|
เรื่องเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆมันต้องมีลูกบ้าเรื่องเรียนรู้ภาษามันก็ต้องมีแรงกระตุ้นนะ
เรารู้จักลูกครึ่งไทยกับมาเลย์คนหนึ่งพูดได้แต่ภาษาไทยกับมาเลย์ แต่เขาอยากเรียนมวยจีนเอาซะมากๆ แต่เผอิญปรมาจารย์สอนมวยจีนเป็นคนจีนกวางตุ้งที่ไม่พูดภาษาอื่นเลย เขาไม่รู้จะสื่อสารกับปรมาจารย์ยังไงก็เลยลงทุนเรียนภาษากวางตุ้งจนพูดได้เขียนได้ กะอีแค่จะไปเรียนมวยจีนเนี่ยนะ โห เหลือเชื่อพี่แกเลยอ้ะ!
เราก้อบ้ามวยจีนพอดู แต่เผอิญอาจารย์เราเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษได้เราก็เลยยังไม่มีลูกบ้าเรียนภาษาจีน ทีแรกทำเป็นอ่านตำราการแพทย์จีนและกำลังภายในที่คนจีนซึ่งรู้ภาษาอังกฤษเขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ พอช่วงหลังๆเกิดของขึ้นอยากจะอ่านตำราพวกนี้เป็นภาษาจีน แต่ยังฮึดไม่มากพอ เรียนภาษาจีนพอมั่วได้ แต่ยังไม่อินทรีย์แก่กล้าพอที่จะอ่านอะไรยากๆแบบนั้นเป็นภาษาจีน
ก็เลยตอนนี้ต้องไปนั่งสมาธิ เพื่อปลุกลูกบ้าขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
เผื่อจะเรียนภาษาจีนให้เก่งกับเขาบ้าง
เรารู้จักแพทย์หญิงคนหนึ่งที่ไปอยู่อังกฤษตั้งแต่ 10 กว่าขวบ คุณหมอพูดอังกฤษเหมือนฝรั่งเลยหละ คุณหมอกลับมาเมืองไทยไปเปิดคลีนิคในย่านคนจีนรวยๆที่หลายคนพูดไทยไม่ได้เลย คุณหมอเลยอยากเรียนภาษาจีนเพื่อพูดกับคนไข้ ก็เลยจ้างครูมาสอนที่คลีนิค เรียนๆไปแล้วท้อใจ นั่นมันเหตุการณ์ที่เรารับรู้จากการคุยกับคุณหมอผ่านมาแล้ว 5 ปี พอครบ 5 ปี เราไป say hello กับคุณหมอ คุณหมอหยิบหนังสือเล่มโตๆขนาดสมุดโทรศัพท์เย็บติดกัน 2 เล่ม ชูให้เราดู
แล้วถามว่า
"เธอรู้ไหมว่านี่อะไร?"
เราตากลอกถามว่า
"มันคืออะไร?"
คุณหมอตอบว่า
"มันคือ dictionary จีนเป็นอังกฤษที่ฉันเขียนขึ้นมาเอง! ในระหว่างขั้นตอนที่เรียนภาษาจีนกลาง ฉันเคยเรียนภาษาจีน เรียนๆหยุดๆเพราะท้อใจมา 5-6 รอบแล้ว แต่คราวนี้ฉันต้องทำให้สำเร็จ แล้วฉันก็ทำได้สำเร็จแล้ว!"
^ เรา "เง็งๆๆๆ!!!..." ^ จากนั้นคุณหมอชวนเราคุยเรื่องวรยุทธ์จีนที่คุณหมอก็เรียนมาเหมือนกัน เพราะเรียนภาษาแล้วก็ต้องเอาวัฒนธรรมด้วย แถมเรายังเหลือบๆไปเห็นคุณหมอมีตำรา oriental diagnosis เล่มบะเร่อ (ที่เราเคยศึกษามาแต่ก็แค่อ่านผ่านๆมั่วๆกระโดดๆไป แบบคนขี้เกียจ) วางอยู่บนโต๊ะ อีกด้วย ตกลงตอนนี้คุณหมอคงรู้วิธีคลำชีพจรคนไข้ที่ข้อมือ 2 ข้าง ข้างละ 3 ตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งแตะเบากับแตะหนัก ฟังรู้อาการอวัยวะภายใน 12 อวัยวะไปซะแล้ว + กับการแพทย์แผนปัจจุบันที่คุณหมอเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
^ หึๆๆ งานนี้เราจ๋อยเลยอ้ะ...! เจอคนลุยแบบนี้เราใจไม่ดีแฮะ...
เจอแบบนี้แล้วทำให้เราคิดถึงเรื่อง Thomas Edison ที่น่าทึ่ง นั่นก็คือว่ากว่า Thomas Edison จะค้นพบได้ว่าจะใช้สารอะไรสร้าง filament (ใส้หลอดไฟฟ้า) เขาต้องนำพันธ์ไม้กว่า 6,000 ชนิดมาทดสอบคุณสมบัติในเชิงฟิสิกส์และเคมีของมัน!
^ โอ้พระเจ้า เราก็ไม่อยากทำงานหนักขนาดนั้น!
หลังจากนั้นเราต้องเข้าถ้ำแล้วฝึกสมาธิเพื่อเร่งผลิต iq ตัวเองเพิ่ม เพื่อการเรียนรู้อะไรใหม่ๆอย่างรวดเร็ว (จริงๆแล้วเราขี้เกียจเรียนน่ะ ได้แต่หาทางลัด) แต่ผลิตไปผลิตมา iq มันเพิ่มขึ้นมาได้จริงๆตอนอายุมากๆ (เราเรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าสมัยเด็กๆหลายๆเท่า เพราะเรากินอาหารปลอดสารพิษมาหลายสิบปี) แต่ eq เราหายหมดอ้ะ....ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 23:09:37
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 23:04:50
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ย. 54 22:59:15
|
|
|
|
|