แล้วครูเป็นไทเสียหน่อย.. สรุปถึงยังงัย..ครูก็ต้องใช้หนี้เองอยู่ดีแล้วจะเรียกว่าปลดหนี้ได้งัย.. ปลดหนี้คือต้องเคลียร์ให้เหลือศูนย์ในสลิปเงินเดือนรับเต็มสิค่ะถึงจะถูก... จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:44:38

ความคิดเห็นที่ 58 ข่าวด่วนเมื่อกี้นี้นะครับ.. อะไรกันนักหนา..ล่าชื่อกัน.อีกแล้ว งง งานเข้า"วรวัจน์" ครูล่าชื่อถอดเหตุสั่งระงับกู้ ยันไม่ห้าม พร้อมเปิดให้ครูลงทะเบียน http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000111976 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 21:51:41 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 21:42:23

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นด้วยกับ คห.57 ครับ ผมว่าเป็นการโอนเจ้าหนี้มาเป็นรายใหม่  เช่น รัฐบาล แต่ผมคิดว่าทำไม่ได้หรอกครับ  เพราะกติกาและความซับซ้อนยังมีอีกมาก  ผมจึงไม่ได้ให้น้ำหนักของนโยบายนี้ ผมเข้าใจว่ากล่าวขึ้นมาเพราะต้องการแค่เสียงเชียร์ของกลุ่มครูมากกว่าครับ ลองคิดดูนะครับ  สมมติว่าโอนหนี้มาค้างรายใหม่แล้ว  กติกา ด/บ ถูก หรือ = 0 แล้วจะห้ามลูกหนี้ไปก่อหนี้เพิ่มได้ไหม  เพราะแต่ละรายการกู้นั้นกู้มาจากเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน เช่นหลักทรัพย์  ใบหุ้น  เพื่อนค้ำประกัน ฯลฯ กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร  ร้องขอมาเป็นสิบปีแล้ว  ยังโอนหนี้ได้ไม่กี่รายเอง ทั้งๆที่หนี้เหล่านั้นหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันคือที่ดิน เกษตรกรต้องการโอนมาเป็นลูกหนี้ของรัฐ แทนธนาคาร  เพราะรัฐจะได้ไม่ยึดที่ดิน  ก็ยังทำได้ไม่กี่รายเอง งานนี้ประกาศเพื่อหาความนิยมครับ :-) จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 21:56:25

ความคิดเห็นที่ 60 ในความเห็นที่ 52 ของคุณสุดเดียวดาย เกี่ยวกับเรื่อง ใบประกอบวิชาชีพครู ผมลืมไปแล้วว่า คิดยังไงบ้าง จากความทรงจำและความรู้สึก ณ ปัจจุบัน ผมยังเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ยังต้องมี ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ แต่เห็นประเด็นของคุณสุดเดียวดายขึ้นมา ทำให้ผมเองก็ต้องมาฉุกคิด ในหลายๆ ประเด็นที่ต่อเนื่อง เกี่ยวกับ ใบประกอบวิชาชีพต่างๆ นั้น ยังมีความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่ตกผลึกออกมา จึงยังไม่สามารถถกได้ ณ เวลานี้ แต่ถ้าจะกล่าวเฉพาะใบประกอบวิชาชีพ ยังคงต้องมี แต่อาจจะต้องปรับแก้กระบวนการได้มา ให้มันสอดคล้องกับ ประสบการณ์และความสามารถของคนที่อยากจะมาเป็นครู ให้หลากหลายมากขึ้น ซึ่ง ณ เวลานี้ผมยังคิดไม่ออก่วาจะออกมาในรูปแบบใด สืบเนื่องจาก ระบบเดิมก็ยังคงประสิทธิภาพของมันอยู่นั่นเอง แต่เมื่อมีการตั้งคำถาม ก็เป็นเรื่องที่ดี ให้อภิปรายต่อว่ามันมีผลดีและผลเสียกับภาพรวมในวงการศึกษาอย่างไร บ้าง ซึ่งก็ยังคิดไม่ออก คงต้องช่วยกันหาวิธี หรือถ้าไม่มีเลย มันจะออกมาในรูปไหน ก็คงต้องศึกษากันพอสมควร นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงแนะนำให้คุณสุดเดียวดายทำบล๊อก กันลืม แต่ถ้าวัดกันว่าใครๆก็สามารถสอนได้ มันก็จริงอย่างที่กำลังคุยกัน ซึ่งปรัชญาการศึกษาสมัยใหม่ มันคงไม่สอดคล้องกับแนวทางที่เราต้องการ จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:03:35

ความคิดเห็นที่ 61 พวกเรา ควรจะได้สนใจและเอะใจเรื่องการศึกษาของชาติบ้างนะครับ.. เพราะว่าพวกเราชาวไทยไม่เคยใส่ใจเกี่ยวกับครูและการศึกษาเลย..ลูกหลานเราจึงได้เป็นอย่างนี้ -เด็กจบ ม.๓ อ่านหนังสือไม่ออก มากขึ้นๆ   -งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ มากที่สุดกว่าทุกกระทรวงฯ แต่ผลทางด้านการศึกษา ต่ำที่สุด สิ้นเปลือง และhttp://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/06/K10750332/K10750332.html -มีการพอกพูนเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งให้ครูมากกว่าหน่วยงานไหน การปรับวิทยะฐานะ ซื้อขาย จ้างกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เสียเงินจ้าง ไม่มีทางได้ กู้เงินมาจ้างทำเป็นเรื่องปกติ งบประมาณจึงหมดไปกับเงินประจำตำแหน่งมากมายมหาศาล -ไม่มีเงินไปปรับปรุงอาคารอุปกรณ์การศึกษา เพราะนำเงินงบประมาณ มาเปลี่ยนแปลงเป็นค่าวิทยะฐานะหมด -เงินเดือนสูงกว่าข้าราชการ ในระดับเดียวกัน.. ยังไม่พอ ยังจะกู้ มากินเหล้า มาซื้อบำเรอบำรุงกิเลส.. สุดท้ายก็ปลุกม๊อบ เพื่อขอปลดหนี้ ยกเลิกหนี้  นี่คือ ครู แห่งประเทศสารขันฑ์ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:24:39 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:16:23

ความคิดเห็นที่ 62 เรียนคุณcheychai ครับ เรื่องทั้งหมดอยู่ใน link เก่าๆนี้ครับ... มีคนบอกว่า กระทู้นี้ มีความเห็นมากที่สุด กระทู้หนึ่งตั้งแต่มี pantip มา คือ 338 ความเห็น แสดงว่ามีคนสนใจถกกันมาก และเป็นประเด็นที่ลุ่มลึก ละเอียดอ่อน ทำไมจึงไม่มีการพูดกัน ให้ตกผลึกก่อนออกกฎหมาย...http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/05/K10610756/K10610756.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:35:11

ความคิดเห็นที่ 63 อ้อ ขอบคุณครับ คุณสุดเดียวดาย ตามไปอ่าน เจอความเห็นของตัวเอง ผมก็มีข้อเสนอแนะไว้บางพอสมควร เกี่ยวกับเรื่อง ป.บัณฑิต  มาถึงตอนนี้ลืมแล้ว ความจำสั้น ก็ลองรวบรวมประเด็นต่างๆ ไว้ถก ก็ได้ครับ หรือไม่ก็ลองส่งเรื่องไป Thaipbs จัดเสวนา กันจริงๆจังๆสักครั้ง ก็คงจะดีเหมือนกัน โยนหินไปเลย น้ำจะได้กระเพื่อมแรงๆ จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:59:53

ความคิดเห็นที่ 64 นั่งหาข้อมูลทำโครงงานให้เด็กดีกว่าเพราะชั่วโมงแรกว่างค่ะ.. เสียบแอร์การ์ด...เงินตัวเองซื้อ เงินเติมแอร์การ์ดก็...เงินตัวเองจ่าย โน๊ตบุคที่ใช้ก็...เงินตัวเองซื้อ.. ปริ้นเตอร์ที่ใช้..ก็เงินตังเองซื้อ... เฮ้อ...สบายใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 09:15:50

ความคิดเห็นที่ 65 เรื่องใบประกอบวิชาชีพ ถ้าดูโดยผิวเผิน ก็จะเห็นว่ามีเจตนาดี อยากจะให้คนที่มีความตั้งใจจริงเท่านั้นไปเรียน 5ปี จึงจะมาสอบเป็นครูได้. แต่การที่คณะอื่นๆที่เป็นแหล่งรวบรวมคนเก่งของบ้านเมือง ยังใช้หลักสูตร 4 ปีอยู่ แล้วคณะหรือคนที่จบที่อื่นเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาเป็นครูโดยทันที หมายความว่า ปีหนึ่งๆ บัณฑิตที่จบจากคณะต่่างๆ หลายแสนคน หมดสิทธิ์ไปโดยทันที เช่นคณะ อักษรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเกษตร คณะภาษาศาสตร์ คณะเทคโนโลยี่ ITต่างๆ  คณะช่างจากเทเวศน์ ฯลฯ ขาดสิทธิ์โดยพลัน เหลือแต่พวกที่เรียนและจบมาจาก ราชภัฎหรือบางคณะศึกษาศาสตร์ของบางมหาวิทยาลัยเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ เคยมีตัวเลือก 100 คน หายไปทันที 90 คน เหลือแต่กลุ่มคนที่เรียนอ่อนมาให้เลือกแค่ 10 คน..  เป็นไงครับ.. ซึ้งไหมครับ แผนการทำลายการศึกษาชาติ   เขาก็จะอ้างว่าไงรู้ไหมครับ?    เขาก็อ้างว่า คนที่จบจากคณะอื่นก็ไปเรียนเพิ่มอีก 1 ปีเอาซิ.. ถามว่า ใครที่จบอักษรศาสตร์ หรือช่างฯ หรือ IT แล้วจะไปเรียน+ ฝึกงานอีกหนึ่งปี..คนเก่งก็จะฝ่อแล้วไม่เข้ามาเป็นครูในระยะยาวเอง แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 21:48:22 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 19:35:55

ความคิดเห็นที่ 66 อาชีพไหนหรือวิชาชีพไหนก็ล้วนเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ แต่วิชาชีพครูสำคัญและอยู่ใกล้ชิดกับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ  เป็นหน่วยย่อยที่ต้องทำงานควบคู่ไปกับครอบครัวในการปั้นแต่งเยาวชนให้ออกมาให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมและมีองค์ความรู้ที่จะเป็นฐานในการประกอบอาชีพต่อไป ข้อดีคืออยู่กับเด็กกลุ่มเดิมๆเป็นระยะเวลานาน เห็นพัฒนาการของเด็กตลอดช่วงที่เด็กอยู่ในโรงเรียน ต่างกับวิชาชีพอื่น อย่างเช่น แพทย์/ พยาบาล/บุคลากรทางสาธารณสุข/นักสังคมสงเคราะห์ ที่มีส่วนในการดูแลประชาชนที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆมีบทบาทหน้าที่เฉพาะ หมดภารกิจเป็นช่วงๆ แต่ครูเป็นครูไปตลอดชีวิต เชื่อว่าคนทุกคน(โดยส่วนใหญ่)จดจำ ระลึกถึงครูที่สอนได้ทุกคน วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่มีเกียรติ แน่นอนก็มันย่อมมากับความคาดหวังจากสังคม ยิ่งครูได้รับค่าตอบแทนที่มากขึ้น ก็ยิ่งต้องแบกรับความคาดหวังที่มากยิ่งๆขึ้นไป สวนทางกับคุณภาพเด็กที่จบการศึกษาออกมากลับแย่ลง ครูเชิงพานิชย์มากขึ้น  แน่นอน คำถามจากสังคมก็ยิ่งมากขึ้น เราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ครูควรผนึกกำลังกันต่อสู้เพื่อคุณภาพการศึกษาของเด็ก มากกว่าการผนึกกำลังต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ครูเคยเห็น นักกฎหมาย วิศวะ แพทย์  เภสัชกร พยาบาล รวมตัวกันเพื่อต่อรองผลประโยชน์ให้กับตนเองไหมล่ะ เคยเห็นวิชาชีพอื่นออกมาเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลืออะไรบ้าง อย่างมากเขาก็แค่รวมพลังเพื่อป้องกันตนเองจากกฏหมายที่ไม่เป็นธรรมเท่านั้น เวลามีตึกถล่มก็มีสภาวิชาชีพของวิศวกรเข้ามาตรวจสอบและอธิบายให้สังคมกระจ่างใจ เวลาคนไข้เสียชีวิตด้วยเหตุไม่สมควรก็มีกฎหมายชดเชยเงินให้ มีแพทยสภา มีสภาพยาบาล และสภาของวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ รวมถึงลงโทษ วิชาชีพครูได้ทำแบบนั้นไหม มันคือความสง่างามของวิชาชีพ เราเองมีคุณพ่อเป็นครูที่มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เราเองก็ชื่นชมวิชาชีพครู และเจ็บปวดที่คุณครูถูกต่อว่า แต่มันก็จริงอย่างที่สังคมตั้งคำถามซะงั้น แถมเราต้องพบเจอเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ถูก เยอะมาก เราเองก็ตั้งคำถามกับคุณภาพการศึกษาสมัยนี้เช่นกัน กระทู้คุณครับผมและคุณสุดเดียวดาย คุณ temp003184จึงกลายเป็นกระทู้ที่เราติดตามอ่านและได้เรียนรู้จากหลายๆท่านที่เข้ามาโพสต์ อยากให้กำลังใจครูทุกๆท่านให้มีพลังใจในการกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 21:10:38

ความคิดเห็นที่ 67 กลุ่มคนที่เรียนอ่อนมาให้เลือกแค่ 10 คน.. ทำไมถึงคิดว่าคนที่เรียนโง่หรือเรียนอ่อนต้องมาเรียนครูล่ะคะ คนที่เรียนเก่ง เรียนดี..แล้วเลือกเรียนครูไม่ได้เหรอค่ะ... หรือคุณเห็นแต่ครูโง่ๆๆ ครูที่ฉลาดๆๆเก่งๆๆก็มีให้เห็นนะคะ เปิดใจบ้าง.. จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 09:56:17

ความคิดเห็นที่ 68 จาก#36และกระทู้คุณหมาป่าดำ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11019942/K11019942.html อึ้ง!! หนี้สินครูท่วมหัว 1 ล้านล้านบาท เฉพาะแหล่งเงินกู้ที่เป็นสวัสดิการ ไม่นับหนี้นอกระบบ-บัตรเครดิต http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314965036&grpid=00&catid=&subcatid= เพิ่งนึกสงสัยว่า เงินกู้ในระบบสวัสดิการต่างๆ ที่เป็นหนี้รัฐ คือพวกสหกรณ์ ชพค.ฯลฯ เนี่ย มันดอกเบี้ยเท่าไหร่ครับ (คงดอกถูกกว่าหนี้สถาบันการเงิน-หนี้นอกระบบแหละนะ) แล้วโครงการปลดหนี้นี่จะช่วยเหลือหนี้ส่วนไหน หนี้แบงค์-นอกระบบ >ก็คงรีไฟแนนซ์เข้าระบบรัฐล่ะนะ ภาระดอกจะได้น้อยลง หรือรัฐขอความร่วมมือแบงค์บางแห่ง ช่วยกรุณาพิจารณาลดให้ที(ว่าแต่ ถ้าหนี้รัฐดอกถูก แล้วทำไมยังกู้ข้างนอกกัน (หรือว่าใช้สิทธิเต็มวงเงินไปก่อนแล้ว)) หรือ หนี้รัฐ >จะมีที่ดอกถูกกว่าที่กู้ไว้เดิมอีกเหรอครับ แล้วเรื่องวงเงินที่จะอนุมัติอีก (คือ งบที่รัฐจะจัดหามาให้ก็ต้องมีต้นทุนดอกเบี้ยหรือเงินเฟ้อ สะระตะแล้วก็ไม่น่าจะปล่อยรีไฟแนนซ์ได้ถูกกว่าดอกเบี้ยอัตราเดิมที่เคยปล่อยให้กู้หรอก หรือไม่ก็รัฐยอมรับภาระส่วนต่างนั้นไปแทนลูกหนี้ซะ) หรือจะ haircutยอดหนี้ >อันนี้รัฐรับภาระเต็มๆทั้งดอก&ต้น ตามยอดที่ลดให้เลย แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 13:35:10 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 13:30:20 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 13:28:31

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องการหาคุณภาพที่ดีที่สุด หลักสากลทั่วโลก เขาก็ต้องคัดสรรเลือกจากตัวเลือกให้มากที่สุด เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว ระหว่างคนที่มีคุณภาพกลุ่มหนึ่ง 100 คน แล้วเลือกมา 5 คน / กับอีกระบบหนึ่ง เหลือตัวเลือก 10 คน คัดเลือกมา 5 คน..  ก็คงมีประเทศสารจัณฑ์ กระทรวงศึกษาของประเทศนี้ ที่เห็นว่า ควรเลือกจาก 10 คน มาให้เหลือก 5 คน    นี่เป็นขบวนการที่เรีกว่า การนำไปสู่การผูกขาด การนำไปสู่สังคมปิด ไม่มีการแข่งขัน ต่อไปก้จะไม่มีขบวนการพัฒนาองค์กรด้านต่างๆ เพราะระบบถูกผูกขาดโดยสถาบันใดสถาบันหนึ่งไปแล้ว   ส่วนว่า คนเรียนอ่อนมาเรียนครูหรือไม่ จริงเท็จจริงอย่างไร ก็ไปเปิดคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยย้อนหลังไปสัก 10 ปี ดูว่าคะแนนเข้า อักษรฯ วิทยาศาสตร์ ช่างราชมงคล หรือ IT คอมพิวเตอร์ ต่างๆ ดูว่าคะแนนใครมากกว่ากัน นะครับ.. คงไม่ต้องพูดมาก   สังคมโดยทั่วไปก็คงรับรู้อยู่แล้วว่า คนที่ไปเรียนราชภัฎ คุณภาพเป็นอย่างไร   นี่แหละคือความคิดแบบนักการศึกษา.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 16:35:04

ความคิดเห็นที่ 70 สังคมโดยทั่วไปก็คงรับรู้อยู่แล้วว่า คนที่ไปเรียนราชภัฎ คุณภาพเป็นอย่างไร  นี่แหละคือความคิดแบบนักการศึกษา.. ......... ถ้าคุณคิดว่าคนเรียนครู..เรียนราชภัฏไม่มีคุณภาพ.. แล้วถามหน่อยว่า..อักษรฯ วิทยาศาสตร์ ช่างราชมงคล หรือ IT คอมพิวเตอร์ พวกนี้เก่งกันเองโดยที่ไม่มีครูโง่ๆอย่างพวกเราสอนเหรอค่ะ.. คนโง่หรือฉลาดนั้นมันวัดกันที่สมองจริงอยู่ค่ะแต่นอกเหนือจากนั้นคือความเพียรพยายามในการหาความรู้เพิ่มเติมไม่ใช่หรือค่ะ..ครูโง่ๆอย่างพวกเราก็ต่อโทต่อเอกกันค่ะทั้งๆที่อยู่บ้านนอกกันดาร..สอนอาทิตย์ล่ะ 21 คาบ..งานนอกเหนือจากการสอนอีก.. ..เห็นใจเราด้วยค่ะ..ก็อยากจะฉลาดๆๆอย่างคุณว่านะแหละ..แต่บางครั้งก็ต้องโง่บ้างเพราะผอ.ไม่ชอบคนรู้ทันจ้า... การเรียนการสอน..หนังสือของกระทรวงสอนได้..แต่ตอนสอบ nt หรือ onet เอาข้อสอบจากหนังสือเล่มอื่น55555555555555 จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 19:51:57

ความคิดเห็นที่ 71 ครับ คุณสมครือ... ผมตัดมาบางข้อความจากความเห็นเก่าๆครับ..เชื่อว่าคงทำให้ได้ภาพนะ.. """วิทยาลัยครูถือกำเนิดขึ้น เนื่องจากนักเรียนจบม.ปลายสมัยก่อนจำนวนมากสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่ต้องการเรียนระดับปริญญาตรี รัฐบาลสมัยก่อนจึงจัดตั้งวิทยาลัยครูขึ้นมาเพื่อรองรับนักเรียนเหล่านี้ นักศึกษาวิทยาลัยครู จบมาแล้วไม่มีงานทำ ตกงานทั้งประเทศ วิทยาลัยครูจึงปรับตัวเองกลายเป็นสถาบันราชภัฎ วิทยาลัยครูจึงเป็นความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยในอดีต ------------------------------------------------------------ ภาพในอดีต รัฐบาลเปิดสอบบรรจุครูไม่กี่ร้อยตำแหน่ง บัณฑิตวิทยาลัยครูหลายแสนแห่กันไปสมัครบรรจุเป็นครู ผลสอบ บัณฑิตที่ไม่ได้จบวิทยาลัยครูสอบได้เกือบหมด นักศึกษาครูและบัณฑิตครูตกงานหลายแสนคนทั่วประเทศ ชุมนุมเรียกร้องให้ออกกฎหมายใบประกอบวิชาชีพครู เพื่อให้บัณฑิตครูมีงานทำ ใบประกอบวิชาชีพครูจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของนักเรียนหรือการศึกษาไทย แต่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาบัณฑิตครูตกงาน วันนี้บัณฑิตครูเหล่านี้กลายเป็นปัญหาการศึกษาของไทย ครูไม่มีคุณภาพ ครูไม่มีความรู้ ครูไม่สอนหนังสือ ........................................................................ แหล่งที่มา เขียนโดยคุณ  คนไทย TicketID:117365 ที่ คคห 9 ในกระทู้เก่าอันนี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10558043/K10558043.html หากอยากได้อรรถรส หรือข้อมูลทั้งหมดผมขอเชิญกระทู้เก่านี้นะครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/05/K10610756/K10610756.html แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 21:35:50 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 21:34:54

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพในอดีต รัฐบาลเปิดสอบบรรจุครูไม่กี่ร้อยตำแหน่ง บัณฑิตวิทยาลัยครูหลายแสนแห่กันไปสมัครบรรจุเป็นครู ผลสอบ บัณฑิตที่ไม่ได้จบวิทยาลัยครูสอบได้เกือบหมด นักศึกษาครูและบัณฑิตครูตกงานหลายแสนคนทั่วประเทศ ชุมนุมเรียกร้องให้ออกกฎหมายใบประกอบวิชาชีพครู เพื่อให้บัณฑิตครูมีงานทำ ใบประกอบวิชาชีพครูจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของนักเรียนหรือการศึกษาไทย แต่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาบัณฑิตครูตกงาน วันนี้บัณฑิตครูเหล่านี้กลายเป็นปัญหาการศึกษาของไทย ครูไม่มีคุณภาพ ครูไม่มีความรู้ ครูไม่สอนหนังสือ ................ .....ในส่วนตัวคือเรียนจบก็สอบบรรจุได้เลย..เป็นครูตั้งแต่อายุ 21 เ พราะคิดว่ามีการเตรียมตัวเพื่อเป็นครูมาอย่างดี..คืออ่านหนังสือสอบบรรจุตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปี 3-4จึงไม่ทราบว่าความลำบากในเรื่องของการตกงานนั้นเป็นอย่างไร ......ส่วนเรื่องหนี้สินของครูนั้น...ขอไม่ออกความเห็นในส่วนนี้เพราะ..ที่บ้านบังเอิญฐานะดี..จึงไม่เดือดร้อนกับเงินเดือนอันน้อยนิดของเรา.. แต่ก็ยังยืนยันค่ะว่าเราทำหน้าที่สอนของเราอย่างเต็มที่..เต็มความสามารถ.. แต่ในเรื่องของการบริหารงานภายในโรงเรียนนั้น..หลังไมค์มาคุยกันได้นะคะว่าทำไมระบบการศึกษาไทยถึงได้ล้มเหลว.. เอาตัวอย่างง่ายๆไปก่อนแล้วกันค่ะ..เรื่องหนังสือตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี ..ท่านผู้บอ..บอกว่าร้านไหนให้% มากหรือมีบุญคุณกับ รร.ก็เอาร้านนั้น..ทั้งที่หนังสือ...ไม่อยากจะพูด จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 10:14:53

ความคิดเห็นที่ 73 ท่านผู้บอ..บอกว่าร้านไหนให้% มากหรือมีบุญคุณกับ รร.ก็เอาร้านนั้น..ทั้งที่หนังสือ...ไม่อยากจะพูด ต่อมาครูน้อยรับคำสั่งให้โทรไปร้านนึง ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ หนูไม่ได้ทำเรื่องนี้เลยนี่จ๊ะ ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยติดต่อเขาเลย ทั่น: เออน่า โทรไปเถอะ ต่อมา ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ทั่นปฏิเสธร้านนี้จ้ะ ร้าน: อ้าว วันก่อนทั่นตกลงแล้วหนิครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ร้าน: ทำไมล่ะครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ [ซ้ำ3รอบ] ร้าน: %ไม่พอเหรองับ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ทั่นบอกว่าร้านนู้นให้%มากกว่า สั่งให้โทรมาปฏิเสธทางนี้ (เสียงอุบอิบแบบคนรู้สึกผิด)เอ่อ ครือ ทั่นให้ถามว่าจะเพิ่มให้ทั่นได้เท่าไหร่ ร้าน: ถ้าให้%เพิ่มแล้วจะสั่งร้านที่ผมเยอะไหมครับ ไม่งั้นก็เพิ่มให้ไม่ไหว ครูน้อย(นามสมมุติ): ตอบให้ไม่ได้จ้ะ  เพราะทั่นบอกไว้ว่าให้ติดต่อทั่นดูเอง ร้าน: งั้นยอมแพ้ดีกว่า ขอบคุณครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): จ้ะ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 10:55:11

ความคิดเห็นที่ 74 เรื่อง%นี้เจอบ่อยจนงง เวลาเราไปจัดซื้อของทำโครงการ ร้านถามว่าเครดิตกี่เดือน เราให้ได้...%เรางง ถามกลับว่า ยังไงเพราะเราไม่เข้าใจ ร้านบอก ถ้าอาจารย์ต้องการ% ต้องแจ้งกับร้านว่าเครดิตกี่เดือน ร้านจะได้คิด% ให้ ซึ่งราคาที่ร้านคิดแบบนี้สูงกว่าราคาของหน้าร้านมาก เราสะท้อนใจ แสดงว่ามีการร่วมมือผลาญงบประมาณหลวงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และคงเป็นมานานจนกลายเป็นประเพณีนิยม เลยตอบไปว่า ไม่ใช่อาจารย์ และต้องการราคาของที่ไม่บวก เพราะเราจ่ายเงินสด ต้องการบิลเงินสด ร้านก็งงๆอึ้งๆ ปนอายๆ ยังดีนะปีนี้ลำดับคอรัปชั่นประเทศไทยดีขึ้น ขยับเป็นที่78 แสดงว่าคอรัปชั่นน้อยลง หรือทำได้แนบเนียนขึ้น? จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 11:29:25

ความคิดเห็นที่ 75 ท่านผู้บอ..บอกว่าร้านไหนให้% มากหรือมีบุญคุณกับ รร.ก็เอาร้านนั้น..ทั้งที่หนังสือ...ไม่อยากจะพูด ต่อมาครูน้อยรับคำสั่งให้โทรไปร้านนึง ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ หนูไม่ได้ทำเรื่องนี้เลยนี่จ๊ะ ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยติดต่อเขาเลย ทั่น: เออน่า โทรไปเถอะ ต่อมา ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ทั่นปฏิเสธร้านนี้จ้ะ ร้าน: อ้าว วันก่อนทั่นตกลงแล้วหนิครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ร้าน: ทำไมล่ะครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ [ซ้ำ3รอบ] ร้าน: %ไม่พอเหรองับ ครูน้อย(นามสมมุติ): เอ่อ ทั่นบอกว่าร้านนู้นให้%มากกว่า สั่งให้โทรมาปฏิเสธทางนี้ (เสียงอุบอิบแบบคนรู้สึกผิด)เอ่อ ครือ ทั่นให้ถามว่าจะเพิ่มให้ทั่นได้เท่าไหร่ ร้าน: ถ้าให้%เพิ่มแล้วจะสั่งร้านที่ผมเยอะไหมครับ ไม่งั้นก็เพิ่มให้ไม่ไหว ครูน้อย(นามสมมุติ): ตอบให้ไม่ได้จ้ะ  เพราะทั่นบอกไว้ว่าให้ติดต่อทั่นดูเอง ร้าน: งั้นยอมแพ้ดีกว่า ขอบคุณครัฟ ครูน้อย(นามสมมุติ): จ้ะ .................................... เดี๋ยวนี้มีเพื่อนผู้บอ..ก็คือผู้บอโรงเรียนอื่นเปิดสำนักพิมพ์  โดยใช้ชื่อลูกชายเป็นเจ้าของ.. ทั้งกระดาษก็เปรียบประดุจกระดาษห่อผ้า............. ทั้งเนื้อหาก็เปรียบประดุจ...................... ทำยังงัยต้นทุนจะต่ำที่สุด...เพราะจะได้รับประทานกันอิ่มหมีพีมัน..ถ้วนทั่วหน้าบานๆของท่าน นักเรียน..ช่างมันเอาไว้ทีหลัง... ครูผู้สอนช่างมัน.... หนังสือไม่ดีเดี๋ยวพวกมรึงก็วิ่งไปหาซื้อกันเอง... ( เงินกรูอีกแล้ว ) อยากให้เด็กเก่งถึงฟ้าต้องกล้าลงทุน.. คศ 1 ได้แล้ว คศ 2 ได้แล้ว  คศ3 ได้แล้ว..ลงทุนหน่อยเพื่อเด็ก  ( ดูมันว่า  ..ให้แต่เราลงทุน..เงินเดือนเรา..แล้วเงินรายหัว...เก็บไว้ใช้อย่างอื่น 55555555 นักเรียนหลักสูตรใหม่ ตอนนี้อยู่ ม. 1 แล้ว แต่หนังสือที่จะใช้เรียนตั้งแต่ป. 4 ยังได้ไม่ครบทุกกลุ่มสาระเลยค่ะ เจ้านายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 11:47:32

ความคิดเห็นที่ 76 อย่างนั้นเลยเหรอครับ คุณ สมครือ .. โอตายละ พระเจ้าช่วย กล้วยทอด.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 13:11:17

ความคิดเห็นที่ 77 สาเหตุที่เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ 1 เพราะนโยบายจากคนบนโน้นนนน ให้นโยบายมาว่า ห้ามเด็กซ้ำชั้น อืมมม อันที่จริงมันก็ไม่ตรงๆ ขนาดนี้มั้ง เพราะมาไม่ทันค่ะ แต่น่าจะประมาณว่า โรงเรียนไหนมีเด็กซ้ำชั้นจะมีปัญหา ผู้บอ ก็เลยสั่งห้ามซ้ำชั้น   อืมมมม ป.ล. เกิดมาไม่ทันวิทยาลัยครู แต่ได้ฟังมาว่า เมื่อก่อนมีคนสอบแข่งขันเข้าวิทยาลัยกันเยอะมาก แถมจบมาก็มีงานทำเพราะสมัยก่อนครูไม่เยอะขนาดนี้  อีกทั้งสมัยก่อนหน้านั้นเล็กน้อย แค่ จบ ป. 4 ถ้าฉลาดกว่าเพื่อนก็ได้เป็นครูล่ะ (คุณยายที่เสียไปแล้ว เล่าให้ฟัง) แต่ทีนี้พอวิทยาลัยครูเปิดมาได้ซักพัก คนก็แห่มาเรียนกัน เพราะจบมาก็มีงานทำ ทีนี้แต่ละที่ก็เปิดกันสนุกสนานเนื่องจากต้นทุนการผลิตต่ำมาก แต่มีคนสนใจเยอะ พอเปิดกันเยอะๆ ก็ควบคุมคุณภาพได้ยาก จบมาก็ล้นตลาดกันไป จากคุณ : rea_jam เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:05:00

ความคิดเห็นที่ 78 การรีไฟแนนซ์หนี้ ถ้าเป็นเกษตรกรล่มจมเพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ การตลาดแย่จนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว น่าเห็นใจ  คนค้าขายขาดทุน เพราะเหตุปัจจัยหลายอย่าง ก็น่าเห็นใจ เป็นความสมเหตุสมผล  แต่ครูที่มีความรู้ความสามารถให้รัฐช่วยดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย  ยังไงก็ไม่ควร  ทำให้วิชาชีพอื่นเขาครหาเอาได้ เนอะ! การเสียสละด้วยความเต็มใจอย่างคุณสมเครือเป็็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ  เป็นกุศลจิตไม่ใช่สิ่งที่ต้องน้อยใจหรือเสียใจ ถ้าทำแล้วรู้สึกแย่ก็อย่าทำเพราะบุญที่ควรจะเกิดจากการเสียสละจะพลอยหายไป   การไม่ยอมก้มหัวให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่งกว่าเป็นคำตอบของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  เป็นสิ่งที่อยากให้ครูทั้งหลายมีในตัวเองให้มากๆ เข็ญครกขึ้นภูเขาดีกว่าเป็นท่อนซุงที่ไหลไปตามน้ำสุดแต่กระแสน้ำจะพาไป  สู้ๆนะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 18:14:06

ความคิดเห็นที่ 79 การเสียสละด้วยความเต็มใจอย่างคุณสมเครือเป็็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ  เป็นกุศลจิตไม่ใช่สิ่งที่ต้องน้อยใจหรือเสียใจ ถ้าทำแล้วรู้สึกแย่ก็อย่าทำเพราะบุญที่ควรจะเกิดจากการเสียสละจะพลอยหายไป   การไม่ยอมก้มหัวให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่งกว่าเป็นคำตอบของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  เป็นสิ่งที่อยากให้ครูทั้งหลายมีในตัวเองให้มากๆ เข็ญครกขึ้นภูเขาดีกว่าเป็นท่อนซุงที่ไหลไปตามน้ำสุดแต่กระแสน้ำจะพาไป  สู้ๆนะ +++++++++++++++++++++++++++++ อิๆดีใจจังมีคนแอบชมเราด้วย..เพราะปกติที่ทำงานชอบแอบนินทาว่าเราหน้าใหญ่.. ต้องขอออกตัวก่อนนะคะไม่ใช่ว่าหน้าใหญ่หรืออวดรวยแต่รำคาญ..เครื่องคอมรร.ทั้งโรง ( ขยายโอกาสมีเด็กถึง ม. 3 ) มีเครื่องที่ใช้ได้ไม่เกิน 5 เครื่องแล้วก็แย่งกันใช้ทั้งครูทั้งเด็ก..เครื่องปริ้นไม่ต้องพูดถึงน้อยมากจนเดี๋ยวพังเดี๋ยวเสียแย่งกันทั้งครูทั้งเด็ก..กระดาษ..ก็แทบจะไม่มีให้ใช้เพราะผู้บอไม่มีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นแต่ปรับปรุงภูมิทัศน์..งานวิชาการไม่เอา.. เมื่อก่อนเราทำงานธุรการตอนที่ยังไม่มีธุรการประจำโรงเรียน..เรางัดกะผู้บอประจำเรื่องกระดาษ..มีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่า.. วันที่ 1 เราปริ้นหนังสือสั่งการจากเขตด้วยสีแดง..แล้วนำเสนอท่าน วันที่ 2 เราปริ้นด้วยสัน้ำเงินเสนอท่านแล้วตั้งให้เหลื่อมกนนิดนึง.. ท่านถามว่าทำไมถึงเป็นยังงี้..ก็บอกว่าวันนี้ให้อ่านสีน้ำเงินนะคะเพราะกระดาษไม่มี.. วันพรุ่งนี้จะเอาทางสันมันปริ้นให้อ่านคะ.. เพราะปากอย่างงี้ ( คนที่บ้านว่ามา )...ความดีไม่เคยเห็นมาหลายปีแล้วคะ...แต่ความงามนั้นมีมากมายเสมอ...5555555555555 จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 10:06:24

ความคิดเห็นที่ 80 ขออนุญาตเอามาฝากไว้ค่ะ อ่านแล้วก็คิดว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านก็มองปัญหาออก เสนอทางแก้มาตั้งแต่ปี2552 แต่ไฉนจึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหนอ... ยังไม่ได้อ่านกระทู้ เพราะงานยุ่งมากค่ะ www.niets.or.th/upload-files/uploadfile/5/afe7dd64cdd86e42cda4326e0c23f25d.pdf จากคุณ : ninoshingo เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 11:22:05

ความคิดเห็นที่ 81 เฮ่อๆๆ ถ้าม่อย่างคุณ สมครือเยอะๆก็ดีซิน้อ.. สนุกปนขำ ปนอึ้งน้อ กับ ผู้บอ ขอคุณสมครือ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 13:04:03