ความคิดเห็นที่ 1 เราก็เรียนที่รามฯ แต่เรียนตั้งหลายปี (เกิน 10 ปีแล้ว) ก็ยังเรียนไม่จบเลย แต่ก็ยังไม่โดนรีไทร์ด้วย...555+++... วิธีการก็ง่ายๆนั่นก็คือเราซื้อ textbooks ทุกเล่มของนักศึกษาเอกอังกฤษมหาลัยรามฯมาอ่านเอง พอเห็น technical terms ทางด้านภาษา เราก็เอามันไปใช้เป็น keywords เพื่อใช้ google ค้นหาบทเรียนที่ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเขียนไว้บน websites ต่างๆ แล้วเราก็หาสื่อการสอนภาษาอังกฤษพวก digital media พวก ebooks, audios และ videos ที่ใช้สอนภาษาอังกฤษ ที่ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งทำไว้ มาศึกษาเอง ศึกษามาแบบนี้หลายปี แล้วแต่ก็ไม่เคยรับปริญญาตรีเอกอังกฤษกับเขาซักกะที...เฮ้อกลุ้มใจ...!!! แต่เราเคยดวลภาษาอังกฤษกับคนไทยที่จบเอกอังกฤษระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศมาแล้ว ถ้าเอาแค่ใช้งานภาษาอังกฤษให้ถูกต้องนะ ไม่เอาทฤษฎี หมายถึงเอาแบบพูดเขียนเร็วๆแล้วให้ภาษาอังกฤษออกมาถูกต้องเป็นธรรมชาติใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษาให้มากๆที่สุด เราว่าเผลอๆเราเก่งกว่าคนจบปริญญาเอกหลายๆคน ถ้าน้องคุณ จขกท เรียนเอกอังกฤษของรามฯแบบที่เราเรียน นั่นก็คือ "แค่ใช้ textbooks ของมหาลัยรามฯเรียนให้รู้พื้นฐานก่อน จากนั้นก็หา technical terms ทางด้านภาษา จาก textbooks ของรามฯ เพื่อเอาไปใช้เป็น keywords ในการใช้ google ค้นหาบทเรียนภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรี และสูงกว่านั้น โดยเรียนด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งลงเอยเรากลายเป็นเรียนมากกว่าปริญญาตรีรามฯ แต่เราไม่เคยรับปริญญาเลยสักกะใบเดียวจากรามฯ...เพราะไม่ได้ลงทะเบียนเรียน...555+++..." ^ ถ้าเรียนแบบนี้นะ น้องคุณ จขกท ก็จะเก่งอังกฤษแบบไร้เทียมทานได้ แต่ถ้าน้องคณ จขกท บอกว่า "...ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ไปเรียน เพราะต้องทำงานทุกวัน..." ^ ถ้าเรียนด้วยทัศนคติแบบนี้นะ มันก็เรียนผ่าน ผ่านไง? ไปติวหน้ารามฯดิ เราอ่าน texbooks รามฯกับดู sheets ข้อสอบเก่าๆแพล็บเดียวเรายังเก็งได้เลยว่าข้อสอบจะออกยังไง เผลอๆเราเก็งข้อสอบรามฯแม่นกว่าติวเตอร์หน้ารามฯซะอีก... ถ้าน้อง จขกท จบมาแบบ "...ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ไปเรียน เพราะต้องทำงานทุกวัน..." นั้นนะ รับรองว่าภาษาอังกฤษจะเละจนใช้การแทบไม่ได้เลยหละ ....................................................................... จริงๆแล้วหลักสูตรเอกอังกฤษรามฯ และ textbooks รามฯ เป็นสิ่งที่ประเสริฐมีค่ามากๆ ต้องขอบคุณมหาลัยรามฯเอาไว้ ณ ที่นี้ เพราะมันทำให้เราผู้ซึ่งเป็นเด็กวิทย์ไม่เคยเรียนภาษามาก่อน "รู้ทันพวกเด็กอักษรศาสตร์ว่าพวกเขาเรียนเนื้อหาอะไรกันบ้าง" ^ ซึ่งคนที่ลงทะเบียนเรียนเอกอังกฤษรามฯจริงๆ ถ้าไม่เรียนเฉพาะแต่ที่สอนในหลักสูตร แต่ใช้วิธีค้นเพิ่มเติมและเรียนให้มันเกินหลักสูตร แบบที้่เราเรียน เราเชื่อว่าบัณฑิตเอกอังกฤษรามฯสามารถเก่งทาบรัศมีบัณฑิตอักษรศาาสตร์จุฬาได้สบายๆ หายห่วง แต่ถ้าเรียนแบบน้อง จขกท คิดจะเรียนคือ เรียนด้วยทัศนะคติแบบนี้คือ "...ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ไปเรียน เพราะต้องทำงานทุกวัน..." ^ แบบนี้จบมารับรองว่า Hopeless! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 14:28:04

ความคิดเห็นที่ 2 ได้ยินมาว่า ต้องเข้าเรียนค่ะ ถ้าไม่ต้องเข้าห้องเลย เค้าให้เรียนรัฐศาสตร์ ซื้อ sheet หน้าราม เค้าว่าจบได้ง่ายๆเลย จากคุณ : smallkid เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 14:32:49

ความคิดเห็นที่ 3 สาขานี้ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ครับ แต่ก็มีหลายวิชาที่เข้าเรียนได้จะดีกว่า ถ้าอยากได้ปริญญาตรีภาษาอังกฤษแต่ไม่มีเวลาเข้าเรียน ลองดูของ มสธ. ไหมครับ แต่ของที่นี่ก็ต้องส่งงานออนไลน์ด้วยนะครับ จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:33:50

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าวิชาไหนเข้าเรียนหรือไม่ น่าจะขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยส่วนหนึ่ง และลักษณะวิชาอีกส่วนหนึ่ง เช่น วิชา ที่มีปฏิบัติด้วย ก็น่าจะเข้าเรียนบ้าง หรือต้องดูว่าเค้ามีการเรียน การสอบอย่างไร เช่น พวก phonetics, listening, speaking. ส่วนวิชาที่เราคิดว่าเราอ่านเอง ศึกษาเองไม่ได้ ไม่ลึกซึ้งก็น่าจะเข้าเรียน เช่น พวกวรรณคดี การเขียนขั้นสูงๆ จากคุณ : At Your Service เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 18:28:02

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ เดี๋ยวจะ copy ทุกข้อความไปบอกน้องเค้าเลยค่ะ จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 18:54:06

ความคิดเห็นที่ 6 การเรียนรามมีเอกหลายด้านค่ะ คือเอกทั่วไป เอกเฉพาะด้าน เอกวรรณดคี และเอกภาษาศาสตร์ แต่ละเอกภาษาอังกฤษ ก็ต้องจะบังคับลงวิชาเอกเลือกไม่เหมือนกัน ต้องศึกษาดูดีๆค่ะ  เราแนะนำว่าถ้าเรียนเอกวรรณดคี ควรจะเข้าเรียนดีกว่าค่ะ มีอะไรจะได้ถามได้ ถ้าไม่ใช่พื้นฐานอย่าง EN 101 102 201 202 ควรจะเข้าเรียนอย่างยิ่ง  ถ้าน้องคุณไม่ได้จบป.ตรีจากที่ไหนมาก่อนนะ จากคุณ : prickly pear เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 19:15:38

ความคิดเห็นที่ 7 ขอแจงละเอียดนิดนึง เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น มนุษย์ศาสตร์หน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า 144 หน่วยกิต ถ้ามีป.ตรีเทียบโอนวิชาพื้นฐานชั้นปีที่ 1 ได้ 42 หน่วยกิต เอกบังคับ 30 หน่วยกิต เอกเลือก 33 หน่วยกิต โท 24 หน่วยกิต วิชาเลือกเสรี 15 หน่วยกิต วิชาบังคับที่ทุกคนต้องลง 1 ตัว คือ RU 300 ความรู้คู่คุณธรรม เอกบังคับ 30 หน่วยกิต (10 วิชา) EN 203  English Pronunciation EN 204 Controlled conversation in English EN 205 English sentence and short paragraph EN 206 English paragraph writhing EN 230 Introduction to English and American Literature EN 305 English Essay and summary writing EN 306 English Reading for Analysis EN 291 Mythological background in literature EN 405 Feature and letter writing in English LI 200  Introduction to language เอกเลือก 33 หน่วยกิต เลือกลงตามเอกเลือกต่อไปนี้ 1. เอกเลือกทั่วไป 2.เอกเลือกเฉพาะด้าน 3. เอกเลือกวรรณดดี 4. เอาเลือกภาษาศาสตร์ เราว่ายากทุกวิชาเลย เรียนแบบที่คุณ Fortuneteller บอกต้องแย่แน่ๆ  คุณเก่งอยู่แล้วไม่ต้องเรียนก็ยังได้  คนที่พื้นฐานไม่แน่นเราว่า ไปเรียนกับอาจารย์ดีกว่า อาจารย์ส่วนใหญ่ใจดีค่ะ   เช็ครายละเอียดการลงรายวิชาซ้ำซ้อนและการแจ้งจบ ที่ มร. 1 กันการมีปัญหาตอนจบแและการเสียค่าปรับต่างๆค่ะ มีปัญหาก็ให้ถามอาจารย์หรือเวบบอร์นักศึกษาโดยตรง เอาใใจช่วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 21:59:03 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 19:53:07 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 19:52:11 จากคุณ : prickly pear เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 19:50:57

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบเป็นข้อๆ เลยนะคะ 1 ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนตลอดค่ะ 2 วิชาที่ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน...อาจารย์ไม่เช็คชื่อตัดสิทธิ์สอบหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่เข้าเรียน ความจำเป็นในการเข้าเรียนอยู่ที่วิชาที่คุณเลือกเรียน+กับความสามารถของคุณ ถ้าขยันอ่านหนังสือ ฝึกด้วยตัวเอง วิชาหลักไม่ต้องเข้าสักวิชา...ส่วนวิชาเลือก อย่างเช่นวรรณคดี คุณก็อย่าไปเลือกพวกรางวัลโนเบล หรือเชคสเปียร์ ให้เลือกวรรณคดีที่อ่านเองได้...คุณอ่านเอง เสร็จแล้วก่อนสอบไปติวสรุปหน้าราม สถาบันติวจะเน้นให้ว่าเรื่องไหนออกสอบ ข้อสอบที่ถามบ่อยเป็นแบบไหน ส่วนใหญ่จะให้เลือกฉากประทับใจ หรือไม่ก็วิจารณ์บุคลิกตัวละคร หรือเปรียบเทียบกับบุคคลในสังคมไทย อะไรทำนองนี้...พวกศัพท์และกลวิธีในการบรรยาย ทางสถาบันติวก็มีให้ ถ้ามันรวบรัดไป อ่านไม่ทัน คุณก็เอาข้อมูลที่ได้ไปอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบซ่อมก้ได้ 3 การเลือกวิชาเอกเลือก...วิชาโท   แนะนำให้เลือกเอกอังกฤษทั่วไป...เพราะวรรณคดีส่วนใหญ่ต้องเข้าเรียนถึงจะรู้เรื่อง (แต่ก็ไม่จำเป็น...ถ้าคิดว่ามีมานะก็เรียนได้) แล้วสายภาษา...ในความเห็นส่วนตัวรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากกกก บางทีไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ เป็นตำราภาษาไทยที่ว่าด้วยเรื่องของภาษาอังกฤษ จะเจอศัพท์ทางภาษาศาสตร์ มันดูยุ่งยากสำหรับคนไม่มีเวลาและใจไม่รัก ส่วนวิชาภาษาอังกฤษทั่วไปถ้าเลือกพวกการแปล...การแปลข่าวจากหนังสือพิมพ์ อะไรพวกนี้ก็น่าจะเข้าเรียน แต่ที่ควรเลือกและควรได้G คือ EN303 EN320 EN321 EN410 EN420 มันไม่ได้ยากเย็นอะไรมาก รวมถึงวิชาหลักอย่าง EN101 EN102 EN201 EN202 EN230 EN204 และย้ำว่าควรตั้งใจเรียน EN205 ดีๆ เพราะเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก ปีแรกๆ เรียนวิชาทั่วไป แล้วลงภาษาอังกฤษทีละสักสองสามตัวก็ได้ ต่อไปๆ ค่อยลงมากขึ้น ปีหลังๆ ก่อนจบ ถ้าเป็นไปได้ก็หยุดทำงานมาเรียนสักเทอม...น่าจะโอเค ส่วนวิชาโท...ให้เป็นไปตามหลักของวิชาโทก็แล้วกัน ส่วนจะโทอะไรก็ตามชอบ ถ้าอยากอัพเกรดดีๆ ก็เลือกโทง่ายๆ เช่นสื่อสาร, โรงแรม แต่เราเรียนภาษากรีกนะ ยากกว่าภาษาอังกฤษอีก ก็รอดชีวิตมาได้ แต่เกรดรุ่งริ่ง แต่ก็มีคนเลือกโท จีน ญี่ปุ่น แต่เกรดดีนะ...อยู่ที่ความพยายามมากกว่า ไม่มีเวลาไม่เป็นไร มันอยู่ที่ใจรัก อยู่บนรถเมล์ก็อ่านได้ วิชาพวกการฟังก็มีซีดีขายที่คณะ เอามาโหลดลงไอพอดฟังแทนเพลง...วิชาไหนที่อ่านไม่ทันแต่เขามีติวก็ไปติว มันไม่ใช่วิธีลัดอะไรหรอก ไปติวก็ต้องอ่านต้องทำการบ้านเหมือนกัน เพียงแต่จะช่วยคัดสิ่งสำคัญๆ ให้...ถ้ารักภาษาอังกฤษจริงๆ ก็เรียนได้ คุณไม่ใช่คนแรกที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 21:04:55 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 21:03:08 จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 20:58:10

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ คคห7 โอ้เราไม่เก่งถึงขนาดนั้นหรอก...จริงๆแล้วเราบอกจำนวนปีผิดไป มันไม่ใช่ 10 กว่าปีหรอก แต่เราศึกษา textbooks ของนักศึกษาเอกอังกฤษรามฯครั้งแรกเมื่อ 25 ปีมาแล้ว! ตอนเราเริ่มอ่าน EN 101 EN 102 EN 201 EN 202 กฎอะไรที่เราเจอ มันใหม่กับเราหมดเลยนะ เราไม่เคยเห็นมันเลย ซึ่งสมัยนั้นเราเรียนภาษาอังกฤษมาโดยรู้แค่ฟังๆกับพูดๆแบบมั่วๆมา แล้วเราก็หลงเข้าใจผิดคิดว่า "อยากเก่งอังกฤษก็แค่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆแล้วติดศัพท์ตรงไหนก็เปิด dictionaries มันเข้าไป" ^ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย พวกเด็กอักษรศาสตร์รู้กลไลด้านภาษามากกว่าเราหลายขุม ถ้าไม่มี textbooks ของรามฯมาช่วยเราไว้ป่านนี้เราก็ยังเรียนตามพวกเขาเพื่อไปแข่งกับพวกเขาในตลาดงานด้านภาษาอังกฤษยังไม่ทันหรอก EN 302 (สมัยนี้เปลี่ยนชื่อเป็น EN 205) เป็น textbook เล่มสำคัญที่สอนให้เรารู้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษจนก้าวไปได้ไกล อาจารย์ฝรั่งเขียน textbook เล่มนี้ไว้เป็นภาษาอังกฤษได้สวยงามมากๆ สมัยใหม่พอมันเปลี่ยนชื่อเป็น EN 205 มันกลายเป็นภาษาไทย ซะงั้น ไม่น่าเลย นักศึกษารามฯเป็นจำนวนมากสอบ EN 205 ไม่ผ่านแล้วหลงเข้าใจผิดคิดว่า "สอบไม่ผ่านก็กลับไปอ่านทวน EN 205 แล้วฟัง lecture ทวนหลายๆรอบสิ" ^ แต่เปล่าเลย ไม่ใช่หรอก ถึงคุณรู้กฎทั้งหมดใน EN 205 แต่คุณไม่เคยอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากพอ คุณก็จะจำไม่ได้ว่าคำศัพท์ตัวไหน เวลาใช้เขียนประโยค มันจะต้องจับรวมกลุ่มกับคำศัพท์ตัวอื่นตัวไหนอีกบ้างถึงจะดูเป็นธรรมชาติแบบเจ้าของภาษาเขียน คุณเขียนประโยคไปโดยรู้กฎหมดทั้ง textbook แต่ถ้าคุณไม่รู้จักกลุ่มคำ (collocations) พวกนี้คุณก็ยังเขียนผิดธรรมชาติ...!!! ........................................................................... คนที่ใช้เวลาฝึก conversation นอกมหาลัย จนพูดคล่อง และอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้มากๆ พอเรียนหลักการและโครงสร้างต่างๆจากหลักสูตรของรามฯแล้ว จะต่อยอดไปได้ไกลเหมือนเราทุกคน เผลอๆไกลกว่าด้วย (เพราะเราเป็นคนขี้เกียจ) เราเคยเห็นคนเรียนหลักสูตรรามฯจากไม่รู้เลย แต่พยายามต่อยอดไปเรื่อยๆ จากการค้นคว้าเพิ่มเติม ตามที่เราแนะนำข้างบน กลายเป็นเก่งกว่าเราก็มีตั้งหลายคน เรื่องที่เราพูดไม่ใช่เพราะเราเก่งคนเดียวถึงทำได้หรอก แต่คนอื่นที่ไม่เก่งก็ทำได้ เราเพียงแต่อยากจะบอกว่าเวลาเรียนภาษาอังกฤษอย่ามีทัศนคติ "เอาแค่พอสอบผ่าน" เพราะถ้าคุณพยายาม คุณจะทำได้ดีกว่านั้น แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 21:08:17 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 21:07:51

ความคิดเห็นที่ 10 ^ 555 ยังไงเราก็ว่าคุณเก่งอยู่ดีล่ะ   ถึงจะมีทะเลาะกับคนโน้นคนนี้บ้างไรบ้าง การอ่านที่ฝรั่งเขียนก็จำเป็นจริงๆ เพราะคนไทยที่เรียนในระบบเก่าๆ มีปัญหาเรื่องการเลือกใช้คำศัพท์จริงๆ   กว่าจะรู้ว่าที่ตัวเองเรียนมา ฝรั่งเขาไม่ใช้ ไม่เขียนกันก็หน้าแตกหลายรอบ งั้นถ้าน้องคุณจขกท. มีเวลาอ่านเอง ก็ลองใช้วิธีนี้ดู แต่เราชอบฟังอาจารย์ให้คนมาจี้ ไม่งั้นจะขี้เกียจ  เรียนเสาร์อาทิตย์ภาคพิเศษมั้ย จะได้ไม่กระทบกับเวลางานมาก แต่..คงเหนื่อยน่าดู จากคุณ : prickly pear เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 21:35:15

ความคิดเห็นที่ 11 กว่าจะเก่ง ก็ต้องผ่านอะไรมาหลายอย่างแหละ จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 10:07:37