เคล็ดลับน่ะมันมี แต่บอกไปแล้วคุณจะทำได้หรือเปล่าล่ะ? ถึงรู้เคล็ดลับก็ไม่หมูนะ ลองอ่านดูแล้วจะเข้าใจว่าเราหมายถึงอะไร
TU GET นี่ตอนอ่านจับใจความมันโหดพอดูนะ
ข้อสอบแบบนี้คนที่เสพย์สื่อภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆแล้วคือชอบดูหนังฟังเพลงและอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมาสะสมกันหลายๆปีจะทำได้สบายๆ แต่คนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้วแต่กะติวระยะสั้นๆเพื่อพิชิตข้อสอบมันทำได้ยากมากๆ
เมื่อสมัยประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว ตอนข้อสอบอังกฤษสำหรับ entrance เพิ่งเปลี่ยนจากสอบ grammar หลอกให้กาผิดข้อ (ซึ่งใช้เวลาติวแค่ 2 อาทิตย์ก็สอบได้) กลายเป็นมี reading comprehension ยากๆ พวกติวเตอร์มึนหัวกันไปตามๆกันเพราะเก็งข้อสอบไม่ถูก เราเลยคิดวิธีติวแบบยัดแน่น cram course ตั้งแต่
1. สอนให้จำ Greek and Latin roots 2. สอนให้จำ collocations (มีตัวอย่างประโยคให้ดูเวลาสอนศัพท์ จดศัพท์ต้องจดประโยคไปด้วยหลายๆประโยค ในหลายๆความหมาย) 3. สอนแต่ grammar เท่าที่จำเป็นในการตีความ 4. organize การจดศัพท์เพื่อช่วยเรื่อง memorization by association (คือการจำศัพท์โดยหาความสัมพันธ์กัน) เช่นศัพท์มาจาก Greek and Latin roots เดียวกันก็ทำ cross references โยงถึงกัน หรือศัพท์ที่ต้องใช้ sentence structure ที่คล้ายๆเวลาสร้างประโยคก็ทำ cross references โยงถึงกัน ศัพท์ที่ความหมายคล้ายกันหรือตรงกันข้ามกัน ก็ทำ cross references โยงถึงกัน 5. สอนวิธีตีความและใช้ reductio ad absurdum (คือวิธีขจัดข้อที่ผิดไปทีละข้อ) 6. สอนให้นำศัพท์ที่เรียนไปเอามาหัดเขียนประโยคให้พลิกแพลงหลายๆประโยคให้มากที่สุด ซึ่งนักเรียนไม่ยอมทำกัน เพราะอ้างว่า "ข้อสอบ entrance ไม่มี writing" (อ้างว่าจะเอาเวลาไปติววิชาอื่น) แต่ขนาดไม่สอน writing นักเรียนก็ยังอ่านข้อสอบยากๆรู้เรื่องอย่างรวดเร็ว ถ้านักเรียนยอมเรียน writing กันหละจะเก่งมากกว่านี้อีกหลายเท่า 7. สอนการใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ในการอ่านบทความจากต่างประเทศที่หลายๆหลายมากๆ แต่นำประโยคที่อ่านเจอมา "ชำแหละ" หรือแยกส่วนโครงสร้าง (ซึ่งจริงๆแล้วนักเรียนยอมเรียน writing จะสอน writing ไปได้พร้อมๆกันเลย) เพื่อช่วยในการตีความ ซึ่งเมื่อไปเจอประโยคยากๆ มันก็ต้องอาศัยทักษะในการย้ายสลับลำดับคำศัพท์ (เขียนประโยคใหม่ขึ้นมาให้ตีความง่ายกว่าเดิม (paraphrase)) ซึ่งก็เท่ากับต้องเรียน writing ไปอยู่บ้างนั่นแหละ
จริงๆแล้วมันยังมี techniques ปลีกย่อยอีกตั้งมากมาย และวิธีการสอนแบบนี้ยังใช้ได้ผลกับติว TU GET ก็แค่ดัดแปลงเปลี่ยนเป็นสอนอ่าน articles ที่ศัพท์ยากกว่า ม.6 ขึ้นไปอีกหลายๆเท่า แค่นี้ก็ได้ผลแล้ว สมัยก่อน organization สำหรับการเรียนรู้แบบนี้ทำบนสมุด แต่เดี๋ยวนี้เราคิดวิธีทำบน software ดีๆขึ้นมาได้ แต่...แต่อะไร...??!!!
แต่...สอนแบบนี้เคยสอนเด็ก ม.ปลาย อัดแน่นยังไงเด็กก็ยอมทน เพราะการเอ็นไม่ติดมันดูเหมือนชีวิตพวกเขาจะล่มสลายนะ แต่ลองสอนเด็กโตแล้วที่กำลังจะไปเรียนปริญญาโท เจอแบบอัดแน่นเข้าไป 2-3 วันเราก็รู้สึกว่าเด็กโตแล้วสมองจะล้าแล้วยอมแพ้เอาง่ายๆนะ เพราะมันไม่ตัดสินชะตาชีวิตมากมายเท่าตอนเอ็นเข้าเรียนปริญญาตรี
^ ก็จะไม่ล้าได้ไงล่ะในเมื่อพวกเด็กเก่งๆภาษาเรียนศัพท์พวกนี้สะสมกันตั้ง 10 กว่าปี แต่เราพยายามจะยัดมันแน่นแค่ 6 - 9 เดือน คนไฟไม่แรงพอก็สมองรับไม่ไหวหรอก
คือเราสอนเร็วน่ะสอนได้ แต่สมองคุณจำเร็วจำได้หรือเปล่าเท่านั้น! เราก็เลยคิดหาทางเอา software เข้ามาช่วยทุ่นแรง
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 54 14:26:33
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 54 14:21:49
|
|
|
|