ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่ได้ยินมา เขาบอกว่าไม่มีใครพบนะคะ ส่วนข้อเท็จจริง ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ จากคุณ : myladyannbook เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 00:47:56

ความคิดเห็นที่ 2 เขาว่าเผามอดเป็นเถ้าถ่าน ฮิตเลอร์คงไม่อยากให้ใครเอาศพไปทำทุเรศเหมื่อนเพื่อนซี้มุสโสลินี ..และยังไงๆ ไม่ตายตอนนั้นสามารถเล็ดลอดไปแอบซ่อนที่ไหนได้ เวลาผ่านไป 122 ปี แกเกิด ค.ศ.1889 พอถึง ค.ศ.2011 นี้ก็ไม่น่าจะเหลือหรือถึงเหลือก็คงต้องตะบันน้ำกินและลงกินเนสส์บุ๊ค ..ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า และ สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 08:06:09

ความคิดเห็นที่ 3 มีหนังสือออกมาใหม่เล่มหนึ่งค่ะชื่อ  Eva  Braun: Life with Hitler แปลเป็นภาษาอังกฤษจากภาษาเยอรมัน เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ Heike B. Gortemaker ฉบับภาษาอังกฤษนี้ก็ราคา $ 27.95         หลังจากที่อีวาได้เข้าสู่พิธีสมรสกับฮิตเล่อร์  อีก ๔๐ ชั่วโมงต่อมา เธอก็กัดแคบซูลไซยาไนท์ทำให้ถึงแก่ความตายทันที     ฮิตเล่อร์ผู้ต้องการ ที่จะแน่ใจว่าจะฆ่าตัวตายได้สมประสงค์  ก็เดินทางสายเดียวตามเธอไป โดยเอาแคบซูลใส่ปากและยิงตัวตายโดนจ่อปืนที่ขมับขวา คณะนายทหารก็นำร่างของทั้งสองออกไปที่สวน  ราดน้ำมันแล้วเผาทำลาย จนจำทรากไม่ได้ อ่านรีวิวมาจาก  the National Interest  ค่ะ หนังสือประวัติศาสตร์ใหม่ ๆ  ก็น่าอ่านค่ะ  เพราะมีข้อมูลใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 11:41:07

ความคิดเห็นที่ 4 คห. 3 ที่ผ่านมาผมจะอ่านพบตามที่คุณแสนอักษรบอก แต่หนังสือเล่มใหม่ ของ พันทิวา เขาก็อ้างว่าเป็นการเปิดเผยข้อมูลใหม่จากทางรัสเซียหลังจากที่รัสเซียเปลี่ยนการปกครอง จึงทำให้อดีตนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของรัสเซียกล้าออกมาเผยเรื่องราวสมัยนั้นกันมากขึ้น แต่ในหนังสือของพันทิวาไม่ได้ให้บรรณานุกรมไว้ เลยไม่รู้จะไปค้นดูต้นฉบับที่ไหน เพิ่มเติมรายละเอียดอีกนะครับ คือ ร้อยโทหญิงของรัสเซียคนนี้เธอเป็นหนึ่งในทหารที่เข้ายึดเบอร์ลินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เล่าถึงการพบซากศพของฮิตเลอร์ที่โดนเผาแต่ยังเหลือซากศพอยู่(ตอนขุดพบมี2ศพเป็นชายและหญิงบริเวณสวนใกล้บังเกอร์ลับ) และได้จับตัวหมอฟันของฮิตเลอร์ได้และให้สเกตช์ภาพฟันของฮิตเลอร์ซึ่งตรงกับศพที่ค้นพบ มีการเก็บศฟนั้นไว้แต่ทางการรัสเซียไม่ได้สั่งให้จัดการอย่างไรกับศพ จึงมีการเคลื่อนย้ายศพโดยใส่กล่องไปเรื่อยตามการเดินทางของหน่วยทหารที่ค้นพบศพ สุดท้ายก็ฝังโดยปัจจุบันไม่รู้สถานที่ฝังแน่นอน  และมีหลักฐานทางการถึงการมอบเหรียญรางวัลให้พลทหารสองคนที่ค้นพบศพตอนแรกด้วยครับ ส่วนการโดนนายทหารเยอรมันกันเองยิงซ้ำหลังจากกลืนยาพิษ (ไม่ได้ยิงตัวตายหลังกลืนยา) มีหลักฐานเป็นคำให้การของเหล่านายทหารเยอรมันที่อยู่ในบังเกอร์ลับที่รัสเซียจับได้ เพราะช่วงนั้นรัสเซียยึดเบอร์ลินได้โดยที่ฝ่ายอเมริกาอังกฤษไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสอบสวนหรือพิสูจน์ซากศพของฮิตเลอร์ จากคุณ : หมาป่าดำ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 12:55:05

ความคิดเห็นที่ 5 นานมาแล้วอ่านนวนิยาย The Boys from Brazil   วางไม่ลงเลยค่ะ เลยตามอ่านประวัติของฮิตเล่อร์  ที่ทะเบียนเกิดของบิดาไม่มีชื่อผู้ให้กำเนิดฝ่ายชาย เพราะย่าซึ่งเป็นสาวชนบทท้องขึ้นมาโดยไม่มีพ่อ    หนุ่มที่มาแต่งงานกับย่าทีหลัง เท่งทึงไปตั้ง ๒๐ ปีแล้ว  พ่อมาร้องกับวัดและราชการ  พาญาติทางพ่อมา ๓ คน   ให้ใส่ชื่อพ่อเลี้ยงเป็นพ่อ ต่อมาญาติอีกคนก็มาแบลกเมลว่า  ที่แท้ฮิตเล่อร์มีเชื้อสายยิว   ชีวิตสับสนแท้ ๆ ส่วน My Struggle นั้นไม่เคยอ่านจบเลยค่ะ  วางปนๆอยู่ที่ไหนสักแห่ง   มีฉบับเป็นภาษาอังกฤษค่ะ    ซื้อมาจากตลาดนัดในซอยต้นสน   คนขายบอกว่าเป็นของทูตญี่ปุ่นอ่าน   เลื่อมใสว่าทูตญี่ปุ่นอ่านเลยซื้อต่อมา หนังสือไม่ช้ำเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 54 14:45:20 จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 14:42:47

ความคิดเห็นที่ 6 ฮิตเลอร์มันไกลตัวไป และยังไงๆตอนนี้ก็ตายแล้วแหงๆ ไม่ต้องกังวล เอาเรื่องใกล้ตัวดีกว่า บินลาเด็น ตายจริงหรือเปล่า? ถ้ามองแบบ conspiracy theory ผมว่ายังไม่ตายแต่ถูกจับไปไว้คุกลับสักแห่งของสหรัฐฯและคงไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกแล้ว คิดดูง่ายๆ ถ้าบินลาเด็นไม่ตายแต่หายไปเฉยๆโดยมีข่าวว่าตาย ใครได้ประโยชน์? ก็สหรัฐฯสิครับ รีดขาวได้จมเลย สังเกตดูสิ พักหลังๆ มีข่าวปล่อยออกมาเรื่อยว่ามือหนึ่งมือสองมือสามของอัลเกด้าที่เป็นตัวตายตัวแทนถัดจากบินลาเด็นก็โดนเด็ดหัวไปเรื่อยๆในบ้านตัวเองน่ะแหละ แสดงว่าการข่าวของสหรัฐฯแน่นอนขึ้น แล้วแหล่งข่าวที่แน่นอนที่สุดเกี่ยวกับอัลเกด้าจะมาจากใคร? ก็ตัวหัวหน้าคือบินลาเด็นสิครับ โห นี่เอาพล็อตไปแต่งเป็นนิยายได้อีกหลายเรื่อง แต่ว่านักเขียนคงไม่กล้า กลัวซีไอเอ ผมก็ไม่กล้าครับ ได้แต่เห่าอยู่ในนี้ พี่ซีไอเอจ๋า อย่าทำหนูนะจ๊ะ หนูพูดเล่น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 16:05:57

ความคิดเห็นที่ 7 น้าแอ๊ด!     ผู้ถูกคุมขังไม่เพลียแย่หรือนี่ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 54 19:54:46 จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 16:36:43

ความคิดเห็นที่ 8 - เรื่องศพฮิตเล่อนี่ หนุกครับ แรกเริ่มเดิมที่ มีการเตรียมแต่งศพ “ ตรัมมี่ ฮิตเลอร์ “ โดยทางฝั่งโซเวียต ไว้สำหรับแถลงข่าว และแจ้งว่าทางโซเวียตจับได้แล้ว เหวย ๆ โดยยิงทิ้งให้ดิ้นตายคารัง กระสุนแสก กลางหน้าผาก มีถ่ายรูปโชว์อีกต่างหาก แล้วขนศพกลับไปที่โซเวียต มีการพิสูจน์ซาก และออกมาเปิดเผย กะโหลกย้ำอีกต่างหาก ก่อนหน้าร้อยโทหญิงคนนั่น ที่สำคัญ…. - ไม่มีการพิสูจน์รูกระสุนปืน ว่าเป็นปืนประเภทใด เป็นปืนเยอรมัน ฤา ไม่ อันนี่ไม่มีใครพูดถึง ดันโยกเปลี่ยนไปพูดเรื่องฟัน ซะงั้น เอาหมอฟันมาอ้าง นิติเวศในยุคนั้น การอ้างกระดูกฟัน ดูมีเหตุมีผลไม่เหมือนยุคนี้ ที่มีดีเอ็นเอ ครับ - ส่วนเรื่องร้อยโทหญิงที่เล่า ไม่ต่างอะไรกับ “อุโมงค์ผาเมือง” ซึ่ง ณ เหตุการณ์วันนั้น ต่างคนต่างหลงไหลได้ปลื้มกับชัยชนะ และข้าวของเครื่องใช้ ที่แฮฟมาเป็นของตน ไม่มีใครแยแส กับซากศพศัตรูที่ตายแล้ว นอกจากเจ้าหน้าที่ฝายการเมืองของโซเวียต - ที่ต้องเอาศพ กลับไปสร้างภาพ ความเกรียงไกร ในการร่วมชนเผ่าต่าง ๆ ใฟ้เข้าด้วยกันเป็น 1 เดียว และมันก็ดันมี 2 ศพแล้วที่นี้ทำไงต่อ อันนี้ก็ต้องเลือกครับว่าจะเอาของจริง ฤา ของ ดรัมมี่ ( ศพจริงโดนไฟไหม้ กลิ่นเนื้อเน่า เศษชิ้นเนื้อ แผลผุพอง แต่ ศพดรัมมี่ ใหม่กิ๊ก จะขนแบบไหนก็เลือกเอาครับ ) จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:21:02

ความคิดเห็นที่ 9 - ส่วนใครคือผู้รู้ความจริง คงต้องมองพยานอีกหลายปากครับ ไม่ว่าจะเป็น - อ็อตโต กรึเซ่น ทหารรับใช้ส่วนตัว เป็นคนโทรสั่งให้ คนขับรถขนน้ำมันมาที่บังเก่อ โดยไม่บอกว่าจะเอามาเผาท่านผู้นำ - อ็อตโต เป็นคนแบกศพ ออกมากับมือพร้อมคนขับรถ โดยผ่านสายตาคุณย่า เทราเดล เลขานุการส่วนตัวเช่นกัน คุยย่าเล่าให้ฟังว่า อ็อตโตบอกว่า ท่านผู้นำ ทั้งกินยาพร้อมลั่นไกล ที่ขมับ ส่วนอีวา กัดไซยาไนซ์ หลังจากสิ้นเสียงปืน ก็เข้าไปยกศพออกมา (ไม่มีใคร เขาไปกดซ้ำอีกเม็ดแต่ประการใดครับ) - หลังจาก ราดด้วยน้ำมันแล้วจุดไฟเผา ก็ต้องรีบ หลบกลับเข้าไปในบังเก่อ เพื่อหาทางหนีทีไล่ในการออกจากวงล้อมพวกโซเวียต คุณย่า เทราเดล ตัดสินใจหนีไปพร้อม ๆ กับ อ็อตโต และนายทหารเอส เอส อีกหลายนาย โดยออกไปทางด้านหลังของ ทำเนียบผ่านถนนเส้น วิลแฮม อ้อมไปเข้าทางรถไฟใต้ดิน และวกกลับไปทางด้านตะวันออก ด้านหน้าทำเนียบอีกที่ - เพราะทางเหนือแบร์ลิน มีพวกทหารของชูคอฟ ปิดล้อม ส่วนด้านใต้ ที่ห้าแยกพอสดัม ก็ยิงกันหูดับตับไหม้ ( มีนายทหารอีกคน ผมจำชื่อไม่ได้ เป็นคู่กัด ชูคอฟ เขามีฝีมือฉกาจ ไม่แพ้กัน) จึงเหลือทางรอดเดียว คือตะวันออกทางรถไฟใต้ดินเท่านั้นครับ… จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:30:04

ความคิดเห็นที่ 10 - ส่วนศพชายหญิง ที่เห็น อาจเป็นศพของ เกิบเบอร์ กับ คุณนาย และบุตร ที่ตายกลางแจ้ง และทำการเผาเช่นกัน แต่ ต่างกับศพของฮิตเลอร์และอีวาที่อยู่ในหลุมมีผ้าห่อแล้วเผาครับ - ส่วนเรื่องที่ ฮิตเล่อ จะหนีออกมาจากแบรลิน พร้อมกันป้า ฮันนา ก็เป็นไปได้ยากครับ แม้ทุกคนอยากให้เป็นดั่งนั้นก็ตาม ป้าฮันน่า พร้อมที่จะพาท่านผู้นำไป โดยฝีมือการบิน ระดับท็อปกัน  และเครื่อง Ju 52 ที่เตรียมไว้ แต่ฮิตเล่อรู้สภาพดี ทั้งสถานะการณ์ และสุขภาพของตนเอง - ไม่ใช้เรื่องแปลกครับที่เลือกจะจบชีวิตตัวเองที่บังเก่อ ดีกว่าไปตายอย่างไร้ค่า ไร้แผ่นดิน ฮิตเล่อเคยคิดจะยิงกบาลตัวเองมาตั้งแต่ยุคที่แพ้ เมื่อคราวกฏบโรงเบียร์ แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรเหลือให้มองหน้าชาวบ้านได้อีกแล้ว ตายทั้งที่ยังมีเกียรติ์เหลืออยู่ดีกว่า ( ในภาพเป็นศพ ของ เจ้ากรมโฆษณาการ โจเซฟ เกิบเบิรค์ ครับ) จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:35:01

ความคิดเห็นที่ 11 - ส่วนเรื่องครอบครัวของ ฮิตเล่อเป็นดั่งนี้ครับ คุณย่าของฮิตเล่อ มาเรียแอนน่า เป็น สาว สก็อย์ ก็ได้กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียว และไม่คิดจะทำแท้ง โดยเก็บลูกไว้แม้จะไร้พ่อก็ตาม และตั้งชื่อลูกว่า ออลย์  ชิคกรูฟเบ่อ ( นามสกุลของ แม่ ) - คุณย่าฮิตเล่อรู้ครับว่าใครเป็นพ่อของลูก แต่เมื่อพ่อไม่รับ ก็ต้องเดินเข้าบ้านทรายทอง ไปเป็นคนทำงานบ้านให้กับ ยูฮาน จอร์ท ไฮดเล่อ  ตำตาตำใจกันไป ส่วนตำตาใครนั้น เด่วเด่วเล่าให้ฟังครับ - ยูฮาน จอร์ท ปู่ของฮิตเล่อ ก็เป็นพวก เสเพลบอย์ ระดับเต้ยของตระกูล เป็นข้าราขการต้องย้ายบ้านไปเรื่อย เลยต้องทิ้งลูกติดวัย 5 ขวบ ไว้กับพี่ชาย นีทโพมุค - หมอนี้ออกอาการครับ ตั้งแต่ หนูน้อย ออลย์ เขามาในตระกูล นีทโพมูค เฝ้าเลี้ยงดู เด็กน้อยดั่งลูกในใส้ จนเด็กน้อยวางใจ พอปีกกล้าขาแข็ง อายุ 13 จึงได้ออกไปผเชิญโชคยังเวียนนา และเข้ารับราขการในที่สุด - ความสัมพันธ์ระหว่าง ออลย์ กับลุง นีทโพมูค เป็นไปจนกระทั้ง เมื่อ ออลย์ อายุได้ 39 เมื่อตระกูล ไฮนเล่อ ไม่เหลือทายาทผู้ขาย มีเพียง ออลย์ คนเดียวเท่านั้น  ที่พอจะสืบสกุลได้ นีทโพมูค จึงได้ของให้ ออลย์เปลี่ยนจากนามสกุลแม่ มาเป็น ไฮนเล่อ เพื่อยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ แต่ดันสะกดผิดจาก Hidler  เป็น Hitler นั่นจึงเป็นต้นตระกูล ฮิตเล่อนับจากนั้นมาครับผม - หลังจากที่ ออลย์ ครอบครองสมบัติแล้ว ปีเดียวกันนั้น ก็ได้หลานสาว คาร่า มาช่วยงานที่บ้าน และก็กลายเป็นแม่ของ ฮิตเล่อ ในเวลาต่อมา เลือดปนกันอยู่ในตระกูล เพราะ คาร่า เป็นหลานสาวของ นีทโพมูค จนพี่น้องของฮิตเล่อ พากันล้มตายเพราะสายพันธ์ไม่แข็งแรง…ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ในเวลาต่อมาว่า ออลย์ นั้นเป็นลูกของ นีโพมูค - ในช่วงระหว่างที่ ฮิตเล่อเสวยอำนาจ ก็พยายามเน้นให้เห็นว่า ออลย์ กับ นีโพมูค เป็นสายเลือดเดียวกัน เพื่อเลี่ยงบาลี ว่าจริง ๆ แล้วมีเชื่อสายยิวก็คือ มีคนไปสืบมาว่า ปู่ที่แท้จริงของฮิตเล่อ ไม่ใช่ นีโพมูค แต่เป็น แฟงคเก่น แบงเก่อ แต่ก็เงียบหายไปในที่สุดครับ….......... จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:39:25

ความคิดเห็นที่ 12 - แก้ไขเพิ่มเติมครับ คนที่เป็นเสเพลย์ บอย์ ของตระกูล ไฮนเ่ล่อ ตัวจริง คือ นีโพมุคครับ ลุงปู่ของ ฮิตเล่อนั้นเอง - พฤติกรรมนี้ทำให้ตก ทอดมาสู่ ออลย์ เขาก็ เสเพย์ ไม่แพ้กัน ยาวมาถึง ออลย์ จูเนีย พี่ชายของฮิตเล่อ ก็เดินตามรอยพ่อเช่นกันครับ - ส่วนฮิตเล่อ ก็ไม่แพ้ทางเช่นกัน ยิ่งช่วง ปี 1920 ได้ ดีทริค เอ็คคาร์ท เป็น สไตล์ลิซ ออกงานสังคมกันเป็น ว่าเล่นครับ แต่แปลก ไม่ยักมีเรื่องผู้หญิง เข้ามา วอแว แฮะ ยกเว้น ข่างคาวกับหลาน (อีกแล้ว) อย่างกิลลี่..... จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:57:39

ความคิดเห็นที่ 13 ฮิตเลอร์ เพิ่งจะตายตอนต้นทศวรรษที่ ๘๐ นี่เอง แก่ตายซะอีกด้วย ถ้าไปคุยเรื่องนี้กับ คนในฮอลลีวู้ด ที่อายุประมาณซัก ๕๐-๖๐ ปีขึ้นไป เขาจะขำกลิ้ง แล้วเขาจะถามคุณว่า "คุณอยากจะตายไปจากโลกนี้ในขณะที่คุณยังมีชีวิตอยู่บ้างมั้ยล่ะ" ถ้าคุณสามารถจ่ายเงินได้ซัก สามร้อยล้านดอลลาร์ขึ้นไป เขาจะจัดการให้ แล้วเนียนกริบ จากคุณ : รามอรุณ (เด็กคน) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 22:28:07

ความคิดเห็นที่ 14 - ฮิตเล่อ เกิดเมื่อ 20 เมษายน 1889 - ในปี 1945 มีอายุรวม 56 ปี ณ เวลานั้น สุขภาพคือ  -  มีโรคประจำตัวเป็น พาคิสัน มือขวาสั่นตลอดเวลา ต้องค่อยจับเอาไว้ ตั้งแต่ปี 1943  -  ติดมอร์ฟีน เข้าเส้น มาตั้งแต่ปี 1943 เพราะใช้ระงับ อาการปวด   - กระเพาะ ทะลุ เ่ลือดออกในกระเพาะอาหาร มาตั้งแต่หลังปี 1920   -  กินอาหาร พวกเนื้อสัตว์ไม่ได้ ระบบย่อยอาหารไม่ทำงาน มิได้กระแดะเป็นมังสวิรัส   - ร่างกายขาดสารอาหาร โปรตีน ยาวนานต่อเนื่อง   -  ระบบ ประสาทหู เสียตั้งแต่ ปี 1944 ในวันลอบสังหารเมื่อเดือน กรกฏาคม   - ทำการผ่าตัดช่องท้อง 2 ครั้ง โดยหมอกามโรค (ไม่ใช่หมอผ่าตัด นึกสภาพจะเป็น  อย่างไร)   - สูญเสียการทรงตัว ต้องเดินด้วยความยากลำบาก หลังจาก 1944 กรกฏาคม   - และ....หัวใจสลาย ไม่มีอนาคต มีคนครึ่งโลกอยากฆ่าทิ้ง - 1980 ถ้าฮิตเล่อ รอดมาได้ ก็จะมีอายุ 99 ร่างกายคงเป็น ไซบอร์ค หัวใจไอออนแมน - ชาลี แชปปลิ้น เกิดก่อน ฮิตเล่อ 4 วัน สุขภาพแข็งแรง สุขภาพจิตดี เสียชีวิตเมื่อปี    1977 สิริรวมอายุได้ 88 ปี จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:15:08

ความคิดเห็นที่ 15 ศพที่พบนั้น เป็นศพฮิตเลอร์ ตัวปลอม ถูกเผาจนไม่มีใครจำได้  สมัยนั้ัน วิชานิติเวช ยังไม่เจริญ หมอเก่ง ๆ อย่างหมอพรทิพย์ ก็ไม่มี  เลยพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไม่ได้ จริง ๆ  แล้ว ฮิตเลอร์ หนีมาอยู่ใน ไทย  และพยายามฟื้นฟูพรรคนาซี ขึ้นมาอีก ส่วนประวัติ ฮิตเลอร์ นั้น เนื่องจาก เป็น ผู้แพ้   ก็เลยถูกใส่ไข่ ใส่ความ ให้เสียหาย หรือน่าสมเพช เป็นธรรมดา แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 54 09:39:47 จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 09:38:10