ความคิดเห็นที่ 1 N1 ครับ เก่งกว่าเจ้าของภาษาบางคนอีกนะ ปกติ N2 ก็รับง่ายแล้วนิครับ จากคุณ : chadowing เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 15:18:10

ความคิดเห็นที่ 2 จบปริญญาตรี เอกภาษาญี่ปุ่น ไม่ได้การันตีว่าจะใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ดีครับ เขาเลยมีข้อสอบกลางไว้ทดสอบทักษะทางภาษา ได้ N1 มาผมว่า น่าเชื่อถือในด้านความสามารถการใ้ช้ภาษา ใช้ได้ ทำการทำงานได้แล้ว แต่ถ้าได้ N2 ขึ้นไปเขาก็รับกันแล้ว มุมมองไม่ต่างจาก TOEFL ครับสอบคะแนนได้เท่าไหร่ เป็นอย่างไร บอกระดับความสามารถทางภาษา มิฉะนั้นจบเอกอังกฤษมาต้องแปลว่าทักษะทางภาษาต้องดีทุกคนสิครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 15:56:01 จากคุณ : Mewchan เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 15:54:47

ความคิดเห็นที่ 3 N1 นี่ถือว่าสุดยอดแล้วนะคะ เพราะคนญี่ปุ่นบางคนเองยังสอบไม่ผ่านเลย จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 19:41:57

ความคิดเห็นที่ 4 N1 กับ อักษรเอกญี่ปุ่น เป็นคนละทักษะกันเลยครับ เอามาเทียบกันไม่ได้ N1 ถ้าเป็นคนที่เคยไปเรียนไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ สอบผ่านกันได้ไม่ยากเย็นครับ ถ้าสอบตกก็สอบใหม่ได้เรื่อย ๆ ปีละสองครั้ง สอบไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็สอบผ่านได้ครับ แต่อักษรเอกญี่ปุ่น ต้องผ่านการสอบคัดเลือกเข้ามา และกว่าจะเรียนจบต้องผ่านการเคี่ยวกรำในวิชาอื่น ๆ ด้วย เพราะว่าไม่ได้เรียนกันแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ แต่ต้องเรียนวิชาพื้นฐานมนุษยศาสตร์อีกมากมายครับ แน่นอนว่าอักษรเอกญี่ปุ่นหลาย ๆ คนก็สอบ N1 ไม่ผ่าน แต่พวกนี้จะมีพื้นฐานแข็งแกร่งที่จะสอบให้ผ่านได้เร็วกว่าคนอื่น "ภายใต้เงื่อนไขสิ่งแวดล้อมเดียวกัน" ครับ ถ้าเอาคนที่จบม. ปลาย หรือ จบป. ตรีที่ญี่ปุ่นมาเทียบ อักษรเอกญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะสู้ได้อยู่แล้ว เพราะชั่วโมงที่ได้ปะทะกับภาษามันต่างกันมาก เหมือนเอาเด็กเอกละครไปเทียบกับแอน ทองประสม แล้วด่าว่าเด็กเอกละครเล่นละครห่วยไม่สมกับที่เรียนมา มันก็ไม่ใช่ใช่เปล่าครับ เพราะชั่วโมงบินต่างกันเยอะ แต่ถ้าเอาอักษรเอกญี่ปุ่นไปเทียบกับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นที่อื่น แล้วส่งไปญี่ปุ่นพร้อมกัน ใช้เวลาเรียนที่ญี่ปุ่นเท่ากัน เด็กอักษรญี่ปุ่นจะเก็ตภาษาญี่ปุ่นได้เร็วกว่าชาวบ้านครับ สรุปว่า ถ้าจะเลือกใช้งานแต่ภาษาญี่ปุ่นล่ะก็ N1 น่าจะศักดิ์สิทธิ์กว่าครับ แต่ N1 ก็มีหลายระดับ พวกที่ผ่านแค่คะแนนผ่าน กับ พวกได้เกือบเต็ม ฝีมือก็ต่างกันฟ้ากับเหวแล้วครับ ต้องคัดเลือกดี ๆ ด้วย แต่ถ้าจะเลือกคนที่มี Potential ในการพัฒนาตัวเองสูง ไม่ได้จำกัดแค่ภาษาญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงทักษะศิลปศาสตร์อื่น ๆ ด้วย เด็กอักษรญี่ปุ่นก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ เหนือสิ่งอื่นใด ไ่ม่มีอะไรดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะนำมาใช้งานครับ จากคุณ : Dancing Sakura เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 21:30:03

ความคิดเห็นที่ 5 อีกนิดนะครับ คือ ส่วนตัว ผมเคยเจอพวก N1 ที่ภาษาญี่ปุ่นห่วยกว่า N2 ด้วยครับ N1 ที่ผมเจอ เป็นพวกอ่อนไวยากรณ์มาก ใช้ผิดใช้ถูก แต่เนื่องจากข้อสอบมันวัดทักษะ แล้วเค้าอยู่ญี่ปุ่นมาเป็นสิบปี จึงสอบผ่านด้วยประสบการณ์ แต่ว่าเอาเข้าจริง งานเขียนอ่านไม่รู้เรื่องเลย ส่วน N2 คนนี้ ไวยากรณ์แน่นมาก ความเข้าใจภาษาสูงมาก แต่ที่สอบไม่ผ่านเพราะไม่เคยไปอยู่ญี่ปุ่น ทำให้รู้ศัพท์ไม่มากพอ และทักษะการฟังไม่แข็งครับ เวลาใช้งานจริง เจ้า N2 คนนี้เก่งกว่า N1 จมเลยครับ จากคุณ : Dancing Sakura เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 21:32:39

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ บริษัทส่วนใหญ่รับผู้ที่ได้ N2 เพราะผู้สมัครงานก็มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นพอที่จะสื่อสารในองค์กรหรือระหว่างองค์กรได้ แต่ถ้าได้ N1 เผลอ ๆ อาจจะหางานยากขึ้นหากผู้สมัครงานเรียกค่าภาษาสูงลิบ โดยส่วนตัวก็ไม่เห็นเพื่อนพี่น้องในเอกญี่ปุ่นลุยสอบ N1 ยกเว้นพวกที่อยากเรียนต่อ ป.โท-เอกที่ญี่ปุ่นครับ ถ้าเรื่องศักดิ์ศรี (ซึ่งกินไม่ได้) เพียงอย่างเดียวโดยไม่พูดถึงการใช้งานจริง ผมว่าการได้เป็นอักษรศาสตรบัณฑิต (ภาษาญี่ปุ่น), ศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาญี่ปุ่น) เรามีศักดิ์มีศรีในปริญญาบัตรนั้นทุกประการ แต่การสอบวัดระดับเป็นแค่ใบผ่านทาง สองปีก็หมดอายุแล้ว มันเทียบกันไม่ได้ครับ จากคุณ : Urashima เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 22:03:21

ความคิดเห็นที่ 7 การได้เป็นอักษรศาสตรบัณฑิต (ภาษาญี่ปุ่น), ศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาญี่ปุ่น) เรามีศักดิ์มีศรีในปริญญาบัตรนั้นทุกประการ แต่การสอบวัดระดับเป็นแค่ใบผ่านทาง สองปีก็หมดอายุแล้ว มันเทียบกันไม่ได้ครับ ... มันเทียบไม่ได้ผมก็เห็นด้วย แต่ศักดิ์ศรีปริญญาบัตรเอกญี่ปุ่น มันก็งั้นๆ แหละ ถึงจะอยู่ได้ตลอดชีวิต แต่ถ้าไม่ขวนขวาญความรู้ทักษะก็หายไปเหมือนกัน อย่าทะนงไปเลย คนแก่จะเล่าอะไรให้ฟัง มีคนได้ทุนไปเรียนที่ออสเตรเลียเมื่อปี 1971 จบได้ปริญญาตรีทางด้าน BA มา เราก็รู้อยู่แล้วมหาวิทยาลัยรัฐในออสเตรเลียระดับมันมาตรฐาน ดังนั้น ภาษาอังกฤษคนนี้ด้านฟัง พูด อ่าน เขียน ก็ต้องเยี่ยมอยู่แล้ว เพราะก็เยียมตั้งแต่จบ มศ 5 แล้ว ไม่งั้นก็ชิงทุนไม่ได้หรอก แล้วยิ่งเรียนเมืองนอกอีก ศักดิ์ศรีอย่างไรด้านภาษารับรองไม่ด้อยกว่าเอกญุ่ปุ่นในไทยแน่นอน เวลาผ่านไปเหมือนโกหก 5 ปีต่อมา เจอกันอีกครั้ง คนนี้มาสารภาพกับผมว่า ภาษาอังกฤษห่วยแตกมาก เขียนไม่ออก พูดไม่ค่อยได้ ตะกุกตะกัก แค่ยังอ่านได้บ้างเท่านั้น สาเหตุหลักคือ ทำงานราชการใช้ทุน ทำแต่ภาษาไทย ไม่มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเลย พอดีแต่งงานด้วย มีลูกด้วย ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ฝึกเพิ่มเติมอีก เรามีศักดิ์มีศรีในปริญญาบัตรนั้นทุกประการ แบบนี้ มันไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว ถ้าเกิดลาออกราชการไปทำงานเอกชน คงเอาปีบคลุมหน้าแล้ว เพราะศักดิ์ศรีใบปริญญามันกินไม่ได้อีกต่อไป สรุป คนแก่มาบอกว่า ใบปริญญาบัตร หรือ ใบสอบระดับ มันก็แค่ผ่านทางชั่วคราวทั้งนั้นแหละครับ มันไม่ถาวรหรอกครับ ห่วยแตกทั้งคู่ถ้าคนที่ถืออยู่ไม่มีการพัฒนาอีกต่อไป อย่าทะนงอะไรมากเลยครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 22:58:42

ความคิดเห็นที่ 8 คุณค่าที่ตราอยู่บนแผ่นกระดาษ นั่นคือความสามารถที่เอามาใช้ได้จริง จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 01:03:06 A:49.49.97.129 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 9 เขียนมากมาย แต่รวบให้กะทัดรัดขึ้น ในแง่ความสามารถทางการทำงาน หาก N1 อัพเดทมากกว่าก็น่าเชื่อถือกว่าปริญญาตรี ถ้าอายุเท่ากันคนนึงได้ N1 อีกคนได้อ.บ. ก็ต้องดูประเภทงานประเภทธุรกิจ เอาไปคุยงานข้างนอก เน้นฟังพูดมากๆ ก็เลือก N1 แต่ถ้าเขียน อ่าน แปล ผมเลือกอ.บ. เพราะไม่แน่ใจในความน่าเชื่อถือของ N1 ตอนนี้มีแนวโน้มว่าผ่านง่ายกว่า เดิมด้วย วิธีคิดคะแนนแบบข้อไหนคนตอบกันไม่ได้ แต่คุณมั่วได้ถูก คุณก็จะได้ คะแนนเพิ่มขึ้นมาก ข้อสอบเขียนก็ไม่มี แปลก็ไม่มี ก็บอกอะไรมากไม่ได้ รู้ แต่ว่าฟังน่าจะดี พูดก็อาจจะได้ ตอนนี้ผู้จัดสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นกำลังทดสอบข้อสอบเขียนอยู่ ในอนาคต อาจเพิ่มข้อสอบเขียนเหมือน TOEFL ต่างกันคือไม่ได้พิมพ์ แต่เขียนทั้งหมด ดังนั้นคันจิเขียนได้เขียนไม่ได้ ในอนาคตผลสอบวัดระดับอาจรับประกันความ สามารถด้านนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ผมอาจจะให้เครดิตสอบวัดระดับมากกว่า แต่ถ้าอายุมากแล้ว อ.บ.ก็กลายเป็นความรู้ในอดีต ปัจจุบันยังหลงเหลือมาก แค่ไหนก็ต้องดูสอบวัดระดับประกอบ โดยปกติอ.บ.ถึงไม่ผ่าน N1 คะแนนก็ ต้องใกล้เคียง ผ่านไปสองสามปีให้หลังยังไม่ได้ N1 ก็ถือว่ามีปัญหาด้านพัฒนา การ สิ่งที่มากกว่าความสามารถคือหน้าตาของบริษัทครับ การได้อ.บ.มาแสดงว่า ต้องมีความสามารถด้านอื่นทางการเรียนด้วย ไม่งั้นคงแย่งเก้าอี้เข้ามาเรียน ไม่ได้ ในขณะที่การสอบวัดระดับคือการแข่งกับตัวเอง ถ้าบริษัทนั้นอยากมีคน เก่งเชิดหน้าชูตา อยากมีConnection การสอบวัดระดับจะไม่มีค่าอะไรเลย ในขณะที่อ.บ.ระบุว่าคนนี้เคยมีสังคมอย่างไร รู้จักคนที่มีความสามารถอื่นๆ ที่ อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทหรือไม่ จากคุณ : อ.ปมโปโกะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 08:27:45

ความคิดเห็นที่ 10 N1 ไม่ได้อยากขนาดคนญี่ปุ่นสอบไม่ผ่านครับ -_-" ที่บอกว่า N1 เก่งกว่าเจ้าของภาษาคงแค่บางคนครับเท่านั้นหละครับ เพราะคำถามที่ถามมันไม่ได้เจาะลึกอะไรไปมากขนาดนั้นครับ แนวพื้นๆทั่วไปนี่หละ ส่วนที่บอกว่าคนญี่ปุ่นสอบ N1 ไม่ผ่านนี่ฟังดูเกินจริงๆปหน่อยนะครับ เว้นแต่เด็กประถม มัธยมต้น อันนี้ก็พอเป็นไปได้ เอาเข้าจริงถ้าใครไม่เคยไปอยู่โน่น เวลาพูดจริงๆ คนญี่ปุ่นใช้แสลงเยอะมากครับ ส่วนภาษาเขียนถ้าผ่าน N1 คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากเท่าไรครับ อยู่ที่โน่นมันจะมีข้อสอบ สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นเพื่อใช้สำหรับทำงานอีกทีครับ คล้ายๆ TOEIC นั่นหละครับ จากคุณ : เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - -" เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 12:50:07

ความคิดเห็นที่ 11 ศักดิ์ศรีที่ปริญญามังครับ ถ้าจบอักษรเอกญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ N1 กับ ได้ N1 แต่ไม่มีปริญญา (ซึ่งส่วนใหญ่ ก็มีปริญญานะ แต่อาจไม่ได้จบอักษรเสมอไป) ถามบริษัท เค้าคงเอา N1 ถ้าต้องการล่าม และคงเอาอักษรเอกญี่ปุ่น ไปเป็นเลขาฯ หรือทำงานด้านอื่นๆ จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:51:06

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่เราเข้าใจ N1 เป็นระดับที่ใช้ชีวิต ใช้ทักษะภาษาเทียบเท่ากับคนญี่ปุ่นธรรมดาๆมากกว่า แต่บางกระทู้บอกว่า ที่ยากขนาดคนญี่ปุ่นบางคนสอบไม่ผ่าน นั้น น่าจะเป็น คันจิเก็งเท หรือ สอบวัดระดับคันจิมากกว่านะคะ เพราะ การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่โน่นเขาไม่สอบกันค่ะ จากคุณ : แม่ดำด่าง (Viradee) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:00:20

ความคิดเห็นที่ 13 คห. 5 เป็นไปได้หรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง การสอบวัดระดับของภาษาญี่ปุ่นก็คงมีปัญหาแล้วล่ะ เอาจริงๆ คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น แกรมม่าคงไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากมาย แล้วยิ่งสอบวัดระดับออกมาได้ N1 แกรมม่าก็ยิ่งไม่น่าห่วง ส่วนที่คุณบอกว่า N2 แกรมม่าแน่น แต่รู้ศัพท์น้อย มันจะใช้งาน ทำงานได้ดีกว่า N1 ได้อย่างไง การเรียนภาษา สิ่งสำคัญที่สุดคือคำศัพท์ ส่วนแกรมม่ายังถือว่าเป็นรองลงมาด้วยซ้ำ จากคุณ : ลูนาร์ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 00:48:49

ความคิดเห็นที่ 14 การสอบวัดระดับ N1 ถ้าใครสอบผ่านแปลว่าองค์กรที่ออกข้อสอบรับรองว่าคนคนนั้นมีความสามารถดังนี้ ---------------------------------------------------------------------------- ความรู้ทางด้านภาษาญี่ปุ่นระดับสูงสุด สามารถฟังพูดอ่านเขียนวิเคราะห์เรื่องราว ได้หลากหลาย ทั้งบทความวิเคราะห์วิจารณ์ ที่อ้างอิงทฤษฏีและข้อความที่เป็นนามธรรม สามารถอ่านจับใจความเรื่องยาวๆ และหนังสือภาษาญี่ปุ่นได้ดีแทบจะทุกหัวข้อ และสามารถเขียนอธิบายความได้ โดยสามารถเลือกคำที่สื่อถึงเจตนารมณ์ได้ตรงที่สุด --------------------------------------------------------------------------------- ชั่วโมงเรียนประมาณ 900 ชั่วโมง คำศัพท์ 10000 คำ คันจิประมาณ 2000ตัว -------------------------------------------------------------------------------- ไวยากรณ์ไม่รู้ยากระดับไหน แต่ครูสอนภาษาญี่ปุ่นของผมเคยบอกว่า คันจิ ยากประมาณ ม.3 ครับ ถามว่าคนไทยมีมากแค่ไหนที่มั่นใจว่าตนเองสอบข้อสอบหลักภาษาม.3 ผ่านแน่นอน ทั้งๆที่เราเรียนมาแล้ว ก็คงพอจะรู้ว่า คนสอบผ่าน N1 มีโอกาสสอบภาษาญี่ปุ่นได้คะแนนมากกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปหรือไม่ นักเรียนจากคณะอักษรศาสตร์ม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่รับเด็กแผนอื่นที่ไม่ใช่ศิลป์ญี่ปุ่นเข้าเรียนคณะนี้ได้ สมมติมีนักเรียน 100 คน เมื่อจบปี 4 นักเรียน ทุกคนได้ระดับสูงกว่าหรือเท่ากับ N5 ประมาณ 50 คนสอบผ่าน N4 ประมาณ 10 คนสอบผ่าน N2 มีเพียงไม่กี่คนที่ผ่าน N1 ส่วนมากกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้ไปทุนแลกเปลี่ยน 1 ปีที่ญี่ปุ่น (ที่ญี่ปุ่น 1 ปี เรียนประมาณ 880 ชั่วโมง แต่ที่ไทยเรียนสัปดาห์ละ 4-8 ชั่วโมง ปีละ 26 - 30 สัปดาห์) แต่มหาลัยชื่อดังแห่งอื่นที่รับเฉพาะเด็กแผนศิลป์ญี่ปุ่น สมมตินักเรียน 100 คน เด็กจบมา ทุกคนผ่าน N4 มีที่ผ่าน N2 ประมาณ 50 คน มีที่ผ่าน N1 ประมาณ 10 คน (เป็นกลุ่มที่ไปแลกเปลี่ยนเช่นกัน) ถ้ามองในมุมบริษัท ผมว่าเขาต้องการ วิศวกรเกรด 3.0ขึ้นไป ที่มี N2 นะครับ ถ้ามี N1 ยิ่งดี แต่ถ้าเอามาเป็นล่ามจากประสบการณ์ส่วนตัว คนนึงมีใบปริญญามหาลัย สามย่าน อีกคนมีใบ N1 เงินเดือนเท่ากัน ผมว่าบริษัทเอา N1 ครับ มีบางคนบอกว่า เคยเจอ N2 บางคน แปลเก่งกว่า N1 บางคน ผมคิดว่าเป็นส่วนน้อยครับ เพราะระดับของ N2 ที่ทางผู้จัดสอบรับรองคือ -------------------------------------------------------------------------------- ฟังเรื่องยาวๆได้หลากหลายหัวข้อ และสามารถคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลได้ พูดอธิบายได้หลากหลายหัวข้อ และสามารถอธิบายเรื่องยากๆได้บ้าง (ทำงานล่ามอาชีพได้) อ่านจับใจความเรื่องยาวๆ ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษได้ อ่านวิเคราะห์เปรียบเทียบได้ เขียนอธิบายเรื่องยากๆได้หลากหลายหัวข้อ ----------------------------------------------------------------------------------- ชั่วโมงเรียนประมาณ 600 ชั่วโมง คำศัพท์ประมาณ 6000 คำ คันจิประมาณ 1000 ตัว ---------------------------------------------------------------------------------- มันต่างกันที่ N1 สามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่นที่คุยเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นนามธรรม เรื่องการอ้างอิงทฤษฏี และความเร็วในการอ่านสูงกว่าครับ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้พวกนี้มาก N1 จะไม่ค่อยแตกต่างจาก N2 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 54 10:46:31 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 54 08:45:37 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 08:43:52

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 13, 14 สอบวัดระดับมันวัดแค่ Input ของผู้เรียน คือ ฟัง กับ อ่าน เท่านั้น (ถึงมันจะบอกว่าวัดทักษะการเขียน แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้มีสอบ Writing ครับ) คนที่ผ่านก็คือ เก่งเวลารับข้อมูล Input ครับ แต่คนที่ได้ N2 แบบเก่ง ๆ เขาสามารถมี Output ที่ดีมาก เขียนแบบ Writing เก่ง และพูดเก่ง สื่อสารคล่อง เพียงแต่มันไ่ม่มีการวัดทักษะนี้ในข้อสอบครับ ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อถือระบบวัดระดับเลยครับ N2 คะแนนสูง ๆ บางคน เก่งกว่าพวก N1 คะแนนปลายแถวถึงปานกลางเยอะมาก จากประสบการณ์สิบกว่าปีนะครับ จากคุณ : Dancing Sakura เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 10:17:49

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนนี้ผลสอบวัดระดับของเดือนเจ็ดออกแล้วนะค๊าาา ที่ญี่ปุ่น ปีนี้ผ่านแล้ว N2 ดีใจมากๆค่ะแต่ก้อจะพยามต่อไปทุกๆทักษะค่า ส่วนตัวถึงจะผ่านมาได้ แต่เพราะสิ่งแวดล้อมกับอาศัยอ่านเองค่ะ เพราะไม่ได้จบเอกญป ค่ะ แค่วิศวกรธรรมดาที่โดนส่งมาฝึกงานแปปนึง ทำให้เรื่องงานเขียนหรือการอ่านเรื่องยาวๆคิดว่าไม่ได้เก่งเท่าคนจบเอกมาหรอกค่า จะมีคะแนนเรื่องการฟังที่ชิวมากๆ เพราะว่าสิ่งแวดล้อมมันพาไปซึ่งช่วยได้มากค่ะ หนูว่ายังไงมันก้อมีผลดีต่อตัวเองทั้งนั้นหละค่ะ ขึ้นกับว่าเราเอาไปใช้งานอย่างไรให้เหมาะสมกับงานของเราน่ะค่าาาา ^^! จากคุณ : cake เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 10:45:50 A:222.228.136.165 X: TicketID:329661

ความคิดเห็นที่ 17 "แต่คนที่ได้ N2 แบบเก่ง ๆ" ตรงนี้ไงครับ↑ ถ้าจะเอา N2 คะแนนสูง ต้องเทียบกับ N1 คะแนนสูงครับ คุณ Dancing Sakura อาจไม่เคยเจอ N1 คะแนนสูงก็ได้ครับ เพราะในเมืองไทย มี N1 ที่ได้คะแนนสูงกว่า 85% แค่ไม่กี่คน คะแนน N1 หากได้มากกว่า 55.55% ถือว่าผ่าน (ส่วนตัวผมเคยเจอแค่2คน) ถ้าเป็น L1 (ระดับ 1แบบเก่า) จะตัดคะแนนผ่านที่ 70% ประสบการณ์ 10 ปีของคุณ เจอล่ามภาษาญี่ปุ่นมากี่คนผมไม่ทราบ แต่ประสบการณ์ไม่กี่ปีของผม เจอล่ามมาหลายร้อยคนแล้วครับ ถ้ามองเป็น เคส บาย เคส ผมคิดเหมือนคุณครับ มี N2 บางคนแปลเก่งกว่า N1 N4 แต่แปลได้ดีกว่า N2 ผมก็เคยเจอ เอามั้ยหละ แต่ถ้ามองภาพรวม มองที่ส่วนมาก ยังไง N1 ก็มีความรู้ในภาษาญี่ปุ่น สูงกว่า N2 แต่ว่าการแปลนั้น นอกจากจำเป็นต้องมีทักษะภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังต้องมีทักษะภาษาไทยด้วย ถ้าทักษะภาษาญี่ปุ่นพอไหว แต่ทักษะภาษาไทยอ่อนมาก(คนไทยที่ทักษะภาษาไทยอ่อนมีเยอะแยะครับ) ก็แปลไม่ค่อยดี แล้วยังมี ประสบการณ์ในงานนั้นอีก ถ้ารู้เรื่องงานนั้น ก็สามารถแปลได้ดีกว่า แม้ภาษาจะไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ถ้าจะวัดความรู้ทางภาษาญี่ปุ่น ต้องดูที่คะแนนและระดับ ถ้าจะวัดความสามารถทางการแปล ต้องดูที่ผลงานจริงครับ การเป็นล่ามให้ดี นอกจากความรู้ทางภาษาญี่ปุ่นดีแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย เช่น ความรู้ทางภาษาไทยดี ความสามารถในการอธิบาย ความสามารถในการเข้าใจเรื่อง ความรู้ในเรื่องที่กำลังแปล ความน่ารัก(ถ้าล่ามน่ารัก คนฟังก็มีความสุข) ความถูกโฉลกกับคน(บางคนแค่เห็นหน้าก็ไม่ชอบแล้ว ยังงี้แปลให้ฟังเขาก็ไม่อยากจะเข้าใจ) ความพร้อมของร่างกายล่าม(นอนพอไหม หูดีไหม ตาดีไหม) งานแปลมันเป็นศิลปะครับ มีปัจจัยต่างๆมากมายมาส่งผลกระทบ และคงไม่สามารถตัดสินได้ง่ายๆว่า ล่ามคนไหนเก่งกว่าคนไหน จากการที่มีแค่ใบสอบวัดระดับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 05:24:13

ความคิดเห็นที่ 18 คห. 17 ผมเจอ N1 เก่ง ๆ หลายสิบคน และก็ได้เจอ N1 ไม่เก่งอีกหลายสิบคนครับ ผมถึงได้เห็นด้วยว่า ใบวัดระดับมันตัดสินอะไรไม่ได้ ต้องดูคะแนนที่ได้มาด้วย และก็ดูผลงานด้วย นอกเหนือจากวัดระดับครับ จากคุณ : Dancing Sakura เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 16:22:07