ความคิดเห็นที่ 1 เป็นผู้ชาย ตอนหลังรับราชการ และได้รับพระราชทานนามสกุล "ธรรมสโรช" ในรัชกาลที่ 6 จากคุณ : Jouette เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 19:44:47

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเห็นว่า พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ ทรงประพฤติองค์ไม่เหมาะแก่เกียรติแห่งองค์เอง ถึงเป็นหญิงสามัญชนธรรมดา ชิงสุกก่อนห่ามก็น่าอับอายมากแล้ว จากคุณ : phi 1.618 เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 20:27:54

ความคิดเห็นที่ 3 เคยมีผู้รู้ตอบไว้ที่กระทู้นี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/12/K4982211/K4982211.html จากคุณ : thippy56_ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 20:38:07

ความคิดเห็นที่ 4 เกิดเร็วไป 100ปี ถ้าตอนนี้คงได้สมหวัง ทิดโตอาจจะมียศด้วยซ้ำ น่าสงสาร จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 00:43:59

ความคิดเห็นที่ 5 หากเหตุการณ์นี้เกิดในรัชกาลที่ 4 พระองค์อาจมิทรงต้องพระราชอาญาขนาดนั้น เพราะรัชกาลที่ 4 ถ้าจำไม่ผิดทรงมีรับสั่งแก่พระเจ้าลูกเธอ สั่งเสีย (ขอพระราชทานอภัยหากใช้คำไม่ถูกต้อง) ว่า "อย่าเล่นเพื่อน จงมีผัวเสียเถิดจงมีผัว" จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 09:01:54

ความคิดเห็นที่ 6 การอย่าเล่นเพื่อน จงมีผัวเสียเถิด ผมกลับหมายถึง ผัวที่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์เสียมากกว่า ไม่ได้หมายถึงสามัญชน แต่ก่อน หม่อมเจ้าชาย พระองค์เจ้าชาย เจ้าฟ้าชาย ทั้งวังหลวงวังหน้า ถ้าไม่เอาลูกวังหน้าก่อนๆ ก็ลูกพระปิ่นเกล้า หลานพระปิ่นเกล้าก็เยอะแยะ ไม่น่าจะหมายถึงสามัญชน ถ้ากระนั้น ถ้าเจ้านายฝ่ายในชั้นอนุวงศ์แต่งงาน น่าจะหมายถึงสามัญชนที่เป็นลูกสมเด็จเจ้าพระยา หรือเจ้าพระยาเสียมากกว่า จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 09:06:48

ความคิดเห็นที่ 7 การแต่งงานของเจ้าหญิงสมัยก่อนไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ น่าจะเลือกกันอย่างมากทีเดียว สามัญชนน่าจะแทบไม่มีโอกาสเลย  ขนาดวังหน้าวังหลวงยังเป็นปัญหาเลย ตัวอย่างในราชสกุลเราก็มี  เล่ากันว่า สมเด็จพระพันวัสสาหรือสมเด็จพระพันปีนี่แหละ (เราจำไม่ได้แน่ว่าองค์ไหน เพราะนานมาก ย่าเราเล่าให้ฟังเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว) กริ้วและตรัสว่า "เจ้าวังหน้าอย่ามารักหลานฉัน"  เมื่อเจ้าวังหน้าองค์หนึ่งยศเป็น พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทรงพอพระทัยในหม่อมเจ้าหญิงองค์หนึ่งในราชสกุลสวัสดิวัตน์  เมื่อถูกห้าม ในที่สุดเจ้าวังหน้าองค์นั้นก็ไปเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงจากอีกราชสกุลหนึ่งจากวังหลวงเหมือนกัน แต่ไม่มีปัญหาเหมือนกรณีแรกเพราะหม่อมเจ้าหญิงองค์นั้นไม่ได้เป็นหลานป้าแท้ๆของสมเด็จฯค่ะ จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 19:02:04

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อมาภายหลัง (ต้องหลังปี ๒๔๗๕) มีหม่อมเจ้า ในราชสกุล สวัสดิวัตน์ ที่ทรงเป็นท่านหญิง เช่น ท่านหญิงสุเลสลัลเวง สิริกาญจน, ท่านหญิงศกุลตลา ปัทมสังข์, ท่านหญิงอมิตดา ธรรมรักษ์, ท่านหญิงมัทรีโศภณา ดุลยจินดา แต่เห็นด้วยกับความคิดข้างบน การสมรสของเจ้าหญิง ยุคก่อน ๒๔๗๕ คู่สมรสจะเป็นพระมหากษัตริย์ เจ้าชายสกุลยศสูงกว่า หรือ เท่ากัน เพียงแค่นั้น ยิ่งพระราชธิดาในวังหลวงด้วยแล้ว จะไม่ทรงมีคู่สมรสเลยถ้าหากคู่สมรสนั้นมิใช่พระเชษฐาหรือพระอนุชา ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกัน พระธิดาในวังหน้า ก้อมีเพียง 1 พระองค์ที่ได้สมรสคือ พระองค์ดาราวดี (พระธิดาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) ทรงเป็นพระชายา ใน กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ     แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 54 00:20:27 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 23:45:03

ความคิดเห็นที่ 9 หม่อมเจ้าหญิงองค์ที่เรากล่าวถึงนี้เป็นองค์แรกๆของราชสกุลค่ะ เหตุการณ์นี้คงเป็นยุครัชกาลที่ 5 ปลายๆ หรือต้นรัชกาลที่ 6  ฉะนั้นธรรมเนียมยังเคร่งครัดแบบสมัยต้นรัตนโกสินทร์ค่ะ  หม่อมเจ้าหญิงองค์นั้นกับเจ้าน้ององค์ที่ท่านทรงลาออกไปแต่งกับสามัญชนนี่ชันษาห่างกันมากค่ะประมาณ 20 ปีหรือมากกว่านั้นค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 54 01:23:57 จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 01:15:25

ความคิดเห็นที่ 10 ราชสกุล เทวกุล นี่ ไม่มีหม่อมเจ้า ที่ทรงเป็นท่านหญิงเลยมั้งครับ ออ และจากความเห็นข้างบน ถ้าเป็นสมเด็จพระพันปี เสด็จสวรรคต ก่อนปี ๒๔๗๕ ส่วนพระพันวัสสา ทรงดำรงพระชนม์ชีพ มาถึง พศ ๒๔๗๘ ทันช่วงการสมรสของ ท่านหญิงศกุนตลา และ นายราศี ปัทมสังข์ และทันช่วงการสมรสของท่านหญิงอื่นๆราชสกุลสวัสดิวัตน์แน่นอนครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 54 07:55:44 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 07:42:31

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องราชสกุลอื่นจะเษกหรือไม่ กับใคร เราก็ไม่ทราบค่ะ เพราะเราไม่ได้สนใจจำประเด็นนี้ค่ะ คุณลองไปเปิดหนังสือของเจฟฟรี ไฟร์สโตนอ่าน มีพระนามหม่อมเจ้าในราชสกุลเทวกุลทุกองค์และคู่สมรสค่ะ เราน่าจะพูดกันคนละประเด็นคนละช่วงเวลา ประเด็นที่เราต้องการสื่อ คือ สมัยต้นรัตนโกสินทร์ถึงรัชกาลที่ 5 หรือต้นรัชกาลที่ 6 ธรรมเนียมการเษกสมรสน่าจะเคร่งครัดมาก ขนาดเจ้าวังหน้ายังถือกันว่าด้อยกว่าเจ้าวังหลวง ไม่ควรเษกกัน   ส่วนเรื่องว่าทำไมท่านไม่ทรงห้ามองค์หลังๆ เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน ยุคสมัยน่าจะเปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจจะเหมือนปู่ย่าตายายญาติพี่น้องจะเห่อหลานคนแรกๆ และเอาใจใส่มากกว่า  ราชสกุลนี้มีหม่อมเจ้าเยอะมากนะคะ หลายสิบองค์ องค์หลังๆนี่ประสูติแต่หม่อมคนหลังๆค่ะ  มีบางองค์ทรงไปตกระกำลำบากก็มี ไม่ได้ทรงสุขสบายทุกองค์หรอกค่ะ ส่วนสมเด็จทั้งสองพระองค์ก็ทรงพระชนม์มากขึ้นแล้ว น่าจะไม่ค่อยได้ทรงใกล้ชิดกันเท่าไร นอกจากหม่อมเจ้าหญิงบางองค์ที่ประทับอยู่ในวังสระปทุมค่ะ เราพูดจากประสบการณ์ที่ฟังผู้ใหญ่ที่ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น เราไม่ได้จำมาจากหนังสือหรือมาเทียบเวลาเป๊ะๆ แค่อยากแชร์ข้อมูลค่ะ เพื่ออธิบายว่าเรื่องแต่งงานของเจ้าสมัยก่อนไม่ได้เป็นเรื่องง่ายๆ แล้วทำไมพระองค์หญิงยิ่งฯถึงทรงถูกลงโทษแบบนั้น จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 20:50:19

ความคิดเห็นที่ 12 จุดประสงค์กระทู้ผมใน คห 10  เพียงแต่คาดเดาสิ่งที่คุณพูดน คห 7 ที่กล่าวว่า "ไม่รู้ว่าเป็น สมเด็จพระพันปีหรือสมเด็จพระพันวัสสา" โดยผมก้อแค่เดาว่าอาจจะเป็น สมเด็จพระพันปี เท่านั้นเอง ด้วยระยะเวลาของพระชนม์ชีพ ที่ทรงเสด็จสวรรคตไปก่อนที่จะได้ทอดพระเนตรเห็นการเปลี่ยนแปลง ในช่วงหลัง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 54 22:14:37 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 22:13:53

ความคิดเห็นที่ 13 คห 12 เข้าใจประเด็นแล้วค่ะ เราจำไม่ได้เองว่าองค์ไหนรับสั่ง  จริงๆ ตอนเล่าย่าเราก็ระบุพระนามค่ะ แต่ตอนนี้เราแก่แล้ว ความจำเสื่อม ก็มันจะสามสิบปีได้แล้ว คงต้องรอถามน้องชายที่ได้ฟังมาพร้อมๆกัน แต่เสียดายน้องชายเราเป็นพระไปแล้ว ไม่กล้ากวนท่าน ไว้มีจังหวะเหมาะๆะจะลองถามดู  แต่ตามความเห็นเราน่าจะเป็นสมเด็จพระพันปีที่ตรัสเช่นนั้น ดูจากพระอุปนิสัยและความเข้มงวดของพระองค์ อีกประการหนึ่ง ผู้เล่าคือย่าเราเคยมีโอกาสเฝ้าฯและทำเครื่องเสวยถวายสมเด็จพระพันปีฯ ก่อนจะได้มาเป็นสะใภ้ราชสกุลนี้   แต่ที่เราไม่แน่ใจนักเพราะบ้านเราเคยได้รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระพันวัสสามากกว่า เนื่องจากเคยอาศัยอยู่ติดวังสระปทุมและได้เข้าเฝ้าฯพระองค์เป็นประจำ จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 23:23:15