ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นจริงก็ผิดแน่นอน แต่ อีไพร่??? ... คุณเทพมนตรีก็เป็นสามัญชนไม่ใช่หรือครับ อีกอย่าง หม่อมราชวงศ์ มีเงินเดือนด้วยหรือครับ อันนี้ถามเป็นความรู้ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 21:25:53 จากคุณ : นายยี่สิบสอง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 21:24:37

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ถามต่อด้วยครับ แล้ว หม่อมหลวง มีเงินเดือนด้วยรึเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 21:37:14 จากคุณ : amited เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 21:35:17

ความคิดเห็นที่ 3 อยากให้นักข่าวได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปจริงๆ จะได้รู้ความจริงกันไปข้างหนึ่งเลย ว่าหม่อมคนนี้ได้เอาพระบรมโกศไปจํานําเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 21:38:21

ความคิดเห็นที่ 4 หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ไม่ถือเป็นเชื้อพระวงศ์ เพราะเชื้อพระวงศ์สิ้นสุดที่หม่อมเจ้าเท่านั้น จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 21:44:57

ความคิดเห็นที่ 5 หม่อมอุ่นเรือน เป็นใครกันนี่ จากคุณ : ชาร์มมิ่ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:13:29

ความคิดเห็นที่ 6 หม่อมอุ่นเรือน ยุคล ณ อยุธยา เป็นชายา(เอก)ในหม่อมเจ้าฐิติพันธ์ ยุคล (ท่านกบ) จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:29:11

ความคิดเห็นที่ 7 เอ่อ มันผิดกฎหมมายหรอครับ ไม่ทราบจริงๆ เจ้าของเขาขายของที่ตัวเองครอบครองไม่ได้หรอ ใครที่อยากรักษาเกียรติ ทำไม่ไม่ไปขอซื้อคืนล่ะ จากคุณ : ไซโคลน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:31:52

ความคิดเห็นที่ 8 เทพมนตรีดูเดือดร้อนมาก เนื่องจาก? จากคุณ : มาลัยใบจันทร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:39:32

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจว่า หม่อมอุ่นเรือน  น่าจะเป็นชายาเอกท่านแรกซะอีก ส่วนชายาเอกท่านหลังสุดของท่านกบ คือ หม่อมลูกปลา เพราะท่านกบทรงจดทะเบียนสมรสกับหม่อมลูกปลา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2537 และมีการแต่งงานในโรงแรมหรู จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:52:05

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วมีใครบอกว่าผิดกฎหมายเหรอครับ เขาคงรู้สึกไม่ดีที่มีคนนำเอากระดูกบรรพบุรุษออกไปจำนำ แล้วบรรพบุรุษที่ว่าก็คือที่เขาเคารพนับถือมั้งครับเลยออกอาการอย่างที่เห็น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่มีใครทราบเหมือนกัน ข้อมูลอะไรก็น้อยเกินไปที่จะเชื่อได้เป็นตุเป็นตะ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:57:49

ความคิดเห็นที่ 11 มันไม่ผิดกฎหมายหรอกครับ แต่มันผิดจารีตประเพณีไทย คุณค่าทางจิตใจมันมีอยู่ในทุกสิ่งครับ สมมติว่ามีฟันเลี่ยมทองของพ่อใครๆสักคนในที่นี้ ถึงอดตายเขาก็คงไม่ขายฟันเลี่ยมทองพ่อหรอกครับ แต่ถ้าพ่อให้สร้อยทองธรรมดาไว้ ถ้าลำบากจะขายก็ไม่มีใครว่า อย่างถ้าเรื่องนี้เกิดจริง แล้วหม่อมอะไรนี่เอา พระโกศไปขาย แต่พระบรมอัฐิไปแอบประดิษฐานที่สุสานหลวง ฐานพระบรมรูปฯลฯ หรือวัดพระแก้ว ก็ยังไม่น่าด่าขนาดนี้ คนเราเกิดมา ได้รับเกียรติได้รับโอกาส ได้เป็นหม่อมพระราชวงศ์ ได้เป็นพระธิดาพระโอรส ที่ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า เกิดมาดี มีโอกาส มีโชคดีกว่าคนอื่น แล้วยังทำตัวไม่ดี ก็ไม่สมควรจะเกิดมาสูงส่ง ที่จะยกตัวอย่างให้เปฺ็นพระเกียรติยศ ก็คืออย่าง เสด็จพระนางสุวัทนา เป็นแม่ม่ายสามีตาย สามีก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับพระญาติสักเท่าไร เมื่อสิ้นสามี พระญาติกลายเป็นพ่อพระราชินีพระองค์ใหม่ เรื่องวุ่นวายและความไม่สะดวกต่างๆก็บังเกิด เงินทองที่เคยคิดว่าจะมีมากในฐานพระมเหสีก็หายวับไป เพราะไม่ได้ทรงยกอะไรให้ด้วยทรงพระประชวรหนัก แถมพระธิดาก็ประชวรอีก สงครามโลกก็มี สงครามไทยก็มี แต่ก็ไม่เคยจะคิดขายพระราชมรดกมหาศาล ที่ได้รับพระราชทานมา ก็พยายามหาเงินหาทองด้วยพระองค์เอง ลองคิดว่าหญิงม่ายไทยคนหนึ่งอายุไม่ถึงสามสิบ ต้องไประหกระเหินต่างประเทศพร้อมพระธิดา ต้องหาเงินหาทองเองเพราะฝั่งไทยไม่ส่งไปให้ ของต่างๆก็โดนคนมีอำนาจยักยอกหรือริดรอนไป แต่ก็ทรงเลี้ยงพระธิดามาได้เป็นอย่างดี ยอมลำบากที่จะรักษาเกียรติยศ เกียรติศักดิทั้งในฐานพระมเหสีพระมหากษัตริย์ ฐานแม่ของสมเด็จเจ้าฟ้า จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 00:17:29

ความคิดเห็นที่ 12 เคยได้ยินมาว่า สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ตอนที่ทรงเผชิญกับภาวะสงครามโลกครั้งที ๒ ข้าวยากหมากแพง ตอนอยู่อังกฤษ ทรงยอมสละไข่ผง (อาหารที่ถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่สุดในช่วงนั้น) ให้พวกข้าหลวงเด็กในตำหนักได้กินก่อน โดยที่แม้แต่พระองค์เองก็ไม่ได้เสวย      ส่วนพระจริยวัตรของเสด็จพระนางสุวัทนา ทรงปฏิบัติพระองค์ได้เหมาะสมกับพระเกียรติยศแห่งพระมเหสีทุกประการ เรื่องหนึ่งที่พอนึกได้ ผมเหมือนเคยอ่านเจอในหนังสือมาว่า  ครั้งหนึ่งเสด็จพระนางกับพระราชธิดาเสด็จไปที่อินโด เข้าใจว่าเป็นกรมพระยาดำรง ที่ทูลเชิญให้ประทับที่ตำหนัก แต่เสด็จพระนางทรงปฏิเสธ เพราะตำหนักนี้ สมเด็จพระพันวัสสา เคยเสด็จมาประทับ ไม่อยากเทียมพระองค์กับสมเด็จพระพันวัสสา ดังนั้นทั้งเสด็จพระนางและพระราชธิดา จึงทรงไปประทับที่โรงแรม   แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 00:59:30 จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 00:49:29

ความคิดเห็นที่ 13 วิเคราะห์เฉยๆ นะครับ คือ ดูท่านอาจารย์จะเดือดร้อนจริงๆ จนไม่ค่อยน่าเชื่อ คือ ถ้าทนไม่ได้จริงๆ น่าจะติดต่อทางราชสกุลให้รู้เรื่องไปเลย ระดับนี้ไม่ยอมให้เสียชื่อเสียงหรอกครับ ถ้าเรื่องนี้จริง ผมไม่เชื่อว่าทางราชสกุลยุคลก็อยู่เฉยเป็นแน่ เพราะถือเป็นบรรพบุรุษของตัวเอง ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็หวง แล้วไม่เข้าใจว่า พระบรมโกศไปอยู่ในมือหม่อมของท่านได้อย่างไร เมื่อท่านกบสิ้น แม้ว่าจะเป็นโอรสองค์โตในเสด็จพระองค์ชายใหญ่ แต่ของเหล่านี้เป็นของสำคัญในราชสกุล แบบนี้ก็น่าจะถวายคืนให้เจ้านายพระองค์อื่นๆ ที่มีศักดิ์รองลงไปแทน (จริงๆ ผมว่า หม่อมไฉไลท่านก็สะสมของเก่าเช่นกัน ทำไมปล่อยไปได้ ไม่น่าเชื่อ) อันนี้ควมคิดส่วนตัวล้วนๆ ครับ จากคุณ : A ARM เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 01:14:12

ความคิดเห็นที่ 14 สืบสวนทวนความให้แน่นอนเสียก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่าครับ กรณีนี้ละเอียดอ่อน  กระทบเทือนพระราชวงศ์ ฉะนั้น ไม่พึงพูดในที่สาธารณะ เพราะว่า จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ครับ อ้อ แล้ว คำพูด อ.เทพมนตรี เพียงผู้เดียว ยังไม่น่าเชื่อถือนะครับ รูป ที่เอามาลงยังเป็นรูป สมัยอยู่ใน วังอัศวินเลย  แล้วมีหลักฐานอะไรว่า ได้ถูกจำนำจริงๆ ที่เยาวราช จากคุณ : <<First>> เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 01:20:12

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ค่อยน่าเชื่อถือค่ะ เนื่องจากทราบมาว่าทรัพย์สินและของโบราณส่วนใหญ่ในวังอัศวินนั้น หม่อมไฉไลซึ่งเป็นชายาพระองค์ชายใหญ่ได้ไปค่ะ  ส่วนหม่อมอุ่นเรือนเป็นอดีตหม่่อมค่ะ แต่ก็มีธิดากับท่านกบ ส่วนหม่อมลูกปลาต่างหากที่เป็นชายาจดทะเบียนสมรส แต่ไม่ได้อะไรไปหลังจากออกไปอยู่กับนายอุเทศ แล้วมีคดีความค่ะ  เราบอกได้แค่นี้ค่ะ ที่เหลือเป็นเรื่องภายในตระกูลนั้นค่ะ แล้วเราก็ทราบแค่บางเรื่องเท่านั้น แก้ไขชื่อนายอุเทศ ชุปวา เพราะพิมพ์ผิดเป็น อุปเทศ ขอโทษด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 01:53:17 จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 01:31:31

ความคิดเห็นที่ 16 อ้อ อีกอย่างข้อมูลคุณเทพมนตรีมีผิดด้วยค่ะ  เช่น ม.ร.ว.และ ม.ล.ถือเป็นสามัญชนที่สืบเนื่องมาจากพระราชวงศ์ (จะเรียกว่าเป็นไพร่ก็ได้ ถ้ามีคนอยากเรียก) แต่ไม่ได้รับเงินเดือนหรือเบี้ยหวัดใดๆ  ท่านที่จะได้เบี้ยหวัดรายปีคือเจ้านายตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไปค่ะ แต่หม่อมเจ้าก็ทรงได้รับเงินน้อยมากๆค่ะ แค่เป็นเกียรติยศเท่านั้นค่ะ จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 01:38:50

ความคิดเห็นที่ 17 รอดูข้อมูลความเป็นจริงครับ เพราะส่วนตัวผมให้ความเชื่อถือต่อเทพมนตรีน้อยมากถึงน้อยที่สุด จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 04:21:10

ความคิดเห็นที่ 18 ^  คิดว่าคงยากที่จะได้ข้อมูลจริงๆมา เพราะใครจะกล้าไปถามคนในตระกูลนั้นตรงๆเรื่องนี้ มันดูจะเสียมารยาทอย่างรุนแรงมาก ถ้าใครมาถามเรา เราก็คงโกรธมากเหมือนกัน  ยิ่งถ้าไม่จริง ยิ่งโกรธที่ถูกกล่าวหาผิดๆ  พ่อเราเคยเป็นพระสหายร่วมโรงเรียนกับท่านเป๋อและท่านอ้วน แต่พนันได้ว่าพ่อเราไม่มีวันถามท่านทั้งสองเรื่องนี้แน่ๆค่ะ เพราะมันละลาบละล้วงและเสียมารยาทมากๆเลยค่ะ  ตัวเราเองก็ไม่กล้าถามค่ะ  ถ้าจะพิสูจน์ความจริง คุณเทพมนตรีควรจะโพสต์รูปปัจจุบันของพระโกศและพระบรมอัฐิที่อ้างถึง  พร้อมหลักฐานเอกสารการจำนำทีมีลายเซ็นของหม่อมคนที่ว่า เพราะเราเชื่อว่าต้องมีเอกสารจำนำ  แต่เราเชื่อว่าหากมีการจำนำจริง  น่าจะจำนำพระโกศเปล่าๆมากกว่า  ใครจะสิ้นคิดขนาดจำนำพระบรมอัฐิ  น่าจะอัญเชิญออกไปประดิษฐานในพระโกศองค์อื่นแล้วเก็บรักษาไว้มากกว่า ใครทำกับบรรพบุรุษตัวเองขนาดนั้น ก็ถื่อว่าแย่มากๆๆๆๆเลยค่ะ    แต่ถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดง เราเชื่อว่าคนสมัยนี้ทำของโบราณจำลองเหมือนมาก  เรื่องนี้น่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือ เพื่อขายพระโกศปลอมๆพร้อมพระบรมอัฐิปลอมๆมากกว่า เผลอๆคุณเทพมนตรีอาจกำลังตกเป็นเครื่องมือแก๊งต้มตุ๋นให้ช่วยปล่อยข่าวนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าของปลอมมากกว่า  ลองคิดพิจารณาดีๆ นะคะ เราเชื่อว่าสิ้นท่านกบไปแล้ว พระบรมอัฐิน่าจะเปลี่ยนมือไปยังหม่อมเจ้าชายองค์อื่น มากกว่าอดีตหม่อมคนที่ว่า เพราะลูกท่านกบกับหม่อมคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเสียอีก ปกติของสำคัญประจำตระกูลเช่นนี้ต้องตกเป็นของทายาทชายคนใหญ่สุดของตระกูลค่ะ ลองไล่ดูว่าใครสมควรจะได้บูชาพระบรมอัฐิรองลงมาจากท่านกบ แต่เราเชื่อว่าไม่น่าจะใช่อดีตหม่อมและลูกสาวค่ะ พระญาติในราชสกุลนี้ที่ศักดิ๋สูงกว่าย่อมไม่ยอมและย่อมทวงสิทธิ์ค่ะ จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 04:57:52

ความคิดเห็นที่ 19 ใครก้อได้ตอบที ทำไมพระบรมโกศถึงตกไปอยู่กับราชสกุลยุคลล่ะคะ แล้วราชสกุลอื่นๆล่ะ ได้รับไปบ้างรึเปล่า ง๊ง งง ตรงนี้ แล้วถ้ามีอันเดียว ทำไมไม่ไปเก็บในพระบรมมหาราชวังอ่ะคะ จากคุณ : SHOMSIPANG เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:58:20

ความคิดเห็นที่ 20 มีหลายองค์ แบ่งให้ลูกๆไปไงคะ คห19 จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 10:43:57

ความคิดเห็นที่ 21 คห.20 ขอบคุณค่ะ แต่ยังงี้ถ้าแบ่งไปแล้ว คงจะถือว่าเป็นสมบัติส่วนตัวกระมัง ซื้อขายได้ตามใจชอบ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ของชั้น จากคุณ : SHOMSIPANG เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:52:39

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเสริมข้อมูลบางประเด็นนะครับ เกี่ยวกับชื่อของบุคคล เกรงว่าจะเข้าใจผิดกันไป มิใช่ หม่อมอุ่นเรือน ยุคล ณ อยุธยา นะครับ แต่เป็น "อดีต"หม่อมอุ่นเรือน ธรรมเสน  หม่อมที่ท่านกบทรงจดทะเบียนสมรสด้วยมีเพียงท่านเดียวคือ หม่อมลูกปลา "ชลาศัย ขวัญฐิติ" หรือ หม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอดีตหม่อมแล้วเหมือนกัน ท่านกบ ทรงมีหม่อม 3 คน คือ หม่อมอุ่นเรือน ธรรมเสน หม่อมวาสนา ใฝเครือ และหม่อมลูกปลา โดยท่านกบมีธิดากับหม่อมอุ่นเรือน 1 คน คือ ม.ร.ว.นิภานพดารา ยุคล ภายหลังหม่อมอุ่นเรือนแยกไปมีครอบครัวใหม่  และท่านกบมีโอรสกับหม่อมวาสนา 1 คน คือ ม.ร.ว.จุลรังษี ยุคล และภายหลังหม่อมวาสนาก็แยกไปมีครอบครัวใหม่เช่นเดียวกับหม่อมอุ่นเรือน โดยอดีตหม่อมทั้งสองยังไปมาหาสู่ที่วังของท่านกบตลอดเวลาที่ท่านยังมีชนม์ชีพ สำหรับความคิดเห็นที่ 19 ครับ   หลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 5 แล้ว วันเก็บพระบรมอัฐิ รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรดาพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ทุกพระองค์ได้รับพระราชทานพระบรมทนต์ของรัชกาลที่ 5 พระองค์ละ 1 องค์ไปสักการะบูชาเป็นการส่วนพระองค์ที่วังครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 19:55:37

ความคิดเห็นที่ 23 โดยส่วนตัวไม่เชื่อข่าวชิ้นนี้ครับ ด้วยเหตุที่ว่า ๑. หม่อมอุ่นเรือน ธรรมเสน มิไ้ด้เป็นชายาเอกที่ได้ครอบครองวังอัศวิน หลังจากท่านกบ สิ้นชีพิตักษัย บรรดาเครื่องสิริมงคล หรือทรัพย์สินอื่นใด ก็มิใช่ทรัพย์ที่หม่อมอุ่นเรือน จะเข้าครอบครอง หรือทำการสิ่งใดได้โดยลำพัง ๒. พระบรมโกศ และพระบรมทนต์ นี้ เป็นส่วนกลางของราชสกุลยุคล มิได้เป็นของเจ้านายพระองค์ใดๆ ทั้งสิ้น หากตกทอดไปยังพระทายาท ก็ควรตกหม่อมราชวงศ์จุลรังษี ซึ่งเป็นโอรสองค์โต ซึ่งแก่แต่หม่อมวาสนา หากหม่อมราชวงศ์สายท่านกบ มิสามารถรักษาไว้ได้ ก็เป็นหน้าที่ ที่หม่อมเจ้าในราชสกุล ซึ่งยังทรงพระชนม์ ที่จะร่วมรักษาพระบรมโกศพระบรมอัฐิ และพระบรมทนต์นี้ไว้ ซึ่งหม่อมเจ้าในราชสกุลยุคล ที่ทรงมีอาวุโสสูงสุด คือ ท่านผู้หญิงพันธ์สวลี กิติยากร ซึ่งเชื่อได้ว่า ทรงคงไม่ปล่อยให้มีเรื่องถึงต้องขายกระดูกบรรพบุรุษกินหรอกครับ ๓. นายเทพมตรี ควรจะอธิบายให้ชัดว่า กรณีมิใช่ พระบรมอัฐิของหลวง ที่ประดิษฐานไว้ที่พระวิมานพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งการเขียนข้อความใดๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเรื่องอ่อนไหวขนาดนี้ ควรได้ข้อมูลที่แน่ชัด และทำในเชิงลับเท่านั้น การเผยแพร่ข้อความใดๆ ออกไป ก็เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจคนส่วนใหญ่ น่าจะมีสำนึกกว่านี้ ไม่แน่ใจว่า มีเจตนาใดๆ แอบแฝงหรือไม่ จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 12:20:06

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าไม่จริงนี่ เทพมนตรีโดนฟ้องแหลกราญแน่ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:31:06

ความคิดเห็นที่ 25 เทพมนตรีนี้เชื่อถือได้ด้วยหรอ?? จากคุณ : Ggamers เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 15:12:55

ความคิดเห็นที่ 26 สั้นๆว่า ไม่เชื่อค่ะ เทพมนตรีไม่มีความน่าเชื่อไม่ว่าทางด้านวิชาการหรือความน่าเชื่อถือส่วนตัว เห็นด้วยกับคุณพระนายไวยมากๆว่าพูดจาให้เข้าใจผิดขนาดนี้ได้ยังไง จากคุณ : germanreisring เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 10:58:35

ความคิดเห็นที่ 27 อยากรู้ว่าคนที่เปิดเผยเขาเกี่ยวพันอะไรกับราชสกุลยุคลหรอครับ ถึงได้ทราบรายละเอียดขนาดนี้ อีกอย่าง ตามไปดูใน Facebook มา ร่างหนังสือที่จะใช้กราบบังคมทูล ผ่านสำนักราชเลขาธิการ เอกสารแนบ ก็มีเพียงภาพถ่ายพระบรมโกศที่ประดิษฐานที่วังอัศวินเท่านั้น หลักฐานอื่นๆไม่เห็นมีเลย การกล่าวอ้างลอยๆแบบนี้ น่ากลัวนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่อ่อนไหวเช่นนี้ จากคุณ : ชายชิน เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 17:55:45

ความคิดเห็นที่ 28 "ผม" ในนั้นหมายถึงใครครับ quote มาอีกที หรือหมายถึงอาจารย์เทพมนตรีเอง จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 06:21:09

ความคิดเห็นที่ 29 ลงข่าวแล้วค่ะ http://www.thaipost.net/news/051011/46087 จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:22:30

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ทราบจากเพื่อนที่เป็นสมาชิกในราชสกุลนี้ ว่าขณะนี้ได้พยายามดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ข้อมูลเบื้องต้นพระโกฎิได้ถูกนำไปจำนำโดยคนในสกุลมิได้มีส่วนรู้เห็น แต่ราคาที่ได้จำนำไว้เมื่อบวกกับดอกเบื้ยก็ไม่น่าจะถึงกับราคาที่อาจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้จึงสงสัยว่าส่วนต่างของราคาไปอยู่ที่ใคร แต่อย่างไรก็ตามทางสมาชิกราชสกุลมิได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ไม่อยากให้พระบรมอัฐิและชื่อเสียงของราชสกุลมาเป็นเครื่องมือของใคร จากคุณ : jubper เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 21:46:04

ความคิดเห็นที่ 31 ตามข่าวไม่เห็นมีใครในราชสกุลยุคลสายตรงของพระองค์ชายใหญ่มาคอนเฟิร์มว่าจำนำไปจริงไหม  ท่านชายอ้วน มงคลเฉลิม ก็ทรงให้สัมภาษณ์ว่า หม่อมคนนั้นเป็นผู้ถูกกล่าวหา "ม.จ.มงคลเฉลิม ยุคล กรรมการตรวจสอบ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ราชสกุลยุคล ในสายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ให้สัมภาษณ์กับไทยโพสต์ว่า เรื่องนี้คงเหมารวมให้ทายาทราชสกุลยุคลทุกคนรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของราชสกุลยุคลในสายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ที่ต้องลงมาดูแล เนื่องจากหม่อมอุ่นเรือน ยุคล ผู้ถูกกล่าวหาว่านำพระบรมโกศของรัชกาลที่ 5 ไปจำนำ ได้เสกสมรสกับ ม.จ.ฐิติพันธ์ ยุคล หรือท่านกบ "ส่วนตัวคิดว่าเป็นการขโมยเอาไปจำนำส่วนตัวมากกว่า แต่ในอีกแง่หนึ่งนั้น ต้องเรียนว่าเจ้าหรือนายที่ทุกคนคิดว่ามีสมบัติเยอะนั้น ไม่เป็นความจริง พวกเราไม่ได้มีสมบัติพัสถานอะไรมากมาย เจ้าทุกคนก็ต้องทำงาน อย่างตัวเองก็ยังต้องทำงานอยู่ ถ้าเปรียบกับนักการเมืองหรือพ่อค้ายังรวยกว่าเจ้าเสียอีก" ม.จ.มงคลเฉลิมกล่าวต่อว่า ในเรื่องราชสกุลยุคลสายอื่นจะว่าอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่สำหรับสายของตัวเองขอนิ่งไว้ก่อน ที่นิ่งไม่ได้หมายความว่าเราไม่ร้อนใจไม่เคารพบรรพชน แต่หากเป็นความเลวของคนเพียงหนึ่งคน ก็ต้องใช้กฎหมายไปจัดการในตรงนี้ หากมีการพาดพิงก็จะฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาทแน่นอน และถ้าผู้ที่นำข่าวเรื่องนี้มาเผยแพร่จะจัดแถลงข่าวว่าราชสกุลยุคลไร้ความรับผิดชอบต่อสมบัติชาติ ตนก็พร้อมจัดแถลงข่าวสู้ว่าข้อเท็จเป็นอย่างไร เขายังกล่าวว่า กรณีที่มีการนำความขึ้นถวายฎีกาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ สามารถทำได้อย่างที่กล่าวอ้าง แต่เชื่อว่าในหลวงคงไม่มีพระบรมราชวินิจฉัยใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกอย่างในหลวงทรงมีเรื่องที่หนักพระราชหฤทัยมากแล้ว อย่าพยายามนำเรื่อง "ไม่ค่อยสะอาด" ยัดเยียดให้พระองค์ท่านพิจารณาอีกเลย "ท้ายนี้ผมอยากให้คิดด้วยว่า การนำข้อมูลดังกล่าวออกมาเป็นข่าวนั้น เป็นการดิสเครดิตเจ้าหรือไม่ เป็นขบวนการล้มเจ้าหรือไม่ เพราะราชสกุลยุคลสามารถเชื่อมโยงกับเจ้านายอื่นๆ ได้ด้วย และการใช้เทคโนโลยีที่มีประโยชน์เฟซบุ๊คนั้น หากเอาไปใช้ในทางที่ไม่มีประโยชน์ ก็อาจเป็นการทำร้ายผู้อื่นได้" ม.จ.มงคลเฉลิมแจงเพิ่มพร้อมระบุด้วยว่า หากนายมนตรีต้องการให้พระบรมโกศของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของราชสกุลยุคลสายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล กลายเป็นสมบัติของชาติ ก็ควรให้กรมศิลปากรเป็นผู้ไปรับซื้อคืน และจดทะเบียนเป็นสมบัติชาติต่อไป" เราเห็นด้วยกับท่านอ้วนว่าอาจมีคนอยากใช้เรื่องที่เป็นเครื่องมือทำลายสิ่งที่อยู่สูงขึ้นไปกว่านี้หรือเปล่า นายเทพมนตรีอาจไม่ได้เจตนา แต่ลืมคิดไปว่าจะเกิดความเสียหายมากกว่านั้น อยากให้ไทยโพสต์ไปสัมภาษณ์ท่านชายปีใหม่หรือท่านเป๋อ ม.จ. ภูริพันธุ์ จะดีกว่านะคะ เพราะสายตรงกว่า ถ้าจะให้ดีก็ไปถามหม่อมหรือลูกสาวโดยตรง ก็จะแน่นอนไปเลย ถ้าเป็นแบบที่ คห ที่ 30 พูด สิ่งที่ถูกจำนำคือ พระบรมโกศ ไม่ใช่พระบรมทนต์ของรัชกาลที่ 5  ซึ่งคนจำนำคงอัญเชิญออกและรักษาไว้ ซึ่งก็ยังดี   ไม่ได้เลวร้ายถึงที่สุด  เราคิดว่าการที่เทพมนตรีทำให้คนเข้าใจผิดแบบนี้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่  ชื่อเสียงของราชสกุลเสียหาย ทั้งที่พระบรมอัฐฺิไม่ได้ถูกจำนำไปด้วย  เพราะพูดให้ดูเหมือนว่าถูกจำนำไปพร้อมกัน ดีกรีความรุนแรงต่างกันมากนะคะ อัฐิกับโกศเปล่า   ป.ล. บ้านเราก็มีพระโกศและพระอัฐิของต้นราชสกุลและเจ้านายบางองค์ รักษาไว้อย่างดีเพื่อเคารพบูชา  หากจนตรอกอย่างไร คงไม่คิดขายหรือจำนำแน่นอน  ถ้าหม่อมคนที่ว่่าทำจริง ก็แย่มาก แต่ยังดีที่เชื้อสายแท้ๆไม่ได้ทำ  จริงๆ พระบรมโกศเปล่าๆก็เป็นสมบัติส่วนตัวนะ แต่มีคุณค่าสูงยิ่งทางจิตใจและศิลปวัฒนธรรม เราคิดว่าถ้าข่าวเป็นจริง คงมีคนในราชสกุลช่วยกันไถ่ถอนแน่นอน ถ้าไม่ได้ก็ต้องปลง เพราะพระบรมอัฐิยังอยู่ดี ซึ่งก็น่าดีใจ จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 16:26:05

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าไม่เป็นความจริง..อดีตหม่อมก็น่าจะออกมาแถลงข่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิของตัวเองแล้ว..แต่นี่กลับเงียบหายไป..มันก็น่าสงสัยอยู่นะคะ ส่วนที่คุณลดาดาวแสดงความเห็นว่า.. "พระบรมโกศเปล่าๆก็เป็นสมบัติส่วนตัวนะ แต่มีคุณค่าสูงยิ่งทางจิตใจและศิลปวัฒนธรรม เราคิดว่าถ้าข่าวเป็นจริง คงมีคนในราชสกุลช่วยกันไถ่ถอนแน่นอน ถ้าไม่ได้ก็ต้องปลง เพราะพระบรมอัฐิยังอยู่ดี ซึ่งก็น่าดีใจ" ดิฉันกลับเห็นต่าง.. พระบรมโกศนั้นเป็นสมบัติส่วนตัวก็จริง..แต่เป็นที่ผดุงพระเกียรติยศ และ เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมอัฐิ, พระทนต์  เป็นที่สักการะของลูกหลาน แน่นอนว่า..ย่อมต้องเป็นของมีค่าควรเมือง..เป็นของที่มีค่าสูงสุดในตระกูลที่ควรจะต้องปกป้องไว้ด้วยชีวิต การที่มีผู้สิ้นคิดทำการยักย้ายถ่ายเท..เอาพระบรมโกศไปไขว้เขวเพื่อหาเงินมายังชีพ (ก็คงจะต้องสิ้นท่า..สิ้นคิดแล้วจริงๆ)  แล้วไม่ทราบว่า ได้อัญเชิญพระอัฐิและพระทนต์ไปบรรจุไว้ที่ไหน? คำตอบก็แล่นเข้ามาในหัวได้เลยว่า..ย่อมไม่ใช่"ที่"ที่เหมาะเพียงพอกับพระเกียรติยศของพระพุทธเจ้าหลวงของชาวไทยทั้งปวงอย่างแน่นอน เห็นทีจะ"ดีใจ"ไปกับคุณด้วยไม่ได้.. อีกประการหนึ่ง..ทางฝ่ายผู้ประกอบการรับจำนำ"ของเก่า" เขาก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่รับจำนำ"อัฐิ"..ไม่ว่าจะเป็นของใครเพราะเขาถือโชคถือลางกันค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 04:33:35

ความคิดเห็นที่ 33 ที่ดีใจ เพราะข่าวมีแนวโน้มว่าไม่จริงไงคะ  เพราะตอนแรก  นาย ท ออกมาพูดให้คนตกใจว่าทั้งพระบรมโกศและพระบรมอัฐิถูกจำนำไป ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าคนนำไปจำนำอัญเชิญพระบรมอัฐิออกไปประดิษฐานที่วัดเบญจฯก่่อนแล้ว  นาย ท พูดเอง กลับคำเอง แปลว่าน่าเชื่อถือไม่ได้ค่ะ ทุกอย่างที่รายงานข่าวมีแต่การคาดคะเนทั้งนั้นค่ะ ไม่มีใครยืนยันว่าจริงสักคน  ท่านอ้วนก็รับสั่งแค่ว่า หม่อมผู้ถูกกล่าวหา ท่านไม่ได้ยืนยันว่าจริงค่ะ  การที่ นาย ท พูดกลับไปกลับมา เป็นการดิสเครดิตตัวเองพออยู่แล้วค่ะ อ้อ ขอโทษนะคะ ยากมากค่ะที่หม่อมคนถูกกล่าวหาเขาจะออกมาแถลงว่าจริงหรือไม่   ถึงแถลงว่าไม่จริง ก็คงไม่มีใครเชื่อ หาว่าพูดปดอีก เพราะเขาไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรนัก  ถ้าจะแถลงต้องเป็นตัวแทนราชสกุลเลยค่ะ ควรประชมกันแล้วแถลง คนถึงจะเชื่อถือ  แต่เปอร์เซ็นต์การแถลงก็น้อยมากค่ะที่จะเกิด นอกจากจะมีการฟ้องร้อง นาย ท อย่างที่ท่านอ้วนตรัส  ที่เป็นเช่นนี้ เพราะราชสกุลยุคลเชื่อมโยงไปได้สูงกว่านั้น จะมีผลกระทบในวงกว้างค่ะ แล้วพวกต้องการล้มเจ้าก็สามารถนำไปใช้เล่นได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น เรื่องหม่อมลูกปลายังจบไปแบบงงๆ  แต่คนในจะทราบว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ ที่ไม่มีการแถลง ไม่มีการเปิดเผยให้เคลียร์เรื่องหม่อมลูกปลา เพราะต้องรักษาพระเกียรติยศเจ้านายระดับสูงค่ะ   ดิฉันคาดว่าเรื่องคราวนี้ก็คงออกแบบเงียบๆเหมือนเดิมค่ะ ยกเว้นจะมีการฟ้องหมิ่นประมาทระหว่างตระกูลกับนาย ท. คุณวิวันดาลองอ่านลิงค์ข่าวที่ คห ที่ 29 ให้มาอีกทีนะคะ ข่าวบอกค่ะว่า นาย ท บอกว่าหม่อมนำไปจำนำแค่พระบรมโกศเปล่าค่ะ อ้าว ไหงเปลี่ยนอีกแล้ว เอาไงแน่ ตอนแรกบอกว่าจำนำรวมไปหมด ดิฉันถึงได้ดีใจไงค่ะ เพราะพระบรมอัฐิพระองค์ท่านสถิตย์ในที่ที่สมควรแล้วค่ะ  ไม่ต้องกลัวว่าดิฉันจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจหรอกนะคะ เพราะรัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระราชโอรสรัชกาลที่ 4 เช่นเดียวกับสมเด็จทวดดิฉันค่ะ   บางอย่างบางเรื่อง ถ้าคนที่จงรักภักดีได้อ่านแล้ว อยากให้ลองคิดวิเคราะห์ว่า มีใครกำลังพยายามทำอะไร ใช้เรื่องบางเรื่องเป็นเครื่องมือให้เสียหายไปไกลกว่าแค่ยุคลหรือเปล่า เราก็อาจจะเลิกวิจารณ์กันแบบสนุกปากนะคะ ดิฉันไม่ได้ว่าใครเฉพาะเจาะจงนะคะ อยากให้ทุกคนคิดดีๆก่อนค่ะ ว่าทำไมเขาเปลี่ยนเรื่องไปเปลี่่ยนเรื่องมาค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 54 22:16:38 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 54 22:15:15 จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 22:14:55

ความคิดเห็นที่ 34 อ้อ คุณวิวันดาลองไปเสิร์จดูข่าวของไทยโพสต์ดูนะคะ มีแต่คาดคะเนทั้งนั้นค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้อ่านกระทู้ใหม่กระทู้หนึ่งที่ถูกลบไปหรือเปล่า จขกท คนนั้น (คนละคนกับ จขกท กระทู้่นี้นะคะ)  หลังจากถูกคนหลายคนเข้ามาบอกว่าอ่านข่าวแล้วเข้าใจผิด พาดหัวกระทู้ผิดว่า "ในที่สุด ข่าวลือก็เป็นจริง" พอถูกว่ามากๆ ก็ยอมรับว่าผิด แล้วบอกให้คนช่วยลบกระทู้ให้ กระทู้ก็เลยหายไปค่ะ อันที่จริง คุณอาจงง เพราะดิฉันเข้ามาตอบหลังจากอ่านกระทู้ใหม่นั้น เพราะอยากตอบกระทู้เดิมที่เคยตอบไว้แต่ต้น ถ้าคนไม่ได้อ่านกระทู้ที่ถูกลบไป อาจมองไม่เห็นภาพนะคะ  คือ ข่าวที่เขายกมาไม่น่าเชื่อถือค่ะ ไปถามใครก็ไม่รู้ ไม่ค่อยเกี่ยวข้อง เรื่องของยุคล กลับไปถามดิศกุล  แล้วก็ไปถามเจ้าของโรงรับจำนำคนอื่นไม่ใช่คนที่ถูกกล่าวหาว่ารับจำนำ  เนื่องจากเราเป็นนักข่าวมาจะยี่สิบปีแล้วค่ะ เรามองออกค่ะว่ารายงานข่าวลักษณะนี้ข้อมูลไม่ค่อยน่าเชื่อถือค่ะ ที่ถูกก็ควรไปถามหม่อมคนที่ถูกกล่าวหา หรืออย่างน้อยก็ทายาทสายตรงของพระองค์ชายใหญ่ ไม่ใช่ทายาทพระองค์ชายกลาง หรือแย่กว่านั้นคือไปถามทางดิศกุลซึ่งไม่เกี่ยวค่ะ  คนละราชสกุลไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ท่านผู้ว่าก็พูดแบบกลางๆ คาดคะเน ทำนองว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะต้องอย่างนี้   เจตนาของเราคืออยากให้มองภาพกว้าง และคิดเหมือนที่ท่านอ้วนท่านทรงตั้งข้อสังเกตน่ะค่ะ ว่าใครมี hidden agenda อะไรหรือเปล่า คงไม่เข้ามาตอบแล้วนะคะ เพราะกระทู้ตกหน้าแล้วค่ะ ไม่มีใครค่อยมาอ่านแล้ว ไว้ถ้ามีการแถลงข่าวหรือฟ้องร้องจะเข้ามาตอบใหม่ ไว้ถ้าได้เฝ้าท่านอ้วนเดือนหน้าตอนทำบุญครบร้อยวันพระศพเจ้าฟ้าในพระโกศ คราวนี้คงกล้าทูลถามท่านแล้วล่ะ เพราะมีนักข่าวถามนำให้แล้วท่านทรงตอบ แปลว่าไม่กริ้วถ้าถูกทูลถามเรื่องนี้ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 54 23:28:30 จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 22:26:31

ความคิดเห็นที่ 35 ตามอ่านค่ะ จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 20:24:27

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านอยู่เงียบๆค่ะ จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 22:37:47