ความคิดเห็นที่ 1 อ่านได้ที่นี่ครับ  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:yaqAyOBbEAAJ:th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C_6_%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2+6+%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th ค่อนข้างชัดเจน ตามที่เคยเรียนในห้องเรียนเลยทีเดียว จากคุณ : ไข่มุขราตรี เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 09:34:51

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเหตุการณ์ที่คนจำสับสนมาก ครั้งหนึ่งในเวบบอร์ดแห่งนี้ เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งเล่าว่าพี่ชายของเธอได้หนีออกจากธรรมศาสตร์เพื่อไปขอความช่วยเหลือถึงกับกระโดดข้ามคูเพื่อขอความช่วยเหลือที่สวนจิตรลดา ซึ่งว่ากันตามจริงแค่ลำพังจะหนีออกมาก็ลำบากแล้ว แถมยังต้องมาเจอคนด้านนอกที่มามุงดูรุมประชาทัณฑ์อีก คงยากที่จะไปถึงสวนจิตรลดาได้ 6 ตุลา 2519 คือเหตุการณ์ที่เกิดจากการเสี้ยมด้วยอคติอันมืดบอดโดยแท้ เป็นการจ้องหาทางทำลายนิสิตนักศึกษาด้วยการใช้ศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ห่ำหั่นผู้อื่น เป็นการจัดข้อหา 'ล้มเจ้า' โดยปราศจากซึ่งหลักฐาน เป็นการกระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม จากคุณ : I will see U in the next life. เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:01:23

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท ต้องย้อนกลับไปศึกษากรณี ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ก่อน และคงต้องย้อนถอยหลังไปก่อนเหตุการณ์ประท้วงสินค้าญี่ปุ่น ในปี ๒๔๑๔ อันเป็นปฐมเหตุของเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง สำหรับผม การพ่ายแพ้ของขบนการนักศึกษาในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ เกิดจากความหลงในอำนาจตัวเองของ ศนท และความอ่อนด้อยทางการเมืองกับกลุ่มอำนาจทางการเมืองที่แท้จริงในยุคนั้น บทบาทของผู้นำนักศึกษาในยุคนั้น กับชีวิตจริงในปัจจุบัน มันช่างเหมือนฟ้ากับเหว คงจะเหลือเพียงคุณธีรยุทธ บุญมี เพียงผู้เดียวกระมังที่เดินเดี่ยวมาได้จนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : ลุงแก่ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:04:51

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าใจว่ามุขล้าหลังเสี้ยมให้ฆ่ากันยังคงใช้จนถึงปัจจุบันครับ เสียแต่ว่าปัจจุบันแป้กไปหน่อย จากคุณ : แก้มอ้น เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:36:03

ความคิดเห็นที่ 5 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มันเกิดมาจากเหตุผล หลักๆคือ มองมุมหนึ่งฝ่ายทหาร และผู้สูญเสียอำนาจรัฐ ทั้งพ่อค้านักธุรกิต สมัย 14 ตุลา ต้องการจะเอาคืน เลยไปกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ แต่หากมองมุมฝ่ายนักศึกษา เหิมเกริมหนัก หลงอำนาจ เพราะถือว่าได้ชัยชนะ ตั้งแต่ 14 ตุลา เลยคิดว่า จะทำอะไรก็ได้ คนไทยเองส่วนมากยังกลัวคอมมิวนิสต์ ก็ดันไปจัดนิทรรศการจีนแดง มีเรื่องกับเขาไปทั่ว คิดว่าประชาธิปไตย ต้องเป็นไปอย่างตัวเองต้องการ ลองคิดดูง่ายๆ คุณว่าแนวร่วม ตอน 14 ตุลา กับ แนวร่วม ตอน 6 ตุลา ต่างกันแค่ไหนบางคนอยู่กลับไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ แม้แต่อาจารย์ป๋วย ก็ไม่เอาด้วย ทหาร ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ต้องการจะเอากลับมีอำนาจ ผมเห็นด้วยครับ แต่ในขณะเดียวกัน จะเอาแต่โทษทหาร จนลืมมองว่า ฝ่ายนักศึกษาเอง พลาดอะไรไปไม่ได้ แม้แต่ความคิดแบบคอมมิวนิสต์จะเป็นการกล่าวหา คนจำนวนมากไม่ได้มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ก็พลอยโดนไปด้วย แต่ นักศึกษา จำนวนไม่น้อย ก็มีความคิดแบบนี้จริงๆ แม้กระทั้งตอนนี้ ก็เถอะ คนที่ออกจากป่าตอนนั้น ยังมีอุดมการณ์แบบนี้อยู่เลย แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 54 13:51:41 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 54 10:54:23 จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:53:25

ความคิดเห็นที่ 6 #2 เขาคงสับสนล่ะมั้ง ไม่เป็นที่พึงปฏิเสธหรือที่พึงสงสัยว่า "นศ.ที่ตายในธรรมศาสตร์ทั้งหมดคือเหยื่อ" น่าสงสาร น่าเห็นใจ และน่าเวทนา ขอย้ำอีกทีว่าคือนักศึกษาที่ตายในธรรมศาสตร์ทั้งหมดคือเหยื่อ เหยื่อของฝ่ายขวาที่ปั่นความเกลียดชังจนได้ที่ และฝ่ายซ้ายไทยในขณะนั้นที่ ถ้าดูจากปากคำของผู้ร่วมขบวนการในขณะนั้นก็กล่าวว่า พคท. เองก็อยากให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น เพื่อดึงปัญญาชนจากเมืองเข้าสู่ป่า เป็นกำลังสำคัญในการก่อการปฏิวัติต่อไป   ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า หลังเหตุการณ์นี้ การเมืองไทยแยกฝ่ายอย่างชัดเจน ก็ตายหมู่อีกมาก ตายทั้งสองฝ่าย ถ้าใครเคยไปภูหินร่องกล้าจะพบกับอนุสรณ์สถานของทั้งคู่ อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ คือระเบิดที่เกิดจากชนวนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นนานมาก หลายๆ คนสนใจว่า "ใครสั่ง" แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือ กลุ่มคนที่บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจห้ามปรามก็คือประชาชนที่ถูกปั่นปลุกอย่างดี ปลุกติดเพราะอะไร และอะไรทำให้พวกเขาเกลียดชังคนที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จักได้ถึงเพียงนั้น อยากให้หาบทความเรื่อง ความรุนแรงและความเกลียดชังในสังคมไทย ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ และ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศาสนติ์ ในสารคดีมาอ่านดู จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 14:43:16

ความคิดเห็นที่ 7 นิดนึงนะครับ ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่มีทหารเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดเป็นฝืมือทหาร ที่เห็นมี ปตอ.นั่นคือตำรวจตระเวนชายแดนที่ขนกันมาจากประจวบในคืนวันที่ 5 ครับ จากคุณ : I will see U in the next life. เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 14:56:38

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้ส่งผลให้สภาพการแสวงหาความรู้ และบรรยากาศในการสนใจเรื่องความเท่าเทียมกันทางสังคม ปัญหาปากท้อง และปัญหาสังคมด้อยลงอย่างน่าใจหาย หนังสือกว่า 300 ปก ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคอมมิวนิสต์ถูกสั่งห้ามอ่านอย่างสิ้นเชิง นับจากนั้น แผงหนังสือไทยลดระดับกลายเป็นด้อยอย่างน่าใจหาย ถ้าเทียบรายการหนังสือที่พิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 - 2519 และ 2519  เป็นต้นมา พื้นที่แผงหนังสือถูกยึดครองจากนิยายพาฝันอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 15:00:49

ความคิดเห็นที่ 9 มีคนเคยบอกไว้ว่า คนที่ตายใน 14 ตุลา เรียกว่า วีรชน แต่คนที่ตายใน 6 ตุลา เรียกว่า เหยื่อความรุนแรงทางการเมือง ตอนสมัยเรียนรั้วเหลืองแดง เรื่องราวพวกนี้ก็ซึมซับในหัวเยอะเหมือนกัน พอเรียนจบมาก็เลือนหายไปบ้าง ประวัติศาสตร์ไว้เรียนรู้ แต่มันก็จะจางหายไปกับกระแสกาลเวลา จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 15:22:44

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเห็นนิทรรศการหนังสือต้องห้ามยุค 6 ตุลา ที่ธรรมศาสตร์ จึงไม่แปลกใจทำไมต้อง ถูกคุมกำเนิด เกินครึ่งเป็นหนังสือเลนิน เหมา เชหรือหนังสือสรรเสริญลัทธิคอม ในช่วง เวลานั้นรอบบ้านเราคอมก็มาจ่อแล้ว เวียดอยากยึดเราใจจะขาด นศ.ดันเอาหนังสือเหล่า นี้มาเผยแพร่จะให้คนทั่วไปคิดยังไง จัดนิทรรศการจีนแดงบ้าง เผยแพร่หนังสือแนวคอม บ้าง ทำเหมือนท้าท้ายฝ่ายทหารมากๆ แต่ก็เข้าใจว่าพึ่งชนะมาจาก 14 ตุลา เลยไม่สนใจ ใครในสังคมทั้งนั้นเอาตัวเองเป็นใหญ่ คนส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตก็มาจากน้ำมือ นศ.เอง จากคุณ : DEDETE เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 16:08:22

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าหาเลยครับว่าใครถูกใครผิด เหตุการณ์นี้ผมเห็นแต่"เหยื่อ" จากคุณ : Pigro Man เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 16:09:52

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าใจว่า วันนี้ในปี 54 เงียบไปเยอะ เพราะโดนข่าวสตีฟ จ๊อบกลบ ล้อเล่นค่ะ จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 21:25:16

ความคิดเห็นที่ 13 หากอยากรู้เหตุการณ์พวกนี้ต้องอ่านงานวิจัยหรืองานนิพนธ์ทางประวัติศาสตร์ทั้งหลายที่เขียนขึ้นในยุคนั้น ซึ่งต้องหาอ่านเอาตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่เก็บงานเหล่านั้นเอาไว้ และเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาจะต้องพ่วงเรื่องความเป็นขวาจัดของรัฐบาลในสมัยถัดมาคือ สมัยธานินทร์ กรัยวิเชียร และการขึ้นมาของรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ที่ถือว่าเป็นรัฐบาลที่สืบเนื่องมาจากการรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในปี 2519 จนกระทั่งเมื่อมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 แล้ว จึงได้ พล.อ.เปรม มาเป็นนายกฯ ซึ่งภาพที่เห็นตรงนี้ก็คือการปรับตัวทางอำนาจของกลุ่มทหาร และกลุ่มชนชั้นนำของไทยที่สูญเสียอำนาจไปตั้งแต่คราว 14 ตุลาฯ โดยมีเหตุการณ์ 6 ตุลาเป็นจุดที่ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมกลับมามีอำนาจอีกครั้งนั่นเองครับ จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 21:52:05

ความคิดเห็นที่ 14 ความเห็นที่ 12 เห็นด้วยจ้า เพราะสตีฟ จ๊อบ เป็นผู้เสกสรรค์ความมหัศจรรย์ของคนยุคนี้ เปิดช่องข่าวต่างประเทศก็มีแต่เรื่องราวของเขา น่าเสียดายจริงๆ เอ้า  กลับมา 6 ตุลาคม 2519 (หลายคนจำรวมกันทั้ง 2 เหตุการณ์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา เป็น 16 ตุลาคม 2 in 1 ดี) อยากให้หาหนังสือบันทึกเล่มหนึ่งที่เขียนโดยอดีตนักกิจกรรม เรื่อง "หยดหนึ่งในกระแสธาร" ของฤดี เริงชัย จะเข้าใจกระบวนการทางความคิดของนักศึกษาสมัยโน้นอย่างชัดเจน ว่าทำไมต้องมีโลกทัศน์โน้มเอียงไปทางสังคมนิยม การต่อสู้กับแรงปะทะของฝ่ายขวา การก่อเกิดขบวนการไล่ล่าแกนนำชาวนา และนักการเมืองค่ายสังคมนิยม การปิดล้อมในธรรมศาสตร์ ฆาตกรรมหมู่ จนนำไปสู่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือ "จากนคราไปวนา" ตามถิ่นฐานต่างๆ เมื่อกาลเวลาตระหนักว่า อุดมการณ์ที่ใฝ่ฝันเป็นแค่ภาพหลอน ในทึ่สุดก็ทะยอยออกมาอย่างนกปีกหัก ขอยกตัวอย่างถ้อยคำจากหนังสือ หน้าที่ 7 " เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่กลับเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่คนจำนวนไม่น้อยแสลงใจกับมัน จนทำเป็นไม่พูดถึง สำหรับฉันเอง โดยส่วนตัวแล้วเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์นั้นมาหมาดๆ ไม่ปวดร้าวขมขื่นเหมือนเมื่อครั้งตัดขาดกับ พ.ค.ท. ไม่รู้สึกว่าต้องลืม แต่ก็ไม่ได้วนเวียนย้ำคิดย้ำทำกับเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม ฉันไม่อยากเห็นสังคมไทยเพิกเฉยผ่านเลยเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ไป เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น กล่าวสำหรับคนๆหนึ่ง ถ้าในชีวิตของเขามีอดีตที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้ จนกลายเป็นความไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและต้องอยู่อย่างหลอกตัวเอง เขาก็จะไม่สามารถนับถือตัวเองได้อย่างแท้จริง และจะขัดขวางพัฒนาการในทางบวกของตัวเอง สังคมก็เช่นกัน ถ้าสังคมไทยใช้วิธีการเก็บงำปัญหา ไม่ยอมรับความเป็นจริง ไม่ยอมมองตนเอง เราก็ต้องอยู่กันไปอย่างหน้าไหว้หลังหลอกร่ำไป ทั้งยังยากที่จะสามารถคลี่คลายแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน ยากที่จะสรุปบทเรียน ยากที่จะแสวงหาความเข้าใจระหว่างกลุ่มชนที่มีความแตกต่าง รวมความแล้วก็คือ ยากที่จะสร้างสรรค์สังคมที่กลุ่มชนซึ่งมีความแตกต่าง สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้" แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 54 05:58:56 จากคุณ : กูรูขอบสนาม เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 22:05:15

ความคิดเห็นที่ 15 2516-2519 เป็นยุคสำลักประชาธิปไตย (ล้นเกิน) จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 22:37:54

ความคิดเห็นที่ 16 สตีฟ จ๊อป เสียชีวิตในตอนนี้ถือเป็นการเตือนสติคนไทยจะทะเลาะกันหาพระแสงอะไรรวยขนดนี้ตายไปยังเอาอะไรไปไม่ได้แม้แต่อุดมการณ์ จากคุณ : ปิ่น (taxi woman) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 23:08:24

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเสริมอีกนิดคือ กรณีที่มีข่าวการเข้าไปยิงสัตว์ป่าสงวนของกลุ่มนายทหารระดับสูงซึ่งอาจเป็นชนวนของการปลุกปั่นและลุกฮือของปชช จากคุณ : ปิ่น (taxi woman) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 23:31:36

ความคิดเห็นที่ 18 คราว6ตุลา่ นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบ๊กออกทุนให้กวาดล้าง เพราะตั้งแต่หลัง14ตุลา จำนวนการพากันสไตรท์หยุดงานประท้วงเพิ่มขึ้นมหาศาล  ใช้เสรีภาพกันสุดเหวี่ยง ใครเป็นนายทุนเจ้าของกิจการก็ต้องเซ็งหละครับ จากคุณ : Michael เบ๊ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 00:06:39

ความคิดเห็นที่ 19 บางทีความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรรับรู้ จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 01:26:48

ความคิดเห็นที่ 20 เรียกรวมๆ ว่าเหตุการณ์ "16 ตุลา 35" เอ? หรือ 53 ว๊า จากคุณ : drtorn (drtorn) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 08:19:38

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านคอมเม้นต์  แล้วผมไม่สงสัยเลยว่า  ต่อไปภายภาคหน้า เหตุการณ์ แบบ เดือน ตุลา กับ พฤษภา ทั้งหลาย ไม่มีวันศูนย์หายไปจากเมืองไทย  เพราะคนไทยยังยอมรับว่า  มันเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล  แล้วก็ไม่มีใครกล่าวถึงตัวการใหญ่  กลับกลายเป็นเพราะความผิดพลาดของบรรดานักศึกษา  ลองคิดดูซิครับว่า หนังสือแนวความคิดแบบที่สมัยก่อนเป็นหนังสือต้องห้าม  เดี๋ยว  นี้มันเป็นสิ่งต้องห้ามหรือไม่  ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผิดเดี๋ยวนี้มันก็ต้องผิดด้วย  แล้วอ้ายการชุมนุมประท้วงแบบสงบไม่มีอาวุธแบบสมัย ปี 16-19 เทียบกับเดี๋ยวนี้มันผิดหรือเปล่า  สมัยนี้ทั่วโลกเขายอมรับกันทั้งนั้นว่ามันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน   ไม่มีใครคอมเม้นต์ถึงคนสั่งการเลยสักคน  ว่ามันเป็นคนพุทธ หรือเปล่า จากคุณ : วรรณเกษม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 15:46:49

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่มีใครยอมรับหรอกครับ ว่ามันสมเหตุสมผล สิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลคือมีคนใช้เหตุการนั้นเป็นเหตุผลในการก่อการในยุคนี้ จากคุณ : ลูกชายคนที่7ของลูกชายคนที่7 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 22:35:52

ความคิดเห็นที่ 24 ประชาชนเป็นเหยื่อเสมอ จากคุณ : รู้น้อยไปหน่อย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 00:09:58

ความคิดเห็นที่ 25 อย่างที่ คห.23 บอกไป ไม่มีใครหรอกครับมองว่า สมเหตุ สมผล แต่ สิ่งที่ทุกคนมอง ไม่ใช่มองแค่ ใครสั่งฆ่า แต่กำลังมองว่า ทำไม บริบททุกอย่างมันถึงก้าวไปถึงขั้นนั้น ของบางอย่างมันอาจจะเป็นของต้องห้ามบางเวลามันก็ถูกแล้ว เพราะสถานการณ์ แต่ล่ะยุคมันเหมือนกันเหรอครับ ถ้าไม่มองที่มา ทั้งหมด แต่ดันไปมองแค่เบื้องปลาย แล้วจะแก้ห่รือป้องกันปัญหาจริงๆได้ยังไงครับ จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 12:08:43