ความคิดเห็นที่ 1 3 ปีมีเวลาถมเถค่ะ...เรียนเองหรือเรียนที่สถาบันก็แล้วแต่ความชอบของคุณค่ะ แต่ฝึกทักษะทุกด้านไปพร้อมๆ จะดีมากค่ะ เข้าไปดูกระทู้เก่าๆ ในคลังกระทู้ จะมีผู้ใจดีเอาเว็บเรียนภาษาอังกฤษมาลงไว้เยอะแยะ แนะนำให้ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ค่ะ ยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี มันจะเกิดความชำนาญ...ส่วนหนังสือเรียนโดยส่วนตัวชอบเป็นภาษาอังกฤษนะคะ อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ได้ซึมซับ แล้วก็หาดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษ ดีๆ มาไว้ใกล้ตัวด้วยค่ะ จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 08:23:03

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : sea_true เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 18:09:49

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าบอกว่าไม่ดีขนาดก็เอาเป็นแบบเริ่มต้นใหม่ 1. ซื้อหนังสืออ่านนอกเวลา (Graded Reader) ของ สนพ. ซีเอ็ด มีห้าระดับระดับละประมาณ 3-5 เรื่อง หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษคือเรื่อง นิทาน นิยายแต่ทำให้ง่าย ก็เริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ระดับที่ 1 มีขายที่ซีเอ็ด หรือศูนย์หนังสือจุฬา ฯ เล่มละประมาณไม่เกิน 150 บาท 2. ฝึกฟัง http://elllo.org/english/0001.htm ดูเขาจะมีแบ่งระดับไว้ให้ ก็ลองเปิดฟัง ๆ ดู ในเว็บนี้มีสคริปท์ (บท) ให้ด้วย ก็ฝึกโดยการฟังแบบไม่ดูบทก่อน 1 รอบ ไม่แน่ใจก็ฟังใหม่อีก 1 รอบ รอบที่ 3 ฟังแล้วก็ดูบทตามไป ดูว่าที่เราเข้าใจตรงกับบทที่มีมาให้หรือใหม่ 3. ไวยากรณ์ แนะนำหนังสือ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ รศ นิลรัตน์ กลิ่นจันทร์ ราคาปก 170.- หาที่ร้านซีเอ็ด ไม่มีก็สั่งจองกับพนักงานร้านไว้ หนาประมาณ 300 หน้า ตั้งใจอ่านจริงอาทิตย์เดียวก็จบ อ่านง่ายได้ความละเอียดภาพรวม ๆ ดี ซื้อพจนานุกรมอังกฤษอังกฤษระดับ Advance ไว้หนึ่งเล่ม ไว้เปิดดูว่าแต่ละคำที่สงสัยเป็นอะไรของ parts of speech และพจนานุกรมจะมีตัวอย่างประโยคไว้ด้วย ก็คัดลอกมา แล้วลองหัดแต่งประโยคเลียนตามประโยคตัวอย่างที่มีในพจนานุกรม ซื้อหนังสื่อที่มีแบบฝึกหัดมาฝึกทำ อาทิ Gramma Errors ของ สนพ. TGRE ราคาปก 315.-, ทดสอบหลักไวยากรณ์ผู้จบปริญญาตรี English Structure Tests ของ สนพ. TGRE ราคาปก 285.- ทำข้อ 1 -3 ทุกวัน ๆ ละ 1 ชั่วโมงสัก 6 เดือนก่อนแล้วค่อยไต่ระดับ ฟังและอ่าน เปลี่ยนไปฟังของ VOA http://www.voanews.com/learningenglish/home/  คุณ K. Senior ผู้ที่ความสามรถด้านภาษาปรากฏเนือง ๆ ในพันทิปเคยแนะนำไว้ว่าให้ขยันขนาดคัดลอกประโยคในเรื่องที่อ่านออกมาเลย ผมจะแนะนำให้หัดแยกประเภทของประโยค (เดี๋ยวจะเอาตัวอย่างมาให้ดูใน ค.ห. ต่อไป) คือหลังจากหกเดือน คุณก็ต้องรู้จัก parts of speech ไปแล้ว คุณก็หัดเอามาใช้โดยค้นเรื่อง Basic Sentence Pattern (เช่น S+V+O) ให้เข้าใจว่าคำว่า 1 ประโยคคือ 1 ความคิดหมายถึงต้องมีอะไรอยู่ในประโยคนั้น ต่อไปก็ต้องรู้จัก simple, compound, complex, compound-complex sentence คืออะไร (ค้นจากกูเกิ้ล หรือตำราเรียนภาษาอังกฤษทั่วไป) นี่คือหลังจากที่คุณรู้จัก parts of speech ดีแล้ว รู้ว่า adjective อยู่ตรงไหน, อะไรคือ adjective phrase, adjective clause ซึ่งผ่านไปอีกหกเดือนคุณต้องรู้แล้ว พูด - ว่างเมื่อไรหาที่เรียน เพราะฝึกพูดฝึกคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนมาพูดด้วย ฝึกพูดคนเดียวคือทำเสียงเลียนเสียงฝรั่งที่คุณได้ยินมาจากใน elll.org หรือ VOA หรือ BBC แต่จะฝึกพูดต้องหาคนมาพูดด้วย อ่าน - ถ้าอ่าน Graded Reader จบ 5 ระดับ อ่านบทความของ VOA ไปสักสองร้อยป่านนั้นอ่านได้คล่องมากแล้ว ก็ไปหาซื้อ Textbooks วิชาที่เรียนที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่านเพิ่มเติม  นอกนั้นเจออะไรที่เป็นภาษาอังกฤษก็อ่านให้หมด เมื่อไรรู้สึกตัวเองว่าว่า Newsweek หรือ Times แบบพอจะรู้เรื่องก็แปลว่าทักษะการอ่านเริ่มเข้าที่แล้ว จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 22:05:17

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวอย่างการฝึกหัดแยกหา parts of speech, Sentence Structure เพื่อให้ฝึกให้เข้าใจว่าการรู้จัก parts of speech ทำให้ไวยากรณ์ดีขึ้นอย่างไร ช่วยให้การเขียนมีโอกาสผิดน้อยลงอย่างไร passage พวกนี้หาได้จากเน็ตแล้วเราว่างก็เอามาฝึกทำ An oil tanker became stuck on a reef in Alaska. The rocks in the reef tore a hole in the ship. Lots of oil spilled out of the hole and into the ocean. This oil began getting on everything.   A person from the oil company said that they are trying to clean it up as fast as they can. They will pay for the entire clean up.  When the oil pipes were put across Alaska, the pipe builders said that this would not happen. A person who lives in Alaska said that they were told that they would never see this kind of problem.  A fisherman worried that an oil spill could wipe out his fishing business. The sale of oil brings in much more money than the fishing business. Souce: http://www.cdlponline.org/index.cfm?fuseaction=activity1&topicID=11&storyID=24 An oil tanker became stuck on a reef in Alaska. The rocks in the reef tore a hole in the ship.    (n.) (noun)                              (noun)  (noun)        (noun)         (noun)       (noun)      (noun) Lots of oil spilled out of the hole and into the ocean. This oil began getting on everything.   A (noun) (n.)                            (noun)                  (noun)        (n.)               person from the oil company said that they are trying to clean it up as fast as they can. They (noun)             (n.*)  (noun)                                                                    (adj.) will pay for the entire clean up.  When the oil pipes were put across Alaska, the pipe builders                         (adj.)  (noun)                    (n.) (noun)                         (noun)       (n.)    (noun)                         said that this would not happen. A person who lives in Alaska said that they were told that                                                       (noun)                      (noun)                         they would never see this kind of problem.  A fisherman worried that an oil spill could wipe                 (adv.)             (noun)    (noun)           (noun)                           (n.*) (noun) his fishing business. The sale of oil brings in much more money than the fishing business.                 (noun)          (noun)  (n.)                        (adv.) (noun)                           (noun) Sentences Description An oil tanker became stuck on a reef in Alaska.  S   +   V   +  Cs (Adjective) • An oil tanker – เป็นประธานของประโยค โดยมี tanker เป็นคำประธานหลัก • became – เป็นกริยาเชื่อม • struck – adjective • on a reef in Alaska – เป็น adverb เพราะขยายคำคุณศัพท์ (struck) ว่าที่ไหน The rocks in the reef tore a hole in the ship.  S   +  V   +   O • (The) rocks – เป็นประธานของประโยค • tore – เป็นกริยาแท้ • hole – กรรมของประโยค • in the reef – วลีบุพบทขยายประธาน • in the ship – วลีบุพบทขยายกรรม ถ้าทำได้ประมาณนี้สอบเรื่องไวยากรณ์ทั้งหลาย เรื่องการเขียนภาษาอังกฤษจะผิดไวยากรณ์น้อยลงเป็นอันมาก ถึงเวลาก่อนจะสอบ TOEFL สักหกเดือนค่อยยอมเสียเงินไปเรียนกับติวเตอร์สักคอร์สหนึ่ง (หมื่นห้าหมื่นแปด ประมาณนี้) เพื่อให้พอทราบแนวทางเรื่องการสอบ เรื่องไปเขียนสอบ ใช้กูเกิ้ลค้นก็มีคำแนะนำให้ไม่น้อย เขียนให้มี Introduction, Body, Conclusion การเขียนที่ดีก็ต้องมีใจความหลัก มี thesis statement มี supporting ideas พวกนี้ค้นคว้าเพิ่มเติมเอาภายหลังเมื่อความรู้เบื้องต้นค่อนข้างดีแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 00:00:04 จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 22:09:34

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอย่างของ Basic Sentence Structure หรือบางทีก็เรียก Basic Sentence Pattern http://www.eslgold.com/grammar/basic_sentence.html http://www.manythings.org/e/patterns.html ต้องรู้ไปทำไมเพราะว่าประโยคหนึ่งประโยคจะเป็นไปตามรูปแบบนี้ หนึ่งประโยคมีหนึ่งความคิด ประกอบด้วยประธานหนึ่ง กริยาแท้หนึ่ง ส่วนขยาย (กรรม หรือส่วนขยายความประธาน) เมื่อรู้จักเข้าใจดีว่า 1 simple sentence อะไร ก็ทำความเข้าใจว่าถ้าสองประโยคมาเชื่อมกันด้วย coordinating conjunction (FANBOYS (เป็นคำย่อ ตัวเต็ม for, and, but, or, yet, so) ก็กลายเป็น compound sentence ดังนี้เป็นต้น เข้าใจให้ได้ถึงเรื่องแบบนี้การเขียน การไปสอบข้อสอบไวยากรณ์ทั้งหลายจะทำได้ดีขึ้นมาก เรื่องเหล่านี้เราเรียนกันมาแล้วแต่ว่าไม่ได้เอามาติดต่อต่อเนื่องกัน เมื่อเราเข้าใจ parts of speech (รู้ว่าคำ/วลี/อนุประโยค) ทำหน้าที่อะไรในประโยค ตรงไหนที่คำ วลี อนุประโยคควรจะอยู่ให้ถูกที่ แล้วรู้จัก sentence structure/pattern แล้วก็รู้อีกว่ากำลังเขียนหรืออ่านประโยคอะไร simple, compound, complex, compound complex การเรียนในระดับปริญญาเอกต้องรู้จัก compound complex คงไม่ได้ใช้แค่ simple sentence อย่างเดียว แต่ไม่ได้บอกว่าให้เขียนยาก ๆ แต่เขียนผิด เขียนแล้วไม่สื่อความหมาย แนะนำว่าถ้าคิดว่าภาษาอังกฤษจำเป็นก็ฝึกตั้งแต่วันนี้ ทำให้บ่อยที่สุด สร้างสภาพแวดล้อมการศึกษาภาษาให้ตัวเอง (ฟังเพลง ดูหนังภาษาอังกฤษ อ่าน ๆๆๆๆ) สงสัยอะไรก็ถามอาจารย์ (ถ้าถามได้) ที่มหาวิทยาลัย ถามไม่ได้ก็ลองโพสตามบอร์ดสาธารณะ เมื่อมีใครมาตอบถ้าคิดว่าไม่ตรงกับที่เคยเข้าใจก็ไปค้นคว้าต่อว่าตอบมาถูกหรือเปล่า หนังสือหรือคู่มือก็หัดซื้อหานอกเหนือจาก dictionary ก็มี collication dictionary (เพื่อให้รู้ว่าเจ้าของภาษาถ้าเขาใช้คำนั้นเขาจะใช้อย่างไร) หนังสือคู่มืออ้างอิงอื่น ๆ เช่น Practical English Usage ของ Michael Swan เอาไว้ตรวจทานข้อสงสัย ถ้าบอกว่ายังเรียนมหาวิทยาลัย ป. โท ถ้าภาษาอังกฤษดีขึ้นประมาณหนึ่งก็ download บทความทางวิชาการของสาขาที่ตัวเองเรียนมาอ่าน ได้ประโยชน์หลายทาง สนใจจริง รักจริง ทำจริง ทักษะภาษาดีขึ้นแน่นอน จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:17:41

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณอย่างสุดซึ้งครับ  จากคุณ : sea_true เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 03:41:52

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตเอาคำแนะนำไปใช้บ้างนะคะ ตัวเราเองกำลังเรียนโท และจะไปเอกเมืองนอกเหมือนกัน ภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีด้วยอ่ะค่ะ จากคุณ : KisS Me iF U caN เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 54 14:40:01

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ มากๆ เลยครับ คุณ elenote จากคุณ : N_PED เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 00:43:31