ความคิดเห็นที่ 1 ผมมาให้กิฟคุณแถมโหวตให้ด้วย เนื่องมาจากการแตกกระทู้ครับ จากคุณ : ทูตซ้ายเอี้ยเซียว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:11:58

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อคนอื่นไม่ทราบ เนื่องจากไม่มีหัวข้อแตกกระทู้ติดมานะครับ  จขกท.น่าจะหมายถึงจากกระทู้นี้ ประวัติศาสตร์ไทยเรื่องอะไรบ้างที่คุณคิดว่าถูกบิดเบือน http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10978868/K10978868.html ขอแปะไว้เพื่อผู้อ่านท่านอื่น ตกหล่นหรือตามไม่ทันครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:35:18

ความคิดเห็นที่ 3 ''ซึ่งในครั้งนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างปรีดี กับจอมพล ป. เริ่มตึงเครียด และไม่เคยกลับมาดีกันอีกเลย''.... ขอนิดเดียว ปี2500จอมพลป นิรโทษกรรมให้ลูกชายคนโตของคุณปรีดี หลังขังคุกมา5ปี เมื่อคุณปาล พนมยงค์ ขอพบจอมพลเพื่อขอลาบวช น่าจะคืนดีกันแล้ว... จอมพล ป.ฝากข้อความไปยังนายปรีดีว่า ''บอกคุณพ่อของหลานด้วยนะว่า ลุงอยากให้กลับมาช่วยลุงทำงานให้ชาติ ลุงคนเดียวสู้ศักดินาไม่ไหวแล้ว''วิกิ จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:34:36

ความคิดเห็นที่ 4 คุณเจ้าของกระทู้คะ ด้วยความสงสัยนะคะ ไม่ได้ฟันธง เรื่องเสรีไทย เรากลับเห็นว่าท่านปรีดีน่าจะได้ความดีความชอบมากกว่าหม่อมเสนีย์ เพราะ 1. ในแง่ความเสี่ยง  ท่านปรีดีอยู่เมืองไทย อันตรายมีอยู่มากกว่า ในขณะที่หม่อมเสนีย์อยู่อเมริกา ไม่ได้เผชิญหน้ากับญี่ปุ่นรายวันอย่างท่าน 2. ในแง่พื้นที่ดำเนินการ  เมืองไทยคือเป้าหมายของการปฏิบัติงานของเสรีไทยจากต่างประเทศ  ในฐานะคนดูแลพื้นที่ ท่านปรีดีสำคัญกว่า 3. ในแง่ผลการทำงาน  ในฐานะผู้สำเร็จราชการซึ่งถือว่าสูงสุดของประเทศแล้ว ทำให้การประกาศโมฆะมีผลในการปฏิบัติจริง หากให้หม่อมเสนีย์ประกาศก็ไม่น่าจะให้ผลสัมฤทธิ์เท่ากัน จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:21:56

ความคิดเห็นที่ 5 คห.4 ผมมองในแง่บทบาทเสรีไทย ยังไงคุณชายเสนีย์ ก็มีสำคัญมากกว่า ท่านปรีดี เพราะทั้งหมดทั้งปวง ที่คุณเอเธน่า พูด จะหมดความสำคัญไปเลย ถ้า... "อเมริกาไม่เอาด่้วย" ดังนั้น คนที่มีบทบาทเชื่อมต่อกับอเมริกา ก็คือคุณชายเสนีย์ ย่อมมีบทบาทสำคัญมากกว่า เพราะ พื้นที่ของมรว.เสนีย์ คือ พื้นที่ของคู่กรณี ไม่ใช่บ้านเกิด และแม้จะเป็นเอกอัครราชทูต แต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญแบบท่านปรีดี ไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องคุ้มครองในยามสงคราม เพราะในยามนั้นใครกันจะสนกฏหมายระหว่างประเทศ และหลังสถานะเอกอัครราชทูตมันหมดไปหลังจากประกาศสงครามแล้ว เพราะ พื้นที่ของมรว.เสนีย์ คือ พื้นที่ของคู่กรณี ที่มีบทบาทสำคัญของสงครามที่สุด และมีอิทธิพลต่อฝ่ายตรงข้ามมากกว่า เพราะ พื้นที่ของมรว.เสนีย์ คือ สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในกรณีที่สงครามยืดเยื้อยาวนาน ดังนั้น มันไม่เกี่ยวหรอกว่า ใคร ใหญ่กว่าใคร เพราะถ้าตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คนที่เป็นผู้นำ ก็คือ เสนีย์ ที่อยู่ในพื้นที่ไม่ใช่ ปรีดีย์ ที่อยู่ในวงล้อมของอีกฝ่าย เหมือน นายพล Charles de Gaulle เองก็เป็นเพียงแค่นายทหารคนหนึ่ง เหมือนกัน หากพูดกันตรงๆ ในประเทศไทยท่าน ปรีดี จะเอาหรือไม่เอา จะเซ็นต์ ไม่เซ็นต์ ก็หาได้มีผลต่อสงคราม เพราะนั้น เป็นเพียงข้ออ้าง ของฝ่ายไทย หาก อเมริกาไม่เอาด้วยก็จบ แต่ สมมุติท่านปรีดี จะเห็นด้วย กับการเข้าข้างญี่ปุ่น แต่ถ้ามีการตำเนินการแบบ ม.ร.ว. เสนีย์ มันก็สามารถสร้างข้ออ้างอื่นๆขึ้นมาได้ ข้อพิสูจน์นั้น จะเห็นได้จาก คนที่ขึ้นมาเป็นนายก หลังสงครามจบ ทำไมถึงชื่อ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ไม่ใช่ ปรีดี พนมยงศ์ ความจริงท่านปรีดี อาจจะมีบทบาทสำคัญมากกว่านี้ก็ได้ แต่ที่ผมกล้ายืนยันก็คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ถูกยกย่องน้อยไปจริงๆ *แก้ไขคำพูดนิดหน่อยครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 15:11:11 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 13:51:40 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 13:45:11 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 13:42:42 จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:42:20

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาเก็บความรู้ จากคุณ : Eakiji Onisuka เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 15:09:04

ความคิดเห็นที่ 7 คห.3 ครับ แต่ผมจำได้ว่า จอมพลถนอมปฏิวัติรัฐบาลของจอมพล ป. ตอนปี 2499 ไม่ใช่เหรอครับ ปี 2500 ก็น่าจะเป็นรัฐบาลของจอมพลถนอมแล้วนะครับ จากคุณ : อินทร์ธนู เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 15:25:18

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อมูลจากกระทู้ที่แล้ว ผมว่าตำแหน่งผู้สำเร็จราชการก็ใช่ว่าจะไม่มีอำนาจเสียเลยนะครับ เพราะท่านปรีดีก็สามารถสั่ง มจ.วิวัฒนไชย ให้ร่างกฏหมายเกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศไทย พอร่างเสร็จท่านปรีดีก็เซ็นต์อนุมัติให้ ผลงานธนาคารแห่งประเทศไทยก็เลยเป็นของท่านปรีดี แต่ผมว่าจอมพล ป.น่าจะเป็นฝ่ายโกรธท่านปรีดีมากกว่านะครับ เพราะว่าพอท่านปรีดีหมดอำนาจลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในปี 2488 เนื่องจากพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ท่านบรรลุนิติภาวะแล้ว ท่านปรีดีก็มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนจอมพล ป. จอมพล ป. เลยเคว้งเลยตอนนั้น ถาม จขกท. กับ คห.4 ตกลงคุณทั้งสองเห็นว่าตำแหน่งผู้สำเร็จราชการใหญ่มั้ยครับ จขกท.เหมือนจะรู้สึกว่ามันไม่ใหญ่ แต่ คห.4 บอกว่าใหญ่สุดในประเทศ งง.. แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 16:05:45 จากคุณ : อินทร์ธนู เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 15:38:17

ความคิดเห็นที่ 9 นายพจน์ สารสิน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500 หลังจากการทำรัฐประหารของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์'' จอมพล ถนอม กิตติขจร ได้รับการซาวเสียงจากสภาผู้แทนราษฎรให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 บริหารประเทศไทย 9 เดือนเศษก็ลาออกจากตำแหน่ง แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 16:12:15 จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 16:08:33

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณคุณ Alone among the crowd นะครับ ข้อมูลส่วนนี้ไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ แล้วในท้ายที่สุดปรีดีกับจอมพล ป. ทั้งสองท่านนี้ได้กลับมามีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่าง "ดีขึ้น" ไหมครับ??? สำหรับคุณเอเธนา เอาเป็นว่า อย่างน้อยผมก็เห็นด้วยกับคุณในแง่ที่ว่า ปรีดีควรได้รับเครดิตไม่มากก็น้อยจากเรื่องเสรีไทยละกันครับ ส่วนเรื่องเทียบว่าระหว่างปรีดี กับหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ใครควรได้เครดิตมากหรือน้อยกว่ากัน อันนี้ผมว่าแล้วแต่มุมมองของคนแต่ละคนนะ ส่วนคุณ อินทร์ธนู ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์นั้น เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ แต่ไม่มีอำนาจในเชิงบริหารไงครับ เพราะฉะนั้นฝ่ายญี่ปุ่นจึงได้ขอให้จอมพล ป. ย้ายปรีดีไปเป็นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการฯ อันเป็นตำแหน่ง "ลอย" คือแขวนไว้ ชื่อตำแหน่งดูยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีอำนาจอะไร ถ้าเทียบให้เห็นง่าย ๆ ก็คงต้องเทียบกับตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารสูงสุด" ในปัจจุบันละมั้งครับ ถ้าพูดกันอย่างจริง ๆ แล้ว ไม่มีนายทหารระดับผู้บัญชาการ หรือระดับ 5 เสือ ผบ. คนไหนอยากไปนั่งตำแหน่งนี้แน่ แม้ชื่อตำแหน่งจะดูยิ่งใหญ่ และตามกฎหมายให้อำนาจในการบังคับบัญชาได้ทั้งสามเหล่าทัพก็ตามที ที่ปรีดีโกรธจอมพล ป. ในเรื่องนี้ เพราะว่าการบีบให้ปรีดีลาออกจาก ครม ตอนนั้นก็เหมือนกับเป็นการไม่ไว้ใจกัน และไม่ให้เกียรติกันด้วย ที่ให้ออกจากฝ่ายบริหาร ไปดำรงตำแหน่งเป็นตำแหน่งลอย อนึ่ง ต้องเทียบด้วยนะครับว่า บริบทของสถาบันกษัตริย์ในตอนนั้น กับตอนนี้แตกต่างกัน ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ในตอนนั้น กับตอนนี้ก็แตกต่างกันเช่นเดียวกัน การที่จอมพล ป ให้ปรีดีไปดำรงตำแหน่งนั้น ไม่ใช่เพื่อจะให้เป็นเกียรติยศแก่ปรีดี แต่เป็นการจัดการให้ไปให้พ้นจากตำแหน่งนั่นเอง ส่วนเรื่องธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น เนื่องจากก่อนที่ปรีดีจะไปเป็นผู้สำเร็จราชการ ปรีดีเป็น รมว คลัง และได้มีดำริให้ตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นมา หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ท่านทรงผลักดันจนสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน ผลงานจึงเป็นของพระองค์ครับ ส่วนปรีดีไม่ใช่ว่าได้เครดิตเพราะเป็นผู้สำเร็จราชการแล้วเซ็นผ่านกฎหมายตอนนั้น แต่เพราะในฐานะเดิมที่เป็น รมว คลังและได้วางรากฐานเอาไว้ เสมือนเป็นการวางอิฐก้อนแรก ก่อนจะเริม่จะสร้างบ้านนั่นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ไปเป็นผู้สำเร็จราชการแล้วจะสั่งหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ได้เลยคัรบ จากคุณ : ohmygodness เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 16:37:21

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วงท้ายของชีวิต จอมพลป.เขียนจดหมายมาขออโหสิกรรมต่ออ.ปรีดี พูดภาษาชาวเราบ้านคือ "ขอคืนดี" อ.ปรีดีก็ยินดีให้อถัย คงเรียกได้ว่าดีกันแล้ว ไม่ว่าจอมพลป.จะได้รู้หรือไม่ก็ตาม เนื้อความในจดหมายของจอมพลป.มีเนื้อความที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีสวรรณคตร.8เล็กน้อย(แต่สำคัญ) หากท่านที่สนใจก็ลองสืบหาดู จากคุณ : งักฮุย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 16:50:47

ความคิดเห็นที่ 12 เกี่ยวกับกรณีสวรรคต อ.ปรีดีเคยให้สัมภาษณ์เมื่อเกือบ30ปีที่แล้วว่า "พวกฝรั่งก็สนใจกันมาก เพราะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่ไม่มีอายุความ ความจริงก็อาจปรากฎขึ้นแม้จะล่วงเลยผ่านมาหลายร้อยปีก็ตาม" "ทุกวันนี้มีคนซุบซิบกัน ถึงกับนักดรียนหลายคนถามผม ผมก็ขอตัวว่าเป็นเรื่องที่พูดไม่ออกบอกไม่ได้ จึงขอฝากอนุชนรุ่นหลังและประวัติศาสตร์ตอบแทนด้วย" จากคุณ : งักฮุย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:03:39

ความคิดเห็นที่ 13 #3 นิยายครับ #12 ไม่แปลก เพราะหลักฐานมากมายบ่งชีว่าแกมีส่วนรู้เห็น(ไม่ได้หมายความว่าแกอยู่เบื้องหลังนะ) รู้สึกว่าคุณปรีดีจะพูดคำว่าต่อไปนี้จะไม่ protect throne วลีคำนี้คำเดียวสั้นๆ ที่พูดออกมาจากปากหลังจากที่ทราบข่าวเรื่องการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการบ่งบอกได้ชัดว่าแกเคยปกป้องมาก่อน แต่ด้วยความไม่พอใจอะไรซักอย่าง จึงเลือกที่จะไม่ปกป้องจากภัยที่มองไม่เห็น จอมพลป. เอาตรงๆนะครับ ท่านคือผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ประเทศไทยสมัยใหม่ จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:23:04

ความคิดเห็นที่ 14 อีกอย่าง เด็กธรรมศาสตร์แล้วไงครับ? เด็กธรรมศาสตร์ต้องเอียงซ้ายเหรอ? อย่าเหมารวมครับ ผมมีเพื่อนอยู่ะรรมศาสตร์หลายคน น้อยคนที่จะเอียงซ้ายนะครับ ส่วนใหญ่แทบจะไม่สนใจการเมองด้วยซ้ำ และมีบางคน ถึงกับมองว่า การแสดงออกทางการเมืองเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่เพราะปรัชญาหรืออะไรหรอก "เงินล้วนๆ" จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:33:40

ความคิดเห็นที่ 15 เคยอ่านผ่าน ๆ นึกว่าเป็นกระทู้ต้นเรื่องเป็นกระทู้ที่เคยมีคนมาพูดว่า เขาเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับนายปรีดี พนมยงค์รึเปล่า เพราะเขาคิดไม่เหมือนที่คนส่วนใหญ่คิดกัน ยังคิดเลยว่ากระทู้อยู่มานานจัง จากคุณ : French Vanilla เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 18:12:53

ความคิดเห็นที่ 16 คุณนฤมลประการครับ แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านที่ผมเขียนไว้ตอนต้นเลยว่า ในส่วนแรกนั้น ผมพูดกับคุณ X_BM โดยตรง ^^ คือว่า ที่พูดอย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่าเด็กธรรมศาสตร์หัวเอียงซ้าย หรือว่าอะไรครับ เพียงแต่ในส่วนนั้นผมเคลียร์ตัวเองว่า ผมไม่ใช่สาวกปรีดี, ไม่ใช่เด็กธรรมศาสตร์ และไม่ใช่พวกล้มเจ้า เห็นคุณ X_BM ชอบผลักให้คนอื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกับเขาเป็น "สาวก" อยู่เรื่อย ผมเลยบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่สาวปรีดี และไม่ได้ชื่นชอบอะไรปรีดีเป็นพิเศษ...และที่บอกว่า ผมไม่ใช่เด็กธรรมศาสตร์ ก็เพราะเห็นว่าชื่อมหาวิทยาลัยนี้เป็นของ "แสลง" สำหรับคุณ X_BM เขา ชนิดที่ว่าเด็กธรรมศาสตร์ ถ้าไม่ใช่สาวกปรีดี ก็เป็นเด็กธรรมศาสตร์อยู่ดี (คือเทิดทูนปรีดีอยู่ดี) ก็เลยบอกด้วยครับ ว่าผมไม่ได้เรียนธรรมศาสตร์ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวแสลง ส่วนเรื่องเป็นพวกล้มเจ้า ก็ขอยืนยันว่าไมไ่ด้่เป็นครับ เป็น Royalist เต็มตัว อาจจะ "คลั่งเจ้า" ยิ่งกว่า X_BM ด้วยซ้ำ แต่อยากจะขอฝากบอกสักหน่อยอย่างที่เขียนตั้งแต่ต้นกระทู้นั้นแหละว่า เลิกเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเพื่อใช้เกทับ หรือบลัฟคนที่คิดเห็นไม่เหมือนกันคุณเสียเถอะ ปล. ผมเขียนไปตั้งยืดยาว ดูคุณนฤมลประการจะไม่เห็นแย้งในส่วนไหนเลยนะครับ กลับมาจับผิดเอาในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หยุมหยิม ๆ แถมยังเป็นการหยิบคำพูดแค่บางส่วน บางคำขึ้นมา แทนที่จะดูบริบทรอบข้างทั้งหมดก่อน ว่าผมหมายความถึงเรื่องอะไร :) จากคุณ : ohmygodness เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 18:48:34

ความคิดเห็นที่ 17 ใน #3 มาจากคำบอกเล่าของ ปาล พนมยงค์ ถือเสียว่าเป็นพยานบุคคลก็แล้วกันจะถือว่าเป็นนิยายก็คงไม่ใช่ และถึงพยานบุคคลจะมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าพยานหลักฐานอื่นๆ แต่จากหลักฐานแวดล้อมที่มีก็น่าเชื่อได้ว่าอย่างน้อยจอมพล ป. ก็พยายามดึงปรีดีกลับไทยก่อนปฎิวัติ 2500 และมีหลักฐานจากสหรัฐว่ากลุ่ม Conservative-Royalist พยายามล้มรัฐบาลจอมพล ป.(ด้วยวิธีการทางทหาร) จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 19:50:15

ความคิดเห็นที่ 18 ถามผู้รู้  แล้วจดหมายสารภาพบาปของนายตี๋ ที่ยอมรับว่าถูกจ้างให้เป็นพยานเท็จนี่ เชื่อถือได้หรือเปล่าคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 20:12:47

ความคิดเห็นที่ 19 นับถือคุณ ohmygodness ในฐานะผู้เป็น Rational Royalist ที่หาได้ยากยิ่งในเวลานี้ จากคุณ : I will see U in the next life. เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 22:21:33

ความคิดเห็นที่ 20 รู้สึกถ้าจำไม่ผิดงานเขียน ของ มรว ปรียนันทนา รังสิต ก้อมีเรื่องเกี่ยวกับการสววคตของ ร 8 ด้วยนะ ใครเคยอ่านแร้วบ้างอ่ะ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 00:03:05

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องหลายเรื่องมีนิยายผสมอยู่มาก เช่น ตอนนี้ยังมีข่าวว่า i.8 ยังไม่ตาย แต่ประทับอยู่กัมพูชา เยี่ยมมาก แล้วยังมีคนเชื่ออีก แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 04:13:18 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 04:12:33

ความคิดเห็นที่ 22 #17 ไม่แปลกใจ ก็จอมพล แกจะทำตัวราวกับ กษัตริย์เองก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งตาไก่ การจะย้ายเมืองหลวง การให้ประชาชนติดรูปแกในบ้าน การเลิอกสังฆคนายก พอแกสู้ไม่ได้ คำๆนั้นจะพูดออกมาก็ไม่น่าแปลกใจ ยิ่งถ้าไปดูหลักฐานตอนนั้นเป็นช่วงที่ความขัดแย้งระหว่างในหลวงกับจอมพลป. รุนแรงมาก โดยในปีนั้น ในหลวงใช้พระราชอำนาจ veto ถึงสองครั้งเพื่อยับยั้งการแต่งตั้งสมาชิกสภาประเภทที่สอง ตรั้งที่ 1 ทรงใช้พระราชอำนาจนื่องจาก คนบางคนที่จอมพล ป.จะแต่งตั้งมาเป็นสมาชิกสภานั้นมีปัญหา เช่น เพิ่งแพ้การเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 เนื่องจากจำนวนคนที่จอมพล ป. เสนอมานั้น เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทีนี้มาดูกัน จอมพลป.เพิ่งอยากจะแต่งตั้งสมาชิกประเภทที่สองมาเพื่อคานอำนาจกับสมาชิกประเภทที่ 1 ที่มาจาการเลือกตั้ง แต่ถูก veto โดยวิธีการที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การที่แกพูดว่า สู้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกก ดูมีความเป็นไปได้ ps0. เรื่อราวระหว่างจอมพลป.กับในหลวงถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 04:51:15 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 04:49:16 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 04:21:39

ความคิดเห็นที่ 23 ใ จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 04:23:18

ความคิดเห็นที่ 24 กลับไปอ่านอีกที เจอวาทกรรมคุ้นๆ แฮะ คุ้นมาก แต่กระนั้น จอมพล ป. ก็ตระหนักถึงความสำคัญของพระมหากษัตริย์ และปรากฏว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่จอมพล ป. ได้พยายามแสวงหาการสนับสนุนจากสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น การรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ จอมพล ป. ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหารอ้างว่า การกระทำของตนคือ "การถวายพระราชอำนาจคืน" (ผ่านทางรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีบทบัญญัติขยายพระราชอำนาจให้กว้างขึ้นหลายมาตรา โดยเฉพาะพระราชอำนาจในการเพิกถอนรัฐมนตรี และพระราชอำนาจในการแต่งตั้งวุฒิสภา) อันนี้ก็คุ้นๆ พระราชดำรัสเกี่ยวกับทหาร "...เมื่อทหารมีไว้สำหรับประเทศชาติ ทหารต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่ของบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะไม่...ผู้ บังคับบัญชามีหน้าที่ต้องปกครองทหารในทางที่ชอบที่ควร โดยระลึกถึงความเที่ยงธรรม และหน้าที่อันมีเกียรติของทหาร ทั้งนี้ เพราะทหารได้รับเกียรติและเอกสิทธิ์เป็นผู้กุมอาวุธและกำลังรบของประเทศ เป็นที่เคารพเกรงขามในหมู่ชนทั่วไป ทหารจึงต้องปฏิบัติให้สมกับที่ตนได้ รับความไว้วางใจ ไม่ควรไปทำหรือเกี่ยวข้องในกิจการที่มิใช่อยู่ในหน้าที่โดยเฉพาะของตน เช่น ไปเล่นการเมือง ดังนี้เป็นต้น การกระทำเช่นนั้นจะทำให้บุคคลเสื่อมความเชื่อถือในทหารโดยเข้าใจว่าเอา อิทธิพลไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 04:34:09 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 04:26:14

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องความดีของคณะราษฎร จะโยนให้นายปรีดี ใครจะเอาให้นายปรีดีได้รับ ความดีความชอบไปด้วย ผมก็ว่าไม่ได้ครับสิทธิของคุณ แต่ผมบอกว่า ถ้าจะทำอย่างนั้น คุณต้องเอาความไม่ดีของคณะราษฎรให้ปรีดีด้วยนะ เพราะเห็นปรีดีกล่าวในงานเขียนว่าที่ประชาธิปไตยของคณะราษฎรไม่เจริญก้าวหน้านั้นเป็นเพราะ"ทหาร" แต่ฝ่ายเดียวไงครับ  แต่ทำไมปรีดีอยู่ด้วยกัน ทำไมปรีดีถึงไม่เกี่ยว???? จากคุณ : X_BM เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 05:28:41

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้า เพิ่งได้อ่านจากลิ้งค์ที่ไปจากกระทู้นี้ กว่าจะอ่านจบตาลายแล้วลายอีก ขอพูดถึงเรื่องเสรีไทยต่อมาจากกระทู้นั้นนิดนะคะ รู้ว่าไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้โดยตรงเท่าไหร่ เพียงแต่อยากบอกว่าเรื่องของสงครามมหาเอเชียบูรพากับขบวนการเสรีไทยไม่ใช่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยุคดึกดำบรรพ์ที่จะหาหลักฐานอะไรไม่ได้เลย มีคำให้การของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเสรีไทยให้อ่านเสียด้วยซ้ำ มีหนังสือที่ซื้อมานานแล้วอยู่เล่มหนึ่งค่ะ เป็นหนังสือรวบรวมการให้ปากคำของเสรีไทยสายอเมริกาและอังกฤษ จากกระทู้ก่อนหน้านี้ไปสะดุดกับความคิดเห็นของคุณเอเธนาว่าจีนจริงใจกับไทย ในขณะที่อเมริกาไม่จริงใจ ที่ว่าสะดุดอย่างจังเพราะตรงข้ามกับที่อ่านมาจากเรื่องที่เสรีไทยซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการตรงส่วนต่อระหว่างไทยกับลาวพูดถึง และตรงข้ามกับที่เสรีไทยสายอเมริกาเล่าว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคการทำงานของพวกเขา ขอลอกมาบางส่วนนะคะ หนังสือชื่อ ประมวลบทสัมภาษณ์และบันทึกของอดีตนายทหารเสรีไทยสายอเมริกา หน้า 7 "ปลายเดือนเมษายน 2487 พวกที่ 2 เริ่มแทรกซึมเข้าประเทศไทย มีบุญเย็น เป้า พิสุทธิ์และสวัสดิ์ ส่วนอานนท์ ณ ป้อมเพชร ปฏิบัติงานเดี่ยว ตามเข้าประเทศไทยไล่เลี่ยกัน สำหรับจกไปตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่เมืองล่าใกล้ลาว และ ณ ที่นี้เองที่จกลงทุนซ้อมกินเหล้าอย่างหนักจนสามารถดื่มสุรากับพันเอกเจ้าจิว ซึ่งจีนให้มาคุมเสรีไทยที่เมืองล่า ทำให้เจ้าจิวเมาได้ จึงทราบจากปากของเจ้าจิวว่าอังกฤษมีแผนการณ์กับจีนจะครอบครองประเทศไทยหลังสงคราม" ห้นาเดียวกัน "11 มิถุนายน 2487 การะเวกและสมพงษ์ถูกตำรวจไทยยิงตายที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง นัยว่าเพื่อขโมยทองที่ทั้งสองคนนำติดตัวมา แต่ตามข่าวกรองของจก ว่าเป็นเพราะจีนหักหลังแจ้งให้ฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรทราบ เนื่องจากไม่ต้องการให้สหรัฐอเมริกาติดต่อกับไทยได้เพราะเกรงสหรัฐอเมริกาจนช่วยไทยหลังสางคราม ทำให้จีนหมดโอกาสครอบครองส่วนเหนือของไทย (ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าจีนได้ขัดขวางกรณีของจำกัดมาแล้ว" ส่วนตอนใต้นัยว่าอังกฤษจะเป็นผู้เข้าครอบครอง (อังกฤษเองก็ไม่ยอมส่งบุญมากและวิมลขึ้นฝั่งจากเรือดำน้ำตามจะได้กล่าวต่อไป)" "สำหรับชุดอื่นเล็ดลอดเข้าประเทศไทยและถูกจับหมด (ตามข่าวกรองของจก ก็เป็นเพราะจีนเช่นกันที่แจ้งข่าวการแทรกซึมของพวกรุ่นหนึ่งนั้นให้ฝ่ายที่ยังไม่ร่วมมือด้วยทราบ ซึ่งกรณีนี้คือตำรวจไทยนั่นเอง ก่อนที่หลวงอุดมจะร่วมมือกับหลวงประดิษฐ์)" ยังมีอีกมากค่ะที่พูดถึงอุปสรรคการปฏิบัติงานของเสรีไทยซึ่งเกิดจากจีนและอังกฤษ คือสงครามยังคงดำเนินอยู่แท้ๆ แต่ 2 ประเทศนี้เล็งๆ จะแบ่งเขตปกครองไทยกันแล้ว ทั้งๆ ที่ในเวลานั้น 2 ประเทศนี้ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ด้วยกัน อีกปัญหาคือสมัยนั้น ผบ ตร คือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งไม่ยอมร่วมมือกับหลวงประดิษฐมนูธรรมมาแต่แรก กลายเป็นอุปสรรคของหลวงประดิษฐ์ (ท่านปรีดี) อยู่นาน เสรีไทยที่ถูกส่งมาถูกจับหมด หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย แล้วอ้างเหตุต่างๆ นานา ทั้งหมดอยู่ในหนังสือเล่มนี้ค่ะ เอาปกมาให้ดูเผื่อมีใครสนใจ พิมพ์ปี 2536 สำนักพิมพ์รวมสาส์น อ่านแล้วมองเห็นเลยว่าวีรบุรุษตัวจริงคือบรรดาเสรีไทยที่เสี่ยงชีวิตทำงานเพื่อชาติเหล่านั้นแหละค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 05:30:43

ความคิดเห็นที่ 27 ถึง จขกท ขอชี้แจงเรื่อง ข้อ 2 และ 3 ก่อนว่า ทั้ง 2 ข้อนี้เกี่ยวเนื่องกัน คุณบอกเองนะครับว่าผลงานของหม่อมเสนีย์เหนือกว่าเพราะว่าอยู่ต่างประเทศ  ดังนั้นผลของการกระทำหม่อมเสนีย์ ก็น่าจะเรียกว่า เหนือกว่า ใช่ไหมครับ??? ถ้าผมหลุดไปว่า เสรีย์ไทยสายอื่น "ไม่ได้ทำอะไร" อันนี้ก็คงต้องขอโทษขอโพยกันเนื่องจากดังที่คุณบอกว่าผมพูดเกินไป แต่ถึงอย่างไง ผลงานที่ได้น้ำได้เนื้อยังตกอยู่ที่หม่อมเสนีย์อยู่ดี  ซึ่งปรีดีก็ออกมารับตรงนี้ด้วย แต่ทำไมเรื่องแย่ๆของคณะราษฎร ถึงไม่รับด้วย ทั้งๆที่อยู่ในอำนาจร่วมกับคณะราษฎรมาตลอด ???? ไม่เข้าใจ!!!!! จากคุณ : X_BM เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 05:49:27

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนคำว่า "สาวก" ผมคงไม่ถอนครับ ตราบใดที่ยังมีงานเขียนของเหล่าสาวกที่มักกล่าวหาคนอื่นในแนวที่ว่า ตามืดบอด ยังไม่ได้รับปัญญา  ยังไม่ได้รับความรู้ ฯลฯ หนักสุดก็ โง่ ที่ชอบว่ากันนั่นแหละครับ ถ้ายังมีงานเขียน  ถ้าพวกคลั่งปรีดี  พวกล้ม.... ยังมีการว่าคนอื่นเช่นนี้อยู่ผมก็จะไม่เลิกคำว่า "สาวก"ครับ ผมว่าคำว่า "สาวก" มันไม่ได้แรงอะไรเลย ไม่งั้น สาวกผี สาวกหง สาวกปืน สาวกไก่  คงตามมาสับผมเละแน่ๆ จากคุณ : X_BM เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 06:00:42

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนอันนี้เป็นคำบอกเล่าของ จก ณ ระนอง เองค่ะ หลังจากที่คุณจกไปลงที่เมืองจีนเพื่อเดินทางต่อมาเมืองไทยแล้วถูกคนนำทางชาวจีนหลอกพาออกนอกทาง บังเอิญโชคดีที่ไม่สบาย ของดเดินทางวันหนึ่ง ได้ข่าวการตายของ การะเวก สมพงษ์ แล้วก็ บุญช่วย สีบุญเรือง ซึ่งถูกฆ่าตายเพราะเจ้าหน้าจากจีนที่ถูกส่งมาประจำแถวนั้นส่งข่าวให้ตำรวจไทยได้รู้ คุณจกก็เลยสงสัยว่าตัวเองคงถูกหลอกมาให้ญี่ปุ่นฆ่าเหมือนกัน ก็เลยบีบคั้นเอาความจริงจากเจ้าหน้าที่จีนซึ่งเป็นคนนำทางมาชื่อ เจ้าจิว หน้า 54-55 "เจ้าจิวน้ำตาไหล ร้องไห้ แกบอกว่าแกเป็นคนไทย อยากช่วยคนไทยด้วยกัน แต่แกเป็นนายทหารจีน นายพลโซะสั่งไว้ให้ประวิงไว้อย่างให้เสรีไทยเข้าเมืองไทย ถ้าประวิงไม่สำเร็จก็แจ้งให้ฝ่ายญี่ปุ่นจัดการเสีย I ถามว่าเพราะอะไร แกตอบว่าจีนกับอังกฤษจะแบ่งแยกเมืองไทยเป็นสองส่วน จีนจะปลดอาวุธญี่ปุ่นทางภาคเหนือและภาคอีสาน อังกฤษจะปลดอาวุธญี่ปุ่นที่ภาคกลางลงไป ถ้าปล่อยให้เสรีไทยทำงานสำเร็จ ข้อตกลงกับอังกฤษก็จะเป็นหมันไป นอกจากนี้ทางจีนมาทำงานทางนี้ก่อนเสรีไทย 2-3 ปีแล้ว งานยังไม่ค่อยคืบหน้า เพราะเขาขาดการสื่อสารที่ดี ถ้าพวกเสรีไทยเข้าไทยได้ เขาต้องทำดีกว่าจีนแน่เพราะคนเขาก็ดี เครื่องมือก็ดี และพวกสายลับของจีนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน I ถามว่าเขตแบ่งที่ตกลงกับอังกฤษอยู่ตรงไหน แกบอกว่าแถวชุมทางบ้านภาชี เจ้าจิวต่อมาถูกยิงเป้าที่ Kunming ชะตากรรมเหมือน Father-Tung" คำบอกเล่าของ คุณจก ณ ระนอง สะท้อนคำบอกเล่าของคุณบุญรอด บิณฑสันต์ เสรีไทยอีกคนที่บอกว่า "แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็มีความเสียใจที่เพื่อนร่วมงานบางท่านซึ่งถูกฆาตกรรมไปโดยคนไทย 2 ท่าน ก็ได้รู้สึกนึกถึงเหตุการณ์ของการไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีของฝ่ายจีน ตลอดจนกระทั่งน้อยเนื้อต่ำใจที่เรานี้ได้รับการเอาใจใส่จากทางการน้อยไป ไม่ได้รับความคุู้มครองเพียงพอเป็นต้น" เพราะอย่างนั้นคิดว่าการที่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชเป็นผู้นำเสรีไทยมีความสำคัญค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นท้ายที่สุดประเทศไทยก็กลายเป็นประเทศแพ้สงครามไปเหมือนกันเมื่อพิจารณากันถึงว่าประเทศไหนกันแน่ที่จริงใจเรื่องให้สงครามยุติโดยไม่หวังผลอะไรจากประเทศไทยเลยแม้แต่อย่างเดียว จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 07:02:10

ความคิดเห็นที่ 30 เสร็จสงครามแล้วอังกฤษยืนสัญญาเบ็ดเสร็จให้ไทยปฏิบัติตาม  ม.ร.ว.เสนีย์  ท่านเล่าไว้ว่า ถ้ายอมตามอังกฤษก็เท่ากับไทยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษกลายๆ อีกเรื่องที่คุณชายท่านเล่าไว้ คือ เมื่อญี่ปุ้นประกาศวางอาวุธ  อังกฤษก็ยังขืนส่งทหารเข้ามาเมืองไทย  อ้างว่ามาปลดอาวุธญี่ปุ่นทั้งที่รัฐบาลไทยร้องคัดค้ายนแล้วก็ยังถืออำนาจส่งทหารแขกและกูรช่าเข้ามาเต็มเมือง  แล้วลอร์ดหลุยส์แม่ทัพอังกฤษยังจะจัดสวนสนามที่ท้องสนามหลวง  เมื่อในหลวงรัชกาลที่ ๘ ทรงทราบ  ทรงไม่ยอม  รับสั่งว่า ถ้ายอมตามนั้นก็เท่ากับประเทศไทยตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ  จึงเสด็จไปตรวจพลร่วมกับลอร์ดหลุยส์  พร้อมกับมีรับสั่งให้เสรีไทยเข้าร่วมการสวนสนามครั้งนั้น พฤติกรรมของอังกฤษนี้ชวนให้ระลึกถึงขึ้นมาว่า กรณีสวรรคตนี้อาจเป็นผลงานของสายลับอังกฤษ  เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง  แล้วทหารอังกฤษที่อยู่เต็มบ้านเต็มเมืองในเวลานั้นถือโอกาสเข้าปราบการตราจลแล้วยึดครองประเทศไทย  เพราะพฤติกรรมแบบนี้อังกฤษเคยใช้ได้ผลในมลายูมาก่อนแล้ว จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 07:46:37

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณนะคะคุณกุลธิดา สำหรับข้อมูลที่มีค่าที่คุณให้มา สำหรับที่คุณว่า "จากกระทู้ก่อนหน้านี้ไปสะดุดกับความคิดเห็นของคุณเอเธนาว่าจีนจริงใจกับไทย ในขณะที่อเมริกาไม่จริงใจ ที่ว่าสะดุดอย่างจัง" เข้าใจว่า คุณคงอ่านจนตาลายจริงๆ ที่เราเขียนประโยคนี้มาจากที่โต้แย้งกับคุณ Forest Frog ค่ะ เพราะคุณ Forest Frog เขาว่า ท่านปรีดีคุยกับเหมาเจ๋อตุงรู้เรื่องจึงได้อยู่ประเทศนั้น ในขณะที่อเมริกาไม่ต้อนรับ ดังนั้นจีนที่เราหมายถึงคือ จีนที่มีเหมาเจ๋อตุงเป็นผู้นำ ไม่ใช่จีนคณะชาติ คือเป็นคนละบริบทกัน ข้อมูลที่คุณให้มาอยู่ในช่วงสงครามโลก แต่ที่เราหมายถึงคือบริบทสงครามเย็นค่ะ  อเมริกาเป็นอย่างไรในช่วงสงครามเย็นคงทราบกันดีนะคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 11:52:39

ความคิดเห็นที่ 32 ถามคุณ V_Mee ไม่ได้กวนนะคะ คือ เสรีไทยสายอังกฤษไปทำอะไรอยู่คะ ถึงปล่อยให้อังกฤษเข้ามาแทรกแซงขนาดนั้น จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 11:55:37

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องของเสรีไทยเอาเข้าจริงๆ Sponsor ของทั้งสามฝ่ายก็ใช่หยอกอยู่นะ ขัดแข้งขัดขากันเองโขอยู่ ที่อเมริกาทำตัวเหมือนดีก็เพราะว่าแกไม่มีอิทธิพลในแถบนี้เหมือนจีนกับอังกฤษ lol หรือจะพูดอีกอย่างคือที่อเมริกาทำตัวดีเพราะอเมริกาไม่ค่อยจะสนใจใยดีเสรีไทยสายอเมริกาเท่าไหร่ ตอนนั้นมุ่งความสนใจที่การสงครามภาคพื้นทวีปยุโรปมากกว่า จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 12:06:37

ความคิดเห็นที่ 34 ตามอ่านมานานและ แจมมั่ง เรื่องของเสรีไทยลองอ่านเล่มนี้ดูไหมครับ อาจจะพอรู้ว่าทำไมงานในพื้นที่มันถึงเสี่ยงกว่าคนที่อเมริกา แล้วทำไมคนที่อเมริกาไม่ช่วย ทำไมถึงมีบางคนเข้าใจว่าสู้ญี่ปุ่นในเมืองไทยมันเสี่ยงน้อยกว่าที่อเมริกา อันนี้งงมาก ความนิ่งดูดายความไม่ตัดสินใจของคุณชายเสนีย์เกือบทำให้ทุกอย่างเสียหาย หลาย คห ในนี้อ่านเอามันส์พอได้นะ แต่เปนข้อเท็จจริงนี่ไม่ไหวฮะ เพลีย ปอลอ ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มเดียวนะฮะ นี่เปนเล่มหนึ่งที่อ่านเท่านั้น จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 12:17:53

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ได้อ่านและมีเล่มเดียวเหมือนกันค่ะ เพราะตอนที่ขนซื้อทุกเล่มที่เกี่ยวกับเสรีไทยและสงครามมหาเอเชียบูรพาเท่าที่หาได้จากงานหนังสือมาอ่านตอนนั้นก็เพราะกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนหนังสือค่ะ เล่มที่คุณ คห. 34 เอารูปมาลงก็มีเหมือนกันค่ะ เมื่อกี้นับดูเท่าที่ยังอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้เก็บลงลังไปแล้วมีอยู่ตอนนี้ 12 เล่มที่เกี่ยวกับเสรีไทยและสงครามคราวนั้นค่ะ ที่ยกตัวอย่างมาจากเล่มนี้ก็เพราะเป็นคำบอกเล่าจากประสบการณ์ของผู้เล่าเอง เรียกได้ว่าเป็นข้อมูลปฐมภูมิค่ะ ในขณะที่เล่มอื่นๆ เป็นข้อมูลแบบทุติยภูมิ บางทีก็บวกความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนด้วย อาจยกบางส่วนของคำพูดของผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนมา แต่พูดก็พูดเถอะนะคะ เรื่องแบบนี้มัน manipulate ข้อมูลกันได้ เพราะอย่างนั้นคำบอกเล่าจากปากของคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ โดยไม่แทรกความคิดเห็นของคนอื่นเลยน่าเชื่อถือที่สุดค่ะ ขอตอบคุณเอเธนานิดนะคะ ช่วงที่เสรีไทยฝ่ายอังกฤษพยายามเดินทางมาเมืองไทยก็มีปัญหาเป็นระยะๆ เหมือนกันค่ะ อย่างตัวอย่างเดือน กรกฎาคม 2487 ทางแคนดีส่งบุญมากกับวิมลมากับเรือดำน้ำของอังกฤษเพื่อขึ้นฝั่งที่ตะกั่วป่า ปฏิบัติการคราวนั้นล้มเหลวเพราะอังกฤษไม่ยอมส่งขึ้นฝั่งทั้งๆ ที่เรือนั่นเดินทางไปถึงนอกฝั่งตะกั่วป่าแล้ว อากาศก็ดี ทะเลเรียบ ผู้การเรือดำน้ำบอกเพียงว่าต้องรีบเดินทางไปร่วมโจมตีสิงคโปร์เป็นการด่วน ตกลงว่าคุณบุญมากและคุณวิมลไม่ได้ขึ้นฝั่ง ฝ่ายอเมริกาพอรู้เรื่องนั้นก็โกรธมาก ไม่พอใจการกระทำของอังกฤษ ก็เลยตกลงเปลี่ยนแผนโดยการส่งเสรีไทยเข้าไทยด้วยการกระโดดร่มลง ใช้เครื่องบินของอเมริกาเองจากฐานทัพในประเทศจีน โดยปกติการปฏิบัติการนี้ไม่ให้ฝ่ายอังกฤษได้ล่วงรู้เพราะกลัวจะโดนขัดขวางอีก คุณบุญมากเล่าว่าทั้งตัวท่านเองและคุณวิมลไม่เคยฝึกกระโดดร่มมาก่อนเลย ทางฝ่ายอเมริกาจึงเน้นที่ความสมัครใจ ทั้งคู่อาสาโดยไม่เสียเวลาคิด ปฏิบัติการลับคราวนั้นเรียน Operation Hot Foot เพราะทั้งคู่มีเวลาฝึกกระโดดร่มโดยการศึกษาจากคู่มือ เป็นคู่มือกระโดดร่มแบบ free fall วิธีฝึกก็กระโดดลงมาจากถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรที่วางซ้อนกัน 2-3 ใบ พอถึงวันที่ 3 ก็ออกเดินทางจากซีลอนไปกัลกัตตา แล้วไปกระโดดร่มลงที่ชายป่าอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ในเขตสัมปทานป่าไม้ของเจ้าวงศ์แสนศิริพันธ์ คุณบุญมากใช้นามแฝงว่า นายเขียว คุณวิมลนามแฝงว่า กำแหง แสงสะอาด มีเรื่องเล่าเรื่องอื่นจากเสรีไทยสายอังกฤษอีกค่ะ แต่คงยาวเพราะเยอะมาก จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 12:57:06

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณเสรีไทยทุกท่าน ทั้งที่มาจากเมืองนอก และที่สำคัญเสรีไทยในเมืองไทย รวมทั้งยุวชนทหาร และชาวบ้านที่เสียชีวิตจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร คุณเหมียวออก้าคะ "ความนิ่งดูดายความไม่ตัดสินใจของคุณชายเสนีย์เกือบทำให้ทุกอย่างเสียหาย" ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 12:58:50

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ คุณกุลธิดา ดีมากๆ ค่ะที่ให้คนรุ่นหลังได้รู้ อันที่จริง เราสนใจวีรกรรมของคนตัวเล็กๆ มากกว่าผู้นำอยู่แล้วค่ะ เรื่องที่เรียนถามคุณ V_Mee คือ ช่วงยุติสงคราม ที่อังกฤษเข้ามาวุ่นวายจะยึดโน่นนี่ รวมทั้งข้อสันนิษฐานที่คุณ V_Mee เห็นว่าอังกฤษน่าจะยุ่งในกรณีสวรรคตด้วยน่ะค่ะ เท่าที่ทราบ หัวหน้าเสรีไทยสายอังกฤษ ส่วนใหญ่มีเชื้อสายนะคะ ทำไมถึงปล่อยให้อังกฤษทำเช่นนั้นได้ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 13:05:53

ความคิดเห็นที่ 38 อ้อ อีกเรื่องค่ะ จากกระทู้ก่อนหน้าที่พูดถึงข้อมูลเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว (กระทู้นั้นยาวมาก พรุ่งนี้จะกลับมาค้นอีกทีว่าเรื่องอะไร ตอนนี้ที่นี่ตี 2 แล้วค่ะ ค้นไม่ไหว) ที่บอกว่ามีคนว่าข้อมูลนั้นอยู่ที่ห้องสมุดรัฐสภาสหรัฐ ห้องสมุดที่ว่าแน่ใจว่าหมายถึง Library of Congress ไม่มีนะคะ หนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยใน Library of Congress นี่ค่อนข้างคุ้นเคยค่ะ ไม่กล้าใช้คำว่าคุ้นเคยเสียทีเดียวเพราะอาจมีที่หลงตาไปบ้าง เคยได้ทุนไปทำวิจัยโดยใช้หนังสือที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย (และสยาม) ที่นั่น 2 ครั้งค่ะ ครั้งละอาทิตย์นึง ไปนั่งอ่านและศึกษาหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับประเทศไทย (ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ) แทบจะทุกเล่มแล้วค่ะ เรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งในประวัติศาสตร์นี่มักจะดึงดูด conspiracy theory ดีนักล่ะค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 13:16:20

ความคิดเห็นที่ 39 ขอขอบพระคุณทุก ๆ ความเห็นนะครับ โดยเฉพาะความเห็นของคุณกุลธิดา กับท่านอาจารย์วีมี ค่อนข้างมีประโยชน์มาก สำหรับ X_BM ที่ผมบอกว่า "ให้ถอนคำพูด" ไมไ่ด้หมายความว่าให้ถอนคำพูดว่าผมเป็นสาวกปรีดี หรือเป็นเด็กธรรมศาสตร์ เพราะผมไม่ใช่ สองเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว แต่ที่ผมบอกให้ถอนคำพูด คือที่คุณกล่าวหาว่าผมเป็น "พวกนั้น" (= พวกล้มเจ้า) ซึ่งในเรื่องนี้แม้จะไม่ใช่ความจริง แต่ก็เป็นการกล่าวหากันอย่างฉกาจฉกรรจ์ และผมยอมไม่ได้ครับ ผมขอยืนยันว่าให้คุณถอนคำพูดที่กล่าวหาผมส่วนนี้ด้วย ต่อไปชี้แจงส่วนเนื้อหานะครับ ในข้อ 1 กับข้อ 4 เมื่อคุณไม่ได้โต้แย้งอะไร แสดงว่าคงจะยอมรับแล้วนะครับ สำหรับข้อ 2 เรื่องเสรีไทย อย่างที่ผมได้กล่าวกับคุณเอเธนาไว้ข้างต้น, ถึงแม้ว่าคุณเอเธนาจะไม่เห็นด้วย, แต่ผมเห็นว่า เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช มีผลงานที่ประจักษ์ และสำคัญกว่าเสรีไทยในประเทศ และเสรีไทยในอังกฤษ แต่ปรีดี ในฐานะคนก่อตั้งเสรีไทย และในฐานะที่เป็นคนลงมือทำมาตลอด แม้ว่าความพยายามของปรีดีจะประสบความสำเร็จมากบ้างน้อยบ้าง (หมายถึงเสรีไทยในประเทศไม่ค่อยมีบทบาท) แต่เมื่อเป็นคนก่อตั้ง และเป็นคนลงทำมาตลอด ก็สมควรได้รับเครดิตใช่ไหม??? ส่วนเรื่องความไม่ดีของคณะราษฎรนั้น ก็อย่างที่เคยบอกว่าเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ทั่ว ๆ ไปอยู่แล้วเช่นคณะราษฎรฉ้อฉลเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง (คล้าย ๆ X_BM ตอนนี้เลย ใครคิดต่าง = ศัตรู) เห็น X_BM ถามว่า ทำไมใช้ตรรกะคนละอย่างกับเรื่องเสรีไทยข้างบน...อ่านแล้วก็ทอดถอนใจ อคตินี่ทำให้คนหน้ามืดตาบอดได้จริง ๆ คุณคงจะเคยได้ยินคำว่า "เลือกปฏิบัติ" หรือ "สองมาตรฐาน" วาทกรรมยอดฮิตตอนนี้ใช่ไหมละ? การที่จะ "เลือกปฏิบัติ" นั้น หลักมีอยู่ว่า ต้องปฏิบัติต่อสองสิ่งที่มีความเหมือนกันเช่นเดียวกัน และปฏิบัติต่อสิ่งที่แตกต่างกันให้ต่างกัน (ภาษาอังกฤษว่า Treating like cases alike and unlike cases differently) ในเรื่องเสรีไทยนั้น อย่างที่ผมได้อธิบายไปแล้วว่า ปรีดีมี "บทบาท" และ "ลงมือ" ไม่มากก็น้อย (ข้อนี้คุณเองก็ยอมรับแล้วนะ อย่าเล่นลิ้นอีก) เพราะฉะนั้นในทางกลับกัน ไม่ว่าจะมาก หรือจะน้อย ปรีดีก็พึงได้รับเครดิตจากผลงานของเสรีไทย ใช่หรือไม่ ในทางตรงกันข้าม ปรีดีเริ่มหลุดออกจากวังวนแห่งอำนาจของคณะราษฎรนับตั้งแต่จอมพล ป. บีบปรีดีให้ลาออกจาก รมว คลังแล้ว ปรีดีกับพวกคณะราษฎรหลายคนเริ่มมีความคิดเห็นต่างกัน และดังนั้น จะให้ปรีดีรับผิดชอบในทุก ๆ เรื่องที่คณะราษฎรทำไหวหรือ อย่างในกระทู้ที่แล้วที่ Forest Frog ยกเอาเรื่องย้ายเมืองหลวงมาเป็นข้อโจมตีีปรีดีไง ตอนนั้นปรีดีเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ ต้องวางตัวเป็นกลางและเหนือการเมือง ไม่อาจแทรกแซงนโยบายของรัฐบาลได้ อันนั้นคือตามหลักกฎหมายนะ สำหรับอิทธิพลส่วนตัวของปรีดีที่มีต่อจอมพล ป. ก็ในเมื่อจอมพล ป. เป็นคนบีบปรีดีให้ออกจาก ครม เพื่อไปเป็นผู้สำเร็จราชการ แล้วปรีดีจะยังคงขัดขวางอะไรจอมพล ป. ได้หรือไม่??? ขอให้คำนึงถึงความจริงในข้่อนี้ด้วย ส่วนเรื่องความไม่ดีของคณะราษฎร ระหว่างที่ปรีดียังอยู่ในอำนาจนั้น เช่นความพยายามที่จะนำระบอบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมาใช้ อันนั้นก็เป็นความผิดของปรีดีเต็ม ๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเถียงอะไรเลย สุดท้าย ผมอยากจะกล่าวว่า การที่ผมมองดูปรีดีในฐานะมนุษย์คนนึง มนุษย์ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎสงสาร มีรัก โลภ โกรธ หลง มีความดี มีความชั่ว มองปรีดีในฐานะที่เป็น "มนุษย์" คนนึง ความชั่วก็มี ความดีก็ปรากฎ...แค่การที่ผมไม่เชื่อว่าปรีดีเป็นทรราชย์อย่างที่ X_BM กล่าวหา แค่นั้นเอง เหมาะสมแล้วหรือที่ผมจะถูกคุณกล่าวหาว่าเป็นพวก "ล้มเจ้า" ปล. จริง ๆ คุณอายุมากกว่าผมนะ มีคำกลอนเขาบอกว่า "คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน" ดังนั้นก่อนตอบอะไรก็คิดนิดนึง อย่าเอาแต่อคติ และโทสจริตเป็นตัวตั้ง เดี๋ยวจะโดนเด็กถอนหงอกเสียเปล่า ๆ จากคุณ : ohmygodness เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 13:28:48

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องคุณชายเสนีย์ลังเลไม่ให้ความช่วยเหลือผู้อยากเป็นเสรีไทยบางคนก็มีจริงๆ เหมือนกันค่ะคุณเอเธนา คุณจก ณ ระนอง เล่าว่าหัวหน้าเสรีไทยสายอเมริกามี ๒ คน คือ หม่อมราชวงศ์เสนีย์กับ หม่อมหลวงขาบ ทีนี้หม่อมหลวงขาบเป็นคนของหลวงพิบูลย์ที่ส่งมาให้คอยดูแลหม่อมเสนีย์ หม่อมเสนีย์รู้เรื่องที่จำกัดถูกส่งไปจุงกิง และต้องการมาพบหม่อมเสนีย์ จากคำพูดของคุณจกเองนะคะ: "โดยอ้างว่าเป็นตัวแทน Resistance ในไทย ต้องการเดินทางมาพบหม่อมเสนีให้ช่วยจัดการให้ด้วย หม่อมเสนีว่าแกจะจัดการได้อย่างไร ใครออกจากเมืองไทยก็จะอ้างเป็นตัวแทน Resistance จะมา Washington กันหมด ถ้าเป็นเรื่องเหลวไหล เมื่อสงครามเสร็จแกจะต้องรับใช้เงินที่ใช้ไปไม่สมเหตุสมผล ไม่มีกรรมการคนไหนไม่เห็นด้วยกับหม่อมเสนีเรื่องกำจัดจะโทษใคร?" แต่เรื่องที่คุณกำจัดจะเดินทางต่อไปพบหม่อมเสนีไม่เคยเกิดขึ้นค่ะ เพราะไปจีนแล้วปรากฏว่าหายไปเลยเพราะถูกเจ้าหน้าที่จีนควบคุมตัวไว้โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย ใช้คำว่า house arrest คือจะจับขังไว้อย่างนักโทษก็น่าเกลียดเพราะไทยกับจีนควรอยู่ข้างเดียวกันในตอนนั้น จนคุณกำจัตายด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารที่นั่น ปัญหาตอนนั้นคือหม่อมเสนีย์กับหม่อมหลวงขาบไม่ไว้ใจกันเอง นักเรียนไทยที่ต้องการเข้าร่วมขบวนเสรีไทยแล้วอยากทำงานเร็วๆ ก็เลยตกที่นั่งลำบากหน่อย (สะกดชื่อคุณกำจัดผิดเป็นจำกัด ขอแก้ค่ะ เป็นคุณกำจัดนะคะ) แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:13:45 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 13:38:16 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 13:32:30

ความคิดเห็นที่ 41 เรียนถามคุณกุลธิดาค่ะ มีหลักฐานมั้ยคะว่า อเมริกาช่วยเสรีไทยและช่วยไม่ให้ไทยเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เพราะวางแผนที่จะให้ไทยเป็นหน้าด่านกันคอมมิวนิสต์ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 13:55:29

ความคิดเห็นที่ 42 แต่ว่าตามหลักการแล้วพยานบุคคลนี่น่าเชื่อถือน้อยมากนะ เพราะส่วนมากจะพูดให้ตัวเองดูดี ดังนั้นหลักฐานพวกคำบอกเล่าอะไรประมาณนี้มันต้องฟังหูไว้หู ผมเชื่อภาษิตฝรั่งที่ว่า Actions speak louder than words. ส่วนเรื่องความขัดแย้งที่ว่าคงประมาณนี้ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:35:26

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบข้อสงสัยคุณเอเธนา  ที่ว่า เรื่องที่เรียนถามคุณ V_Mee คือ ช่วงยุติสงคราม ที่อังกฤษเข้ามาวุ่นวายจะยึดโน่นนี่ รวมทั้งข้อสันนิษฐานที่คุณ V_Mee เห็นว่าอังกฤษน่าจะยุ่งในกรณีสวรรคตด้วยน่ะค่ะ คำตอบข้คือเรื่องผลประโยชน์ของอังกฤษที่มีอยู่มากมายในประเทศไทยเป็นสำคัญ ส่วนกรณีสวรรคตนั้น  คุณสุมิตรา  สุจริตกุล ภรรยานายฉัน หุ้มแพร มหาดเล็กผู้ถึงแก่กรรมก่อนในหลวงรัชกาลที่ ๘ สวรรคตเพียง ๗ วัน เล่าว่า  นายฉันท่านทราบอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีผู้ลอบทำร้ายในหลวง  เมื่อไฟฟ้าในวังดับนายฉันจะต้องเอาตัวเข้ากำบังพระองค์ทุกครั้ง  แล้วจู่ๆ นายฉันก็เกิดท้องร่วงโดยไม่ทราบสาเหตุ  แล้วอีก ๗ วันในหลวงก็สวรรคต  โดยมีบันทึกว่าพบห่อข้าวอยู่บนขื่อเหนือห้องพระบรรทม  ขื่อเหนือห้องพระบรรทมนั้นเคยคุยกับนายทหารมหาดเล็ก  ท่านว่าเคยขึ้นไปตรวจสถานที่เวลามีพระราชอาคัยตุกะเข้ามาพักที่พระที่นั่งบรมพิมาน  ท่านว่าขื่อนั้นใหญ่มากตัวท่านเคยขึ้นไปและวิ่งไปมาบนขื่อนั้นได้โดยสะดวก  ทั้งยังให้ความเห็นว่า คนสามารถขึ้นไปนอนบนขื่อนั้นได้อย่างสบาย เท่าที่ทราบ หัวหน้าเสรีไทยสายอังกฤษ ส่วนใหญ่มีเชื้อสายนะคะ ทำไมถึงปล่อยให้อังกฤษทำเช่นนั้นได้ เสีไทยสายอังกฤษน้น  มีสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเป็นพระบรมราชินูปถัมภ์ก็จริง  แต่ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง  เจ้าถูกลดบทบาทลงมากจนแทบจะเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น  หาได้มีอำนาจวาสนาใดๆ  หม่อมเจ้าองค์หนึ่งเคยมีรับสั่งกับผมว่า สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง  หลายอย่างที่เจ้าทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของชาวบ้าน  แต่พอเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว  เรื่องที่เจ้าทำไม่ได้กลับกลายเป็นเรื่องที่แต่ก่อนที่เจ้าพึงกระทำ  ที่ขำไม่ออกคือรับสั่งว่า ทรงรับราชการมาจนจะขึ้นเป็นรองอธิบดี  แต่ขึ้นไม่ได้เพราะทรงเป็นเจ้า  และลูกน้องไม่ถนัดใช้คำราชาศัพท์ เรื่องเสรีไทยที่เกี่ยวเนื่องกับเมืองจีนนี้  เห็นกล่าวถึงกันมาก  จึงใคร่ขอเสนอแนะให้ตามหาหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก หลวงหาญสงคราม (หาญ  หาญสงคราม) มาอ่านเพิ่มเติมครับ  เพราะในสมัยที่หลวงหาญเป็นรองแม่ทัพไปรบที่เชียงตุงนั้น  กลางวันท่านก็ส่งยิ้มให้ญี่ปุ่น  กลางคืนท่านก็ลอบไปเจรจาความกับอเมริกันที่ฝั่งจีนอยู่เสมอๆ  ในหนังสืองานศพหลวงหาญฯ มีกล่าวถึงปฏิบัติการของทหารไทยที่เกี่ยวเนื่องกับเสรีไทยที่จุงกิงไว้ไม่น้อยเหมือนกันครับ จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:51:37

ความคิดเห็นที่ 44 ยังอ่านไม่จบ แต่เห็นด้วยว่านายปรีดีก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีดีมีเลวครับ ไม่ใช่เทวดา แล้วก็ไม่ใช่ปีศาจร้าย แต่เรื่องกรณีสวรรคต ผมกลับไม่เห็นด้วยกับนายปรีดีเท่าไหร่ ผมคิดว่าถึงความจริงก็อาจปรากฎขึ้นแม้จะล่วงเลยผ่านมาหลายร้อยปี แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่กันแน่ มาฝากอนุชนรุ่นหลังและประวัติศาสตร์ตอบแทน จะไปตอบได้ยังไงล่ะครับ ได้แต่วิเคราะห์มั่ง คาดเดาเอาเองมั่ง คดีมันก็คงต้องเป็นปริศนาไปอีกเป็นร้อยเป็นพันปีแหละครับ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:55:34

ความคิดเห็นที่ 45 หลายอย่างก็ต้องฝากนักประวัติศาสตร์ตอบแทนนะ อย่างเช่นจิ๋นซีเป็นต้น เพราะขืนตอบตามความจริงสมัยนั้นก็ตายสิ เรื่องหลายเรื่องก็ต้องรอให้เวลาตอบแทน อย่างเช่นในต่างประเทศเอกสารต่างๆเขาจะมีระยะเวลา Declassify คือเมื่อเอกสารนั้นหมดความร้ายกาจลงแล้วก็เปิดเผยออกมาเพื่อเป็นประวัติศาสตร์เก็บไว้ให้ลูก-หลาน ศึกษากันต่อไป (ประเทศไทยไม่เห็นจะมีเอกสารอะไรที่ Declassify ออกมาเลย) อย่างเดียวที่ผมไม่เห็นด้วยกับปรีดีคือแกไม่ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคดีสวรรคตทิ้งเอาไว้ เอ๊ะหรือบางทีอาจจะเขียนไว้ก็ได้แต่ให้เปิดเผยในอีก 100 ปีหลังแกตายอะไรประมาณนั้น อันนี้ก็ไม่ทราบ อนุมานเอาจากคำพูดของแกเอง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 15:13:25

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณค่ะ คุณ V_Mee เรื่องห่อข้าวบนขื่อ ได้ยินคุณไข่มุกพูดถึง และเธอปักใจว่าเป็นท่านปรีดีส่งคนเข้าไป แต่คุณ V_Mee เห็นว่าน่าจะเป็นสายลับอังกฤษ  จริงๆ แล้วคนใน และช่างซ่อมก็ขึ้นไปได้ แต่กลับหมายไปว่าเป็นคนนั้นคนนี้วางแผน เรื่องเสรีไทยสายอังกฤษซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสาย คือ ดิฉันนึกว่า การที่ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตแตน มา โดยไม่ยอมให้มีเสรีไทยสายอังกฤษเข้าร่วมเดินสวนสนามด้วยนี่ แสดงว่าเสรีไทยสายนี้ มีบทบาทน้อยมากในสายตาอังกฤษ จึงร้อนถึงพระเนตรพระกรรณของในหลวง ร. 8 จริงมั้ยคะ เรื่องเสรีไทยที่จุงกิง นี่เป็นยังไงหรือคะ เคยอ่านที่คุณสด กูรมะโรหิต เขียนไว้ เป็นคนละเรื่องเลยนะคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 18:57:57

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณค่ะ คุณ Nexus กลายเป็นว่า เสรีไทยสายอเมริกาทะเลาะกันเรื่องเงินๆ ทองๆ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:17:18

ความคิดเห็นที่ 48 เคยหาประวัติช่วงหลังสงคราม ยังแปลกใจที่มีเรื่องอังกฤษน้อยมาก .. พอไปอ่านหนังสือออนไลน์ (The Devil's Discus)มีตัวละครการเมืองมากมาย.. ทั้งมหาอำนาจ การเมืองภายใน สุดยอดมากด้านการเมืองระหว่างประเทศของเรา.. ด้านคุณปรีดี พนมยงค์ อ่านแล้วคิดว่าท่านเป็นนักการเมืองธรรมดานี่เอง.. ที่ดูเหมือนยอดมนุษย์ ดูตื่นเต้นชวนค้นหา คงเป็นคนเราชอบเรื่องลึกลับ.. ด้านการเมืองท่านแพ้นายควง อภัยวงศ์  ม.ร.ว.เสนีย์ ด้านกำลังท่านแพ้คุณแปลก ... ท่านหาแนวร่วมทั้งอังกฤษ ไปอเมริกา มาสู่จีน ปี2492คงเป็นอวสาน.. และถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งในช่วงนี้.. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:31:31

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณเอเธนา ที่ คห. 41 นะคะ คัดจากบทสัมภาษณ์ของ พล อ. อ. ทวี จุลละทรัพย์ ท่านเป็นหนึ่งในคณะทูตไทย หลังได้รับข้อเรียกร้อง 21 ข้อจากอังกฤษ เป็นข้อตกลงเลิกสงครามซึ่งอังกฤษต้องการให้ไทยปฏิบัติตาม ท่านให้สัมภาษณ์สำนักข่าว NHK ว่า "ผมอ่านแล้วรู้สึกตกใจมาก คล้ายๆ กับว่าเราเป็นผู้แพ้สงคราม อังกฤษจะเข้ายึดประเทศไทย ผมเอามาอ่านรู้สึกแปลกใจที่มีข้อเขียนไว้ว่าเราได้ประชุมร่วมกัน มีทั้งพันธมิตรอเมริการ่วมอยู่ด้วย แต่การเจรจาในครั้งนี้ไม่มีอเมริกา ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง ผมจึงไปพบหัวหน้าคณะ บอกกับท่านว่าเรื่องนี้มันรวดเร็วเหลือเกิน อย่าเพิ่งเซ็นจะดีกว่า แล้วผมก็ขอตัวโดยอ้างว่าไม่สบาย หลังจากนั้นผมไปหา OSS อเมริกาซึ่งมีพันเอก คอฟลิน เป็นหัวหน้า เล่าเรื่องให้ท่านฟัง ปรากฏว่าอเมริกาไม่ทราบเรื่องนี้เลย จึงรีบติดต่อพลตรี ดอนโนเวน ประจำสำนักงานใหญ่ OSS ที่วอชิงตัน" เอ็นเอชเค ระบุว่าอังกฤษปกปิดข้อเรียกร้องนี้ ไม่บอกให้อเมริกาทราบ ลอร์ดเมานด์แบตเทนรบเร้าให้คณะทูตเซ็นสัญญานี้ แต่คณะทูตคัดค้าน เมานต์แบตเทนไม่ถามอะไรนอกจากกำหนดเวลาขอคำตอบจากคณะทูตไทยหลังจากนี้ 48 ชั่วโมง ซึ่งตรงกับเวลาท้องถิ่นของอังกฤษตอนตี 4 วันที่ 7 เดือนกันยายน (คือหลังจากญี่ปุ่นยอมวางอาวุธแล้วไม่นาน) เมื่อรัฐบาลอเมริกันได้ทราบรายงานจาก OSS ประจำเกาะลังกา รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศซึ่งก็คือ ดีน เอชีสัน ก็เข้าไปประท้วงยังสถานทูตอังกฤษ โดยกล่าวว่าข้อเสนอเหล่านั้นอังกฤษต้องการเข้าไปควบคุมทั้งทางกำลังทหารและเศรษฐกิจไทย ส่วนเมานต์แบตเทนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการด้วย อเมริกาขอให้เพิกถอนสัญญาข้อเรียกร้องทันที ถึงแม้การประท้วงของอเมริกาจะรู้ไปถึงลอนดอน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากรัฐบาลอังกฤษเลย ขณะนั้นอังกฤษคิดว่าไทยยังไม่สมควรเป็นประเทศเอกราช พวกเขาจึงต้องเข้าปกครองดูแล อย่างไรก็ตามอเมริกาก็ตั้งใจจะเพิกถอนข้อเรียกร้องเหล่านั้นให้ได้ รองรัฐมนตรีต่างประเทศโจเซฟ กรู กล่าวว่ามีผู้คนถึง 150 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียอาคเนย์ แต่มีประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่เป็นเอกราช นับได้ว่าไทยเป็นประเทศที่สำคัญยิ่ง ถ้าไทยถูกแย่งความเป็นไทไป แถบภาคพื้นเอเชียอาจมีขบวนการที่เข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ และพวกเคร่งลัทธิลุกขึ้นก่อการจราจลก็เป็นได้ ปัญหานี้อาจกลายเป็นการเรียกร้องอเมริกาที่จะต้องให้ความปลอดภัยและผลประโยชน์แก่เอเชีย John G. Winant เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงลอนดอนได้รับคำสั่งจากวอชิงตันให้เข้าพบนายกรัฐมนตรีอัทลีของอังกฤษทันทีในวันที่ 6 กันยายน เวลาห้าทุ่ม การพบปะหารือก็เริ่มขึ้น อีก 5 ชั่วโมงเท่านั้นก็จะถึงเวลาให้คำตอบแล้ว วินนันท์ยืนกรานที่จะให้นายกอังกฤษอัทลีเป็นผู้ตัดสิน อัทลีก็ไม่รีรอ รีบติดต่อไปยังเกาะลังกา แต่เมานต์แบตเทนกลับตอบว่า "เรากำลังรอคำตอบจากฝ่ายไทย เราจะทิ้งโอกาสดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร ถ้าไทยยอมเซ็นก็ดีแล้ว ไม่ใช่หรือ" แต่ก่อนหน้าจะถึงเวลาให้คำตอบ คณะทูตก็เริ่มเปลี่ยนทีท่าว่าไทยจะไม่ตกลง จากเอกสารลับของกองบัญชาการกองทัพแถบเอเชียอาคเนย์เขียนไว้ว่า "ถ้าอเมริกาไม่เข้ามายุ่ง ปัญหาระหว่างไทยกับอังกฤษคงไม่เกิด" (The whole trouble has been with the Americans and not with the Siamese) พล อ. อ. ทวี ให้สัมภาษณ์ต่อว่า "ระหว่างที่รับประทานอาหารกลางวันอยู่ก็มี ทส ของเมานต์แบตเทนเข้ามากระซิบที่ข้างหูว่าคงจะมีการตัดสินขั้นสุดท้ายจากรัฐบาลอังกฤษเรื่องข้อเรียกร้องนั้น จึงไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันอีก" เอ็นเอชเค รายงานว่าสถานการณ์ตึงเครียด 48 ชั่วโมงระหว่างเกาะลังกา กรุงเทพ วอชิงตัน และลอนดอน มีการติดต่อทั้งทางโทรศัพท์และโทรเลขนับครั้งไม่ถ้วน ไทยก็รอดจากการเป็นผู้แพ้สงครามไปได้อย่างหวุดหวิด แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:56:03 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:42:39

ความคิดเห็นที่ 50 คุณคุณสด กูรมะโรหิต พูดถึงเหตุการณ์ที่จุงกิงไว้ว่าอย่างไรคะ ขอต่อตรงนี้ก็แล้วกันเรื่องปัญหาเสรีไทยสายอเมริกา นอกจากปัญหาเรื่องเงินแล้วยังเป็นปัญหาความไม่ไว้ใจกันเองระหว่างระดับผู้ควรเป็นหัวหน้า ๒ คนคือ ม.ล. ขาบ กุญชร ซึ่งเป็นคนของหลวงพิบูลย์ กับหม่อมเสนีย์ ซึ่งหม่อมหลวงขาบได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าจับตาดูด้วยค่ะ ทีนี้เรื่องของเรื่องคือ ม.ล. ขาบ ท่านเป็นทูตทหาร มีอำนาจไม่น้อยเหมือนกัน นักเรียนไทยบางกลุ่มที่อยากเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทยก็เลยต้องเลือกข้าง แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 22:03:56 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:52:05

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณกุลธิดา  ขอให้วิทยาทานนี้ เสริมส่งให้คุณกุลธิดา สมหวังในทุกสิ่งนะคะ พูดถึงเมืองจีน เลยนึกถึงคุณสด กูรมโรหิต ขึ้นมา ชอบ "ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง" กับ "ระย้า" น่ะค่ะ รองรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา "...ถ้าไทยถูกแย่งความเป็นไทไป แถบภาคพื้นเอเชียอาจมีขบวนการที่เข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ และพวกเคร่งลัทธิลุกขึ้นก่อการจราจลก็เป็นได้" ยืนยันว่า อเมริกามีนโยบายแฝงเร้น ลอร์ดเมาท์ ร้ายกาจมาก ไทยรอดจากการเป็นประเทศผู้แพ้สงครามอย่างหวุดหวิด ท่านปรีดี เป็นคนโทรเลขสั่งให้ หม่อมเสนีย์ มาเป็นนายกฯ สั่งงาน และติววิชาให้อย่างด่วน ยังไงๆ ท่านปรีดี ก็มีผลงานมากกว่าหม่อมเสนีย์ นะคะ คุณ Angleevil แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 00:23:00 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:19:18

ความคิดเห็นที่ 52 ก็แล้วแต่จะมองนะคะคุณเอเธนา สมัยนั้น คือปี 2488-2489 คอมมิวนิสต์หรือลัทธิอื่นๆ ที่พูดถึงก็ยังไม่เป็นภัยคุกคามอะไรเลย และไทยก็ยังคงความเป็นประเทศอิสระไว้ได้ ไม่อย่างนั้นลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคณะทูตไทยยอมเซ็นสัญญานั้น ประเทศไทยอาจถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนบนจีนครอบครอง ส่วนล่างตั้งแต่กรุงเทพลงมาเป็นของอังกฤษ ประเทศไทยจะเหลือเป็นประเทศอย่างทุกวันนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แล้วถ้าประเทศไทยตกอยู่ในสภาพนั้นจะยังมีรัฐบาลไทยอยู่อีกหรือเปล่า จะเป็นรัฐบาลประเภทไหนในเมื่อต้องอยู่ใต้อาณัติประเทศอื่น จะมีอำนาจต่อรองหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 00:47:37 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:33:16

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ ohmygodness ใน คห. 39 ที่ว่า "แต่ปรีดี ในฐานะคนก่อตั้งเสรีไทย และในฐานะที่เป็นคนลงมือทำมาตลอด แม้ว่าความพยายามของปรีดีจะประสบความสำเร็จมากบ้างน้อยบ้าง (หมายถึงเสรีไทยในประเทศไม่ค่อยมีบทบาท) แต่เมื่อเป็นคนก่อตั้ง และเป็นคนลงทำมาตลอด ก็สมควรได้รับเครดิตใช่ไหม???" ท่านปรีดีก่อตั้งเสรีไทยในเมืองไทยนั้นเป็นความจริงค่ะ แต่เสรีไทยไม่ได้ก่อตั้งแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในเวลาเดียวกันในประเทศอื่นที่มีนักเรียนไทยอยู่อย่างอังกฤษ อเมริกา ก็มีการจัดตั้งขบวนการเสรีไทยเหมือนกันค่ะ เป็นเสรีไทยที่แยกจากของเมืองไทยในระยะแรกๆ เป็นแบบต่างคนต่างรวมตัวกันขึ้นมา และต่างก็ไม่รู้ว่าในเมืองไทยเริ่มมีขบวนการต่อต้านลักษณะเดียวกันนี่แล้ว อย่างของอเมริกาตอนที่จัดตั้งเสรีไทยภายใต้ชื่อ Free Thai นั่นไม่รู้กันด้วยซ้ำว่าในเมืองไทยก็มีการจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นแล้วเหมือนกัน พอรู้ถึงได้มาประสานงานกันในภายหลังค่ะ เพราะเหตุนั้นว่ากันให้ชัดๆ ก็ต้องเรียกว่าท่านปรีดี "ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย" ค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 04:20:54 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 00:58:32 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:53:35

ความคิดเห็นที่ 54 (ต่อนะคะ รู้สึกว่าตัวเองโพสต์ไม่ค่อยเป็นระบบเท่าไหร่ ขอโทษด้วยค่ะ) Free Thai สายอเมริกามารู้เรื่องว่าในเมืองไทยมีขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นเกิดขึ้นก่อนหน้าแล้วก็เมื่อเดือน กรกฎาคม 2486 หลวงประดิษฐ์ส่ง สงวน ตุลารักษ์ กับ แดง คุณะดิลกจากประเทศไทยเดินทางไปจุงกิง ประเทศจีน แต่โชคดีคราวนี้ไม่เงียบหายไปเหมือนกรณีคุณกำจัด ทั้งคู่ได้พบกับเสรีไทยสายอเมริการุ่นที่ 1 ซึ่งเดินทางไปถึงเมืองจีนแล้วในตอนนั้น คือ ม.ล. ขาบ กุญชร และคุณจก ณ ระนอง ก็เลยได้รู้ข่าวเรื่องขบวนการต่อต้านในประเทศไทยซึ่งหลวงประดิษฐ์ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก พอรู้ก็ส่งข่าวไปให้ทางวอชิงตันรู้ คุณวิมลกับคุณบุญนากก็เลยถูกเรียกตัวให้เข้าฝึกทหารเป็นการด่วนเพื่อดำเนินงานต่อไป และในที่สุดคุณสงวนและคุณแดงก็ได้เดินทางต่อไปพบ ม.ร.ว. เสนีย์ ที่กรุงวอชิงตันได้สำเร็จ โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนของเสรีไทยสายอเมริการุ่นแรกที่ตอนนั้นเริ่มปฏบัติงานกันแล้วค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 01:24:43

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องของเรื่องมันผลประโยชน์ทั้งนั้น ยุโรป เอเชีย และสหรัฐเองก็บอบจากสงครามมามาก ครั้นจะเอาไทยเป็นเมืองขึ้นก็กระไร สู้ว่าปล่อยไทยไปก็สิ้นเรื่อง ดูแลญี่ปุ่น เยอรมันนี อิตาลี และประเทศที่ตัวเองถูกถล่มก็แย่แล้ว ยิ่งญี่ปุ่นนี่โดยปรมาณูไป 2 ลูกร้องเจี๊ยกไปเลย หากต้องมายึดแล้วไล่บี้ทุกประเทศเหนื่อยเปล่า ยิ่งไทยมีข้าวมีอาหารก็บริจาคช่วยไปสิ แล้วเสรีไทยอะไรนี่ ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอ้างคุณงามความดีอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่ใช่แค่ไทย หรือญี่ปุ่น หรือเมริกา ที่ได้ผลกระทบจากสงครามซึ่งไม่มีใครอยากแพ้ เราอยู่ในจุดที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้ไม่คุ้มเสีย เสรีไทยก็เลยดูเหมือนจะชนะตามๆพันธมิตร แล้วอ้ายที่ใครเป็นรัฐบาลหลังสงครามโลก ก็แค่การเมืองเท่านั้น ที่เราคุยๆกันอยู่ มันก็เรื่องเมื่อ 60-70 ปีที่แล้วทั้งนั้น ทุกวันนี้ก็เห็นๆกันอยู่ความมักง่ายของใครก็ตามที่เรียกว่า การเปลี่ยนเปลงการปกครอง ทำให้เราต้องจมปลักอยู่อย่างนี้ จากคุณ : แสงริมทางเท้า เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 07:14:27

ความคิดเห็นที่ 56 เสรีไทยทุกกลุ่มมีแนวทางเป็นของตัวเอง .. เคยอ่านการต่อสู้ของเสรีไทยสายนายธนาคาร เช่นคุณชิน โสภณพนิช.. บรรยากาศเหมือนหนังฮ่องกงในเขตเช่าของฝรั่ง เป็นการต่อสู้บนโต๊ะทำงาน.. แม่ทัพญี่ปุ่นยิ่งคลาสสิค ไม่มีการหว่านแห มีการติดตามร่องรอยแบบกระชั้นชิด.. ค่ำคืนมีการสมาคมมีการซ่อนมีด ตกลงสนทนาแบ่งปันแลกเปลี่ยนผลประโยชน์.. เวทีเมืองไทยนานาชาติสนใจและหาข้อมูลกันแบบละเอียดยิบ.. ตั้งแต่ยุคก่อน/พระจอมเกล้าพระปิ่นเกล้านางแอนนา/ พระจุลจอมเกล้า/ 2475-2554. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 08:29:16

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ ค่ะ ที่เฉลียวใจทันท่วงที ขอทราบชื่อ หัวหน้าคณะทูตทหารของไทยค่ะ จะได้ขอบคุณได้ถูกค่ะ "เอ็นเอชเค รายงานว่าสถานการณ์ตึงเครียด 48 ชั่วโมงระหว่างเกาะลังกา กรุงเทพ วอชิงตัน และลอนดอน มีการติดต่อทั้งทางโทรศัพท์และโทรเลขนับครั้งไม่ถ้วน ไทยก็รอดจากการเป็นผู้แพ้สงครามไปได้อย่างหวุดหวิด" เวลานั้น 7 ก.ย. 2488 ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเมื่อ 31 ส.ค. 2488 แก้ไขนะคะ ที่จริง นายทวี บุณยเกต เป็นนายกรัฐมนตรี ค่ะ ม.ร.ว. เสนีย์ มาเป็นเมื่อ 17 ก.ย. ค่ะ ท่านปรีดี อยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐ เป็นคนคุมเกมทั้งหมดในเมืองไทย ขอปรบมือให้ทุกท่านค่ะ คุณกุลธิดาคะ ที่คุณว่า "ก็แล้วแต่จะมองนะคะคุณเอเธนา สมัยนั้น คือปี 2488-2489 คอมมิวนิสต์หรือลัทธิอื่นๆ ที่พูดถึงก็ยังไม่เป็นภัยคุกคามอะไรเลย" ถึงแม้สงครามเย็นจะเริ่มในปี 2489 แต่เราว่า งานนี้อเมริกาวางแผนมานานแล้ว เพราะเริ่มเห็นอิทธิพลของโซเวียตที่แผ่เกือบทั่วยุโรป ในปี 2487  ปีเดียวกัน อเมริกาก็ส่งคนสำคัญเข้าไปแทรกแซงในจีนเพื่อป้องกันคอมมิวนิสต์จีนและโซเวียตแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 13:32:07 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 12:31:10

ความคิดเห็นที่ 58 เรียน คุณกุลธิดา ต่อจาก #54 นะคะ "Free Thai สายอเมริกามารู้เรื่องว่าในเมืองไทยมีขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นเกิดขึ้นก่อนหน้าแล้วก็เมื่อเดือน กรกฎาคม 2486" ทราบจาก หนังสือของ อ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา เรื่อง "เพื่อชาติ เพื่อ Humanity ภารกิจของวีรบุรุษเสรีไทย จำกัด พลางกูร" พิมพ์เมื่อปี 2549 คุณจำกัด ได้โทรเลขไปหา มรว.เสนีย์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2488 แจ้งให้ทราบเรื่องเป็นตัวแทนของเสรีไทยในเมืองไทย ทางหม่อมเสนีย์ก็รับทราบ และบอกให้รอ เพราะรู้จักกันดี มีบ้านอยู่ใกล้กัน และน้องของคุณจำกัด 2 คนก็เป็นเสรีไทยอยู่ที่อเมริกา ไม่เห็นต้องมีเหตุไม่เชื่อใจกัน  เสียดายคุณจำกัดตายอย่างน่าอนาถ เพราะมัวแต่เกี่ยงเรื่องการนำและเงิน "หลวงประดิษฐ์ส่ง สงวน ตุลารักษ์ กับ แดง คุณะดิลกจากประเทศไทยเดินทางไปจุงกิง ประเทศจีน แต่โชคดีคราวนี้ไม่เงียบหายไปเหมือนกรณีคุณกำจัด ทั้งคู่ได้พบกับเสรีไทยสายอเมริการุ่นที่ 1 ซึ่งเดินทางไปถึงเมืองจีนแล้วในตอนนั้น คือ ม.ล. ขาบ กุญชร และคุณจก ณ ระนอง ก็เลยได้รู้ข่าวเรื่องขบวนการต่อต้านในประเทศไทยซึ่งหลวงประดิษฐ์ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก" ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกค่ะ "พอรู้ก็ส่งข่าวไปให้ทางวอชิงตันรู้ คุณวิมลกับคุณบุญนากก็เลยถูกเรียกตัวให้เข้าฝึกทหารเป็นการด่วนเพื่อดำเนินงานต่อไป และในที่สุดคุณสงวนและคุณแดงก็ได้เดินทางต่อไปพบ ม.ร.ว. เสนีย์ ที่กรุงวอชิงตันได้สำเร็จ โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนของเสรีไทยสายอเมริการุ่นแรกที่ตอนนั้นเริ่มปฏบัติงานกันแล้วค่ะ" และหลังจากนั้นเสรีไทยสายอเมริกา ก็ยอมรับการนำของรูธ(ปรีดี) และให้เป็นหัวหน้าปฏิบัติการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคของเสรีไทย   ในวันประกาศยุบขบวนการ  มีการเดินขบวนเสรีไทย ซึ่งมีทั้งหมด 8,000 คน ส่วนหนึ่งเป็นจารชนมาจากนอก แต่ส่วนใหญ่คือ เสรีไทยในเมืองไทยค่ะ ด้วยความเคารพ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 14:11:42 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 13:52:43

ความคิดเห็นที่ 59 ปัญหาของคุณจำกัดคงไม่ได้อยู่ที่ ม.ร.ว. เสนีย์หรือเงินหรอกครับ ถ้าจีนยอม อเมริกายอม เงินทองอะไรก็ไม่ใช่ปัญหา เรื่องของเรื่องคือจีนไม่ยอมปล่อยตัวออก ส่วนอเมริกาก็ไม่เห็นความสำคัญ SOE สาขาจีนต้องการได้ตัวคุณจำกัดแต่ติดที่รัฐบาลเจียง เรื่องของคุณจำกัด SOE รู้ตั้งแต่ก่อน 21 April 1943 แล้วครับ หลักฐานอีกอันคือคุณจำกัดได้พูดคุยกับ John Carter Vincent ที่เป็น charge d'affaires ที่สถานทูตสหรัฐประจำประเทศจีนเมื่อวันที่ 3 May 1943 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 14:49:20 จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 14:42:47

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณนะคะ คุณ Nexus ขอเรียนถามนะคะ ถ้าเสรีไทยสายอเมริกา ประสานกับทางวอชิงตัน ให้บอกตัวแทนในจีน ขอจากรัฐบาลเจียง ก็น่าจะได้นี่คะ   แล้วทำไม John Carter Vincent ถึงไม่ให้ความสำคัญแก่คุณจำกัดล่ะคะ  คุณจำกัดน่าจะเก็บข้อมูลความลับที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อแผนงานสัมพันธมิตรไว้นะคะ อเมริกาวางแผนจะกีดกันเสรีไทยในเมืองไทยหรือเปล่าคะ และต้องการให้เสรีไทยสายอเมริกาเป็นผู้นำ แล้วทำไมภายหลังถึงเปลี่ยนใจยอมให้คุณสงวนกับคุณแดง ไปวอชิงตันล่ะคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:03:18

ความคิดเห็นที่ 61 พูดกันตามตรงในอเมริกาคุณเสนีย์ก็ไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลอะไรต่อรัฐบาลอเมริกามากมายนัก ฐานะในอเมริกาก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ของไทยคนหนึ่งเท่านั้นเอง นโยบายต่อรัฐบาลไทยเนี่ยอยู่ที่ State Department ซึ่งเขาพิจารณาว่าให้เรื่องนี้(เรื่องของคุณจำกัด)จีนเป็นคนจัดการ อย่างที่ผมบอกอเมริกาไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับเสรีไทย(ไม่ว่าจะสายไหน) มากนักหรอกครับ เพราะตอนนั้นความสนใจอยู่ที่สนามรบทางยุโรปมากกว่า หรือเรียกง่ายๆว่าไม่เห็นอยู่ในสายตา ดังนั้นเรื่องของคุณจำกัดเขาเลยยกให้เป็นหน้าที่ของจีนจัดการ จนกระทั่งสงครามในยุโรปเรื่มผ่อนลงอเมริกาเลยหันกลับมามองไทยอีกที หลักฐานก็คือการที่คุณปรีดีได้เครดิตเป็นผู้นำเสรีไทย แทนที่จะเป็นคุณเสนีย์ยังไงครับ ส่วนเรื่องคุณ Vincent แกมองว่าคุณจำกัดแก "not an entirely balance person, or at least not a person well suited for the mission with which he states he has been charged." ตอนนั้นคุณจำกัดแกอยู่ในจีนมานานแล้วแต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะทางรัฐบาลจีนขัดขวาง รวมทั้งสุขภาพที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ บวกกับการที่แกไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการด้วย จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:18:13

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณค่ะ คุณ Nexus อ่านเรื่องคุณจำกัดแล้ว ร้าวรานใจค่ะ เจียงนะเจียง ทำไปได้ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 15:27:25 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:26:16

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนนั้นภารกิจของคุณจำกัดไม่ใช่แค่แจ้งว่ามีองค์กรต่อต้านญี่ปุ่นในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขอความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในอินเดียด้วยซึ่งรวมถึงการขอความร่วมมือจากฝ่ายสัมพันธมิตรในการพาตัว ผู้นำฝ่ายต่อต้านในไทยออกนอกประเทศ แต่รัฐบาลจีนต้องการให้มีการก่อตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศจีน รวมถึงการก่อตั้งกองทัพที่จะปฎิบัติการรบแบบกองโจรในจีนเพื่อเป็นหัวหอกในการบุกภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่น จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:27:00

ความคิดเห็นที่ 64 แต่อย่างน้อยการทำงานของคุณจำกัดก็เห็นผลเมื่อรัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการสื่อสารผ่านสถานีวิทยุลับที่สกลนคร คุณจำกัดก็ส่งข้อความเข้ารหัสสั้นๆไปบอกคุณปรีดีทำให้คุณปรีดีส่งคณะของ สงวน ตุลารักษ์ ออกไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎา จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:34:35

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ Nexus นี่เยี่ยมจริงๆ สงสัยอีกน่ะค่ะ ทำไมคุณปรีดี ถึงมองข้ามจีนไป และคิดจะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่อินเดียล่ะคะ เจียงเคือง เจียงก็เลยสั่งสอนซะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:39:22

ความคิดเห็นที่ 66 รัฐบาลพลัดถิ่นในอินเดีย คงเป็นรัฐบาลในร่มเงาอังกฤษ .. นายพลเจียงแผ่นดินทางแมนจูกัวยังถูกผนวกด้วย จักรวรรดิญี่ปุ่น.. ยังมีอิทธิฤทธฺ์กับเมืองไทยได้อีก น่าสนใจว่าจะเอาทัพมาเก็บแบบใต้หวัน.. ดีนะที่อเมริกาวางตัวเป็นกลาง เมื่อเจียงรบกับเหมา.. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:08:37

ความคิดเห็นที่ 67 จาก คห.58 ของคุณเอเธนา ที่ว่า "คุณจำกัด ได้โทรเลขไปหา มรว.เสนีย์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2488 แจ้งให้ทราบเรื่องเป็นตัวแทนของเสรีไทยในเมืองไทย" นั่นเป็นความจริงค่ะ แต่ต้องดู timeline ด้วยค่ะ เสรีไทยสายอเมริกาเริ่มมีตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2485 ค่ะ มีการประชุมนักเรียนในที่กรุงวอชิงตัน และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช บอกให้นักเรียนไทยรู้ว่าทางการอเมริกันรับสมัครนักเรียนไทยเป็นทหารไปรบในแบบแนวที่ห้า (สมัยนั้นเรียกอย่างนั้น) ซึ่งก็เท่ากับตอบคำถามของนักเรียนไทยที่ต่างก็กระตือรือร้นว่าจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือประเทศได้บ้าง ผู้เข้าประชุมวันนั้นมี 30 คน ทุกคนสมัครหมด มีการถกกันว่าจะเรียกกันว่าอะไร มีคนเสนอชื่อ ขบวนการ Free Thai ขึ้น ขบวนการเสรีไทยสายอเมริกาเกิดขึ้นในวันนั้นค่ะ ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เลยว่าทางเมืองไทยก็มีอะไรลักษณะคล้ายๆ กันแบบนั้นเกิดขึ้นแล้ว ไปรู้ก็เมื่อ ม.ล. ขาบ กับ คุณจก เป็น Free Thai รุ่นแรกเริ่มปฏิบัติงานที่เมืองจีนแล้วอย่างที่ว่านั่นแหละค่ะ 28 กุมภาพันธ์ 2486 หลวงประดิษฐ์ส่ง จำกัด พลางกูร ออกเดินทางไปจุงกิง แล้วส่งข่าวถึงวอชิงตันเพื่อบอกให้รู้ เวลานั้นเสรีไทยที่อเมริกาเริ่มฝึกรุ่นหนึ่งกันแล้วค่ะ แต่หาไม่เจอว่า ม.ร.ว. เสนีย์ ได้รู้หรือเปล่าเพราะไม่เห็นมีใครพูดถึง คุณกำจัดมาไม่ถึงอเมริกาเพราะถูกจีนกักตัวไว้แล้วตายเสียก่อน ตอบคุณ Nexus ความเห็นถัดมานะคะ ปัญหาของคุณจำกัดนั่นคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับทาง ม.ร.ว. เสนีย์ เท่าไหร่ หรืออาจมี แต่หาไม่เจอ แต่ปัญหาเรื่อง ม.ร.ว. เสนีย์ ไม่ให้เงินสนับสนุนเสรีไทยบางคนนี่มาจากคำบอกเล่าของ ม.ล. ขาบ กุญชร (ซึ่งก็ฟังหูไว้หูนิดหน่อยเมื่อพิจารณาว่าเวลานั้น ม.ล. ขาบ กับ ม.ร.ว. เสนีย์ มีอะไรขัดๆ กันอยู่หน่อยๆ นะคะ คือไม่ค่อยจะไว้ใจกัน ) ม.ล. ขาบ บอกว่าตอนที่หลวงประดิษฐ์ส่งคุณสงวนกับคุณแดงมาเมืองจีนเพื่อเดินทางต่อไปวอชิงตัน ม.ร.ว. เสนีย์ปฏิเสธที่จะออกค่าเดินทางให้ เหตุผลก็เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เกิดใครยกเรื่องเป็นเสรีไทยมาอ้างเพื่อขอเงินสนับสนุนให้เดินทางมาอเมริกาทุกคน ทางสถานทูตไทยก็คงแย่ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 02:12:59

ความคิดเห็นที่ 68 ส่วนที่คุณเอเธนาสงสัยว่าอเมริกาช่วยไม่ให้ไทยเป็นฝ่ายแพ้สงครามก็เพราะมี hidden agenda เรื่องคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ค่ะ ปี 2488 นั่นนโยบายเรื่องคอมมิวนิสต์ของอเมริกายังไม่ค่อยจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะภัยคอมมิวนิสต์ยังอยู่ห่างไกล ทั้งรัสเซียทั้งจีนยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ จะเอาตัวเองยังไม่ค่อยจะรอดเลย แล้วทั้ง 2 ประเทศนั้นก็อยู่ฝ่าย Allies ด้วย จีนอาจไม่ชัดเจนเพราะถูกดึงเข้าสู่สงครามโดยญี่ปุ่นชนิดไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่รัสเซียนี่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ allies ทั้งจากยุโรปและอเมริกาเลย เหตุที่อเมริกาอยู่ข้างไทยในเดือนกันยา 2488 นั่น เหตุหนึ่งก็คืออเมริกาไม่ถือว่าไทยอยู่ฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่น เหตุก็เพราะสถานทูตไทยแจ้งนโยบายนั้นชัดเจนแล้วในวันที่ 10 ธันวาคม 2484 คือวันเดียวหลังจากที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าประเทศไทย สถานทูตไทยที่กรุงวอชิงตันประกาศต่อต้านญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เมื่อเป็นการประกาศที่อเมริกา อเมริกาก็ต้องยึดถือตามนั้น แต่คิดว่าที่สำคัญยิ่งกว่าคืออเมริกาตั้งใจจะทำลาย (หรืออย่างน้อยก็ลดความสำคัญ) ของ European Colonialism ในเอเชียอาคเนย์ลง เพราะก่อนสงครามจบลง คือในเดือนกรกฎาคม (ญี่ปุ่นยอมวางอาวุธวันที่ 16 สิงหา) และมีท่าว่าฝ่ายเยอรมันและญี่ปุ่นจะแพ้แน่แล้ว มีการประชุม 3 ประเทศคืออังกฤษ รัสเซีย อเมริกา บทสรุปออกมาเป็นสนธิสัญญา Potsdam ส่วนหนึ่งของสัญญานั้นคือกำหนดว่าจะทำอย่างไรกับประเทศแพ้สงคราม ไม่นานหลังจากนั้นบางประเทศในยุโรปก็ค่อยๆ คืบคลานเข้าหาประเทศซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของตัวเอง ตัวอย่างเช่นในอินโดนีเซีย ในกลุ่ม Allies ด้วยกันตกลงกันว่าเนเธอแลนด์จะกลับเข้าครอบครองอินโดนีเซีย อังกฤษจะเข้าครอบครองพม่า มาลายา ไทย และฮ่องกง ลอร์ดเมาท์แบตเทนซึ่งเป็น Supreme Commander ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งใจจะเข้าครอบครองอาณานิคมที่ยึดคืนมาได้จากญี่ปุ่น จะเข้าจัดการกับนักโทษสงครามในบริเวณนั้น รวมทั้งจัดการเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามด้วย อเมริกาไม่เคยรู้ว่าตามแผนนั้นรวมประเทศไทยเข้าไปด้วย พอรู้ถึงได้คัดค้าน เหตุหนึ่งก็เพราะอเมริกาไม่ถือว่าไทยอยู่ข้างญี่ปุ่นมาแต่แรก อีกเหตุก็เพราะมีความพยายามลดความสำคัญของ European Imperialism ลงให้ได้ อเมริกาถือว่าไทยในฐานะประเทศอิสระประเทศเดียวในเอเชียอาคเนย์จะมีส่วนช่วย stabilize บริเวณนั้นได้ ในเมื่อประเทศอาณานิคมอื่นๆ ไม่มีความมั่นคงภายในเลยสักประเทศ มีกลุ่มคนต่อต้านรัฐบาลอยู่เสมอ ความไม่มั่นคงลักษณะนั้นเท่ากับเป็นจุดอ่อนที่เปิดทางให้ลัทธิไหนก็ได้เข้าฉวยโอกาส ในโลกสมัยใหม่ความสำคัญของระบบอาณานิคมมีแต่จะลดลง ถ้าคงระบบนั้นไว้อีก บริเวณแถบนั้นก็จะมีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น ตามเอกสารของราชการซึ่งหาอ่านได้จากที่นี่มีว่าอย่างนั้นค่ะ นั่นคือความคิดของรัฐบาลอเมริกันในช่วงเวลานั้นนะคะ หลังจากนั้นเป็นยังไงก็ต้องว่ากันอีกที จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 02:48:14

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องที่ผมยกมาไม่ได้มาจากคำบอกเล่าจอง ม.ล. ขาบนะครับ แหล่งอ้างอิงของเขาตามข้างล่างครับ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 03:01:10

ความคิดเห็นที่ 70 คุณกุลธิดาเล่าละเอียดดี ไม่วกวนนะคะ เพียงแต่คุณเล่าข้อมูลล้วนๆไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป ซึ่งถือว่าเป็นนักวิชาการที่ดี เพราะนำเสนอข้อมูลแบบกลางๆ (ไม่เหมือนเรา เอียงกะเท่เร่555) เราสรุปว่าเสรีไทยในอเมริกาเริ่มขัดแย้งกัน เมื่อเสรีไทยฝ่ายไทยส่งตัวแทนไปดูแลภายหลังใช่มั้ยคะ (อ่านแล้วมันจับความได้แบบนี้อ่ะ) แล้วก็อยากจะถามความเห็นคุณกุลธิดาว่า ปัจจุบันประเทศไหนเป็นมิตรกับไทยอย่างแท้จริง  ประเทศไหนต้องระวังบ้าง อเมริกากับจีนยังพอไว้ใจได้อยู่มั้ยคะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 11:41:49 จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 11:10:00

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากค่ะ คุณกุลธิดา "คุณจำกัด ได้โทรเลขไปหา มรว.เสนีย์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2488 แจ้งให้ทราบเรื่องเป็นตัวแทนของเสรีไทยในเมืองไทย"  เจี๊ยก อิฉันพิมพ์ปี พ.ศ. ผิดค่ะ ข้อมูลของคุณ Nexus มาจากหนังสือ Siam becomes Thailand ของ Judith A. Stowe , 1991 ค่ะ Forest Frog เป็นผู้หญิงหรือครับ ที่ Forest Frog สรุปน่ะ คนละเรื่องเลยล่ะตัวเอง จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 15:52:48

ความคิดเห็นที่ 72 โอ๊ะ ขอโทษค่ะคุณเอเธนา เผลอจับผิดอีกล่ะ โทษทีๆ จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 16:34:38

ความคิดเห็นที่ 73 แล้ว คุณ Forest Frog ยังจะว่าท่านปรีดีขี้จุ๊อีกปะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 19:56:25

ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อตัดอคติออกไปบ้าง  มันก็จะเป็นข้อเท็จจริงมากขึ้น และน่าติดตามมากขึ้น ขอบคุณกระทู้นี้จริงๆ จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 20:31:03

ความคิดเห็นที่ 75 คุณกุลธิดาค่ะ เราก็ยังเห็นว่า หม่อมเสนีย์มีความสำคัญก็จริง แต่ไม่ได้สำคัญมากไปกว่าท่านปรีดีค่ะ มีเหตุผล 2 ประการ ที่อเมริกาอยู่ข้างไทยในเดือนกันยา 2488 1. สถานทูตไทยแจ้งนโยบายนั้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2484 เหตุผลของคุณคือ เมื่อเป็นการประกาศที่อเมริกาก็ต้องยึดถือตามนั้น เราคิดว่า อันนี้เป็นจังหวะเหมาะที่ หม่อมเสนีย์อยู่ที่นั่น   ข้อเท็จจริงก็คือ ท่านปรีดีก็ตั้งขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในเมืองไทยเช่นกัน และเป็นที่รับรู้ทั้งสาขาอเมริกาในจีน อังกฤษ และจีนคณะชาติ และในท้ายที่สุดก็ได้รับการรับรองให้ท่านปรีดีย์ เป็นหัวหน้าเสรีไทยทุกสาย เพราะข้อมูลที่ท่านส่งไปมีผลต่อการปฏิบัติการของสัมพันธมิตร แม้แต่ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ยังให้ท่านปรีดี เป็นผู้ประกาศโมฆะในเดือนสิงหาคม 2488 อเมริกามองแบบพลวัตร ไม่ได้แช่แข็งเหตุการณ์ไว้ที่ปี 2484 อเมริกาจึงให้ความสำคัญแก่ท่านปรีดีมากกว่าค่ะ ถึงกระนั้น ปัจจัยนี้ก็ยังไม่ใช่ตัวชี้วัด เท่ากับว่า ที่ลำบากลำบนทำกันมาสูญเปล่าทั้งหมด ถ้าไม่เข้ากับนโยบายของอเมริกา อย่างที่คุณว่าไว้ 2. แต่คิดว่าที่สำคัญยิ่งกว่าคืออเมริกาตั้งใจจะทำลาย (หรืออย่างน้อยก็ลดความสำคัญ) ของ European Colonialism ในเอเชียอาคเนย์ลง เพราะก่อนสงครามจบลง คือในเดือนกรกฎาคม (ญี่ปุ่นยอมวางอาวุธวันที่ 16 สิงหา).... ฉะนั้น เหตุการณ์ที่ peak ที่สุดคือ การประชุมเดือนกันยายน เวลานั้น ตัวแทนทหารฝ่ายไทยแจ้งให้ตัวแทนอเมริการู้ เรื่องจึงถึงวอชิงตัน เราไม่เห็นว่าหม่อมเสนีย์จะมีบทบาทใด(หรือมี ก็ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ)   เราจึงเห็นว่า มีการต่อรอง ดังที่มีโทรเลขติดต่อกับกรุงเทพฯ ตลอด การต่อรองจึงอยู่ที่ท่านปรีดีย์ และออกมาเป็นสัญญาในวันที่ 8 ก.ย. ด้วยความเคารพ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 00:35:02 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 21:39:06 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 21:38:34

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่เคยว่าใครสำคัญกว่าใครเลยค่ะคุณเอเธนา ถ้าอ่านมาตั้งแต่ความเห็นแรกนะคะ ไม่มีตอนไหนที่บอกว่าใครสำคัญกว่าใครเลยค่ะ เพราะการตัดสินลักษณะนั้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ปกติเวลาศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์จะวางความคิดเห็นส่วนตัวที่มีมาก่อนหน้าไว้ต่างหากค่ะ เพราะความเห็นส่วนตัวมักบดบังการรับรู้ข้อเท็จจริงไว้เกือบหมด แน่ใจด้วยค่ะว่าถ้าเอาความเห็นส่วนตัวเป็นที่ตั้งก็จะมีแนวโน้มเลือกแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความคิดนั้นของตัวเองเท่านั้น อะไรที่ขัดแย้งจะมองข้ามเสีย แต่ถ้าว่ากันตามความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าทุกคนสำคัญเท่ากันค่ะ เพราะต่างก็มีส่วนช่วยไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นประเทศแพ้สงครามเหมือนกัน ในแง่ของคำประกาศจากสถานทูตไทยในสหรัฐอเมริกาหลังจากญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่เมืองไทยเพียงวันเดียวนั่นเป็นคำประกาศที่เรียกได้ว่าท้าทายอำนาจรัฐบาลไทยภายใต้การนำของหลวงพิบูลย์ในเวลานั้นด้วยค่ะ เพราะเป็นคำประกาศที่หาญกล้ามาก เพราะตรงข้ามกับประกาศจากรัฐบาลเลย แล้วก็ทำไปโดยไม่คอยรับความเห็นชอบของรัฐบาลไทยหรือคอยรับคำสั่งของรัฐบาลเสียก่อนด้วยว่าจะแสดงท่าทีอย่างไร และเพราะคำประกาศนั้นก็มีส่วนช่วยไม่ให้ไทยไปรวมอยู่ในฝ่ายแพ้สงครามด้วยเหมือนกัน หลังสงครามอเมริกาก็ยึดเอาคำประกาศนั้นมาอ้างได้ว่าไทยไม่ได้เข้าร่วมอยู่ฝ่ายญี่ปุ่นจริงๆ  ลองคิดดูง่ายๆ นะคะ ถ้าไม่มีคำประกาศนั้นจะมีอะไรที่เอามาใช้อ้างได้บ้างว่าไทยมีนโยบายต่อต้านญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 00:44:09

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ Forest Frog เสรีไทยสายอเมริกามีความขัดแย้งกันนิดหน่อยค่ะ แต่ตามที่อ่านๆ ดูก็ไม่ถึงกับทำให้งานหยุดชะงัก เพียงแต่บางคนไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเท่านั้นเองค่ะ เพราะ ม.ร.ว. เสนีย์ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง ในสถานการณ์แบบนั้นใครแอบอ้างก็คงทำกันได้ง่ายๆ ท่านคงมองในแง่นั้นน่ะค่ะ แต่เท่าที่อ่านๆ มาทั้งหมดก็ไม่เห็นว่าต้องอาศัยเสรีไทยทางฝ่ายไทยเข้ามาดูแลนะคะ เป็นการประสานการทำงานกันมากกว่าค่ะ ส่วนปัจจุบันประเทศไหนไว้ใจได้จริงๆ สงสัยคงต้องว่ากันยาวมากเลยค่ะ แหะๆ คงยาวจริงๆ แต่ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งคือทุกประเทศก็มองผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งไว้ก่อนเสมอนะคะ ทุกประเทศเลยค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 00:49:53

ความคิดเห็นที่ 78 กว่าจะมีเวลากลับเข้ามาอ่าน ก็ตกไปหน้าไหนก็ไม่รู็ ยังอ่านไม่หมดเรยยย จากคุณ : X_BM เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:29:49