 |
^ ไม่จริงหรอก
คุณแค่เปิดหนังสือเรียนเด็กดู แล้วประมาณการเอาว่าหนังสือ (หรือหลักสูตร) ของเด็กต้องการบรรลุเป้าหมายอะไรบ้าง แล้วคุณก็สามารถบรรลุเป้าหมายของหลักสูตรของโรงเรียนนั้นได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือของโรงเรียนนั้นเลย เพราะสื่อการสอนที่เทียบเท่า และดีกว่าหาได้จาก Internet ตั้งมากมาย
การสอนพิเศษโดยใช้สื่อที่คุณหามาเอง โดยเอามาตัดต่อหรือดัดแปลง ซึ่งแตกต่างจากหนังสือเรียน จะทำให้เด็กไม่เบื่อที่ต้องจำเจกับหนังสือเรียน
การใช้สื่อให้ครบทุกชนิด เช่นมีทั้ง texts, audios และ videos ผสานกัน โดยให้นักเรียนหัดฟังแล้วพูดเลียนแบบ หัดอ่านแล้วเขียนเลียนแบบ คือใช้ active learning คือเด็กต้องโต้ตอบกับครู interactively ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นดัวยการพูดหรือเขียน จะทำให้เด็กรู้ภาษาอังกฤษ และรู้ grammar ไปโดยธรรมชาติ เมื่อเรียนได้ในระดับนั้นข้อสอบแบบไหนๆ เด็กเห็นก็ทำได้หมด ไม่จำเป็นต้องสอนวิธีทำข้อสอบ
แต่ในทางกลับกันการเรียนแบบ passive learning คือครูอธิบายยืดยาด แล้วเด็กนั่งฟังแล้วจด แล้วครูอธิบายวิธีทำข้อสอบ โดยที่เด็กนั่งเป็นใบ้แล้วจดลูกเดียวโดยไม่เคยตอบสนองเลย ถึงเด็กทำข้อสอบได้ แต่พอไปเรียนระดับสูงกว่าคือ writing เด็กจะเขียนผิดธรรมชาติหมดเลย แถมยังฟังกับพูดอังกฤษไม่ได้อีกด้วย
คือข้อสอบเด็ก ประถมน่ะ มันไม่ยากขนาดต้องติวเข้มทำข้อสอบกันนักหรอก ซึ่งกรณีสอนตั้ง 5-6 คน ครูสามารถทำเป็น edutainment ได้ โดยให้เนื้อหาที่สนุก ทำให้เด็กสื่อสารกับเองสลับกับสื่อสารกับครูโดยไม่เบื่อ และควรกังวลให้น้อยที่สุดกับเรื่องข้อสอบ เพราะเด็กในวัยนี้มีขีดความสามารถในการเลียนแบบการพูดและเขียนสูงมากๆ ถ้าครูผู้สอนสามารถพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ (หรือถ้าไม่ได้ก็หาสื่อที่ครบรูปแบบมาช่วย ในขณะที่ตัวครูเองก็เรียนจากสื่อเหล่านั้นไปด้วยเพื่อเพิ่มทักษะครูเอง) มันจะทำให้เด็กใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องจนมี intuition มากพอที่จะทำข้อสอบได้ถูกหมดสบายๆหายห่วง โดยไม่ต้องสอนทำข้อสอบให้เมื่อย
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ก.ย. 54 13:51:53
|
|
|
|
 |