ความคิดเห็นที่ 1 อาชญกรรม การฆ่าหมู่ชาวยิว ของฮิตเลอร์ มั้งนะ จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:07:31

ความคิดเห็นที่ 2 ขอแจม 1. พวกคลั่งหลังนาซี กับ พวกต่อต้าน ก็เป็นของแค่ของที่เกิดขึ้นดุลกัน, เด็กกลุ่มนี้ไม่น่าพวกใช่คลั่งนาซี เป็นแต่เพียงนำแฟชั้น(อันโดดเด่นมาก) ของยุคนาซีและบุคคลที่มีชื่อเสียง(เสีย)ของโลก มาจัดการแสดงเท่านั้น ไม่ใช่การรับงานอุดมการณ์มาแต่อย่างใด? 2. พวกต่อต้านฯ ดูอ่อนไหว จนน่ากลัวและรุนแรงเกินไปต่อกรณีเหล่านี้ ทำราวกับว่า อยากจะเขียนประวัตศาสตร์ให้ฮิตเลอร์ฆ่าสังหารชาวยิวเพียงเรื่องเดียว? (ในไทยอาจใช้วิธี "ลบ" ให้ "ลืม" ไปเสีย) 3. ความเจ็บปวด ที่ทำราวกับว่าจะถูกกระตุ้นได้ แม้เพียงเห็นใครไว้ "หนวดจิ๋มแบบฮิตเลอร์" ก็จะเข้าไปขอร้องให้เขาเปลี่ยนทรงหนวดนั้นเสีย? หรือต่อให้คนนี้จะเป็นคนในสื่อ หรือได้เผยแพร่ภาพออกสื่อ แล้วแต่งเต็มยศเป็นฮิตเลอร์ แสดงความคิดฝักใฝ่แบบฮิตเลอร์ ผมก็ยังเห็นว่า ประชาธิปไตยควรจะใจกว้างพอ มิใช่หรือ? 4. ไทยไม่ได้ถูกกระทำจากฮิตเลอร์ เราไม่อาจเจ็บปวดลึกซึ้งได้อย่างเขา เรามิสิทธิ์ที่จะเข้าใจได้อย่างที่เราเลือกจะเข้าใจ(ผมหมายถึงแค่แฟชั่นนาซี ที่เก๋ไก๋) เมื่อเราแสดงออกตามนั้น ทำไมต้องประนามเหมือนว่า เราไร้การศึกษาประวัติศาสตร์โลก? 5. ถ้าผมมองการแต่งกายนาซีเป็นแฟชั่นล้วนๆ มันคือศิลปะ มันเคยอยู่ในวัฒนธรรมยุคหนึ่งของโลกด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องกีดกั้น เพียงเพราะกลัวบางฝ่ายเจ็บปวดใจ ทั้งที่เราไม่ได้ใส่เสื่อนาซีพร้อมสลักหลังว่า "สังหาร...กันเถอะเรา" เสียหน่อย จากคุณ : drtorn (drtorn) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:09:47

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นการครอบงำ และยัดเยียดให้คนในประเทศเล็กๆ คิดเหมือนตัว จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:11:50

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับชาวตะวันตก แม้กระทั่งชาวเยอรมันเองยังอยากลืมประวัติศาสตร์อันน่ากลัว น่ารังเกลียดนั้นนะครับ พวกนาซีฆ่าชาวยิวเป็นล้าน ผมไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไรดี ฮิตเลอร์และนาซีไม่ควรถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกเลยด้วยซ้ำ อเมริกาที่ต้องสังเวยคนนับแสนนับล้าน เพื่อหยุดการกระทำอันโหดร้ายของพวกนาซี ถ้าพวกนาซีฆ่าพ่อแม่พี่น้องเราหมดบ้าน ยกจังหวัด เราเห็นทุกคนถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด เห็นใจครับ น้องๆคนไทยไม่เคยรับทราบถึงความขมขื่นของคนที่รับรู้ถึงความน่ากลัวและขมขื่นอันนั้น จากคุณ : คนกวาดลานวัด เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:34:41

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นเขาบอกว่า ฝรั่งไม่ชอบเครื่องหมายสวัสดิกะ จากคุณ : DojiDoji เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:15:50

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะบางคนยังกลัวฝรั่ง จน ... ขึ้นสมอง จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:20:09

ความคิดเห็นที่ 7 สงครามมันโหดร้ายมากทุกครั้ง ทุกประเทศ   แค่เด็กเล่นกันสนุกๆ  มันก็เว่อร์กันเกินไป จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:20:29

ความคิดเห็นที่ 8 ไทยเราไม่เคยเจออะไรโหดร้ายขนาด ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือการทำให้แผ่นดินยุโรปลุกเป็นไฟ เหมือนเราไม่เคยเจอการเลิกทาสแบบนองเลือดทั้งแผ่นดิน หรือการได้มาของประชาธิปไตยแบบนองเลือดจนรู้สึกว่า สิทธิเสรีภาพของเราเป็นสิ่งสำคัญ คะแนนเสียงของเราเป็นสิ่งสำคัญ คนที่เลือกเข้าสภา ต้องดี และทำเพื่อประเทศชาติไงครับ เหมือนเราก็ไม่เคยตระหนักถึงการมีข้าวกิน น้ำดื่ม ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ข้าวยากหมากแพง ข้าวสักเม็ดมีค่าเหลือหลาย เราไม่เคยสำนึกว่า แผ่นดินไทยนี้ช่างสมบูรณ์นัก ปลูกอะไรก็ขึ้น กินได้ น้ำท่าบริบูรณ์ ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ทะเลที่มีปลาชุกชุม แต่บางประเทศเป็นทะเลทราย น้ำก็ไม่มี ทรัพยากรธรรมชาติก็ขาดแคลน แผ่นดินก็ไม่ติดทะเล ถ้าเราต้องต่อสู้ขนาดนั้น มีเรื่องสักเล็กน้อยก็กระแทกใจได้ เหมือนกับคนยุโรปในปัจจุบันที่คิดว่า ทวด ปู่ของตนเอง โดนรมควันตาย หรือถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารแล้วตาย คนไทยสบายจนลืมว่า เกินครึ่งของประเทศในโลกนี้ สู้ประเทศไทยไม่ได้เลย ฉันใดฉันนั้น จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:56:09

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างในเยอรมนี ถ้าไปทำท่านาซีกลางสีแยกนี่อาจจะโดนจับได้ เหมือนถ้าไทยอยู่ๆก็มีคนเอาพระบรมฉายาลักษณ์ ธงชาติ พระพุทธรูป มาทำการไม่สมควร เราก็กรี๊ดเหมือนกัน จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:57:52

ความคิดเห็นที่ 10 ออกมาต่อต้าน ทำให้เป็นข่าวอีก เงียบๆไปซะเรื่องมันก็จบในวันเดียวนั่นแหละ จากคุณ : RyanUtd เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 01:23:13

ความคิดเห็นที่ 11 ฝรั่งพวกนี้   ปากก็พ่นว่าประชาธิปไตย    สิทธิมนุษยชน    เสรีภาพ    แต่กลับไม่เคารพในสิทธิของผู้อื่น      ถ้าจะมีคนที่ชอบ+นับถือนาซี    มันก็เป็นสิทธของเขาโดยชอบธรรมตามหลักมนุษยชน        เขาจะแต่งตัว  บูชา   เคารพแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องที่เขาทำได้    ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน    หรือไม่ได้ทำผิดกฎหมาย       มันเป็นหลักพื้นๆของสิทธิมนุษยชนเลย       ทั้งๆที่ฝรั่งเอาสิทธิมนุษยชนมาด่าประเทศนู้นประเทศนี้      แต่กลับมาทำสิ่งที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนเสียเอง แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 03:50:29 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 03:49:42

ความคิดเห็นที่ 12 #11 อุดมการณ์นาซีเป็นภัยต่อสิทธิมนุษยชนโดยตัวมันเองอยู่แล้วครับ เพราะแนวคิดหลักคือ เผ่าพันธุ์ตัวเองดีที่สุด เผ่าพันธุ์อื่นด้อยกว่าและไม่ใช่มนุษย์ จึงเป็นแนวคิดที่ไม่สามารถอยู่ในสังคมประชาธิปไตยได้ ดังนั้นนานาชาติจึงมีกฎหมายห้ามการกระทำที่สนับสนุนอุดมการณ์นาซีหรือที่มีรูปแบบคล้ายกัน เช่น KKK เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องฝรั่งบ้าจี้ แต่เป็นการศึกษาไทยต่างหากที่ไม่เห็นความสำคัญของแนวคิดสิทธิมนุษยชน จากคุณ : CloudColorOfSound เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 04:29:21

ความคิดเห็นที่ 13 สิทธิของคนๆ หนึ่งสิ้นสุดลงเมื่อไปก้าวก่ายสิทธิ์ของคนอื่นค่ะ A person’s right to throw a punch stop where another’s nose begins. จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 04:29:35

ความคิดเห็นที่ 14 #12 แนวคิดเหยียดเผ่าพันธุ์อื่นที่ว่าเป็นอุดมการ์ของนาซีนั้น มีแหล่งอ้างอิงไหมครับ? เพราะอันที่จริงผมก็อยากทราบเช่นกันว่ามีที่มาจากไหน ผมเคยอ่านประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมนีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง พรรค Nazi นั้น อันที่จริงก็คือพรรคสังคมนิยมแรงงานที่มุ่งปลดปล่อยชาวเยอรมันจากความแร้นแค้นที่เกิดจากพ่อค้า นายทุน นายธนาคาร นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ชาวยิว ผมคิดว่าเรื่องการดูถูกชาติพันธุ์อื่นหรือการสังหารหมู่ชาวยิวน่าจะเป็นเรื่อง 'เลยเถิด' ภายหลังมากกว่า เพราะเผอิญว่าผู้นำพรรคนาซีอัดอั้นตันใจกับชาวยิวมานาน พอได้โอกาสเลยจัดการซะเลย แต่อุดมการณ์พรรคนาซีตอนแรกผมคิดว่าไม่มีเรื่องพวกนี้หรอกครับ อันที่จริงเรื่องดูถูกเผ่าพันธุ์อื่น ผมเห็นว่ามันเกิดอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งวินาทีนี้ (หากใครไปท่องเที่ยวยุโรปหรืออเมริกาบ่อยๆ คงเข้าใจ) แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองในสมัยสงครามโลกที่เผาเมืองนานกิง ฆ่าข่มขืนชาวจีนเป็นล้าน  ทหารญี่ปุ่นก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เคยมีคนไปถามว่าทำไมถึงทำเรื่องโหดร้ายได้อย่างนั้น เขาก็ตอบว่าในสมัยนั้น เขาถูกสอนมาว่าคนจีนไม่ใช่มนุษย์ แต่พอมาเจอระบบโลกใหม่ถึงพึ่งมารู้สึกผิดกัน ที่สำคัญหากจะวัดกันที่การดูถูกเผ่าพันธุ์อื่น ผมกลับคิดว่า USA UK France หนักหน่วงกว่านาซีซะอีก อย่าลืมว่าประเทศเหล่านี้ทั้งค้าทาส ล่าเมืองขึ้น ทำสงครามเพื่อทรัพยากร เพียงแต่เขาชนะสงครามก็เท่านั้น เลยกลายเป็น hero ปัญหาของพรคนาซีไม่ได้อยู่ที่เรื่องคิดว่าตนเองเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นหรอกครับ เพราะตอนนั้นประเทศอื่นๆในยุโรปเขาก็ทำกันอยู่กับทางเอเชียและแอฟริกา แต่อยู่ตรงที่นาซีเขาจะยึดครองยุโรปต่างหาก พวกคอเคซอยด์ด้วยกันเขาก็เลยยอมไม่ได้ ผมไม่เห็นว่าหลักสิทธิมนุษยชนในสมัยนั้นจะมีที่ยืนอยู่ตรงไหนเลย เรื่องพรรคนาซีหากจะมองด้วยใจเป็นธรรมก็เป็นผลพวงมาจากประเทศผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ใช่หรือ ที่สูบเลือดเนื้อชาวเยอรมัน จนเกิดคนอย่าง Hitler ขึ้นมา แนวคิดประโลมโลกต่างๆ ก็คือการสร้างพลังในการต่อสู้กลับของผู้ถูกรังแกนั่นเอง ถามว่าคนเยอรมันที่ตอนนั้นไม่มีแม้แต่ขนมปังจะกิน จะลุกมาสู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส อย่างไร ถ้าไม่สร้าง self esteem ของตัวเองขึ้นมา ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่าสิ่งที่นาซีทำไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราต้องมองในมิติของ cause and effect ด้วย ไม่ใช่มองแต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่คิดถึงสาเหตุ ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้หากจะบอกว่าไม่สมควรก็สามารถพูดได้ เพราะมันกระเทือนจิตใจบรรดาเหยื่อสงคราม แต่การไปยกยอปอปั้นฝรั่งอีกพวกที่ไม่ใช่นาซี โดยไม่พิจารณาถึงอีกด้านของประวัติศาสตร์ ผมไม่เห็นด้วย หากจะบอกว่านาซีฆ่าล้างเผ่าพันธ์ยิว แล้วที่อเมริกาฆ่าชาวญี่ปุ่นด้วยนิวเคลียร์จะเรียกว่าอะไรดี น่าคิดว่าถ้าจักรพรรดิญี่ปุ่นไม่ทรงประกาศยอมแพ้ เผ่าพันธ์ญี่ปุ่นคงหายไปจากโลกนี้แล้ว   แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 07:56:02 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 07:45:19 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 05:08:30 จากคุณ : โรงเรียนลูกผู้ชาย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 05:07:08

ความคิดเห็นที่ 15 แนวคิดเหยียดชาติพันธ์ของนาซีก็เรื่อง ที่บอกว่าชาวอารยันนั้นดีเลิศและสมควรได้ปกครองมนุษย์ชั้นต่ำกลุ่มอื่นไงครับ อันนี้ไม่นับเป็นเรื่องเหยียดชาติพันธ์เหรอ ขอบอกว่า ช๊อคมากที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ไม่มีครูที่ปรึกษาซักคนรู้หรือคิดได้รึไงว่าประเด็นนี้ละเอียดอ่อนมาก อับอายแทนประเทศชาติมาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 06:38:16

ความคิดเห็นที่ 16 #14 มีหลักฐานเอกสารมากมายที่ชี้ให้เห็นถึงนโยบายสุพันธุศาสตร์หรือการคัดเลือกพันธุ์ในแบบที่สุดโต่งอยู่มากครับ มีหนังสือที่เคยอ่านรวบรวมไว้ ทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวอย่างเป็นระบบเกินกว่าจะอ้างได้ว่าเป็นความโกรธแค้น (ถ้าแบบโกรธแค้นจะออกแนวจลาจลมากกว่า) ทั้งนโยบายที่ให้แต่ชาวเยอรมันสุขภาพดีเท่านั้นถึงจะมีบุตรได้ โดยผู้ป่วยทางพันธุกรรมและทางจิตจะถูกทำหมัน มีการโฆษณาชวนเชื่อถึงเชื้อชาติอารยันที่ยิ่งใหญ่ (สัญลักษณ์พรรคนาซีก็มาจากสัญลักษณ์โบราณในอารยธรรมตะวันออก) ทั้งหมดมันไม่ใช่แค่ปฏิกิริยาต่อช่องว่างรายได้ของชาวยิวกันชาวเยอรมัน แต่มันคือความทระนงตนที่เด่นชัดของเหล่าผู้นำพรรคนาซี แล้วที่บอกว่าเดี๋ยวนี้ก็ยังมีการเหยียดชาติพันธุ์อยู่ ก็นาซีเนี่ยแหละครับที่ทำให้โลกรู้ว่าเราควรป้องกันเรื่องแบบนี้ ทำให้เหลือแต่การดูหมิ่นทางวาจาเท่านั้นที่พอจะหลุดรอดไปได้ แต่เกินกว่านั้นก็ผิดกฎหมาย ตัวอย่างก็ขบวนการ KKK ของอเมริกาที่ผิดกฎหมายชัดเจน ทั้งๆที่อเมริกาก็คนขาวเป็นใหญ่แท้ๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่การอวยฝรั่งด่าไทย แต่มันเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจว่า สัญลักษณ์ไม่ใช่แค่รูปเฉยๆ แต่มันมีความหมาย มีเรื่องราวอัดแน่นอยู่ในนั้นด้วย จึงต้องเข้าใจก่อนจะใช้ จากคุณ : CloudColorOfSound เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 08:51:39

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นว่าไม่ใช่ความคิดเด็กนักเรียน แต่เป็นความคิดครูอาจารย์ที่น่าจะรู้ประวัติศาสตร์พอสมควรนี่ครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:12:04

ความคิดเห็นที่ 18 เราเห็นด้วยกะ เจ้าของกระทู้ ตรงที่ว่าการเรียนเรื่องประวัติศาสตร์โลกในระดับมัธยมศึกษาไม่ได้ลึกซึ้งพอเพียงที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจความโหดร้ายของระบบนาซีนี้เลยค่ะ เพราะเราก็รู้สึกเช่นนี้ตอนที่เรียนค่ะ  มาเข้าใจมากขึ้น เมื่อได้มีโอกาสศึกษาเพิ่มเติมหลังจากนั้น เช่น อ่านหนังสือ ดูสารคดี ภาพยนต์ต่างๆ ความเห็นส่วนตัว : ครูอาจารย์ที่โรงเรียนเอง ก็มีน้อยคนที่รู้ว่า เรื่องนี้ sensitive อย่างไร ยกตัวอย่าง อาจารย์ที่สอน คณิตศาสตร์ที่ไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์โลกมากนัก ก็ไม่น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ จริงๆแล้วอยากให้ผู้ที่กล่าวหาเด็ก โรงเรียน ปล่อยวางบ้างน่ะค่ะ หลักสูตรการศึกษาประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน อยู่ที่กระทรวงศึกษา ต้องการปลูกฝังอะไร จำได้ว่า ตอนเราเริ่มเรียนประวัติศาสตรื ก็เน้นไปเรื่องไทยรบพม่า วีรกรรมพระมหากษัตริย์ที่กู้ชาติได้ คุณูปการของกษัตริย์ไทย etc etc มีหนังสือ ภาพยนต์ เรื่องแบบนี้ออกมาให้ดูหรืออ่านมากมาย ทุกวันนี้ยังจำได้เลย เพราะต้องท่องสอบ ท่อง entrance จนมันฝังหัวสมองน่ะค่ะ จากคุณ : accytu46 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:55:32

ความคิดเห็นที่ 19 เพราะฝรั่งเค้าไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยค่ะ เห็นเด็กแต่งชุดนาซีก็คิดว่าเด็กพวกนี้นิยมนาซีกันเป็นตุเป็นตะ คนไทยส่วนใหญ่ทำเอาฮา เอาสนุก เอาเท่ เล่นๆรื่นเริง ฝรั่งไม่เก็ทอะค่ะ จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 10:37:01

ความคิดเห็นที่ 20 การรักษาเอกราชอธิปไตย และการวางรากฐานของประเทศให้เข้มแข็ง ทั้งทางการทูต และ การทหาร ในสมัยที่ประเทศปกครองด้วยพระมหากษัตริย์  มีส่วนสำคัญทำให้ไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ญี่ปุ่นขอเป็นพันธมิตรและไม่ขอรบด้วย นอกนั้นญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกได้ก็รบแหลก ไม่มีเจรจาค่ะ ส่วนสาเหตุที่ข้าวยากหมากแพงในช่วงสงคราม  เป็นนโยบายของนายปรีดีที่เห็นว่าถ้าค้าขายกับกองทัพญี่ปุ่นจะได้เงินมาก  ผลคือช่วงสงครามมี พ่อค้า ข้าราชการร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายนี้ แต่ กรรมตกอยู่กับประชาชนค่ะ  นโยบายที่นายปรีดีได้ชี้แจงกับคณะรัฐมนตรีในวันที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกมีดังนี้ จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:07:24

ความคิดเห็นที่ 21 เนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:09:50

ความคิดเห็นที่ 22 และมีเหตุการณ์หนึ่งที่นายปรีดีเล่าไว้ในหนังสือว่าญี่ปุ่นเคารพนายปรีดีมาก เนื่องจากเป็นผู้สำเร็จราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีข้อความดังนี้  “... ญี่ปุ่นเคารพพระมหาจักพรรดิฉันใด  ก็เคารพข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้แทนพระองค์พระมหากษัตริย์ไทยฉันนั้น...”  แสดงให้เห็นว่านโยบายทางการทูตของ ร.5 ที่ทำกับประเทศทั่วโลก รวมทั้งญี่ปุ่น มีผลทำให้คนไทยรอดพ้นจากการล่าอาณานิคมแล้ว  ยังมีผลยาวนานมาถึงภัญจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย  ญี่ปุ่นถึงมีความรู้สึกที่ดีต่อพระมหากษัตริย์ไทยขนาดนี้   เหตุการณ์ในตอนนั้นคือ ญี่ปุ่นไม่ไว้ใจจอมพล ป. และมาปรึกษาเรื่องนายกคนใหม่ คือ นายควง  อภัยวงศ์ ที่นายปรีดีจะแต่งตั้งแทนจอมพล ป. ภาพประกอบ จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:23:31

ความคิดเห็นที่ 23 โทษทีค่ะโพสต์ผิดกระทู้  เบลอใหญ่แล้วเรา จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:25:21

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องของเรื่องคือ มันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และ "ไม่เหมาะสม" ที่จะเอามาเป็นเรื่องทำเล่นๆ แบบแต่งพาเหรดกีฬาสีครับ จะเรียกว่าเป้นรสนิยมที่"หยาบคาย"ในภาษาสากลก็ว่าได้ จุดบอดในประวัติศาสตร์แบบยุคนาซี ไม่ได้ต่างอะไรกับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของเขมรแดง ผมไปกัมพูชา คุยกันคนที่นั่น ก็ต้องระลึกไว้ในใจว่า นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนของเขา บางคนผ่านตรงนั้นมาโดยตรง ฉะนั้นจะพูดจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ ยิ่งจะเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นเป็นเรื่องขำ อันนี้ยิ่งไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นหลักมารยาททั่วๆไปที่พึงมีให้กับมนุษย์ร่วมโลกด้วยกัน ที่ไม่น่าจะเข้าใจได้ยากนัก ผมว่า คนที่อุตส่าห์โยงไปเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ในเยอรมนีมีพรรคการเมืองที่เป็นนีโอนาซีครับ ฉะนั้นเสรีภาพในความคิดแบบประชาธิปไตยนั้นมีแน่นอน แต่ประเด็นที่อยู่ตรงหน้าเราตรงนี้คือเรื่องของ "มารยาท" มากกว่าครับ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาทำเป้นเล่นสนุกๆ เหมือนเป็นเรื่องขำขันได้ เมื่อครั้งเจ้าชายแฮรี่แต่งตัวเป็นนาซีไปปาร์ตี ครั้งนั้นถูกส่งให้ไปดูค่ายกักกันนาซีของจริงเลย เพื่ออะไร? เพื่อให้สำนึกและสลดว่า ของที่เอามาเล่นน่ะ "มันไม่ขำ" สำหรับคนจำนวนมาก ที่นี้สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือ เมื่อเสียงจากหลายฝ่ายมาแล้วว่า "มันไม่ขำ" ทางฝ่ายเราจะทำตัวเป็นผู้เจริญ เอ่ยปากขอโทษแสดงให้เค้าเห็นหน่อยว่าเราจริงใจ ที่ทำไปนั้นผิดพลาดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจะยืนกระต่ายขาเดียวว่า ก็ฉันไม่ผิด ฉันไม่สน ส่วนตัวผมก็รู้ครับว่าเด็กๆ ทำไปไม่ได้บูชาลัทธินาซีอะไร แค่ทำกีฬาสี แต่เด็กเหล่านี้ก็ต้องเรียนรู้รู้และทำความเข้าใจด้วยว่า เรื่องนี้เป้นเรื่องละเอียดอ่อนที่นำมาเล่นแบบนี้ไม่ได้ ถามว่าผิดไหม? ไม่ผิด แต่มันไม่ควร มันไม่เหมาะสม เราอย่าสักแต่อ้างคำว่าเสรีภาพๆ จนลืมคำว่า"กาละเทศะ"ไปครับ   เหมือนฝรั่งเอารูปในหลวงเราไปเล่น หรือพระพุทธรูปไปทำอะไรที่ไม่ควรน่ะครับ เมื่อทางเราแจ้งไปแล้วเค้าทำทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจ คุณรู้สึกกันยังไง?  แล้วหลายๆ คนกำลังแสดงทรรศนะแบบเดียวกันนั้นอยู่หรือเปล่า? หรือว่าต้องรอให้เค้าทำดีก่อน เราถึงจะทำดีได้ ? ส่วนในเวทีโลกสากล ประเด็นเรื่องนาซีหรือการล้างเผ่าพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นหัวข้อต้องห้ามที่จะไม่มีการเอามาเล่นกันอยู่แล้วครับ จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:52:11

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าคุณอยากทราบว่าเรื่องแค่นี้ทําไมต้องทําให้เป็นประเด็นละก็ ลองไปกินอาหารในร้านที่มีชาวเยอรมันอยู่กันเยอะๆดู แล้วคุณแค่พูดคําว่า hi hitler รับรองว่าคุณจําไม่ลืมเลยค่ะ ชั่วชีวิตคุณจะไม่พูดคํานี้อีกเลย    ฝากไปยังคุณครูทุกท่านด้วยค่ะ  ช่วยกรุณาเซ็นเซ่อร์ก่อนทุกครั้ง เด็กๆบางครั้งเขาก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ค่ะ ขอได้โปรดค่ะ จากคุณ : nopnop เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 14:15:38

ความคิดเห็นที่ 26 คห ผมจากอีกกระทู้ ใช้ไ้ในนี้เช่นกัน อับอายขายหน้าแทนประเทศชาติ เค้าจะมองว่าเราด้อยการศึกษาสุดๆ การเกลียดนาซี เป็นค่านิยมที่โลกควรมี เพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนและการเหยียดชาติพันธ์ แต่อย่างว่า ไทยเรายังไม่ชินเรื่องพวกนี้ ถึงดูถูกคนไทยกันเองอีกมาก ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ไทยเราไม่เคยเจอเคสแบบนาซี แต่ขอบอกว่า ฝรั่งเค้าก็ไม่เก็ท เรื่องในหลวง กับพระพุทธรูปเช่นกัน ถ้าเค้าเอาสิ่งที่ละเอียดอ่อนของเรามาล้อเลียน แล้วเราจะรู้สึกยังไง มองในทางกลับกันสิ การออกมาแก้ตัวข้างๆคูๆ ของคนไม่รู้ประสา นี่มันน่าทุเรศสิ้่นดี วัฒนธรรม ผิดแล้วยอมรับแก้ไข หายไปไหน กลายเป็น ผิดแล้วแถ ว่าไปเห็นหนุนเสรีภาำพกันนัก เลยทำตัวมีเสรีภาพที่จะไม่ยอมรับปรังปรุงตัว แต่จะแถ เอาให้มันมีขอบเขตหน่อย ส่วนครูโรงเรียนนี้ น่าประนามเช่นเดิม ต่อให้คนไทย เฉยๆ ก็ขอบอกว่า เคสนี้ทำให้ประเทศขายขี้หน้ามากในแง่ศึกษา มองให้แคบลงก็โรงเรียนคุณ โดนไปเต็มๆ โลกเรามันเล็กลงมาก มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมหน่อย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 16:21:54

ความคิดเห็นที่ 27 คห.12      มันไม่มีตรงไหนที่บอกเลยนะครับ      ว่าการชื่นชอบนาซี   จะต้องเห็นด้วยกับอุดมการณ์ของนาซี    คนที่ชอบอาจจะชอบใน  เครื่องแบบ   เสื้อผ้า     ระเบียบวินัยของนาซีก็ได้ อีกทั้งประชาธิปไตยคือระบบที่ยอมรับในความคิดของผู้อื่นไม่ใช่เหรอครับ       ดังนั้นถึงแม้ผู้อื่นจะมีความคิดเหยียดเผ่าพันธุ์จริง    แต่นั่นเป็นสิทธิของเขาที่จะนิยมชมชอบควงามคิดนั้ได้      หลักสิทธิมนุษยชนรับรองสิทธินี้ของมนุษย์ทุกผู้ไว้          ดังนั้นเขาจะนิยมชมชอบนาซีนั้น      ไม่เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด     ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไปก้าวก้ายสิทธิของผู้อื่นหรือทำผิดกฎหมายครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 16:51:30

ความคิดเห็นที่ 28 #14 ครับ ที่นาซีโดนประนามขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเขา"มีแนวคิด"เหยียดชาติพันธุ์นะครับ แต่เป็นเพราะพวกเขา"จัดระบบ"ในการสังหารผู้คนโดยมีเป้าหมายเพื่อ"ล้างเผ่าพันธุ์" นาซีเยอรมันมีการจัดการแบบมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากเลย เช่นว่าคนยิวแต่งงานกับคนเยอรมันลูกออกมาจะโดนหรือไม่ หรือถ้ามีคนยิวเป็นบรรพบุรุษไปกี่รุ่นถึงจะถือว่าหลานเหลนคนปัจจุบันนั้นมีเชื้อยิวที่เจือจางพอที่จะอบรมสั่งสอนใหม่ได้ กำหนดไว้เรียบร้อย การสร้างค่ายกักกันการขนคนยิวไปก็ทำตามขั้นตอนของระบบราชการทุกอย่าง มีหนังสืออนุมัติหนังสือเวียนแบบที่ทำกันในการบริหารทั่วไป ไม่ใช่ความคิดหรืออารมณ์โกรธเกลียดชั่ววูบ เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็นมาก อย่าเอาไปเปรียบกับการทิ้งระเบิดปรมาณูเลยครับ ต่างกันเยอะ อเมริกาไม่เคยมีนโยบายล้างเผ่าพันธุ์คนญี่ปุ่นนะครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 17:01:11

ความคิดเห็นที่ 29 โพสหลายที่แว้ว .... ดูเหมือนจะไม่มีใครอ่านออก Wiesenthal Center Urges Thai Leaders to Condemn Christian School Event Glorifying Nazis September 26, 2011 The Simon Wiesenthal Center is calling on Thailand’s Christian leaders to condemn a Nazi parade at the Sacred Heart Preparatory School in Chiang Mai led by students who participated in a Nazi parade replete with Seig Heil salutes, Nazi marches, gun-toting adults and even a young person dressed as Adolf Hitler (see visuals below). The march started on the school grounds and continued into the streets of the adjoining neighborhood. “Disgusted parents and outraged members of the public forwarded to us the visuals of a Nazi parade at the Sacred Heart School, the second such incident since 2007, involving the veneration of Nazism at a Thai school,” charged Rabbi Abraham Cooper associate dean of the Simon Wiesenthal Center, a Jewish human rights NGO. “It is difficult to calculate the hurt such a display inflicted on survivors of the Nazi Holocaust and the families of all victims of Nazism. There can be no justification for such an outrage to emanate from place of learning,” he said. “The Nazis were responsible for the Holocaust, history's worst crime, and had they prevailed during World War II, their racist ideology would have eventually targeted all races the Nazis deemed ‘inferior’, including Asians,” Rabbi Cooper added. “From the visual evidence, it is clear that this Nazi celebration could not have taken place without the knowledge and cooperation of the school administration. The Simon Wiesenthal Center urges that those ultimately responsible for a school calling itself ‘Christian’, take immediate action against all those responsible for promoting and facilitating this disgraceful display. It is important that the pedagogical decisions at Sacred Heart be put in the hands of people who themselves know right from wrong,” Cooper added. “If and when an administration is put in place at Sacred Heart that is committed to teaching ethics and history, our Center is prepared to provide the materials that will educate the faculty and student body about the Nazi mass murder of 6 million Jews, including 1.5 million children, gypsies and other innocent victims,” Cooper concluded. Rabbi Cooper, a frequent visitor to Asia, added that a similar parade took place in 2007 at a school in Bangkok involving 200 students and more recently, ‘Slur’, a rock ban donned Nazi uniforms and swastikas in a music video. The Simon Wiesenthal Center is one of the largest international Jewish human rights organizations with over 400,000 member families in the United States. It is an NGO at international agencies including the United Nations, UNESCO, the OSCE, the OAS, the Council of Europe and the Latin American Parliament (Parlatino). จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 17:02:13

ความคิดเห็นที่ 30 จะชอบนาซีหรือเปล่าไม่ว่าอะไรหรอก แต่แค่อยากทราบว่าคิดอะไรอยู่ถึงทำ หรือแค่นึกสนุกเฉยๆ ก็เลยคิดว่าไม่มีสติเอามากๆ ถ้าชอบนาซีรู้สึกดีใจซะมากกว่าสมองไม่ได้คิดอะไร จากคุณ : DevilDoll เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 19:09:43

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าก่อนมาวิจารณ์ ไปดูรูปที่เด็กๆพวกนั้นทำก่อนดีกว่าไหมครับ มาพูดลอยๆ มันก็เหมือนว่าฝรั่งดัด หรืออ่อนไหวแหละ รูปเต็มๆ มันมีทั้งงสวัสดกะสีแดงขนาดใหญ่ขึงกลางตึก แล้วธงสวัสดิกะระย้าห้อยลงมา ประหนึ่งจะเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นรัฐฐสภานาซี หรือต้อนรับท่านผู้นำยังไงยังงั้น มีรูปอดีตผู้นำประเทศต่างมาทำท่า ไฮท์ฮิตเลอร์ เคารพท่านผู้นำสูงสุดที่อยู่ด้านบน มีการเดินขบวนพาเหรด ถือธงนาซี มีการแต่งตัวเลียนแบ SS ตามหลัง ผมว่ามันไม่ใช่แฟชั่นแล้วแหละ  มันเกินคำว่าแฟชั่นไปไกลแล้วครับ  น้องๆเขาหาข้อมูลมาดีเกินไป จัดเต็มเกินไป ประเด็นจขกท ถามว่าอะไรหนักสุด สำหรับผมคือ การเอารูปล้อ รูปเหมือนของอดีตผู้นำประเทศต่างมาทำท่าเคารพฮิตเลอร์นี่แหละ เข้าข่ายเป็น "นีโอนาซี" ได้เลย ถึงแม้เด็กเขาจะไม่รู้ ไม่ตั้งใจ แต่จากรูปการณ์ ฝรั่งเห็นก็ใจหายวูบกันล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 00:56:00 จากคุณ : -sam- เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 00:50:40

ความคิดเห็นที่ 32 เว่อร์ จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 03:24:27

ความคิดเห็นที่ 33 ดิฉันเชื่อว่าทุกคนได้อ่านข้อความในความคิดเห็นที่ 29 นำมาลงให้...และถ่องแท้กันไปเรียบร้อยแล้วละค่ะ   แต่ที่พยายามลากสายตาผ่านไป เพราะในข้อความบางวรรคตอนนั้น..มันบาดลึกไปถึงไหนๆเลยละค่ะ...ดังตัวอย่างตรงนี้ “If and when an administration is put in place at Sacred Heart that is committed to teaching ethics and history, our Center is prepared to provide the materials that will educate the faculty and student body about the Nazi mass murder of 6 million Jews, including 1.5 million children, gypsies and other innocent victims,” ที่แปลได้ใจความว่า.. "ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม..ฝ่ายอำนวยการ(การศึกษา)ในโรงเรียนยอมรับที่จะให้มีการสอนจริยศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์, ทางศูนย์ของเราก็พร้อมที่จะช่วยในการผดุงปัญญาแก่คณาจารย์และนักเรียนโดยจะให้ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเรื่องการสังหารหมู่ที่นาซีได้ฆ่าประชาชนยิวกว่าหกล้านคน, รวมไปถึงผู้เยาว์อีกล้านห้าแสน, ชาวยิบซี และ เหยื่อบริสุทธิ์อื่นๆ.." แค่นี้..ก็แย่แล้วค่ะ...เพราะมันเจ็บจี๊ดแบบบอกไม่ถูก จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 12:01:51

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าไปทำที่ต่างประเทศก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เมืองไทย ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยซะหน่อย ฝรั่งหัวทองเกี่ยวไรด้วย จากคุณ : goopa เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 14:04:34

ความคิดเห็นที่ 35 #34 ถ้าผมอยู่บ้านผม แล้วทุกคนในบ้านช่วยกันด่าพ่อแม่คุณ คงไม่ผิดนะ เพราะด่าในบ้านผม หุหุ โลกเราทุกวันนับวันยิ่งเล็กลง เราต้องเห็นใจชาติอื่นด้วย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 14:31:58

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนาซี คุณจะเข้าใจครับ จากคุณ : เด็กขงเบ้ง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 15:54:20

ความคิดเห็นที่ 37 "ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม..ฝ่ายอำนวยการ(การศึกษา)ในโรงเรียนยอมรับที่จะให้มีการสอนจริยศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์, ทางศูนย์ของเราก็พร้อมที่จะช่วยในการผดุงปัญญาแก่คณาจารย์และนักเรียนโดยจะให้ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเรื่องการสังหารหมู่ที่นาซีได้ฆ่าประชาชนยิวกว่าหกล้านคน, รวมไปถึงผู้เยาว์อีกล้านห้าแสน, ชาวยิบซี และ เหยื่อบริสุทธิ์อื่นๆ.." ก็ขอบอกว่า  ขอบคุณมากๆ ครับ  ไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่ไหนๆ จะสอนเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมแล้ว ขอเรียนรู้เกี่ยวกับการค้าทาสด้วยครับ ที่ไอ้ฝรั่งผิวขาว mangมัน ล่าเอาคนผิวดำ ไปกักขังเยี่ยงสัตว์ ตายไปตั้งเท่าไหร่ ที่อยู่ก็ลำบากลำบน สูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  อย่างน่าอดสู ไอ้กันนั้นน่ะ  ผมว่าเลวร้ายกว่า นาซี อีกหลายเท่านัก หึหึ จากคุณ : นั่นปะไร เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 18:46:46

ความคิดเห็นที่ 38 คนอเมริกัน  ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากยุโรป  แล้วไปบุกเบิกดินแดนใหม่ที่อเมริกา แล้วก็ไปกำจัดชาวพื้นเมืองเดิมจนเกือบสูญพันธุ์     จนไม่มีแรงงานใช้    ก็ไปจับชาว แอฟริกัน มาเป็นทาสใช้แรงงาน   จนทุกวันนี้พวกฝรั่งยังเหยียดผิวกันอยู่เลย     จะบอกให้พวกนิยมอเมริการู้ไว้นะครับว่า    คุณนิยมเขา  แต่เขาไม่นิยมคุณหรอก พวกมะกันนะเหยียดผิวเหลืองมากกว่าผิวดำซะอีก  รู้ไว้ซะด้วย   อ้ออีกอย่าง  ที่พวกเขาเดือดร้อนเรื่องนี้กันก็เพราะผู้ทรงอิทธิพลในอเมริกาส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีเชื้อสายยิวนะครับ  เขาถึงเดือดร้อนกันมาก จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:12:45

ความคิดเห็นที่ 39 ความเห็นส่วนตัวนะคะ หากโรงเรียนดังกล่าวเป็นแค่โรงเรียนวัด หรือ โรงเรียนมัธยมธรรมดาในกรมสามัญ คงจะไม่เป็นประเด็นอะไรนัก เพราะไม่ได้มีฝรั่งร่วมงานดังกล่าวมากนัก แต่โรงเรียนที่เกิดเหตุเป็นโรงเรียนที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นโรงเรียนคอนแวนต์ซึ่งรับการศึกษาและแนวคิดจากตะวันตกมาจนแทบจะเรียกว่าเป็นหลักเลยก็ได้ (คาดว่าน่าจะมีหลักสูตรอินเตอร์ด้วย) ดังนั้นเรื่องเกี่่ยวกับฮิตเลอร์ควรเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องรู้ (คงเปรียบเสมือน การคุ้นเคยกับพิธีกรรมต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์ หากเรียนโรงเรียนแบบนี้) นอกจากนี้ยังมีทั้งอาจารย์ต่างชาติ (เพื่อนอาจารย์ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ) แม่ชี หรือ บาทหลวง และ/หรือ พ่อแม่ของนักเรียนที่เป็นต่างชาติเข้าร่วมงานกีฬานี้ จึงเป็นเหตุให้่ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก อีกทั้งเดี๋ยวนี้การกระจายข่าวค่อนข้างงาน จากคุณ : Dolcecoucou เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 23:09:59

ความคิดเห็นที่ 40 ตอบคุณ Dolcecoucou นะคะ ฮิตเล่อร์เติบโตมาในครอบครัวที่เป็นคาธอลิค..เขาก็เป็นเด็กธรรมดาที่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ และเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ  ต่อมาที่เริ่มจงชังยิวก็เมื่อตอนที่นโยบาย Pan-Germanism เริ่มเมื่อ 1981 (ที่เชิดชูเจ้า..ยกย่องผู้คนที่พูดภาษาเยอรมันเป้นภาษาแม่..หยามเหยียดคนที่ไม่ใช่..และต้องขจัดยิว) ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะสองอาณาจักรใหญ่ในยุโรปตอนนั้นคือ Kingdom of Prussia และ  Austrian Empire ใช้ภาษาเยอรมันกันเป็นหลัก.. การที่จะเผยแพร่ลัทธิ/นโยบาย  Pan-Germanism  นี้  ก็ต้องอาศัยเหล่าคุณพระคุณเจ้าในโบสถ์คริสต์ต่างๆ เพราะเป็นฐานเสียงที่ดี อีกทั้งเข้าถึงประชาชนได้ง่าย.. ในช่วงนั้น..กระแสเกลียดยิวได้เริ่มแล้ว..จากนโยบายที่กล่าวมา..เพียงแต่เป้าหมายเพื่อเป็นการกีดกันทางด้านสังคม และการค้า..และเพื่อเป็นการตีกันไม่ให้มีการขยายตัว.. โดยใช้เหล่าคาธอลิคเป็นฐานส่งข้อมูล...แม้แต่ฮิตเล่อร์ก็เช่นกัีน เขาใช้กลุ่มคาธอลิคเป็น เครื่องมือ  (ดูภาพ) และนี่คือเหตุผลว่า..ทำไมหลายชาติเขาได้รวมตัวทักท้วงในการเดินพาเหรดกีฬาสีของโรงเรียนนี้..ที่น่าจะต้องมีความระมัดระวังในเรื่องนี้เป็น "พิเศษ" กว่าใครอื่นๆ เพราะมันอาจจะเป็นการรื้อฟื้นเรื่องราวของจุดด่างในการกระทำชาวคริสต์ในครั้งกระโน้น.. แต่นี่อะไร...จะว่าครูไม่รู้ไม่เห็น..หรือเหล่าซิสเตอร์..ที่นั่งดูดายปล่อยให้เดินกันตามสบาย นั่นก็สมควรแล้ว..ที่เขาจะเห็นว่าเรานั้นมันช่าง illiterate  เสียจริงๆ.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 01:10:47

ความคิดเห็นที่ 41 มีอีก.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 01:12:06

ความคิดเห็นที่ 42 จัดเต็มๆ... คนขวามือสุด คือ Joseph Goebbels  ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขจัดยิว หรือ The Final Solution ที่ได้ฆ่าคนจำนวนล้านๆไปอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ในเดือนธันวาคม ปี 1941  หลังจากที่ได้พบและเสนอแผนงานขจัดยิวกับกับฮิตเล่อร์  เขาได้บันทึกไว้ในไดอะรี่ว่า..   With regard to the Jewish Question, the Führer is determined to make a clean sweep of it. He prophesied that, if they brought about another world war, they would experience their annihilation. That was no empty talk. The world war is here [this was the week Germany declared war on the United States]. The annihilation of Jewry must be the necessary consequence. The question is to be viewed without any sentimentality. We’re not there to have sympathy with the Jews, but only sympathy with our own German people. If the German people has again now sacrificed around 160,000 dead in the eastern campaign, the originators of this bloody conflict will have to pay for it with their lives. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 01:26:14

ความคิดเห็นที่ 43 ทีนี้มาตอบคำถามของคุณเจ้าของกระทู้ ที่ถามว่า.. อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ ชาวต่างชาติไม่พอใจกับเหตุการณ์ "แต่งนาซี" ของเด็กนักเรียนครับ ? ก็เพราะชาวต่างชาติที่คุณถามถึงนั้น.. ไล่ตามประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมีดังนี้ค่ะ Austria Belgium Bulgaria Croatia Czech Republic Denmark Estonia France Germany Greece Hungary Israel Italy Latvia Lithuania Luxembourg Macedonia Netherlands Norway Poland Romania Russia Serbia-Montenegro Slovakia Sweden Ukraine UK ที่ต่างก็ได้มีครอบครัวของเหล่าทหารผ่านศึกที่สูญเสียชีวิตไปในการทำสงครามครั้งนั้น.. รวมจำนวนเป็นล้านๆครอบครัว.. ทุกวันนี้..ก็ยังต้องเยียวยากันอยู่.. หลายประเทศที่เคยกระทำอะไรที่เลวๆร้ายๆไว้กับกลุ่มยิว..เขาก็พยายามที่แก้ไขและชดเชย..พยายามฟื้นฟูกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้..แม้แต่เยอรมันเอง.. ลองอ่านที่นี่ค่ะ... http://www.jewishvirtuallibrary.org/jsource/Holocaust/claims1.html ในขณะที่อีกฟากหนึ่งนั้นกำลังแก้ไขและทดแทน..เพื่อสมานบาดแผลที่เกิดขึ้นในครั้งอดีต แต่..โรงเรียนคาธอลิคในเมืองไทยกับฉลองพาเหรดนาซีอย่างเอิกเกริก..พอถูกทักท้วงขึ้นมา เหล่าคณาจารย์กฌโยนความผิดให้กับความไร้เดียงสาของเด็ก..ทั้งอ้างมาว่า ทุกอย่างเป็นความลับของเด็กๆ..แต่ใครๆมองแล้วก็เห็นว่ามันอลังการงานสร้าง จัดหนักเกินไปกว่าที่จะเชื่อได้ว่า..ผู้ใหญ่ไม่มีส่วนรู้เห็น.. แล้วคุณจะให้เขาคิดอย่างไร..? ส่วนใครจะมาเปรียบเทียบว่า คนอื่นๆก็เลว กระทำกับชนกลุ่มน้อยเหมือนกัน  มันก็เหมือนกับขว้างงูไม่พ้นคอหรอกค่ะ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ปลาใหญ่ก็กินปลาเล็กมาทั้งนั้น รวมทั้งสยามของเราด้วย จะว่าอเมริกาว่าอย่างนั้น อย่างนี้..แต่ถ้าไม่ใช่เพราะอเมริกาตัดสินใจเข้ามาร่วมพันธมิตร เอาทหารจำนวนนับล้านๆมาช่วยกอบกู้สงคราม  มาช่วยคนที่ไม่ใช่ญาติใช่โยม  อีกทั้งมาช่วยเยียวยาให้กับเหยื่อสงครามของเยอรมัน.. ป่านนี้ก็ไม่ทราบเลยว่า  เหล่านักเรียนจะมีเล่นกีฬาสีเล่นกันอยู่หรือเปล่า..? แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 04:30:45 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 03:32:34 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 03:10:12

ความคิดเห็นที่ 44 ศธ.ขอโทษ 4 ประเทศ กรณีนักเรียนแต่งกาย "นาซี" ในงานกีฬาสี "เป้ สเลอ" ชี้เอ็มวี "ฮิตเหรอ" ไร้เจตนาร้าย วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:50:53 น. Share52 (ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และหนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ฉบับประจำวันที่ 29 กันยายน 2554) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ กรณีนักเรียนหญิงโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ แต่งตัวเลียนแบบอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซี ประเทศเยอรมนี พร้อมถือธงสวัสดิกะเดินขบวนในงานกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน ก่อนภาพหลุดไปแพร่หลายอยู่ในโลกไซเบอร์ จนหนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ของประเทศอังกฤษนำมาตีแผ่ สร้างความไม่สบายใจกับนานาประเทศ กงสุลเยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกาออกมาประท้วงโรงเรียนและเรียกร้องให้มีการสอนประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ ว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ เพราะกระทบความรู้สึกของคนจำนวนมาก โดยเบื้องต้นจะพยายามลงไปดูแล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก ขณะที่นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ โฆษก ศธ. กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสถานทูตอังกฤษ อเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศสแล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กนักเรียน ซึ่งคณะครูชี้แจงว่าไม่ทราบมาก่อน เพราะเป็นชุดการแสดงที่ไม่ได้แจ้งให้ครูทราบล่วงหน้า คณะนักเรียนและครูโรงเรียนจึงรู้สึกเสียใจ ซึ่งสถานทูตทั้ง 4 ประเทศรับทราบและเข้าใจแล้ว นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ได้กำชับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ที่ต้องการให้ครูและนักเรียนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทั้ง 5 ภูมิภาคของโลก และได้กำชับให้เน้นพูดถึงผลกระทบหลังการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจส่งผลเสียลักษณะนี้ได้ วันเดียวกัน น.ส.ดรุณี ศรีประมงค์ ผอ. โรงเรียนพระหฤทัย จ.เชียงใหม่ ออกแถลง การณ์เรื่อง "โรงเรียนพระหฤทัย ขออภัยสืบเนื่องจากกีฬาสีของโรงเรียน (Deeply Apolo gies)" เนื้อหาระบุว่า "กราบขออภัย ทุกท่านที่เคารพ เนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2554 ทางโรงเรียนพระหฤทัย จ.เชียงใหม่ ได้จัดการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียนขึ้น และมีการแบ่งสีเป็น 7 สี และหนึ่งในจำนวนนั้นคือสีแดง ได้จัดฉากเครื่องหมาย และแต่งกายในรูปแบบคล้ายกับเครื่องหมายนาซี ซึ่งเป็นการแสดงที่ผู้แสดงตั้งใจจะสื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นสัญลักษณ์ของสีแดง อันเป็นสีที่นักเรียนสังกัดกลุ่มนี้อยู่ การแสดงครั้งนี้นักเรียนมิได้มีเจตนาจะกล่าวถึงการทำลาย และการฆ่าล้างเผ่าหรืออื่นๆ นอกเหนือไปจากนี้เลย ทางโรงเรียนพระหฤทัยรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในครั้งนี้ และขออภัยต่อการไม่ได้ติดตามการเตรียมการของนักเรียนก่อนที่จะจัดกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันทางโรงเรียนขอขอบพระคุณท่านที่ได้กรุณาท้วงติง และชี้แจงตักเตือนถึงการกระทำดังกล่าว และกราบขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ รวมทั้งตั้งใจจะให้การศึกษาอบรมกับนักเรียนในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้น จะเข้มงวดกวดขันในการแสดงต่อสาธารณชนยิ่งขึ้น และขอสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นในสถาบันการศึกษาอีกต่อไป" ด้านศูนย์ซีมอน วีเซนธาล องค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวยิว ออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของศูนย์ www.wiesenthal. com เรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มคริสเตียนในประเทศไทยประณามการเดินขบวนพาเหรดกีฬาสีของโรงเรียนพระหฤทัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งแต่งชุดเลียนแบบจอมเผด็จการนาซี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และหน่วยเอสเอส พร้อมกับทำท่าให้ความเคารพฮิตเลอร์ โดยขบวนพาเหรดเริ่มเดินออกจากโรงเรียนออกไปถนนด้านนอกโรงเรียนด้วย แรบไบอับราฮัม คูเปอร์ ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ซีมอน วีเซนธาล ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า มีกลุ่มผู้ปกครองที่รับไม่ได้และรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเดินพาเหรดกีฬาสีของโรงเรียนพระหฤทัยมายังศูนย์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากปี 2550 ที่มีการเดินขบวนพาเหรดของนักเรียนไทยแสดงความเลื่อมใสในลัทธินาซี แรบไบคูเปอร์ระบุต่อว่า ผู้รอดชีวิตและญาติพี่น้องของเหยื่อสังหารโดยลัทธินาซีจำนวนมากยังคงเจ็บปวดจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งเป็นอาชญากรรมเลวร้ายที่สุดในประ วัติศาสตร์ และนาซีซึ่งมีอำนาจในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 2 มีคตินิยมการเหยียดเชื้อชาติที่ทำให้ชนชาติอื่นเกิดความรู้สึกว่าเป็นปมด้อย รวมถึงชาวเอเชียด้วย จากเหตุการณ์ดังที่ปรากฏเห็นได้ชัดว่าการเฉลิมฉลองนาซีไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยปราศจากความรู้และความร่วมมือจากฝ่ายบริหารของโรงเรียน ศูนย์ซีมอน วีเซนธาล เรียกร้องให้โรงเรียนพระหฤทัยในฐานะที่เป็นโรงเรียนคริสเตียนแสดงความรับผิดชอบให้ถึงที่สุดต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และการที่คณะครูอาจารย์ตัดสินใจว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผิดหรือถูกก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากฝ่ายบริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับการสอนจริยธรรมและประวัติศาสตร์ ทางศูนย์จะเตรียมข้อมูลเพื่อการศึกษาให้กับนักเรียนเกี่ยวกับการที่นาซีสังหารหมู่ชาวยิว 6 ล้านคน รวมทั้งเด็ก ชาวยิปซี และเหยื่อผู้บริสุทธิ์ 1.5 ล้านคนด้วย นอกจากนี้ แรบไบคูเปอร์ซึ่งเดินทางมาทำกิจกรรมสิทธิมนุษยชนในเอเชียบ่อยครั้ง ยังกล่าวถึงขบวนพาเหรดนาซีของนักเรียนโรงเรียนทิวไผ่งาม 200 คน เมื่อปี 2550 และระบุด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ วงดนตรี "สเลอ" ของไทยก็สวมชุดนาซี และติดเครื่องหมายสวัสดิกะแสดงในมิวสิควิดีโอเพลง "ฮิตเหรอ" อีกด้วย สำหรับศูนย์ซีมอน วีเซนธาล เป็นองค์กรเอ็นจีโอดำเนินงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนชาวยิวทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 2520 เพื่อให้การศึกษา กับสังคมเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามโดยพวกนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ศิลปินขวัญใจเด็กแนวอย่างวง "สเลอ" ของค่ายเพลงสมอลล์รูม ที่มีสมาชิกประกอบด้วย เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ, จักรพันธ์ บุณยะมัต, ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ และธิติพันธุ์ อนะวัชพงษ์ ที่ถูกพาดพิงเนื่องจากมิวสิควิดีโอเพลง "ฮิตเหรอ (Hitler)" อัลบั้ม "บุ้ง" (Boong) ซึ่งทั้ง 4 สมาชิกวงสเลอแต่งตัวเลียนแบบฮิตเลอร์-นาซี จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์ใหญ่โตนั้น "เป้"อารักษ์ หนึ่งในสมาชิกวงสเลอ ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่ารู้สึกแย่ เพราะตอนที่ตนและสมาชิกทำมิวสิควิดีโอเพลงนี้ออกมาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แค่ต้องการนำมาล้อเล่นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตและรุนแรงตามมาแต่อย่างใด "เป้"อารักษ์ กล่าวอีกว่า พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นหนังฝรั่งหลายเรื่องนำเรื่องพวกนี้มาล้อเลียนหรือมานำเสนอไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งโดยเนื้อหาของเพลงไม่ได้เกี่ยวข้องกับฮิตเลอร์ แต่เนื้อหาเพลงจะพูดถึงวัยรุ่นที่มีความมั่นใจตัวเองสูง แต่งตัวทุกอย่างที่คิดว่าอินเทรนด์ ซื้อเสื้อผ้าค้นหาแฟชั่นตามสถานที่ซื้อแล้วว่าเป็นที่รวมแฟชั่นฮิต ต้องมีของอินเทรนด์ ซึ่งตนก็แค่แต่งกายเลียนแบบเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในมิวสิควิดีโอเท่านั้นเอง "เป้"อารักษ์ กล่าวต่อว่า ถ้าถามว่าเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และไม่ควรนำมาล้อเลียนแบบนี้ อีกอย่างมิวสิควิดีโอเพลงนี้ออกฉายมาเป็นปีแล้ว ในส่วนของกระแสวิจารณ์ยอมรับว่ามีเข้ามาเรื่อยๆ อย่างเช่นมีฝรั่งคนหนึ่งเห็นมิวสิควิดีโอเพลงนี้ในห้างสรรพสินค้าก็ออกอาการโวยวายทันที แต่ถ้าถามว่าตนรู้สึกผิดกับเรื่องนี้หรือไม่ แน่นอนว่าตนและสมาชิกทุกคนในวงรู้สึกผิดกันหมด และอยากขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไป อยากขอย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เด็กนักเรียนใน จ.เชียงใหม่ แต่งกายเลียนแบบฮิตเลอร์-นาซี นักร้องหนุ่มกล่าวว่า พวกเด็กๆ คงไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี เพียงแต่ต้องการทำเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรในเมื่อเด็กๆ ทำไปแล้วก็ควรมีครูหรือผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ หรือไม่ก็คอยชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวว่าสิ่งที่เด็กๆ ทำไปนั้นถูกผิดอย่างไร ต่อข้อถามว่าทราบข่าวนี้แล้วรู้สึกอย่างไร นักร้องหนุ่มตอบว่า ตกใจแค่ตอนแรกๆ มากกว่า เพราะที่ผ่านมาก็เจอกระแสแบบนี้มาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ ตนและสมาชิกในวงคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ หรือทำอะไรได้ดีไปกว่ากล่าวคำว่าขอโทษ เพราะตอนที่ทำงานนี้ออกมาไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น และไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือรุนแรงอย่างที่หลายๆ คนมอง ซึ่งตนไม่ได้ภูมิใจกับมิวสิควิดีโอเพลงนี้สักเท่าไหร่ และไม่อยากให้เด็กๆแต่งตัวตามหรือล้อเลียนฮิตเลอร์อีก .......................................................................................................... ตอนนี้ ศธ. ก็ออกมารับหน้า..และมีการขอโทษกันไปแล้ว..โดยอ้างว่าเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (อันนี้เชื่อว่าจริง..)  แต่ที่บอกว่าโรงเรียนไม่ได้ติดตามการเตรียมการของนักเรียนก่อนที่จะจัดกิจกรรมอย่างใกล้ชิด (อันนี้ไม่เชื่อ.... อีกทั้งน่าเป็นห่วง) อันที่จริง..ผู้บริหารโรงเรียนน่าจะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส..โดยการติดต่อขอรับการสนับสนุนเรื่องข้อมูลและข้อเสนอที่จะช่วยในการพัฒนาการเรียนเรื่องประวัติศาสตร์แห่ง Holocaust จาก The Simon Wiesenthal Center ไปเสียเลย..เพราะเขามีพร้อมทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   youth education เขามีการบริหารจัดการเป็นเรื่องเป็นราว.. http://www.museumoftolerancenewyork.com/site/c.lkIYLdMMJpE/b.5148455/k.94BE/Youth_Education.htm ดิฉันเชื่อว่า..ทางโรงเรียนจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่..และเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ น่ายกย่อง  อีกทั้งจะได้เป็นผลดีต่อไปข้างหน้าสำหรับโรงเรียนอื่นๆ เพราะการเรียนรู้เรื่องของการทำลายล้างเผ่าพันธ์นี้..จะเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนสนใจศึกษาและค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆไปด้วย จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 04:48:57

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณ คุณ WIWANDA สำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ครับ แต่ขอคิดแตกต่าง    เช่น "...จะว่าอเมริกาว่าอย่างนั้น อย่างนี้..แต่ถ้าไม่ใช่เพราะอเมริกาตัดสินใจเข้ามาร่วมพันธมิตร เอาทหารจำนวนนับล้านๆมาช่วยกอบกู้สงคราม  มาช่วยคนที่ไม่ใช่ญาติใช่โยม  อีกทั้งมาช่วยเยียวยาให้กับเหยื่อสงครามของเยอรมัน... ป่านนี้ก็ไม่ทราบเลยว่า  เหล่านักเรียนจะมีเล่นกีฬาสีเล่นกันอยู่หรือเปล่า..? " ขอเอาแค่บางประเด็น    คือผมคิดว่า   -ยังมีกีฬาสีเล่นแน่นอน  ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ถ้านาซีชนะ เด็กรุ่นต่อมาก็เติบโตไปตามนั้นละ โลกก็ดำเนินต่อไป  แตกต่างจากที่อเมริกาชนะแน่นอน   แต่ก็ต้องมีอย่างอื่นๆทำสำหรับเด็กๆ อาจดีกว่า หรืออาจเลวกว่า - อเมริกาเข้าช่วย ไม่ใช่เพราะทำความดีแก่ชาวโลกครับ เข้าช่วยเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า และตักตวงเต็มที่เช่นกัน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรครับ อนึ่ง ความดีและความชั่ว ไม่เกี่ยวกันครับ ต้องแยกกันเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าคนทำความดีมากแล้ว  ถึงทำความชั่วบ้าง   พวกเราก็อย่าตำหนิเลย ขอย้ำว่า  ไม่ใช่   ความคิดของผมก็คือ การทำความดี เราก็ยกย่องในการทำความดีนั้นๆ แต่เมื่อทำความชั่ว เราก็ตำหนิที่ความชั่วนั้นๆเช่นกัน ไม่เกี่ยวกับตัวผู้ทำ ซึ่งเมื่อกลับกัน จะยิ่งเข้าใจยากคือ คนทำชั่วมากๆ แล้วมีการทำความดีบางครั้ง  เราก็ต้องแยกแยะเช่นกัน กรณี นาซี  มีประเด็นความดีอยู่ แต่คนส่วนมากไม่สนใจ เพราะมันทำความเลวที่เป็นบาปหนักใหญ่หลวงกว่ามากนัก ซึ่งผมคิดว่า ก็สมควรแล้ว สำหรับผลแห่งความเลวที่ได้ทำ อ้อ ยิวในปัจจุบัน ก็เลวทราม ไม่ต่างจากนาซีหรอกครับ ถ้ามีใจเป็นธรรม   ลองดูที่ยิวทำกับชาวปาเลสไตน์ ก็แล้วกัน ผมเขียนยาวไปแล้ว ขออภัยที่คิดต่าง จากคุณ : นั่นปะไร เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 07:02:14

ความคิดเห็นที่ 46 ใจเขาใจเรา จากคุณ : ปรียทรรศิกา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 10:30:10

ความคิดเห็นที่ 47 จำจอร์จ โซรอส ได้หรือเปล่า ยิวที่ดูดเงินของเราจนเกลี้ยงคลัง หลายคนหมดตัว เป็นหนี้สิน ฆ่าตัวตาย ฝรั่งธนาคารโลกตำหนิเรา กดราคารเงินเราตกต่ำ บังคับให้เราใช้หนี้สิน ร่วมด้วยช่วยกันปล้น   มีคนไทยไปประท้วงขอให้ยิวและฝรั่งคิดถึงใจเขาใจเรามั้ยคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 10:53:49

ความคิดเห็นที่ 48 ในเวทีโลก ศีลธรรมแบบใจเขาใจเราน่ะ ใช้ไม่ได้หรอกค่ะ ก็เพราะมันไม่เคยมีน่ะสิ ต้นทุนไม่เท่ากันนี่ลำบากนะ มันอยู่ที่ว่า มีกึ๋นแค่ไหนในการต่อรองและแก้ปัญหา ตัวอย่างเช่น ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เราทำได้แค่หงอๆ ธนาคารโลกจะให้เราลดค่าเงินต่ำเตี้ยยังไงเราก็ยอม  ก้มหน้าก้มตายอมรับว่า เราผิด เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชาวโลกปั่นป่วน (จริงหรือ?) ขอโทษนะ ขอโทษ น้องไทยผิดไปแล้วววว ในขณะที่ ดร.มหาธีร์ ของมาเลเซีย เขาไม่ยอมลดค่าเงิน ยืนซดปากกับเมกา ใครจะด่าว่า ไม่ตามกระแสโลก แกก็ไม่กลัว แล้วเป็นไง ทฤษฎีใครถูก เด๋วนี้ มาเลเซีย ล้ำหน้าพี่ไทยจนนับก้าวไม่ทันแล้ว เพราะเค้าเป็นตัวของตัวเอง คิดเองได้ ไม่ต้องให้พี่ใหญ่ใจร้ายมาจูงจมูกไง จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 11:26:52

ความคิดเห็นที่ 49 ทำไมเหรอ ก็สมัยสงครามโลกเราอยู่ฝ่ายอักษะนี่ จะแต่งมีไหม ปีหน้าแต่งเป็นบินลาเดนเลย จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 12:22:01

ความคิดเห็นที่ 50 ตรรกะวิบัติ(เหตุผลวิบัติ) ที่ขอคัดจากความเห็น 79 กระทู้โน้น http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11121504/K11121504.html ขอยกเอามาให้อ่านกันในกระทู้นี้อีกครั้ง น่าจะตอบเจ้าของกระทู้และบางความเห็นได้ -เธอก็เหมือนกัน ฉันจึงไม่ผิด (Argumentum ad Hominem Tu Quoque) คือการอ้างว่าในเมื่อผู้พูดเคยทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวพูดเลยทำให้สิ่งที่ผู้พูดนำเสนอ ขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่มีน้ำหนักหรือทำให้สิ่งที่ตัวเองทำไม่ถือเป็นความผิด นักเรียนคนหนึ่ง  : เซ็งเป็ด  ครูจับได้ว่าลอกการบ้านโดนด่าเละเลย แถมขู่อีกว่าถ้ามีเที่ยวหน้าจะโทรฟ้องผู้ปกครอง เพื่อนของเธอ : แล้วเธอลอกจริงหรือเปล่าละ นักเรียน : จริง  เราลอกแล้วทำไมละ  โธ่ ครูคนที่ด่าเรานะยังเล่าเองเลยว่า ตอนเด็กๆก็แอบลอกการบ้านเพื่อน  ทีตัวเองละทำได้ ประเด็นคือ ครูเคยลอกการบ้านในตอนเด็ก ครูผิดไหมบอกเลยผิด  แต่ถ้าถามว่าจะทำให้น้ำหนักความผิดของนักเรียนคนที่ลอกการบ้านเพื่อนลดลงหรือเปล่า คำตอบคือไม่ จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 12:50:28

ความคิดเห็นที่ 51 #38ก็ไอ้พวกชั่วร้ายที่คุณว่ามา นั่นแหล่ะครับ คือกลุ่มหลักที่ยังบูชาฮิตเลอร์ ทีนี้ก็ชัดเจนยังว่าำทำไมต้องต่อต้าน หุหุ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:09:46

ความคิดเห็นที่ 52 ผีกรุแตก ตรรกะบกพร่องตระกูล Ad Hominem น่ะ เค้าห้ามใช้อารมณ์มาแทนเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการอ้างเรื่องส่วนตัว หรือแบบทีเอ็งทำ ข้ายังไม่ว่าเลยอ่ะ   เค้าเตือนให้แยกแยะที่เนื้อหาก่อนที่จะเอาอะไรมาอ้าง เช่น การลอกการบ้านผิดเสมอ ไม่ว่า ใครทำ ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเด็ก น้ำหนักความผิดของนักเรียนคนที่ลอก ไม่ลดลง ทำนองเดียวกัน น้ำหนักความผิดของครูที่เคยลอกก็ไม่ลดลงเช่นกัน กลับกัน พวกที่แก้ตัวให้ฝรั่งนี่ล่ะ ที่บกพร่อง เพราะใช้ Fallacy of Special Pleading ความผิดพลาดเป็นของฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ใช่ของตัวเอง ก่อนที่จะว่าใคร ต้องดูก่อนว่า ตัวเองเคยทำหรือไม่ หากตัวเองเคยทำ ก็ไม่ควรไปว่าคนอื่น แบบที่สำนวนไทยเรียกว่า "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" หรือ "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น" จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:17:33

ความคิดเห็นที่ 53 ขอขอบคุณ คุณ wiwanda สำหรับข้อมูลดีๆครับ          ทุกฝ่ายได้ขี้แจง ขอโทษกันแล้ว  ก็อย่างที่ทางรร.บอก คือเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้คิดอะไรมาก   ทำสนุกๆเท่านั้น  แล้วก็ขอโทษถ้ามันทำให้กระเทือนใจท่านๆทั้งหลาย ก็น่าจะจบได้แล้วครับ          อ้อ ในฐานะที่ผมมีลูกอยู่มัธยมต้น และปลาย  ขอบอกนะครับว่า การจัดการของ กีฬาสี  ทางรร.จะปล่อยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรกันเอง   เพื่อที่ให้เด็กแสดงออกได้ อย่างเต็มที่  ทางครูและรร.จะไม่เข้าไปยุ่งครับ   ผมยืนยันได้             ลองคิดดูซิครับ  อยากให้เด็กไทยมีความคิดสร้างสรร  กล้าแสดงออกในทางที่ดี  ไม่อยากสอนแบบให้ท่องจำ  พอเด็กทำอะไรเกินไปบ้าง  ก็จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ไปทำไม  เรื่องเด็กๆ จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:24:51

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบคุณนั่นปะไรค่ะ.. คิดต่างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะคนเรามีสิทธิที่จะมองได้หลายมุม หลายเหลี่ยม เพียงแต่เรื่องของประวัติศาสตร์นั้น ถ้าอ่านแบบไม่มีอคติ..กับใคร หรือ สิ่งใด..ก็จะเข้าใจในสถานการณ์..โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่สองนั้น..เป็นสงครามที่เพิ่งเกิดขึ้นมาหมาดๆ อีกทั้งข่าวสาร การบันทึก รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหวให้เห็นกันแบบจะจะ..ไม่นับไปถึงหนังสือประเภท memoirs ของผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆที่พิมพ์ออกมากองพะเนินเทินทึก.. ดิฉันอ่านและติดตามเรื่องนี้แบบค่อนข้างใกล้ชิด เพราะสนใจเป็นส่วนตัว..เพราะมันเหมือนกับกล่องจิ๊กซอว์กล่องใหญ่ที่มีลายค่อนข้างยุ่งเหยิง..ที่เราต้องปะติดปะต่อเฉลยปัญหาภาพออกมาให้เหมือนต้นแบบ..เมื่อดิฉันทำเสร็จ..และมองเห็นภาพชัดเจน.. ดิฉันได้ทำการเรียบเรียงเรื่องของฮิตเล่อร์มาลงในพันทิบเมื่อหลายปีก่อน..ตอนนี้ก็ตามไปอ่านได้ค่ะ...ที่.. http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=member_main&actype=article&ntype=15 ในการเขียน..ดิฉันไม่ได้"ตำหนิ" หรือ "ชื่นชม" ใครเลย...แต่เล่าในส่วนที่มีหลักฐานปรากฏ และเรียบเรียงให้อ่านง่าย..เข้าใจง่าย..เพื่อที่ผู้อ่านที่สนใจจะได้เก็บไว้เป็นพื้นฐาน.และ ถ้าหากว่าได้ไปดูภาพยนตร์ หรือ อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้..จะได้เข้าใจในความเป็นมา และในขณะดียวกัน..ดิฉันได้เรียบเรียงเรื่องอื่นไประกอบไปด้วย เช่นเรื่อง เชลย (ยิว) และในอนาคต..กำลังจะเรียบเรียงเรื่องของสงครามครั้งนี้ในฝ่ายของรัสเซีย ตามหลักฐานจากหนังสือในกรุที่มีมากมายพอสมควร.. ในสงครามโลกครั้งที่สองนี้..ดิฉันชอบมองไปที่ตัวบุคคล  มองไปถึงความอัจฉริยะ กล้าหาญและความใจถึง..รวมไปถึงผลประโยชน์ทางการเมือง.. อย่างประธานาธิบดีรูสเวลท์ที่กล้างัดกับสภาในการที่จะยื่นมือมาช่วยรัสเซีย (ที่เป็นคอมมิวนิสต์) และ อังกฤษ..ในตรรกะง่ายๆที่บอกกับนักข่าวถึงระบบ"ให้ยืมอาวุธ" หรือที่เรียกว่า..Lend-Lease นั้นว่า.. "ถ้าบ้านข้างๆกำลังถูกไฟใหม้..เขามาขอยืมสายยางไปดับไฟ...ผมคงไม่มีหน้าไปบอกเขาหรอกว่า เอามาสิบห้าเหรียญค่าสายยางก่อนซิ....ผมทำไม่ได้หรอก..แต่ผมสะดวกใจที่จะให้สายยางเขาเอาไปใช้ก่อน..ดับไฟเสร็จแล้วค่อยเอามาคืนผม.." นี่คือระบบที่รูสเวลต์ได้"แอบ"ให้กับรัสเซียและอังกฤษตั้งแต่เดือน มิถุนายน 1941  จบสงครามแล้วค่อยมาคิดบัญชีกัน (ดอกเบี้ยสองเปอร์เซ็นต์) และทะยอยส่งให้แบบไม่อั้น..แถมทำหน้ามึน ไม่รู้ไม่ชี้....ปากก็ว่า..ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามจริง จริ๊ง.. และนี่คือเหตุผลว่าทำไมฮิตเล่อร์ถึงสยบสตาลินไม่ได้..เพราะเส้นทางการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์นั้น...สะดวกมาก...ส่งขึ้นเครื่องบินจากอลาสก้า..บินถึงรัสเซียภายในสองชั่วโมง (ตามแผนที่ค่ะ)....เยอรมันบุกด้วยปันเซอร์  รัสเซียมีรถถังรุ่น Sherman ที่คงกระพันกว่า..ระยะยิงไกลกว่า.. เยอรมันส่งฝูงบินแมสเซอร์ชมิท..ที่บินได้ไม่นานก็ต้องกลับไปเติมน้ำมัน  เจอ Yak ของรัสเซียที่มีสามารถไล่ล่าได้ไปถึงรัง.. และเพราะ Lend-Lease นี่เอง..ที่ทำให้ญี่ปุ่นเห็นว่า..มันชักจะมากไป..ก็เลยตัดสินใจโจมตี เพิรล์ ฮาร์เบอร์ ในเดือนธันวาคม 1941 หมายที่จะตัดกำลังทางด้านทัพเรือ (ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินเพียบบบ) และนั่นคือเหตุผลอันดี..ที่สภาแห่งวอชิงตัน..ต้องประกาศเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้.. เรื่องนี้เป็นความจริงในประวัติศาสตร์ที่เราปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะ..แม้แต่บุรุษเหล็กอย่างสตาลิน..ได้ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย  ที่ Tehran Conference in 1943 ว่า.. "Without American production the United Nations could never have won the war." ขออภัย..ที่พูดยาวไปเช่นกัน.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:25:52

ความคิดเห็นที่ 55 เอเธนา 1. ใคร อะไร ตรงไหนที่ใช้อารมณ์แทนเหตุผล 2. ใครแก้ตัวให้ฝรั่ง จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:28:22

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นตรรกะของหลายคนแล้วประหลาดใจเหลือเกิน ทำผิดไปก็ขอโทษ และหาทางอย่าให้ผิดซ้ำซาก ก็เท่านั้นไม่เห็นยาก ดันไปขุดเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาแย้ง (แถ) ว่า ฝ่ายแกก็ทำแบบนั้นแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นอย่าสะเออะมาด่าใคร เฮ้อ มันเกี่ยวไรกันอ่ะ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 14:05:45

ความคิดเห็นที่ 57 เค้าขอโทษตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว แต่ก็ไม่ฟัง รุมซ้ำกระหน่ำอยู่นั่นแหละ เรื่องซ้ำเติมกันนี่เก่งนักนะ สิ่งที่ควรจำไม่จำ ไปจำแต่เรื่องไกลตัว Inter จังนะ ลืมกำพืดตัวเอง น่าสมเพช แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 14:14:06 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 14:11:14

ความคิดเห็นที่ 58 อืมม์.. ดูเหมือนจะได้คำตอบโดยปริยายว่า ใคร อะไร ตรงไหน "ที่ใช้อารมณ์แทนเหตุผล" อืมม์... จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 14:21:12

ความคิดเห็นที่ 59 ผมอุตส่าห์มาแสดงความเห็นแบบพยายามให้รวบรัดที่สุด ไว้ในความเห็นที่ 50 ข้างบนแล้วเชียวนะ ซึ่งนั่นแสดงว่าผมคนนึงล่ะ ไม่อยาก "ซ้ำเติม" ผมไม่พยายาม "ใช้อารมณ์" และไม่ได้มา "แก้ตัว" ให้ใคร ซึ่งถ้า "ซ้ำเติม ใช้อารมณ์ แก้ตัวให้ฝรั่ง" ไม่ได้หมายถึงผม ผมก็ขอผ่าน แต่ถ้าใครจะมีประเด็นอะไรกับผม ทิ้งข้อความแบบมีประเด็นให้ชัดๆไว้ เดี๋ยวค่ำๆจะมาต่อความ ตอนนี้ขอไปทำธุระ จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 14:32:38

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นคุณ WIWANDA เข้ามาตอบแล้วดีใจค่ะ (ว่าแต่จะเข้ามาอีกมั้ยเนี่ย) เมื่อไหร่จะได้อ่านกระทู้ เลิศเลอวงศา...โรมานอฟต่อคะ (มาทวงเอาในนี้เลยนะเรา = =; ) จากคุณ : citrus_tree เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 14:32:42

ความคิดเห็นที่ 61 ตรรกะที่บกพร่องอีกแบบหนึ่งที่ฝรั่งใช้ในเรื่องนี้คือ การด่วนสรุป เกิดเหตุเพียง 2 โรงเรียน ก็ด่วนสรุปว่า ระบบการศึกษาของไทยใช้ไม่ได้ ไม่สอนเรื่องประวัติศาสตร์โลกและวิชาจริยธรรม รวมทั้งสอนให้เด็กนิยมนาซี โรงเรียนไทยทั้งประเทศคงแย่เหมือนกันหมด การอ้างเหตุผลบกพร่องแบบนี้ มักเกิดจากอารมณ์หรืออคติ หากผู้อ้าง ไม่มีอคติ โน้มนำก็คงไม่เหมาเช่นนั้น เช่น ระแวงว่าแฟนจะนอกใจ แค่โทรศัพท์หาไม่เจอ 2-3 ครั้ง ก็ด่วนสรุปแล้วว่า แฟนคิดไม่ซื่อ ควรสุ่มเลือกโรงเรียนกระจายไปทั่วภูมิภาคก่อน จึงจะสรุปว่า ระบบการศึกษาไทยไม่ได้สอนเรื่องประวัติศาสตร์โลกและวิชาจริยธรรม จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 19:13:43

ความคิดเห็นที่ 62 บางท่านโรงเรียนเอกชนแห่งนี้อาจพลาดให้มีนาซี. และเป็นโรงเรียนคริสต์ วาติกันมีปัญหากับยูดายมาตลอดในประวัติศาสตร์. คริสตชนบางคนยังมีความเชื่อฝังหัวว่า “ชาวยิวเป็นต้นเหตุทำให้พระเยซูสิ้นพระชนม์” ช่วงนาซีสังหารชาวยิวมากมาย พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 แสดงพระองค์แบบไหนบ้าง หรือเป็นเรื่องบังเอิญ....สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ ชาวต่างชาติไม่พอใจกับเหตุการณ์ "แต่งนาซี" คนที่ทักท้วงมีแต่แนวทางกว้างให้เรา ไม่มีรายละเอียดอะไรเลยจากกระทู้ด้านบน. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 22:13:09

ความคิดเห็นที่ 63 เรียน คุณศรีวรลักษณ์ คุณเป็นผู้ปกครองที่เยี่ยมมากค่ะ ที่เห็นความสำคัญของความเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจว่าลูกของคุณต้องเป็นคนดีและคนเก่งของสังคมเราแน่นอนค่ะ ถึงนักเรียนโรงเรียนที่เป็นข่าว ป้าขอเป็นกำลังใจให้หลานๆ ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 54 00:37:24 จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 00:36:38

ความคิดเห็นที่ 64 หนัึงสือขออภัยออกมาเีีีรียบร้อย หวังวืาจะเป็นบทเรียนให้ทุกๆที่ในไทย ไม่ใช่แค่โรงเรียน การตระหนักเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้สำคัญ กับระดับที่เราต้องมีส่วนร่วมในเวทีโลก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 03:29:55

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดเห็นที่ 63------งั้นผมก้อต้องวางอุเบกขาแล้วครับ เพราะน้ำคุณเต็มแก้วเหลือเกิน จากคุณ : โค่วจง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 07:14:53

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้ามีอิสระเต็มที่ในการแสดงความคิดเห็นและทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเกิดปัญหาแบบนี้ ต่อไปเราต้องมีเงื่อนไขเป็นโจทย์ให้เด็กๆ ได้ขบคิดแก้ปัญหาในการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์อื่นๆ เช่น ไม่ทำสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของมนุษยชาติที่มีความแตกต่างหลากหลายทาง ประวัติศาสตร์  ศาสนา ลัทธิความเชื่อ  เชื้อชาติ สีผิว  รวมทั้งวิถีเพศ  ... เป็นต้น จากคุณ : What's a pretty boy! เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 10:34:56

ความคิดเห็นที่ 67 เด็กคือบาปบริสุทธิ์ เป็นบันไดให้ผู้ใหญ่ได้หน้าได้ตาในเวทีโลก The end justifies means. จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 11:39:40

ความคิดเห็นที่ 68 ขอเล่าประสบการณ์ตัวเอง ที่เจอมาตรงๆ ช่วง ตอนผมอยู่ ม.ปลาย ผมได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เพื่อนของโฮสแฟมิลี่ของผมเป็นคนยิว ผมเลยได้มีโอกาสไปทานอาหารในช่วง Hanukkah ด้วยครั้งนึง เขาเป็นคนยิวจริงๆ ที่ยังนับถือและปฎิบัติแบบยิวอยู่ ทั้งเรื่องการทานอาหารและอื่นๆ รวมทั้งส่งลูกไปเรียนศาสนาที่อิสราเอลด้วย แต่เขาก็เป็นคนยิวที่ดี ไม่ได้เห็นแก่ตัว หรืองก เหมือนที่คนไทยหลายๆ คนชอบคิด (ขึ้นมาเอง - เพราะตัวเองก็ไม่เคยรู้จักคนยิวจริงๆ ด้วยซ้ำ) และการสร้างภาพของวรรณกรรมตะวันตกยุคโบราณ ผมจำได้ว่า มีหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ผมได้เดินดูตามฝาผนังที่เขาแขวนรูปของครอบครัวไว้ รูปรูปหนึ่งเป็นรูปถ่ายขาวดำ ที่ฉากหลังเป็นฉากแบบญี่ปุ่น แล้วก็มีร่มญี่ปุ่น ผมเลยถามว่าทำไมรูปเป็นรูปญี่ปุ่น เขาเลยตอบว่า รูปนั้นเป็นรูปบรรพบุรุษของเขา แต่เดิมเขาก็อยู่ที่ยุโรป แต่พอนาซีเรืองอำนาจ เขาก็เลยต้องหนี แล้วสุดท้ายก็ได้หนีมาญี่ปุ่น เพราะความช่วยเหลือของญี่ปุ่นเอง ทั้งๆ อยู่ฝ่ายเดียวกับเยอรมัน จนสงครามจบ เขาเลยอพยพมาอเมริกาต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ มาก และคงไม่สลักสำคัญเท่ากับเรื่องความเป็นชาติ หรือชาตินิยมที่หลายๆ คนเสนอ แต่เรื่องนี้เล็กๆ นี้ก็สอนผมได้ว่า มนุษย์เรา เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง มันคิดได้แหละครับว่าเรื่องไหนควรไม่ควร เรื่องไหนมันเป็นสิ่งที่ไม่ ไม่แบ่งแยกหรอกว่าอันนี้เป็นค่านิยมฝรั่งหรือไทย หรืออะไร ส่วนคนที่พยายามเทียบกับความเลวของอีกคนว่าอันไหนมากกว่ากัน คุณลองถามตัวเองดูล่ะกันว่า ถ้าคนไทยไม่กี่คนไปทำอะไรผิด แล้วคุณโดนจับไปฆ่าแบบเหมารวมทั้งชาติ มันยุติธรรมไหม? คห 38 ผมอยู่อเมริกาและผมไม่เคยเจอแบบนั้น.. และคนที่ทำแบบนั้นก็คือพวกนีโอนาซี.. และผมกล่าวได้ว่าเมืองไทย racist กว่าชาติอื่นๆ เยอะ.. และที่เลวร้ายกว่าคือเราทำแบบนั้นไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 54 19:23:52 จากคุณ : Govinda Gopala เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 19:22:23

ความคิดเห็นที่ 69 ขอโทษจริงๆนะครับ ไม่ได้เข้ามาดูเลยเพราะช่วงนี้กำลังสอบอยู่ เข้ามาดูอีกทีขึ้นแนะนำไปซะแล้ว-*- ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบและให้ความรู้นะครับ ประเด็นของผมที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ บรรพบุรุษของใคร ใครก็รักและเทิดทูนครับ และทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับนาซีก็ถูกทำให้น่ารังเกียจและน่ากลัว สมควรกับสิ่งที่ได้ทำไว้เลยนะครับ  นักเรียนพวกนี้คงจะเรียนรู้อะไรได้อีกเยอะเลยนะครับ(พยายามมองในแง่ดี อิอิ) จากแค่ Jane Doe: "เฮ้ยๆปีนี้จะเอาคอนเซปต์กีฬาสีอะไรดี" John Doe: "เอานาซีดิในยูทูปกำลังฮิตเลย" Jane Doe:"เออๆตลกดีวะ ไม่เคยมีใครทำด้วย" John Doe:"ตามนี้นะเราไปค้นข้อมูลมา ตอนเดินพาเหรดอะ เอาให้เหมือนเลยนะเว้ย" ไม่เอาน่า มันก็แค่ตลกร้ายที่เกิดขึ้น พวกเค้าไม่ได้เทิดทูนนาซีพวกเค้าไม่ได้สนับสนุนอุดมการณ์หรือความคิด อะไรทั้งนั้น จากคุณ : Freedom of Speech เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 19:24:34

ความคิดเห็นที่ 70 ค.ห. 68 กราบท่าน Sugiharaงามๆครับ จากคุณ : Freedom of Speech เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 19:30:16

ความคิดเห็นที่ 71 เพราะมันคือ taboo จากคุณ : battkatob เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:38:39

ความคิดเห็นที่ 72 เราแค่คนที่ได้รู้เรื่องนี้มาบ้าง ยังรู้สึกว่ามันเป็นโศกนาฏกรรมที่ใหญ่มากๆ ละเอียดอ่อนและกระทบกระเทือนจิตใจมากๆ ใจเขาใจเราอย่างที่ความเห็นข้างบนว่าน่ะค่ะ ควรศึกษาและแสดงออกด้วยความตระหนักค่ะ แล้วรู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องความเป็นไปในโลกนี้น้อยเต็มที่ ของประเทศเพื่อนบ้านก็ด้วย แทบไม่รู้จักกัน เรื่องก็น่าจะเกิดจากความไม่รู้ ซึ่งถือเป็นจุดที่เราจะได้หันมามองและปรับปรุงค่ะ จากคุณ : ชื่อดี เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 23:43:23

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ควรก็คือไม่ควร ไม่ว่าสิ่งที่ "ไม่ควร" นั้นจะมีสัญชาติใด นาซีคือสัญลักษณ์ของความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ไม่ควรมีการเผยแพร่ หรือแสดงออกเกี่ยวข้องกับมันอีก แต่คนไทยมักเอามาใช้กันเท่ๆ ใช้ในแง่บวก ...กรณีนี้ก็เหมือนกัน เราไปหยิบเอาของชาติอื่นมาแบบครึ่งๆ กลางๆ โดยไม่สนใจความหมายที่แท้จริง และบางคนในนี้ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สนใจความหมายที่แท้จริงอยู่ต่อไป บางคนที่ยังมีความคิดว่า เรื่องของฝรั่ง ไทยไม่เกี่ยว ช่วยกลับไปอ่านประโยคแรกใหม่ด้วยก็แล้วกัน จากคุณ : JinJu เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 01:05:01

ความคิดเห็นที่ 74 งั้นก็ช่วยไปด่าฮอลลีวูดด้วยนะคะ ที่ทำหนัง The Reader ให้คนเห็นใจฮันนาห์ที่เป็นนาซีและเป็นนางเอกของเรื่อง ได้ข่าวว่า ตอนฉายที่อเมริกาถูกต่อต้านจากชาวยิว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในดินแดนของเสรีภาพ หนังได้รางวัลออสการ์ด้วยนะคะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 23:46:54

ความคิดเห็นที่ 75 ยังมีนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ชื่อ  Martin Heidegger ซึ่งเป็นนาซี http://en.wikipedia.org/wiki/Heidegger_and_Nazism ถ้าความเป็นนาซี ถูกชาวโลกรังเกียจมากขนาดนี้ ก็คงไม่มีนักปรัชญาตะวันตก ยอมรับให้เค้าเป็นหนึ่งในต้นธารของปรัชญาหลังสมัยใหม่ซึ่งมีอิทธิพลสูงยิ่งในทุกวันนี้ ยังมีลูกศิษย์ของ Heidegger ชื่อ Hannah Arendt เป็นยิวที่หนีการตามล่ามาที่อเมริกา และเป็นนักปรัชญาการเมืองที่โดดเด่นคนหนึ่งของโลก เธอเขียนถึงทหารนาซีที่กระทำทารุณชาวยิว เธอเรียกว่าเป็น ความชั่วร้ายอันแสนสามัญ The benality of evil เป็นการขอให้ชาวโลกเรียนรู้ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ด้วยจิตใจที่เปิดกว้างและเข้าใจเหตุปัจจัยต่างๆ แม้จะถูกโจมตีจากหัวหน้าชาวยิวอย่างรุนแรงว่าไม่เห็นใจเหยื่อเชื้อสายเดียวกันก็ตาม     http://en.wikipedia.org/wiki/Hannah_Arendt บังเอิญไปเจอเว็บไซต์นี้  http://koenraadelst.bharatvani.org/articles/fascism/gandhihitler.html งง เหมือนกันค่ะ ว่าทำไมอย่างมหาตมะ คานธี ถึงเขียนจดหมายถึง ฮิตเลอร์ เรียกอย่างสนิทสนม ว่า My friend ไม่รู้เชื่อได้หรือเปล่า จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 00:23:00

ความคิดเห็นที่ 76 เคยไปเกาหลีใต้ ช่วงที่ประท้วงประธานาธิบดีอเมริกันที่มาเยือน เป็นการประท้วงอย่างรุนแรงและไม่ไว้หน้า ถ้าเรื่องนี้ เกิดที่เมืองไทย คนไทยในต่างประเทศคงอับอายขายหน้า แต่เราเห็นตามเว็บบอร์ดต่างๆ นักเรียนเกาหลีใต้ในต่างแดน ไม่มีใครตำหนิคนของตัว มีอีกอย่างที่น่าชื่นชมสำหรับนักเรียนและชาวเกาหลีใต้ที่อาศัยอยู่ในต่างแดน คือ การปั่นกระแส Korean Wave พวกเค้าจะสร้างเครือข่าย อาศัยภาษาอังกฤษดี เวลาชาวต่างชาติเขียนถามละคร เพลง ดารา นักร้องเกาหลี พวกเค้าจะเขียนเชียร์ เล่าเรื่องประวัติเกาหลี นิสัยคนเกาหลี ไม่ว่าใครจะโจมตีชาวเกาหลีอย่างไร พวกเค้าจะออกรับแทนและชี้แจงจนกว่าจะเข้าใจ เรียกว่า ขึ้นชื่อว่า เกาหลีใต้แล้ว อะไรๆ ก็ดีไปหมด จนบางครั้งออกจะเว่อร์ แต่ก็ยังน่าชื่นชมในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้าเรื่องแต่งตัวนาซีนี้เกิดที่เกาหลีใต้ เราก็เชื่อแน่ว่า ตัวแทนชาวเกาหลีใต้ในต่างแดน จะไม่ตำหนิคนในแผ่นดินแม่สักคำ มีแต่จะตอบโต้อย่างไม่ลดราวาศอก เอาล่ะ ! ถ้าเรื่องนี้ มันทำให้พวกคุณๆ ที่เขียนภาษาไทยในต่างแดนรู้สึกอับอายขายหน้ามาก ก็อยากจะบอกว่า คงมีเรื่องที่จะทำให้พวกคุณอับอายได้อีกเยอะล่ะค่ะ เพราะดินแดนนี้กำลังถูกจับตาไม่น้อยจากสื่อต่างแดน และเดาได้ไม่ยากจากกรณีนี้ว่า พวกคุณก็คงจะหันกลับมาตำหนิ คนในแผ่นดินแม่ที่ไม่รู้จักผิดถูกดีชั่ว ทำอะไรๆ ก็ไม่เข้ามาตรฐานของชาวโลกเค้า ก็น่าเห็นใจที่พวกคุณจะต้องมาแบกภาระอันหนักอึ้งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะบอกฝรั่งว่าคุณเป็นไต้หวันก็ได้นะคะ  เพราะถึงยังไง เมื่อพวกคุณกลับมา ก็คงไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดินแม่ได้มากนัก เนื่องจากได้ถูกวางโปรแกรมเป็นฝรั่งทั้งตัวและหัวใจไปหมดแล้ว ฝรั่งมองคนไทยว่าด้อยพัฒนาอย่างไร พวกคุณก็คงมองไม่ต่างกัน ถ้ากลับมาก็น่าจะมีแต่คำตำหนิติเตียนคนในแผ่นดินแม่ไม่รู้จบ เห็นใจพวกคุณมากๆ ค่ะ จะลาออกจากความเป็นคนไทยก็ได้นะคะ อนุญาตค่ะ จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 00:43:31

ความคิดเห็นที่ 77 คุณเอเธนาพยายามอย่างยิ่งที่จะผูกเรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน..แล้วทาสีให้ดูดี..อ่านแล้วเกิดความชมชื่นใน"ส่วนดี" ของลัทธินาซี..โดยการอ้างถึงบุคคลที่คุณว่า"ยิ่งใหญ่" มาเป็นเครดิตด้วยอีกสองสามท่าน.. ท่านแรกคือปรมาจารย์ทางวิชาปรัชญา Martin Heidegger..ที่คุณว่า.. "ถ้าความเป็นนาซี ถูกชาวโลกรังเกียจมากขนาดนี้ ก็คงไม่มีนักปรัชญาตะวันตก ยอมรับให้เค้าเป็นหนึ่งในต้นธารของปรัชญาหลังสมัยใหม่ซึ่งมีอิทธิพลสูงยิ่งในทุกวันนี้" ก่อนอื่น...ขอให้คุณเข้าใจในประวัติศาสตร์ช่วงนี้ไปตาม timelines ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญก่อน มาร์ติน เฮดเดคเคอร์ เกิดเมื่อ  ปี 1889 (เกิดปีเดียวกันกับฮิตเล่อร์) พอเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (1914-1919) ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร  เสร็จจากสงคราม..มาเป็นอาจารย์วิชาปรัชญาเมื่อปี 1923  ซึ่งเป็นช่วงก่อนกระแสนาซีจะเกิด เพราะปี 1923 นั้น ฮิตเล่อร์ยังวิ่งหางานทำอยู่เลย..แต่คนเยอรมันในช่วงนั้นทั้งประเทศอยู่ในสภาวะ"จิตตก" เพราะการแพ้สงคราม..อีกทั้ง..การถูกกระทำซ้ำเติมจากสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ที่หลายประเทศผู้ชนะได้เข้ามาย่ำยีและเฉือนดินแดนเอาไปตามความพอใจ..พูดง่ายๆว่าถูก"รุมทึ้ง" ก็คงใช่.. พอฮิตเล่อร์เริ่มกล้าแข็งขึ้น..ในปี 1933  ด้วยนโยบายจะรวมเยอรมันเข้าเป็นหนึ่งเดียว.. และจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีก..ใครเอาอะไรไปก็จะเอาคืน.. ในฐานะที่เป็นอาจารย์..มาร์ตินได้"ลุ่มหลง"ในวาทะและนโยบายของฮิตเล่อร์อย่างหมดใจ ชื่นชมศรัทธาในความรักชาติของฮิตเล่อร์..เพราะตอนนั้น..เยอรมันมองไม่เห็นทางออกเลยไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม..ฮิตเล่อร์จึงเป็นศูนย์รวมใจและความหวังของการปลดแอกคนทั้งประเทศ.. มาร์ตินได้ยอม"เลิกรัก" กับลูกศิษย์สาวที่มีสัมพันธ์กันอย่างเปิดเผย..นั่นคือ Hannah Arendt เพราะเธอเป็น"ยิว"  แต่ความเป็นยิวของฮันนาห์นั้นก็เป็นแบบผิวเผินเต็มที เพราะ กลายเป็นเยอรมันมาหลายชั่วคนแล้ว..คนกลุ่มเยอรมันแกมยิวนี้..เขาเรียกว่า secular อันหมายถึงพวกยิวกลาย..ไม่ได้ถือปฏิบัติในโรงสวด ไม่ได้กินอาหารโคเชอร์ ไม่ได้พูดภาษายิดดิช (ที่บ้าน) เพียงแต่พอนโยบายของนาซี ที่เริ่มจำกัดวงให้กลุ่มสายเลือดอารยันบริสุทธิ์โดดเด่น และเริ่มรังเกียจผู้ที่ไม่ใช่นั้นขยายออกไปทีละนิด.. คู่รักสองคนนี้ก็ต้องห่างกัน..เลิกรากันไปในที่สุด เพราะทัศนคติกับความเชื่อนั้นไม่ตรงกัน มาร์ตินเข้าร่วมกับพรรคนาซี (NSDAP) เมื่อปี 1933 หลังจากที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอธิการบดีที่ University of Freiburg  พอเข้ารับตำแหน่งปั๊บ..เขาก็สั่งให้กำจัดตำราทั้งหมดที่เกี่ยวกับวิถีทางประชาธิปไตยให้หมดไปจากมหาวิทยาลัย..ซึ่งได้เกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรง..นักศึกษาก่อหวอด..มีการนำตำรา(ที่เขาเขียน)มาเผาทิ้ง.. แต่..มาร์ตินก็ยังยั่งอยู่ในตำแหน่งอธิการบดีได้ต่อไป เพราะมีเส้นของนาซีหนุนหลัง.. ซึ่งในปี 1933 เป็นต้นมานั่นเอง..ที่มาร์ตินได้ประกาศตัวเป็นสาวกของนาซีอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู..และ..สนับสนุนการรวมเยอรมันให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยสายเลือดอารยัน.. ดังที่เขากล่าวอภิปรายในหอประชุมว่า.. "The German people has been summoned by the Fuhrer to vote; the Fuhrer, however, is asking nothing from the people; rather, he is giving the people the possibility of making, directly, the highest free decision of all: whether it - the entire people - wants its own existence (Dasein), or whether it does not want it. On November 12, the German people as a whole will choose its future, and this future is bound to the Fuhrer.   There are not separate foreign and domestic policies. There is only one will to the full existence (Dasein) of the State. The Fuhrer has awakened this will in the entire people and has welded it into a single resolve. (หมายเหตุ คำว่า Dasein เป็นภาษาเยอรมันที่มาร์ตินชอบใช้ในการอภิปราย..มันหมายถึงความเป็นตัวตน..ประมาณว่า..สายโลหิตเดียวกัน..) แต่พอมาหลังสงคราม (1945)..ที่ความ"ชั่วร้าย" ของนาซีได้ถูกเปิดโปงขึ้น..ก็ให้เกิดรายการหน้าแหกกันไป..ตัวมาร์ตินเองนั้นโดนหลายข้อหา..เริ่มการการชักจูง โน้มน้าวให้นักศึกษาถลำลึกลงไปในลัทธิอุบาทว์..สนับสนุนฮิตเล่อร์...และปิดกั้นการเป็นประชาธิปไตย.. ซึ่งเขาได้ปฏิเสธทุกข้อหา...โดยอ้างว่า..มันเป็นนโยบายทางการเมืองในเวลานั้น ที่เขาต้องลู่ลมไปตามแนวทางปฏิบัติของรัฐบาล.. ส่วนเรื่องการ"กำจัดยิว"  เขาอ้างว่า..ไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่อง holocaust แต่อย่างใด..เพราะเป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือกับเขียนตำรา..ไม่ได้ทำงานในกองทัพ..ซ้ำเขาอ้างว่าได้เคยนึกเสื่อมศรัทธาในนาซี ในเรื่องของ Night of the Long Knives (30 มิถุนายน- 2 กรกฏาคม 1934 (ที่ฮิตเล่อร์ส่งคนไปสังหารผู้ที่ต่อต้าน, ฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายค้านในสภา แบบฆ่ายกครัวถึงที่บ้าน..)  เพราะเขาชอบในนโยบาย แต่ไม่สนับสนุนในความรุนแรง. แต่..ในช่วงของหลังสงคราม มาร์ตินได้ถูกเรียกตัวขึ้นศาล ในข้อกาของการสนับสนุนนาซี.....คราวนี้สาวยิวแฟนเก่า Hannah Arendt ได้เข้ามาร่วมให้การช่วยเหลือและเป็นพยานในความบริสุทธิ์ แต่ผลการตัดสินออกมา..มาร์ตินได้ถูกสั่งพักการสอนไปหลายปี ซึ่งในช่วงนี้เอง..ที่เขาคงเกิดความ"อดสู" ในอดีตที่ได้กระทำมา.. ทางออกของเขาคือ..การที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด..แต่เขาเที่ยวค้นคว้าหา"สิ่งที่เลวกว่า" มาเปรียบเทียบ..(คุ้นไหมคะ?) ทั้งในเรื่อง rationalisation และ industrialisation โดยหยิบยกการกระทำต่อสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์  ในฟาร์ม.. ดังเช่นการเลคเช่อร์ของเขาในปี  1949: "Agriculture is now a motorized food industry, the same thing in its essence as the production of corpses in the gas chambers and the extermination camps, the same thing as blockades and the reduction of countries to famine, the same thing as the manufacture of hydrogen bombs." และไม่เคยกล่าวทำขอโทษหรือเสียใจแก่ชาวยิวคนไหนทั้งสิ้น..ตราบจนหมดลมไปในปี 1976 วันนี้ดึกแล้ว..ขอไปนอนก่อน.. พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อถึงเรื่องของ..Hannah Arendt และ The Banality of Evil  ที่ไม่ได้แปลว่า ความชั่วร้ายอันแสนสามัญ..หากแต่มันหมายถึง ความหฤโหดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. อันสื่อถึง ประวัติศาตร์ซ้ำรอยของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วอาจจะเลยเถิดไปคุยถึงเรื่องมหาตมะคานธีด้วย... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:04:14

ความคิดเห็นที่ 78 Martin Heidegger จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:17:35

ความคิดเห็นที่ 79 คนไทยบางคนขอให้ได้เถียง ได้แถ ไม่ยอมรับความผิด โยง อเมริกา ญี่ปุ่น อินเดียแดง ไปกันใหญ่ ถึงสอนประวัติศาสตร์ hitler เข้ามา แต่ถ้าคนไทยเด็กไทย ไม่ได้รู้จัก ผิดชอบชั่วดี. ควรมิควร ก็จะมี พาเหรดเกิดขึ้นอีก จากคุณ : thrill เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 09:49:31