ความคิดเห็นที่ 1 Talking dictionary is quite light.  It's good when you go shopping overseas. It's no good for serious English studies. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 21:39:19

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.cyberdict.com/main.php?filename=besta_all เห็นคห.1แล้วอยากบอก จขกท.ว่า อย่าใช้เพลินจนลืมท่องศัพท์ ศึกษาไวยากรณ์ ฝึกอ่าน ฝึกเขียนละกัน ไม่มีปัญหาหรอก ใช้เครื่องเพื่อความสะดวก แต่อย่าให้เครื่องหลอกล่อให้เราขี้เกียจ มีหลายคนแหละหลงกลมัน กดแต่ไอ้เครื่องนี้ ไม่ฝึก ไม่อ่าน ไม่อะไรทั้งสิ้น สุดท้าย เหลว จากคุณ : khumchalong เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 05:06:37

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ใช้เครื่องเพื่อความสะดวก แต่อย่าให้เครื่องหลอกล่อให้เราขี้เกียจ มีหลายคนแหละหลงกลมัน กดแต่ไอ้เครื่องนี้ ไม่ฝึก ไม่อ่าน ไม่อะไรทั้งสิ้น สุดท้าย เหลว ^ ตรงกันข้ามอะนะ ความขี้เกียจนี่แหละช่วยให้เราเรียนได้ไวขึ้น เมื่อก่อนเราเคยพยายามเรียน grammar แต่มาเรียนเอาตอนอายุมากก็เลยเบื่อ อ่านๆหนังสือ grammar ได้ไม่เท่าไหร่ก็ยอมแพ้ รีบวางลงทุกทีเลยหละ เราเลยเปลี่ยนเป็นใช้กลยุทธ์ขี้เกียจ คือเปลี่ยนเป็นเรียนลัดโดยการใช้ OneNote จดประโยคภาษาอังกฤษยากๆไว้เต็มไปหมด แต่ไม่จดศัพท์เลย เพราะรู้ว่าถ้าลืมก็แค่เคาะ software dictionaries บน netbook เรา แพล็บเดียวก็หาศัพท์เจอ จากการหมั่นกลับไปอ่าน notes ที่จดไว้ใน OneNote เรื่อยๆ มันกระตุ้นให้สมองคิดว่า "เอ๋ศัพท์ตัวนี้มันแปลว่าอะไรกันหว่า"   ^ คิดแบบนี้บ่อยๆเข้า บางทีก็หัดเอาประโยคมาเขียนพลิกแพลง เรากลายเป็นจำศัพท์ได้เร็วกว่าและมากกว่าจดศัพท์ และเราเรียน grammar ได้ไปในตัวเลย โดยไม่ต้องเปิดหนังสือ grammar ให้เมื่อย เพราะส่วนใหญ่เราเรียนเขียนจากการเลียนแบบประโยคภาษาอังกฤษที่เราอ่านเจอ ถ้าช่วงไหนเราไปรับงานแปลนิยายมาจากสำนักพิมพ์มากหน่อย ละก้อช่วงนั้น grammar กับ writing เราจะคล่องมากเป็นพิเศษ เราไม่อยากเป็นอย่างนักแปลชื่อดังที่แปลหนังสือจนคนอ่านอ่านไม่ทัน ซึ่งให้สัมภาษณ์ว่า "ผมแปลหนังสือมาตั้ง 300 กว่าเล่ม แต่ผมพูดอังกฤษก็ไม่ได้ เขียนอังกฤษก็ไม่ได้" ^ นั่นมันเป็นเพราะเขาเรียนแบบ learn to understand ไม่ได้ learn to understand and compose ^ การที่นักแปลหนังสือ เขียนประโยคภาษาอังกฤษไม่ได้เลย (เพราะแปลแต่อังกฤษเป็นไทย) มันน่ากลัวมากๆ เพราะมันส่อเค้าว่า "ถ้าเขาเจอประโยคที่ซับซ้อนเขาก็ต้องแปลผิดแหงๆ เพราะเขาไม่สามารถแยกส่วนประโยคให้ถูกต้องเพื่อการตีความได้นั่นเอง" เด๊่ยวนี้เราเริ่มขี้เกียจมากขึ้นทุกวัน แทนที่จะอ่านหนังสือหาความรู้ เราเล่น download พวก videos ต่างๆมาเรียน มีตั้งแต่เรียนภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ โยคะ หรือแม้กระทั่งเพศศึกษา...555+++... โปรแกรม OneNote ดีมากๆสำหรับใช้เรียนภาษาอังกฤษ มันเรียงประโยคที่จดไว้ (เรียงจากศัพท์ตัวยากๆที่ใช้เป็น main entry) ได้ตามลำดับเวลา และลำดับตัวอักษร ง่ายแก่การทบทวน บ่อยครั้งเราใช้ OneNote ประสานงานกับ Access เพื่อทำ database เก็บ SERPs (search engine result pages) เพราะเราเรียนรู้จาก google university มากซะจนต้องจัดทำ database เก็บทุกอย่างที่เราค้นเจอจากอินเตอร์เน็ต แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 13:32:23 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 09:34:46 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:29:18

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณคร้าบ สงสัยต้องหักดิบ เสียแล้ว ตอนนี้ดูหนังเทศ ปิดซับและนึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงกำลังเล่นไปตามบทบาท  จะรู้เรียนภาษาอังกฤษดีขึ้นไหมเนี้ย ^^ จากคุณ : เจ้าหยอยน้อย เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 13:48:52