เข้ามาช่วยตอบคุณ #86 แบบเป็นกลาง
  
 -ของซื้อมาทั้งนั้นก็บอกมหาอำนาจ อยากจะบ้าตาย
ไม่มีเทคโนโลยี อะไรเป็นของตัวเองเลย
  
 ญี่ปุ่นก็เริ่มต้นจากการซื้อเทคโนโลยีเหมือนกันครับ
 
- การเทรนคน ก็ส่งแต่ลูกหลานตัวเองไปเรียน เป็นการผูกขาดความรู้ ผูกขาดอำนาจ
เงินทองเอามาจากไหน ไม่ต้องบอกนะ อยากรู้ ไปอ่านเรื่อง 
กบฏ พญาผาบ กบฏเงี้ยว ก็คงจะรู้
  
 สมัยต้น+กลางรัชกาลที่ 5 กลุ่มคนที่ได้รับการศึกษาสูงสุดที่พอจะส่งไปเรียนได้
 ก็คือกลุ่มเจ้า หรือขุนนางชั้นสูง
 ถ้าผมจะส่งคนไปเรียน คงไม่ส่งตามี ยายมา ที่ไม่มีพื้นฐานอะไรไปหรอกครับ
 แล้วตอนนั้น ระบบการศึกษาแบบเป็นกิจลักษณะของเราก็ยังไม่มี
 คนที่เรียนหนังสือ ก็แค่อ่านออกเขียนได้ แถมไปทางพระทางบาลีมากกว่า
 วิชาทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่มีเปิดสอน 
 คนที่พอรู้โลก ก็จะมีแต่กลุ่มขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น
 ถึงอยากจะส่งคนไปเรียนมากๆ  จะหาคนที่ไหนส่ง ก็ต้องส่งพวกที่พร้อมที่สุดก่อน คือกลุ่มเจ้าหรือลูกหลายขุนนางนั่นเอง ในยุคถัดๆ มา การศึกษาขยายกว้างขึ้น ลูกชาวบ้านอย่างนายป๋วย นายแปลก นายปรีดีก็ยังได้ไปเมืองนอกเมืองนาเหมือนกันนี่ครับ
 มองให้เป็นธรรมหน่อยครับ
- ไม่เคยมีการส่งเสริมการเรียน วิทยาศาสตร์ มีแต่จะจ้างฝรั่งมาทำให้อย่างเดียว
วิทยาศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร์ ล้าหลังฝรั่งเป็น 100-200 ปี
อย่าเอาไปเทียบกับประเทศญี่ปุ่นเลยครับ 
  
 ระบบการศึกษาที่ดี และมีคุณภาพด้วย ไม่ได้สร้างขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ ขนาดตอนนี้ระบบการศึกษาเรายังไม่มีคุณภาพเลย 
 แถมบริบททางสังคม ความเชื่อ หรือแนวคิดของคนไทยกับญี่ปุ่นต่างกัน  การที่จะไปโทษว่าระบบเจ้าไม่ส่งเสริมคน  อคติมากไปครับ เพราะระบบสมบูรฯ จบไปนานแล้ว นับถึงตอนนี้มีการส่งลูกหลานชาวบ้านไปเรียนทั้งนอกในมากมาย ระบบการศึกษามีแต่จะแย่ลง
  
 แล้วสมัยนั้นคนไทยทำเองไม่ได้ ก็ต้องจ้างสิครับ แต่ก็มี ร.ร. ฝึกหัดต่างๆ ทั้ง รร มหาดล็กหลวง รร แพทย์ รร ไปรษณีย์ รร ทหาร ฯลฯ เกิดขึ้นมามากมายไม่ใช่เหรอ
 
Forest Frog คุณมันก็ได้แต่อ้างประเด็นมั่วซั่ว (ความเชื่อล้วนๆ)
ในบอร์ดนี้คนจะแย้งคุณมัน ก็แย้งไม่ได้ 100 % เพราะเอะอะ 112 มันปิดปากอยู่
เอาเป็นว่า ตอนฮุบดินแดน ล้านนาใหม่ๆ ภาษีผักบุ้งยังเก็บเลยครับ 
  
 ระบบเอารัดเอาเปรียบ หรือภาษีห่วยๆ น่าจะมีทุกประเทศนะครับ ในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันไป  ระบบกดขี่เองในญี่ปุ่นก็มี แถมรุนแรงกว่าด้วย เช่นถ้าดูเรื่องเรียวมะจะเห็นว่าซามูไรชั้นสูงฆ่าชาวบ้านได้ เมืองไทยเรายังไม่ขนาดนั้น สมัย ร 5 นายทาสฆ่าทาสยังถูกตัดหัวได้เลย  ระบบกดขี่มีทุกสังคม ผมมองว่าสังคมไทยในอดีต ผู้คนยังไม่ถูกกดขี่มากขนาดนั้น
  
  
 ปัญหาที่ทำให้ถกเถียงกันตอนนี้คือ กลุ่มเทิดทูนสถาบันฯในบ้านเรา ก็เล่นเทิดทูนอย่างเดียว ไม่มองบริบทอื่นๆ บ้าง  ใครที่ชี้ข้อบกพร่องหรือข้อจำกัดสถาบันฯออกมา ก็พาลหาว่าไม่จงรักฯไปซะอีก จนยากที่จะทำตัวกลางๆ มีเหตุผล มองทั้งข้อดีข้อเสีย
  
  
 ฝ่ายไม่นิยมสถาบันเอง มีอะไรก็โทษสถาบันตลอด มีอะไรก็หาว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อไปซะหมด ไม่มององค์ประกอบอื่นๆ หรือข้อจำกัดอื่นๆ บ้าง ไม่รู้จะเกลียดชังอะไรนักหนา ตอนนี้ก็เห็นพวกที่เรียกตัวว่าไพร่ขึ้นมาเป็นอำมาตย์กัน นอกจากสนองนโยบายประชานิยมเพื่อเอาใจฐานเสียง ก็ไม่เห็นทำอะไรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตปวงชนอย่างจริงใจนี่ครับ