คุ้ยพงศาวดารจีน
คนชั่วแผ่นดินจิ้น
ตอนที่ ๓ เจ้าเมืองโลเล
เล่าเซี่ยงชุน
ขุนนางทั้งปวงก็ปรึกษากันว่า พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้นี้เห็นจะไม่คิดกลับพระทัยคืนดีได้แล้ว เสียดายความเพียรของพระอัยกาและพระราชบิดา ซึ่งได้อุตส่าห์ทะนุบำรุงแผ่นดิน มีความสุขเจริญมาถึงพระองค์นี้ ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ตั้งราชวงศ์จิ้น เมื่อทรงประพฤติการดังนี้เห็นวาสนา แผ่นดินจะไม่ยืดยาวเสียแล้ว เกาะเอ็กจึงว่า
.พวกเราทั้งหลายเกิดมาเป็นข้าแผ่นดิน ก็ต้องอุตส่าห์สนองพระคุณไปให้เต็มกำลัง ถ้าเป็นบุญของราษฎรแล้ว ก็คงจะทรงเชื่อฟังพวกเราคิดกลับพระทัยได้บ้าง การครั้งนี้เปรียบเหมือนแพรต่วน ปักดอกไม้ทองเป็นลายงามขึ้นแล้ว ไม่ทันเก่าจะมาขาดยับเยินไป เสียดายนัก
.
แล้วขุนนางทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับที่อยู่ แต่ขุนนางอีกคนหนึ่งชื่อ เอียงจุ้น ซึ่งเป็นบิดาของ นางเอียงกิมฮองเฮา คิดจะหาผลประโยชน์ใส่ตน จึงเข้าไปหานางฮองเฮาแล้วว่า ขุนนางทั้งปวงทำเรื่องราวกราบทูลถวาย ว่าบ้านเมืองเกิดโจรผู้ร้ายราษฎรได้ความเดือดร้อน การอันนี้ไม่จริง เป็นแต่กระทบหลอกลวง หวังจะให้ฮ่องเต้กลับพระทัยเสียใหม่ อย่าให้ลุ่มหลงไปด้วยสตรีและการเล่นต่าง ๆ ก็เป็นการดีอยู่ แต่จริงนั้นทุกวันนี้บ้านเมืองเรียบร้อย ราษฎรได้ทำมาหากินเป็นปกติ ไม่มีเหตุการณ์สิ่งใด
นางเอียงกิมฮองเฮาก็มีความยินดีมาก พอเวลาเย็นบิดากลับไปแล้ว ฮ่องเต้เสด็จมาที่เก๋งของนาง และตรัสเล่าเรื่องที่ขุนนางทั้งปวงทำหนังสือกราบทูลให้ฟัง แล้วว่าบิดาของนางไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือนั้น นางเอียงกิมฮองเฮาจึงกราบทูลฮ่องเต้ตามที่บิดาพูด ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี ให้ขันทีไปหาตัวเอียงจุ้นเข้ามาเฝ้า แล้วตรัสถามว่าท่านได้ยินข่าวคราวบ้านเมืองดีร้ายอย่างไรบ้าง เอียงจุ้นก็กราบทูลว่า
ข้าพเจ้าก็เอาใจใส่ระวังราชการแผ่นดินอยู่ แต่เห็นว่าหัวเมืองใหญ่ที่สำคัญนั้น เจ้านายซึ่งเป็นพระญาติวงศ์ของพระองค์ ออกไปรักษาอยู่ทุก ๆ เมือง ถึงมาตรแม้นจะมีข้าศึกศัตรูมาประการใด ท่านเหล่านั้นก็มีสติปัญญาและฝีมือเข็มแข็ง อาจสู้รบป้องกันอันตรายได้ ประการหนึ่งถึงจะเกิดโจรผู้ร้ายขึ้นที่เมืองใดตำบลใด เจ้าเมืองกรมการเขาคงจะคิดปราบปรามเสียเอง ไม่ต้องร้อนถึงเมืองหลวง ขุนนางทั้งปวงไม่ตรองการให้ตลอด พากันตกใจตื่นทำเรื่องราวมากราบทูล ให้ขุ่นเคืองพระทัยเปล่า ๆ
.
ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี ตรัสว่าท่านนี้อุตส่าห์เอาใจใส่ในราชการบ้านเมือง สมควรจะเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว จงช่วยกันรักษาแผ่นดินให้มีความเจริญต่อไปเถิด แล้วจึงมีรับสั่งตั้งให้เอียงจุ้น เป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายบุ๋น เอียวจุ้นถวายบังคมรับตำแหน่งแล้ว ก็กราบทูลขอน้องชายสองคน ให้เลื่อนตำแหน่งมาช่วยราชการอยู่ด้วยกัน ฮ่องเต้ก็โปรดให้ตามที่ขอ
ขุนนางทั้งปวงที่ทราบเรื่องก็ตกใจ ปรึกษากันว่าตั้งแต่นี้ไปบ้านเมืองเห็นจะเกิดจลาจลขึ้นแล้ว เราท่านทั้งหลายจงอุตส่าห์รักษาตัวให้ดีเถิด ด้วยเอียงจุ้นนี้เป็นคนโลภเห็นแก่ ลาภสการมาก ขนบธรรมเนียมราชการสิ่งใดก็ไม่รู้จัก ฮ่องเต้เอามาชุบเลี้ยงตั้งแต่งขึ้นให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ดังนี้ ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองจะมีความสุขมาแต่ไหน
เมื่อเอียงจุ้นได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่มาได้ประมาณปีเศษ เกาะเอ็ก กับ ตูเพก ก็ทำหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ว่า ตามธรรมดาฮ่องเต้จะแต่งตั้งขุนนางผู้ใหญ่ ฝ่ายทหารและพลเรือน ก็ต้องหาผู้ที่มีสติปัญญาประกอบด้วยความกตัญญู ซื่อตรงและมีใจโอบอ้มอารีแก่คนทั้งหลาย
อนึ่งต้องรู้จักขนบธรรมเนียมซึ่งจะตกแต่งพระราชสาสน์ ให้ถูกต้องตามลักษณะ และเจรจาการบ้านเมืองด้วยทูตซึ่งมาแต่ต่างประเทศนั้น จะพูดจาว่ากล่าวสิ่งใดก็ได้เปรียบว่องไวไหวพริบ รู้ทางผิดและชอบอย่าให้เขาหมิ่นประมาทได้ ถ้าพลาดพลั้งลงแล้วจะพลอยมัวหมองถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วย
แต่เอียงจุ้นนั้นไม่มีความรู้ตามตำแหน่ง เป็นคนเย่อหยิ่ง มัวเมาไปด้วยอิสริยยศไว้อำนาจใหญ่โต ทำท่วงทีตีเสมอผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จะตัดสินถ้อยความของราษฎรก็ไม่อยู่ในยุติธรรม คิดแต่หาลาภสการอย่างเดียว ถ้าผู้ใดมีเงินทองสิ่งของมาให้แล้ว ถึงความจะแพ้ก็กลับเป็นชนะ และเอียงจุ้นนี้ถึงจะเป็นบิดานางฮองเฮาก็จริง แต่จะได้ทำความชอบไว้ในแผ่นดิน แต่สักอย่างหนึ่งก็ไม่มี ดีแต่ปากพล่อย ๆ พูดจาไม่ติดค้าง ประจบประแจงเอาตัวรอดได้ที่ปากเท่านั้น ฮ่องเต้ทรงทราบความแล้ว ก็ไม่ได้ตรัสประการใด แต่นึกในพระทัยว่า ขุนนางทั้งสองนี้อิจฉาเอียงจุ้น
ขุนนางอีกคนหนึ่งชื่อ ฮ่อเจ้ง ทราบความว่าฮ่องเต้ไม่สนพระทัย ในเรื่องราวที่มีผู้กราบทูลเตือนพระสติ ก็เสียใจเรียกบุตรหลานมาพร้อมหน้ากัน แล้วแบ่งปันเงินทองสิ่งของให้เป็นอันดับตามสมควร และสั่งว่าจงเอาไปทำทุน ทำไร่นาค้าขายหากินโดยสุจริตเถิด อย่าได้รักยศเป็นขุนนางกับเขาเลย ตนเองก็จะลาออกนอกราชการ ด้วยทุกวันนี้ฮ่องเต้ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม ประพฤติแต่การอันผิดไม่มีประโยชน์ เมื่อต่อไปภายหน้าเห็นว่าฮ่องเต้องค์ใดตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว จึงค่อยเข้ามาทำราชการอาสาแผ่นดินต่อไป และตั้งแต่นั้นมาฮ่อเจ้งก็เพิกเฉยในทางราชการ ไม่ได้เฝ้าเหมือนแต่ก่อน
อีกสองปีต่อมาฮ่องเต้ทรงระลึกถึง เล่าหงี ขุนนางผู้ใหญ่คนเก่า จึงให้หามาเฝ้าและตรัสถาม เปรียบเทียบถึงพระองค์เองกับฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่ให้มีการซื้อยศตำแหน่ง เล่าหงีก็กราบทูลว่า
ผิดกันอยู่อย่างหนึ่ง ด้วยกษัตริย์ทั้งสองพระองค์นั้น ขายยศให้ขุนนางแล้ว เก็บเอาเงินค่ายศเข้าไว้ในท้องพระคลัง สำหรับจ่ายราชการแผ่นดิน แต่พระองค์ขายยศได้เงินแล้วเก็บไว้พระคลังใน สำหรับแจกนางสนมกำนัล
..
ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราก็ยังถืออยู่ว่า แผ่นดินของเราดีกว่ากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ คงจะมีความเจริญต่อไป เล่าหงีทูลถามว่าทรงเห็นว่าดีกว่าอย่างไร ตนหาทราบไม่ พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า
..เมื่อครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮั่นฮวนเต้ กับพระเจ้าฮั่นเล่งเต้นั้น ไม่มีขุนนางตงฉินพูดจากล้าหาญเหมือนเช่นท่าน แต่ก่อนท่านก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนเรา ไม่เชื่อฟังครั้งหนึ่งแล้ว ท่านยังจะมีความกตัญญูมิได้ย่นย่อท้อถอย ครั้งนี้ยกเอากษัตริย์ทั้งสองขึ้นเป็นธรรมเนียม เปรียบเทียบกับเราอีก บ้านเมืองมีขุนนางซื่อสัตย์สุจริตอยู่ดังนี้ เราจึงเห็นว่าแผ่นดินยังจะมีความเจริญ ต่อไป
..
ตรัสแล้วก็รับสั่งให้พนักงานเอาทองคำหนักสิบชั่ง มาพระราชทานเป็นรางวัลแก่เล่าหงี เพื่อตอบแทนความซื่อสัตย์สุจริตและความกล้าหาญในครั้งนี้ แล้วฮ่องเต้ก็มีรับสั่งแก่เจ้าพนักงานว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปเงินทองซึ่งขายยศได้มากน้อยเท่าใด ให้ส่งไว้ที่พระคลังนอกสำหรับจับจ่ายราชการแผ่นดิน ไม่ต้องส่งเข้าไปไว้พระคลังในเช่นก่อนเลย
วันหนึ่ง ขณะที่ พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ เสด็จออกว่าราชการ เกาะเอ็ก ก็นำนายทหารในบังคับบัญชาของตนเข้าเฝ้า กราบทูลว่าชื่อ เจียฉอง บุตรของ เจียเภา ขุนนางเก่าซึ่งบัดนี้ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ฮ่องเต้ทรงระลึกได้ว่าเจียเภาเป็นคนเก่า เมื่อครั้งไปทำศึกเมืองกังตั๋ง ได้มีความชอบต่อแผ่นดินอยู่มาก จึงตรัสว่า
.เจียเภาเป็นคนซื่อตรง ได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินมาช้านานแล้ว ก็ไม่มีระแวงผิดสิ่งใด และเจียฉองมีรูปร่างลักษณะน่าจะเป็นคนมีสติปัญญาอยู่ เราจะตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเอียงเสีย ด้วยเจ้าเมืองเอียงเสียนั้นเป็นโทษ ต้องถอดเสียแล้ว
..
แล้วจึงมีรับสั่งให้เจ้าพนักงานทำตราตั้งเจียฉองเป็นที่เอียงเสียไทซือ และไปเป็นเจ้าเมือง แต่เจียฉองไม่มีทรัพย์สินเงินทองของตน เป็นคนขัดสนอยู่ จะไปเป็นเจ้าบ้านผ่านเมืองก็จะได้ความอับอายแก่ขุนนางกรมการในเมืองเอียงเสีย เกาะเอ็กจึงจัดเงินสองหมื่นตำลึงกับแพรสีต่าง ๆ ร้อยม้วน ให้เจียฉองไปเป็นทุน เมื่อเจียฉองมั่งมีขึ้นแล้วจึงค่อยเอามาใช้คืน
เจียฉองก็จัดการบ้านเมืองเป็นปกติ มิได้เบียดเบียนไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน จะตัดสินข้อคดีของราษฎรก็ถูกต้องตามยุติธรรม ถ้าขุนนางกรมการคนใดใจเป็นพาล ประกอบด้วยโลภเห็นแก่ลาภต่าง ๆ ก็ถอดออกเสีย จัดหาผู้ที่มีสติปัญญาซื่อตรงมาตั้งแต่งไว้ตามตำแหน่ง ถ้าโจรผู้ร้ายเกิดขึ้นในแขวงใดอำเภอใด ก็ปราบปรามเรียบร้อยไม่ให้เกิดลุกลามขึ้นได้ ขุนนางกรมการและราษฎรรักใคร่สรรเสริญเป็นอันมาก
เจียฉองเป็นเจ้าเมืองเอียงเสียประมาณปีเศษ เจ้าเมืองเกงจิ๋วได้ถึงแก่กรรมลง เกาะเอ็กก็กราบทูลเสนอให้เจียฉองไปเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วแทน ฮ่องเต้ก็ทรงโปรดแต่งตั้งให้ เจียฉองเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองเกงจิ๋ว ส่วนเมืองเอียงเสียนั้นจิวฉองกราบทูลเสนอให้ปลัดเมือง เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ย. 54 05:23:54
|
|
|
|