อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก ตอน 16 ครับ..
|
 |
ตอนนี้เป็นตอนที่มีชื่อตอนเดียวกับในพงศาวดารสามก๊กครับ นึกชื่นชมอยู่ไม่หาย ว่าเป็นชื่อที่กระชับ ได้อารมณ์วรรณกรรมจีนมาก
อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก เป็นรายการที่เน้นประวัติศาสตร์จากบันทึกเป็นแกนหลัก เนื้อหาและภาพลักษณ์ที่ได้ ย่อมต่างจากในพงศาวดารบ้างไม่มากก็น้อย
แต่ด้วยภาพฝังหัว เราก็มักจะยังคงเห็นภาพในพงศาวดารเวียนวนอยู่ตลอด ส่วนนึง เพราะบทบาทในพงศาวดารของตัวละคอนส่วนนึงนั้นจัดว่าใกล้เคียง แต่ส่วนสำคัญ ยิ่งกว่า น่าจะเป็นการแกะแยกบันทึกทางประวัติศาสตร์ออกมาจากพงศาวดารเสียให้ชัดเจน ยังมีไม่เพียงพอ
มีคนเคยถามอ.อี้จงเทียนว่า แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าบันทึกประวัติศาสตร์นั้นจริง อ.อี้จงเทียนตอบประมาณว่า
เราไม่มีทางรู้แน่ๆ
ซือหม่าเชียนบันทึกประวัติศาสตร์ก่อนเขาเป็นร้อยเป็นพันปี ยังมีน้ำเสียงอารมณ์ใส่ในประโยคคำพูดนั้น นั่นมันเป็นไปไม่ได้ เขาจะรู้ได้ไง? หรือประวัติศาสตร์ตอนยุทธศาสตร์หลงจงเขียนไว้เองว่า หลิวเป้ย(เล่าปี่)คุยกับ จูเก๋อเลี่ยง สองต่อสอง แล้วที่บันทึกเล็ดลอดมา จะเชื่อได้อย่างไร?
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากตั้งแง่แบบนี้แล้ว ก็จะไม่มีประวัติศาสตร์อะไรอยู่เลยในโลกนี้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีหลักเกณฑ์และกรอบในการคิด ซึ่งนั่นก็คือหลักฐานทางบันทึก หลักฐานแวดล้อม
ที่สำคัญคือ หากนักโบราณคดีปฎิเสธหลักฐานนั้นๆแล้ว ยังไม่มีหลักฐานมารองรับอื่น ก็ต้องถือว่าหลักฐานนั้น ใช้ไม่ได้ หรือหากนักโบราณคดีรับรองหลักฐานนั้น ก็ต้อง ตั้งว่าถือว่า หลักฐานนั้นเชื่อถือได้
ที่สำคัญก็คือ ต้องยอมรับว่า ที่บันทึกในประวัติศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง
ผมชอบคำอธิบายหลักการนี้ครับ ไม่สุดลิ่มทิ่มประตูไปทางใดทางหนึ่ง หนักแน่น มีจุดยืน สรุปว่าจะอยู่ฝั่งที่จะเชื่อมันดะ ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ หรือปฏิเสธไปเสียทุกอย่าง คงไม่ดี ก็เลยนำมาบอกต่อกัน
และที่สำคัญหลักการนี้ต้องใช้อย่างเป็นธรรม ไม่ได้เลือกใช้หลักการตามความชอบ ทุกอย่างจึงกระจ่างใสครับ
ส่วนเมื่อทุกอย่างกระจ่างใสแล้ว จะเลือกชอบใคร อย่างไร ก็เป็นสิทธิตามจิตของแต่ละท่านครับ
จากคุณ |
:
Ngo No.5
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ย. 54 23:16:10
|
|
|
|