ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นเจ้าหญิงไทย เพียงเสกสมรสกับเจ้าชายไทย มิว่าจะฐานันดรศักดิไหนสูงกว่าหรือล่างกว่าก้อตาม ไม่ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เช่น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตน์ศิริมาน ทรงเสกสมรสกับ หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล หรือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร ทรงเสกสมรสกับ หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิไชย หรือ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเสกสมรสกับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:19:46 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:18:06 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:14:56

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ถ้าเจ้าหญิง ทรงสมรสกับ หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ตลอดจนสามมัญชน จะต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ทั้งนี้ หม่อมราชวงศ์ และ หม่อมหลวง ถือว่าเป็นบุคคลสามัญชนแล้ว มิใช่เจ้าชายแต่อย่างใด เช่น ท่านหญิงพรรณเพ็ญแข (เพ็ญพัฒน์) กฤดากร ทรงสมรสกับ มรว บรรลือศักดิ์กฤดากร หรือ ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี (ยุคล) กิติยากร ทรงสมรสกับ มรว อดุลยกิติ์ กิตยากร เป็นตน     ทั้งนี้ตามที่กล่าวไป แม้จะทรงสมรสกับเจ้าชายต่างแดน เจ้าหญิงไทยองค์นั้นๆ ก้อต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เช่น ท่านหญิงจิตต์จง (จักรพันธุ์) ณ ลำพูน ทรงสมรสกับ เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน (ราชบุตรองค์โตใน เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน)   ออ การออกพระนามเจ้าหญิงไทยที่กราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ จะใช้คำบอกสกุลยศเดิม แบบลำลอง ตามด้วยพระนามเดิม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ เช่น ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ (พระสกุลยศเดิมเจ้าฟ้าชั้นเอก) หรือ ท่านหญิงไตรทิพย์สุดา (เกษมสันต์) วิเศษณ์กุล (สกุลยศเดิมหม่อมเจ้า) แต่ถ้าทรงได้รับเครื่องราชย์ เช่น ทจว จนทรงมีบรรดาศักดิ์ ก้อต้องออกพระนามด้วยคำบอกบรรดาศักดิ์ ตามด้วยพระนามเดิม เช่น ท่านผู้หญิงสุริยนันทนา (สุริยง) สุจริตกุล (สกุลเดิมหม่อมเจ้า)     แต่สำหรับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา (บริพัตร) สารสาส นี่สื่อต่างๆจะเรยกพระนามตามพระสกุลยศแบบทางการ มิได้เรียก สกุลยศ แบบลำลอง แต่อย่างใด   ปล เมื่อสมัยหลายสิบปีก่อนนานมาแล้วโน่น ใช้ นาง ฟังดูไม่สุภาพไม่ถวายพระเกียรติท่านเลย แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:52:26 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:50:30 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:40:32 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 22:33:16 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 22:28:59

ความคิดเห็นที่ 3 จากคห. 1 ครับ.......... ........ถ้าเป็นเจ้าหญิงไทย เพียงเสกสมรสกับเจ้าชายไทย มิว่าจะฐานันดรศักดิไหนสูงกว่าหรือล่างกว่าก้อตาม ไม่ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เช่น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตน์ศิริมาน ทรงเสกสมรสกับ หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล............. ตัวอย่างนี้ตรงเผ็งเลยครับ เพราะที่ผมอ่านในดวงแก้วแห่งพระมงกุฎ มาสะดุดใจที่ตรงนี้พอดี ถึงมาตั้งกระทู้นี้ถามน่ะครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 23:56:21

ความคิดเห็นที่ 4 จำได้ตอนเด็กๆเคยไปเที่ยววัดเบญจครั้งนึง ได้ไปแอบดูตรงศาลาร้อยปี หรือ ศาลาบัณรศฯ ก้อไม่แน่ใจ นานมาแล้ว เห็นตั้งพระศพพระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ โดยหลังม่านเป็นพระศพ พระองค์เจ้าสุทธวงศ์วิจิตร ทั้งสองพระองค์สิ้นในเวลาใกล้กัน จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 00:24:32

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆแล้วสมัยก่อนไม่ได้ไม่ใช่หรือคับ การที่จะให้คนที่มีฐานันดรต่ำกว่าในสมัยก่อนเลี้ยงดูคนที่มีฐานันดรสูงกว่าให้ได้รับความสุขสบายเท่าเดิมเปนเรื่องอยาก อีกอย่างจะให้คนที่มีฐานันดรสูงกว่าอยู่ในโอวาทคนที่มีฐานันดรต่ำกว่าก้อเปนเรื่องที่ดูจะลักลั่น อย่างสมัยก่อนภรรยาต้องกราบเท้าสามีก่อนนอนทุกคืน แล้วจะให้พระองค์เจ้าไปกราบเท้าหม่อมเจ้าก่อนนอนทั้งๆที่ยังเปนพระองค์เจ้าอยู่ได้อย่างไร จึงต้องลาออกจากฐานันดรก่อนอยู่เสมอมิใช่หรือคับ แต่ชั้นหลังๆนี่ค่านิยมข้างต้นหมดไปบางทีก้อมีพระบรมราชวินิจฉัยให้เปนอย่างอื่นบ้าง แต่หลักการที่ถูกต้องแล้วคือ อย่างไรเสียต้องลาออกก่อนครับ จากคุณ : antigen-U เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 06:23:22

ความคิดเห็นที่ 6 ก้อไม่ได้สมัยก่อนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ กฎมนเทียรบาล มาตรา 4 ว่าด้วยการสมรสของราชวงศ์ เพิ่งมีเมื่อ ปี 2475 เอง เนื้อหาในมาตรา 4 ว่า เจ้าหญิงองค์ใดสมรสกับชายที่มิใช่เจ้าให้กราบบังคมลาออกจากฐานันดรเสียก่อน เพราะไม่เป็นไปตามพระราชประเพณ๊นิยม (ตรงนี้แปลว่า แม้จะทรงสมรสกับเจ้าชายที่มีพระสกุลยศล่างกว่าก้อไม่เป็นไร ขอเพียงทรงสมรสกับเจ้าชาย ก้อไม่ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์) ปัจจุบันกฎมณเทียรบาลข้อนี้ยังใช้อยู่ ท่านหญิงภานุมา (ยุคล) พิพิธโภคา ทรงสมรสกับ คุณเมธ พิพิธโภคา เมื่อ 19 ธันวาคม 2552      แต่สมัยก่อนหน้านั้นคือ ก่อนปี 2475 เจ้าหญิงไทยจะทรงสมรสไม่ได้หรือไม่ทรงสมรสเลยหากคู่สมรสมิใช่เจ้าชายที่พระสกุลยศสูงกว่าหรือเสมอกัน ถ้าไม่งั้นก้อต้องทรงสมรสกับพระมหากษัตริย์ เพียงเท่านั้น อันนี้พูดตามที่เห็นจริงมานะ  เช่น หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ (ท่านหญิงทิพย์) ทรงสมรสกับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร พ.ศ. ๒๔๔๓  หรือ หม่อมเจ้าวิไลกัญญา เทวกุล ทรงสมรสกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านิพันธ์ภาณุพงศ์ พ.ศ.๒๔๖๒ เป็นต้น (เว้นไว้แต่พระภคนีในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งมีฐานันดรสูงกว่าพระภัสดาอยู่แล้ว) ออ และถ้าองค์ไหนฝ่าฝืนไปมีความสัมพันธ์กับชายสามัญชนหละก้ออาจจะมีพระชะตาแบบเดียวกับ พระองค์ยิ่งเยาวลักษณ์ คิดว่า เราๆท่านๆคงรู้กันดีอยู่แร้ว   ถ้าในสมัยอยุธยา พบว่า มีเจ้านายหญิงที่ฐานันดรสูงกว่าสมรสกับเจ้าชายไทยที่ฐานันดรล่างกว่า เช่น เจ้าฟ้าเทพราชธิดา (ราชธิดาในพระเจ้าท้ายสระ) ทรงสมรสกับ  พระองค์เจ้าแก้ว มีพระโอรสธิดาเป็นเจ้าฟ้าด้วยนะ คือ เจ้าฟ้าหญิงสังวาลย์ และ เจ้าฟ้าชายจีด แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 09:48:14 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 09:42:56 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 08:53:06 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 08:40:54

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าใน คห.ที่ 4 ที่คุณไข่มุขราตรีบอกว่า สมัยเมื่อเด็กๆ เห็นตั้งพระศพ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ กับ พระองค์เจ้าสุทธวงศษ์วิจิตร แสดงว่า คุณไข่มุขราตรี อายุคงยังไม่ถึงยี่สิบเป็นแน่แท้ เพราะตอนที่ทั้งสองพระองค์สิ้นนั้นเมื่อปี 2546 นี่เอง... ปล.ตอนนั้นผมก็ยังไม่ถึงยี่สิบครับ แต่ตอนนี้ ถึงแล้ว จากคุณ : คนชุมพรนอนกรุงเทพ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 09:54:51

ความคิดเห็นที่ 8 ปี ๔๖ ผมนี่ล่วงยี่สิบไปเสียแล้ว จากคุณ : กลมเป็นมะนาว เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:45:04

ความคิดเห็นที่ 9 สงสัยใน พระราชประวัติของ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ จากคุณ : สายฝนในสายหมอก เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 19:01:48