ความคิดเห็นที่ 1 Until they clear the harbour จนกว่าจะออกพ้นท่าเรือ เรือจะถูกขับเคลื่อนไปโดยการพาย, พายแต่ละอันจะใช้ฝีพายสองคนช่วยกันพาย, ฝีพายเองก็จะร้องเพลงที่เกี่ยวกับนักงมหอยมุกไปพลางออกแรงพาย เรือเหล่านี้มักกลับมาในตอนค่ำ ยามที่ดวงจัทราและกระแสธาราขึ้นสู่จุดสูงสุด   เสียงครวญเพลงของเหล่ากะลาสีและฝีพายที่กระทบน้ำจะได้ยินดังข้ามท้องน้ำนิ่งถึงตัวเมือง   ภาพของเรือใบสีขาวนับร้อยๆ ลำ, ซึ่งหลายลำใบเรือถูกย้อมเป็นสีส้มด้วยแสงจากกองไฟบนดาดฟ้า, เป็นภาพที่น่าตะลึงตาที่สุดในโลก แยกแยะเนื้อความกับสำนวนแปลเอาเองแล้วกัน จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 22:09:04

ความคิดเห็นที่ 2 the still water แปลว่าอะไรเหรอคะ I think it is easy if you consult E-E dictionary. [Without moving or making a sound] I used Oxford Advanced Learners Dictionary when I was in high school. It is really a great dictionary. Try to use E-E dictionary especially the Learner'. Apart from Oxford, Longman's, Cambrdige are also very good and easy to use. Believe me if you want to study English and want to do better, use a Learner's dictionary. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 22:28:29

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.answers.com/topic/still-water จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 23:16:21

ความคิดเห็นที่ 4 still water จากคุณ : ประมาณนั้น เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 00:31:45 A:58.8.209.154 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 5 Still water น้ำนิ่ง Clear the harbor แปลว่าเรือโล่งได้ยังไง ในเมื่อ habor มันแปลว่าอ่าว แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 00:49:09 จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 00:48:46

ความคิดเห็นที่ 6 ปล่อยไก่ตัวเบิ้อเริ่ม Until they clear the harbour จนกว่าจะออกพ้นท่าเรือ แก้เป็น จนกว่าจะออกพ้นปากอ่าว จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 01:43:32

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ Saint PSU ท่าเรือถูกกว่าค่ะ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 02:25:30

ความคิดเห็นที่ 8 เอ้า เอายังไงแน่ เอาใจไม่ถูกแล้วนะ กระซิกๆ จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 11:54:20

ความคิดเห็นที่ 9 Until they clear the harbour the boats are propelled by heavy oars, each pulled by two men, who sing the song of the pearlers as they row. Often the fleet returns at night when the moon and the tide are full. The sound of the sailors chanting and the splash of the oars is carried across the still water to the town. The sight of hundreds of white sails, some of them coloured orange by the light of the fires burning on the decks, is one of the most picturesque in the world. ตอนที่ยังออกไม่พ้นจากอ่าว เรือจะขับเคลื่อนด้วยใบพายหนักอึ้งซึ่งต้องใช้คนช่วยกันพายถึงสองคน ขณะที่พายเรือไปก็จะร้องเพลงของชาวนักงมไข่มุกไปด้วย เรือมักจะกลับมาตอนกลางคืนเมื่อน้ำขึ้นและพระจันทร์เต็มดวง เสียงขับขานของชาวเรือและเสียงใบพายกระทบน้ำจะกังวานก้องข้ามพื้นน้ำที่นิ่งสงบมาจนถึงในเมือง ภาพของใบเรือสีขาวหลายร้อยใบซึ่งบางใบก็ถูกแสงไฟบนเรือส่องจับเป็นสีส้มนับว่าเป็นทัศนียภาพที่สวยงามดุจรูปภาพที่สุดในโลกภาพหนึ่ง อ่าวแหละ ผมว่า เหมาะกว่า เพราะว่าท่าเที่ยบเรือมันก็ต้องอยู่ในอ่าว เพราะเรือมันต้องหลบลมหลบฝนในอ่าว แล้วก็ไปจอดตรงท่าเทียบเรือ พอจะออกหาไข่มุกก็ต้องออกเรือจากท่าเทียบเรือ ตอนออกใหม่ๆเรือมันยังใช้ใบไม่ได้เพราะว่าอับลมและเรือมันเยอะ ถ้าใช้ใบบังคับทิศทางลำบาก เดี๋ยวชนกัน ก็ต้องพายออกไปก่อนจนออกทะเลเปิดพ้นอ่าว ทีนี้ถึงจะชักใบให้กินลมพาเรือวิ่งฉิวไปหาไข่มุกได้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 14:47:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากค่ะ เราแปลผิดไปไกลเลย นึกว่าคำว่า clear แปลว่า ทำให้โล่ง จากคุณ : บะหมี่หนึ่งชาม เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 16:11:37

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาสงสัย ด้วยคนค่ะ they clear the harbour   คือเรือออกหมดจนอ่าวโล่งใช่ไหมคะ Until   ในที่นี้ม้ันหมายถึงยังไงคะ   จนกระทั่งเรือออกไปหมดอ่าว ก็ค่อยเริ่มพาย หรือเริ่มพายตั้งแต่เริ่มมีคนออกจากอ่าว จากคุณ : มายาทาส เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 00:08:20

ความคิดเห็นที่ 12 Until they clear the harbour the boats are propelled by heavy oars, each pulled by two men, who sing the song of the pearlers as they row. Often the fleet returns at night when the moon and the tide are full. The sound of the sailors chanting and the splash of the oars is carried across the still water to the town. The sight of hundreds of white sails, some of them coloured orange by the light of the fires burning on the decks, is one of the most picturesque in the world. กว่าอ่าวจะโล่งได้ เรือทั้งหลายก็คงเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าด้วยไม้พายอันหนักหน่วง โดยพายแต่ละเล่มจะมีบุุรุษสองนายคอยตวัดจ้วง พร้อมกับขับลำนำแห่งคนงมมุกไปพลางขณะแจว บ่อยครั้งที่ฝูงนาวาจะหวนคืนมาในยามราตรีเพ็ญจันทร์เเวลาน้ำขึ้น เมื่อนั้นเสียงร้องร่ำทำเพลงแห่งชาวเรือก็จะดังระงมไปทั่วเสียงน้ำที่กระฉอกจากใบพายก็ก้องสนั่นไปบนผืนน้ำอันสงบนิ่งจนถึงในเมือง ภาพของใบเรือขาวๆนับร้อย ซึ่งบางผืนได้กลายเป็นสีส้มฉาดด้วยแสงเพลิงที่ไหม้โชนอยู่บนดาดฟ้านั้น ช่างงดงามราวงานจิตรกรรมบนพื้นพิภพเป็นที่สุด จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 02:02:37 A:49.49.97.129 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 13 เติมคำที่ตกไปนิดหนึ่ง กับ เสียงร้องร่ำทำเพลงแห่งชาวเรือก็จะดังระงม กับ เสียงน้ำที่กระฉอกจากใบพายก็ก้องสนั่นไปทั่วผืนน้ำอันสงบนิ่งจนถึงในเมือง จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 02:05:59 A:49.49.97.129 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 14 Until   ในที่นี้ม้ันหมายถึงยังไงคะ   จนกระทั่งเรือออกไปหมดอ่าว ก็ค่อยเริ่มพาย หรือเริ่มพายตั้งแต่เริ่มมีคนออกจากอ่าว เรือในที่นี้เป็นเรือใบ ซึ่งอย่างที่น้าแอ๊ด อธิบาย ในอ่าวมันจะอับลม (1) มันจะจอแจ เพราะมีเรือจำนวนมากจอดทอดสมอ เข้าออก (2) เรือจึงไม่สามารถกางใบรับลมในการแล่นเรือออกจากอ่าวได้ จึงต้องใช้การพายแทน ฉะนั้น คำตอบของข้อสงสัยคือ เรือ (แต่ละลำ / ลำใดๆ) จะพายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะออก "พ้น" อ่าว (clear ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า หมด แต่แปลว่า พ้น รอด) อ่าว จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 02:38:21

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องอ่าวคงเคลียร์นะครับว่าตอนเริ่มออกเรือมันใช้ใบไม่ได้ ต้องพายไปก่อนจนกว่าจะออกพ้นอ่าวจึงจะใช้ใบได้ ลองนึกภาพดูตามสามัญสำนึกอย่างที่คุณนักบุญอธิบายนะครับ อย่าไปติดคำศัพท์ทีละคำ อ่านต้องอ่านเก็บความทั้งข้อความ ให้เห็นบริบท เข้าใจว่าคนเขียนเขาจะสื่ออะไร แล้วจึงถ่ายทอด การแปลไม่จำเป็นต้องเก็บมันทุกคำศัพท์ (สำนักการแปลแบบลูกทุ่งของแอ๊ดเด๊อ) อันที่จริง เพียงสลับข้อความในประโยคเสียหน่อยก็น่าจะเคลียร์นะครับ The boats are propelled by heavy oars until they clear the harbor. ชัดนะครับ เรือขับเคลื่อนด้วยพายจนกระทั่งออกพ้นอ่าว ถ้าจะรักษาคำศัพท์ "until" ให้ได้ละก็ อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีกประเด็นที่เห็นว่าน่าสำรวจ คือเรื่องข้อความ ..the boats are propelled by heavy oars, each pulled by two men, who sing the song of the pearlers as they row.. ตรง row นี่ผมใช้คำว่า พาย จริงๆแล้วถ้าพูดถึงการ "พาย" แบบไทยๆ คนไทยพายเรือด้วยการถือไม้พายที่ไม่หนักนักแล้วก็จ้ำซ้ายทีขวาที่และคัดท้ายไปในตัวด้วยให้เรือไปข้่างหน้า ถ้าคัดไม่เป็น เรือมันก็หมุนอยู่ตรงนั้นแหละ ลองมานึกดูด้วยสามัญสำนึกอีกที พายที่หนักขนาดในเรื่องนี้ซึ่งต้องใช้สองคนช่วยกันนี่ ผมนึกไม่ออกว่ามันจะช่วยกันพายได้อย่างไร มันเกะกะนะครับ น่าจะเป็นการใช้ใบพายผูกกับหลัก ปลายที่เป็นใบพายจุ่มน้ำ ส่วนอีกปลายคนสองคนช่วยกันโยก อย่างนี้บ้านเราเรียก "แจว" แต่ผมไม่ได้เห็นรูปของเรือที่ว่านี่ก็เลยไม่กล้าฟันธงว่าต้องแปลว่า "แจว" สำหรับการที่ใช้ใบพายสอดหูข้างเรือแล้วมีคนโยกใบพายสองอันพร้อมกันซ้ายขวานั้นเป็นวิธีพายเรือแบบฝรั่ง ถ้าเรือเล็ก คนไทยเรียก "กรรเชียง" ถ้าเรือใหญ่นั้นคนๆเดียวโยกพายไม่ไหวสองข้างพร้อมกันก็ต้องซ้ายคนขวาคนแล้วก็ต้องตีกรรเชียงพร้อมกันด้วย ไอ้เรือเจ้ากรรมที่ว่านี่มัน "พาย" หรือ "แจว" หรือ "กรรเชียง" ใครเคยเห็นรูปบอกด้วย แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 54 06:26:52 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 06:17:28

ความคิดเห็นที่ 16 ด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าหน้าตาเรือหน้าตาพายมันเป็นไง ก็เลยไปค้นด้วยกุ๊กเกิ้ลจนรู้เรื่อง บทความที่ยกมานั้นเป็นการบรรยายเรื่องการงมไข่มุกที่ตะวันออกกลางที่บาห์เรนและดูไบ มุกจากที่นี่นัยว่าเป็นมุกที่งามที่สุดในโลก เดิมทีคนที่นี่ก็ไม่ได้ตั้งใจงมมุกหรอกเพราะแค่ทำมาหากินใส่ปากใส่ท้องก็แย่แล้ว แต่ถ้าเจอก็คงเก็บไว้แลกเปลี่่ยนค้าขายเท่านั้น จวบจนความต้องการมุกเป็นเครื่องประดับมีมากขึ้นเมื่ออินเดียร่ำรวย คนแถวนี้ก็เลยหันมางมมุกกันเป็นล่ำเป็นสัน ปัจจุบันก็ยังอนุรักษ์ ต้องงมด้วยวิธีดั้งเดิมเท่านั้น ไม่มีเครื่องช่วย ต้องดำน้ำลึกบางทีร่วม 30-40 เมตร นับว่าอันตรายไม่น้อย ก่อนจะออกไปถึงแหล่งงมหอยมุกก็ต้องนั่งเรือออกไป ผมดูรูปแล้วก็บอกว่า เรือขนาดนี้มันไม่ใช่เรือพายแบบเมืองไทยเสียแล้ว เรือขนาดเรือหาปลาชายฝั่ง ลูกเรือเป้นกะตั๊ก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 10:53:22

ความคิดเห็นที่ 17 นี่ตอนชักใบแล้ว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 10:54:30

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วนี่ขนาดพายนะครับ คนเดียวไม่มีทาง ต้องสองคนเป็นอย่างต่ำ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 10:56:16

ความคิดเห็นที่ 19 ดูลักษณะการพาย? การแจว? หรือกรรเชียง? ผมก็บอกไม่ถูก จะว่าการพายแบบไทยพายเรือก็เห็นจะไม่ได้ เป็นการแจวเสียมากกว่า แต่ว่าคนไทยแจวเรือก็แจวด้วยคัดท้ายด้วย ส่วนลักษณะการพายหรือแจวในที่นี้ คนออกแรงพายก็เป็นแรงงานอย่างเดียว นายท้ายเป็นอีกคน เขาเรียกว่าอะไรก็บอกไม่ถูก แต่คนพายนั้นล่ำบึ้ก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 11:12:49

ความคิดเห็นที่ 20 มันก็น่าสับสน ระหว่าง แจว กรรเชียง และ พาย แต่ถ้าไปดู ทั้งสามคำก็เป็นทั้งนาม (แสดงแทนถึงอุปกรณ์ที่ใช้ขับเคลื่อนเรือ เหมือนจะแตกตามกันที่ขนาด ความกว้างความยาว) และกิริยา หากจะให้สรุป ก็ต้องไปมองว่าไอ้ด้ามใหญ่ๆ ที่ใช้สองคนพุ้ยน้ำ มันควรจะลากเข้าเป็นประเภท พาย กรรเชียง หรือ แจว ถ้าของไทย เรือใหญ่สุดของเราอย่างมากก็ใช้ ฝีพายสองข้าง พายคนละอัน เรือใหญ่เกินกว่านั้น ระดับใช้สองคนช่วยกันต่อพาย/แจว/กรรเชียง 1 ด้าม นี่ น่าจะไม่มี? (ไม่รู้จริงๆ) เพราะงั้นคงเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเทียบได้ยาก ว่า ถ้าบอกว่าพาย มันน่าจะเป็นอย่างนี้ แต่ในแง่อรรถรสการแปล ถ้าเรียกผู้ชายในรูป ก็คงไม่พ้น "ฝีพาย" เรียกไอ้ด้ามยาวๆ นั่นก็คงไม่พ้น "ไม้พาย" และกิริยาที่กำลังทำกันคือ "พายเรือ" เกิดเรียก "ฝีพาย" จับ "กรรเชียง" อันละสองคน ช่วยกันออกแรง "แจวเรือ" คงจะสับสนมิใช่น้อย (ฮา) จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 13:27:46

ความคิดเห็นที่ 21 ว้าวววววววววววววววววววววววววววววววววว คารวะ ผู้ทรงคุณวุฒิในการวิเคราะห์ตัวบทก่อนแปลทุกท่าน เอกสารหลักฐานแน่นปึ๊ก พออ่านอรรถาธิบายของท่านแอ็ดแล้ว ก็หวนนึกได้ว่า คำว่า แจว ฟังดูแล้วออกจะเบาๆ ไม่ต้องออกแรงมาก น่าจะใช้กับเรือลำเล็กเสียมากกว่า อย่างเรือพายของสมัยโบราณที่ใช้ทาสเป็นร้อย ก็คงต้องใช้ พาย จ้วง (เป็นจังหวะ) ทั้งนี้ทั้งนั้นใน version ที่ผมเสนอไปนั้น พยายามจะเลี่ยงการใช้คำซ้ำ โดยไม่จำเป็น เพราะตัวบทเป็นการบรรยายให้ภาพที่งมงามตระการตา(ดังภาพวาด) ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับ poetic imagery เป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:33:25 A:49.49.97.129 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้  เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ  ชัดเจนสุดๆค่ะ เราเอง ไปคิดว่า Clear คืออ่าวโล่ง แต่จริงๆแล้ว แปลว่า  เคลียร์ทางของเรือนั่นเอง และไม่เข้าใจ until ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : มายาทาส เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 22:43:39

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากๆ ค่าา การแปลเนี้ยเปิดดิกอย่างเดียวไม่พอสินะ จากคุณ : บะหมี่หนึ่งชาม เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 13:30:03

ความคิดเห็นที่ 24 เปิดหลายๆ เล่ม แล้วก็ต้องอ่านมากๆ จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 14:18:17

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพไม่เห็น ก็แปลไม่ออก จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 21:59:54 A:223.205.59.241 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 26 "..การแปลเนี้ยเปิดดิกอย่างเดียวไม่พอสินะ.." >> ขอแสดงความยินดี คุณเรียนรู้หนึ่งในบทเรียนแรกๆของการแปลแล้ว นั่นคือบทเรียนว่า "การแปลไม่ใช่การเปิดดิคจับคู่คำอังกฤษ-ไทย" เปิดดิคก็ยังดีกว่าไม่เปิดดิค แต่เปิดดิคแล้วใช้ไม่เป็นย่อมสู้คนที่เอาไปใช้เป็นโดยไม่ต้องเปิดดิคไม่ได้ คนที่ใช้เป็นโดยไม่ต้องเปิดดิคก็เพราะว่าเขารับเข้ามานานจนบังเกิดทักษะในการทำความเข้าใจต้นฉบับได้ทั้งโดยตัวเองและโดยการสอบทานข้อมูลจากแหล่งทรัพยากรต่างๆ ในกรณีนี้สาธิตให้เห็นว่า การตีความต้นฉบับให้เข้าใจเป็นสิ่งจำเป็นเสมอก่อนการถ่ายทอดเป็นฉบับแปล จะอาศัยแต่การจับคู่คำอังกฤษ-ไทยตามพจนานุกรมไม่ได้ เพราะถ้าการแปลอาศัยแค่นั้นละก็ นักแปลหากินไม่ได้หรอกเพราะสู้กุ๊กเกิ้ลไม่ได้ มันจับคู่แม่นและไวกว่าเราหลายล้านเท่า นักแปลต้องหูตาไว รอบรู้ แล้วก็ค้นหาข้อมูลเก่งเพื่อให้เกิดความฉลาดและความเฉลียวในการตีความต้นฉบับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 10:54:14