ความคิดเห็นที่ 1 ตามหลักจิตวิทยา(เมื่อก่อนจิตวิทยาเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญา)คนที่มีความหวังจะช่วยเหลือตัวเองหรือเอาตัวรอดได้ดีกว่าคนที่สิ้นหวัง ตอนนี้ใครช่วยตัวเองได้ก็ทำไป ใครมีแรงเหลือก็ออกไปช่วยเขาบ้าง ดีที่สุด จากคุณ : khumchalong เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 09:26:51

ความคิดเห็นที่ 2 "สิ่งที่เราทนไม่ได้ที่สุด ก็คือ ไม่มีอะไรที่เราทนไม่ได้" น้ำคือธรรมชาติ ใยเราต้องเกลียดต้องกลัวด้วยเล่า ถ้าน้ำคือธรรมชาติ มนุษย์ควรจะทุกข์ใจด้วยหรือ เมื่อยึดติดกับความทุกข์ ใจจะเป็นสุขได้อย่างไร บัดนี้ธรรมชาติได้มาเยือนอีกครั้ง จงอย่าได้หวาดหวั่นและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน น้ำท่วมเท่าไหร่ เสียได้เสียไป ขอเพียงเราไม่เสียกำลังใจ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 54 19:11:38 จากคุณ : ไม่มีตรรกะ มีแต่กระ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 19:00:14

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำท่วม ดีกว่าฝนแล้ง จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 10:48:33

ความคิดเห็นที่ 4 ให้มองในแง่ปรัชญาก็ว่าคนไทย ตีตัวออกห่างจากอารยธรรมตัวเองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจโดยสายเลือด (transcendental consciousness) ว่าคนไทยเป็นมนุษย์ริมน้ำ และมีน้ำท่วมแบบนี้อยู่ทุกปี แต่เราก็ไม่ใส่ใจ เอาตามกระแสนิยมสมัยใหม่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจัดการได้ด้วยศาสตร์จัดการ น้ำท่วมภาคกลางเป็นคุณต่อประเทศไทยหลายครั้งจากการรุกรานของพม่า การตั้งเกาะรัตนโกสินทร์ ก็เพราะเห็นประโยชน์จากน้ำท่วมนี้เอง จนไทยได้ขนานนามว่า เวนิชตะวันออก ถึงเวลาแล้วเริ่มคิดถึงตัวตนคนไทยอย่างที่เป็นกับสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงให้ดีๆ อีกครั้ง(ไม่บอกว่าใหม่ เพราะเป็นเรื่องเก่า แต่เราลืมเลือนวิถีของตัวเองไป) ศึกษารากเหง้าประวัติศาสตร์ของตัวเองอย่างถ่องแท้ และอยู่ตามแบบครรลองของเราไม่บ้าตะวันตกจนเกินงาม จากคุณ : นกเถื่อน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 13:20:37

ความคิดเห็นที่ 5 ความเห็นนกเถื่อนตรงนี้โอเคครับ คนไทย ตีตัวออกห่างจากอารยธรรมตัวเองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจโดยสายเลือด (transcendental consciousness) ว่าคนไทยเป็นมนุษย์ริมน้ำ... แปลได้ว่าเป็น...ปรัชญาน้ำท่วม บนดินแดน เจ้าของที่แล้งไร้ปรัชญาของตนเอง แล้งความรักความรู้/ปล่อยให้ทีวีบันเทิงพาเลื่อนไหลไป,อ่านหนังสือปีละ๖-๗บรรทัด ทาสทางสติปัญญาที่เอาแต่กระพี้แห่งสาระของฝรั่งมาใช้ จึงเท่ากับ... ระบบศาสตร์การบริหารจัดการแผ่นดินที่ผิวเผินยิ่ง หาเป็นศาสตร์ที่บูรณาการครบถ้วนไม่ เป็นศาสตร์แบบอาณานิคมปกครองเมืองขึ้น(Bureaucracy)ที่โบร่ำโบราณ พัฒนายากอีกต่างหาก ผสมกับระบบอุปถัมภ์แต่ไร้ระบบคุณธรรม และแยกส่วนปฏิบัติงาน(Division of Labours) ต่างกรมกองต่างกระทรวง เพราะนายคนละคน แย่งชิงกันนำ ชิงประโยชน์กัน กรมโยธาธิการและผังเมือง นั้นควรชื่อกรมผังเมืองและโยธาธิการ กลับไม่เป็นอย่างนี้ งานผังเมือง/ชุมชน/การเคหะ และผังนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนงาน จึงล่มและพบหายนะไปในครั้งนี้ไม่น้อยกว่า๕หมื่นล้านบาท /ชุมชนเกษตรกรอีก๕หมื่นล้านบาท ภาคส่วนอื่นอีกหลายหมื่นล้าน ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 54 22:03:21 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 14:40:57

ความคิดเห็นที่ 6 น้ำท่วมคือปัญหา ณ.พ.ศ.2544.นี้ ปัญหาที่เกิดกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ผลกระทบบนระนาบชุมชนเมือง/ความเป็นเมือง รวมถึงภาคเกษตรกรรมภาคอุตสาหกรรม (มหภาค/จุลภาค) ที่เป็นสหสัมพันธ์กัน การละเลยพยาธิสภาพปัญหาน้ำท่วมตามธรรมชาติ เชิงการวางผังเมืองที่เป็นสหวิชาการและเชิงกายภาพ มิได้เป็นภารกิจของสถาปนิกและวิศวกรผังเมือง/สมาคมและภาคราชการ ที่เป็นกลไกของรัฐเท่านั้น บนยอดสุดของความรับผิดชอบ แท้จริงคือผู้นำ/พรรค/นักการเมือง ที่ควรมีวิสัยทัศน์-ญาณทัศน์ และฉากทัศน์(Vision Intuitive & scenario)อย่างยิ่ง สังคมสุขนิยม(Hedonism)ในหลุมสบาย(Comfort Zone)เป็นปรัชญาที่นำมาวิเคราะห์สาเหตุของหายนะครั้งนี้ หากชาวเอเซียอุษาคเนย์นามว่า"อาเชียน"ยังจะปรารถนามีเผ่าพันธุ์ที่ยั่งยืนต่อไป ควรที่จะต้องนำการเมืองสีเขียว(Green Politics)มาเป็นหนึ่งในนโยบายบริหารจัดการเมือง/ผังเมืองและแผ่นดินหรือสิ่งแวดล้อม/ทรัพยากรธรรมชาติ/สุขภาพโดยรวม อย่าง ขาดไม่ได้และเร่งด่วน นักการเมือง/นักเคลื่อนไหว บูชาระบบประชาธิปไตยกันสุดหัวใจหรือเปล่า? (ไม่เคยมีรัฐบาลไหนสนใจอย่างจริงจังเลย คราวนี้คงเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า ประเทศไทยมี 2 อย่าง ไม่น้ำท่วมก็แห้งแล้ง : facebook: post by Somchai Roogun) แท้ที่จริงในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา๖๗และมาตรา๘๕ ยังได้บรรจุสาระกำหนดเรื่องผังเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ด้วยแล้ว แต่จะมีใครสักกี่คนที่ให้ความสนใจ เกิดเหตุแล้วคนไทยค่อยมาทำดีมีน้ำใจ  จะมีประโยชน์เท่ารู้จักวางแผนล่วงหน้าหรือเปล่า? อนึ่งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย(คปร) ยังได้คิดเรื่องการปฏิรูปเมืองไว้ด้วยเช่นกัน(รายงานฯหน้า๘๗) ผมขอท้าทายสมาชิกชุมชนปรัชญา/ห้องสมุด ที่ใฝ่รู้ ได้โปรดนำร่องผู้คนให้ความสนใจกับมาตราดังกล่าว จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 12:24:25

ความคิดเห็นที่ 7 วิทยาการมนุษย์ กับธรรมชาติ มีประวัติยาวนานต่างกันเกินไปครับ ที่คนเราจะควบคุมเหตุการจากธรรมชาติได้ วิธีที่ยั่งยืนน่าจะเป็นอย่างที่คุณขามเรียง และคนนกเถื่อนว่าครับ จากคุณ : wert23 เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 23:30:23

ความคิดเห็นที่ 8 กทม.มีเขื่อนแค่สุดเขตกทม. ระบบบริหารราชการของมนุษย์ต้องแบ่งเขต แบ่งงาน แบ่งงบ เงินเดือนคนละหน่วย แต่ธรรมชาติลำน้ำเค้าไม่ได้แบ่งแบบมนุษย์ ถ้ามนุษย์จะปรับตัวเข้ากับธรรมชาติเรื่องการสู้ภัยธรรมชาติ ต้องทำงานรวมกันหมดให้ได้ก่อนเพื่อคนรุ่นต่อไป น้ำท่วมคราวนี้ก็มิใช่ครั้งสุดท้าย จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 18:39:18 A:58.64.64.250 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 9 มีเรื่องเล่าเชิงประจักษ์นิยมได้อีกครับ น่าจะเป็นความรู้ที่ควรเผยแผ่ ขยายออกไปเป็นบทเรียน บางคนอาจตกข่าว เรื่องในบางหมู่บ้าน ที่นำกระสอบทรายหรือนำดินเหนียวมาทำกำแพงรอบหมู่บ้าน แล้วชล่าใจว่ามันคงสูงพอ เกินกว่าระดับน้ำสูงสุดจะเอ่อท่วมข้ามกำแพงมาได้ ปรากฏต่อมาว่า น้ำพากันซึมรอดใต้กำแพงที่ทำไว้ ซึมทีละเล็กทีละน้อยจนดินใต้กำแพงอ่อนเหลวไม่มีแรงยึดตัว น้ำหนักของมวลน้ำช่วยกดให้น้ำดันดินเหลวทลุลอดกำแพง ไหลบ่ามากมาย จนกระทั่งท่วมเข้าชุมชนจนหมดสิ้น ลงทุนลงแรงทำกำแพงมากมาย กลายเป็นเรื่องเสียเปล่า คนงานคนหนึ่งในนวนคร เล่าให้ผู้สื่อข่าวทีวีว่า ส่วนหนึ่งน้ำเขาลอดรูท่อระบายน้ำกลับเข้ามาในพื้นที่นิคม ทำให้นึกถึงน้ำและบ้านผมปัจจุบัน ซื้อครอบครองไว้นานเกือบ๔๐ปีเห็นจะได้ เวลานั้นพื้นดินรอบบ้านถมไว้สูงกว่าระดับถนนเกือบครึ่งเมตร ต่อมา กทม.ทำถนนหน้าบ้านครั้งใหม่รวมแล้ว๒ครั้ง ทำทีไรก็ยกระดับขึ้นไปทุกครั้ง ใครมีบ้านอยู่กรุงเทพจะทราบดี กทม.เขามีนิสัยพฤติกรรมการทำงานเป็นอย่างนี้ รังแกชาวเมืองโดยไม่ตั้งใจ จนพื้นบ้านพื้นอาคารต่ำกว่าถนนไปมาก ผมคิดว่าข้าราชการกทม.หลายคนคงมีบ้านที่โดนแบบเดียวกับชาวเมืองบ้างหรอกนะ น้ำท่วมกทม.หลายครั้งก่อนหน้านี้ ท่วมทีไร ช่วงแรกๆกำแพงบ้านก็รับน้ำได้ดี ๓-๔วันต่อมา น้ำจะเริ่มสามารถซึมลอดรอยต่อใต้พื้นบ้านที่เทคอนกรีตไว้ได้เสมอ หากน้ำเป็นผู้ร้าย จับน้ำขึ้นศาล น้ำเขาคงบอกว่าเขาไม่ได้ท่วม เขาลอดข้างใต้ต่างหาก ปรากฏการณ์ส่วนน้อยตรงนี้ ต้องไม่ลืมไม่ละเลย ไม่ประมาท ยังจะเรียกว่ามาสร้างวิชาใหม่ทางผังเมืองกันคือ วิศวกรรมน้ำลอด ที่มากับวิศวกรรมน้ำท่วมนั้น คงจะไม่ผิด ฝากไว้ให้สถาบันการศึกษาและวิชาชีพเกี่ยวข้อง กันลืมครับ จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 10:14:46

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นปลื้มที่ทุกท่านทิ้งความคิดเห็นไว้.... น้ำท่วม (หรือน้ำลอดก็ตาม....) เป็นเรื่องของธรรมชาติ และอาจจัดเป็นเหตุสุดวิสัยก็ได้ เพราะมิได้ท่วมเฉพาะประเทศไทย แต่ท่วมทั้งภูมิภาคนี้เลย (พม่า ลาว เขมร เวียดนาม ไปถึงจีนและอินเดียโน้นแหละ) แต่.... การป้องกันและการแก้ไข จัดเป็นเรื่องของมนุษย์ ผู้นำของชุมชนจะต้องแสดงออกเต็มที่ทั้งภาวะผู้นำ ความคิดเห็น และเรื่องอื่นๆ ตั้งแต่ระดับชุมชุน หมู่บ้าน จนถึงระดับจังหวัด หรือประเทศ.... มีหลักการบริหารเบื้องต้นที่ใครๆ ก็รู้ว่า "ใช้คนให้ตรงกับงาน และมอบหมายงานให้ตรงกับคน" แต่.... ผู้นำที่ถูกตำหนิมากๆ มักจะไม่ปฏิบัติตามนี้ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัย หรือสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม.... ปรากฎการณ์น้ำท่วม (หรือน้ำลอด...) เมื่อมองในแง่ของปรัชญา ก็สะท้อนให้เห็น บริบทอื่นๆ ได้อีกเยอะ... น้ำยังคงท่วม (หรือน้ำลอด.... ต้องวงเล็บ เดียวท่านขามเรียงจะแย้งอีก) กระทู้นี้ ก็ว่าไปเรื่อยๆ... จากคุณ : ณ. ลังค่าย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 19:06:39

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าทำเล่นไป เรื่องน้ำลอด ยิ่งชุมชนเจริญเป็นบ้านเมือง เป็นนิคมอุตสาหกรรม ยิ่งสร้างกำแพงต้านน้ำ ยิ่งแพ้น้ำ จึงข้อเสนอให้รัฐพิจารณา หลายทางเลือก ๑.สร้างท่ออุโมงค์ให้น้ำเขาลอดใต้ดินชุมชน เมือง และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ขวางทางน้ำ ลอดไปออกทะเล*** ๒.ขุดแม่น้ำเพิ่มอ้อมเมืองไปอีก๒-๓สาย ที่เมืองวาเลนเซีย/สเปน ทำแล้ว ผมเคยไปดูแม่น้ำสายเดิมที่ผ่ากลางเมืองและกลายเป็นสวนสาธารณะในแม่น้ำไปแล้้ว ๓.กำแพงชุมชน คลองเล็ก กำแพงเมืองและกำแพงนิคมอุตสาหกรรม ยังคงมีต่อไป แต่ต้องทำให้แข็งแรงกว่าเดิม(มีหลายวิธี ตามความจำเป็น) ๔.ยอมให้มวลน้ำจำนวนหนึ่ง(ที่ควบคุมได้โดยregulatorประตูน้ำ) ไหลเข้าคลองเล็ก (ที่มีอยู่แล้ว/หรือขุดใหม่เพิ่มแบบสมัยรัชกาลต้นๆ,จากทิศเหนือลงไปทิศใต้)ผ่านกลางชุมชน เมืองและนิคมฯได้บางส่วน และใช้เรือขับน้ำออกปากน้ำไป   ๕.ปรับเปลี่ยนย้ายเมือง ชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมบางส่วน ออกแบบ/สร้างผังเมืองใหม่ หลายประเทศทำแล้ว ***หมายเหตุ อันที่จริง กทม.เขาก็มีท่อน้ำลอด/อุโมงค์ยักษ์ใต้ดินใต้พื้นที่กทม.อยู่บ้างแล้วนะครับ แต่ทำไว้ระบายน้ำฝนที่ตกลงมามากเท่านั้นเอง จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 00:25:09

ความคิดเห็นที่ 12 นายกปูเข้ามา ก็เจอจ้าวแห่งน้ำลองของ คงต้องงัดตำราและปรัชญาที่เรียนมาด้านรัฐประศาสนศาสตร์, อบ่างน้อยๆก็เริ่มที่ ปรัชญาการบริหารแบบประชาธิปไตย ของVincent Ostrom , ออกมาใช้ ถือโอกาสทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ชักชวนให้ทุกคนในพรรคการเมืองของท่านและข้าราชการทั้งหลาย กวาดการบริหารราชการแบบBureaucracyที่หมดสภาพ กลายเป็นน้ำเสีย ชวนกันกวาดลงทะเลไปพร้อมกับอุทกภัยครั้งนี้เสียเลย จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 00:40:59

ความคิดเห็นที่ 13 หลังปรัชญาน้ำท่วมไม่จบหรอกครับ  มันส่งผลกรรมมาสู่ปรัชญาการเมือง... ทักกี้รังแกน้องสาวไปแล้ว เพราะคาดไม่ถึง ที่ว่า"โคลนนิ่ง"มาน่ะจะไปรอดได้กี่เดือน? หมดจากแรงกดดันแก้น้ำท่วม แล้วยังจะต้องพบด่านแรงกดดันจากPolitical Economy -เศรษฐศาสตร์การเมือง: การเมืองภายนอก/การเมืองภายใน เศรษฐกิจภายนอก/เศรษฐกิจภายใน สมาชิกกระทู้นำหัวข้อเหล่านี้ไปขยายดูก่อนนะครับ จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 01:12:38

ความคิดเห็นที่ 14 การแก้ปัญหาเร่งด่วน เปิดทางให้กองทัพน้ำเคลื่อนที่ลงทะเลเร็ว มากที่สุดในเวลาสั้นสุด (ยิ่งขวางเขายิ่งรุนแรง ยิ่งค้างและเน่านาน๓-๔เดือน ) เพื่อให้ประชาชนกลับคืนและฟื้นสภาพ กลับถิ่นฐานบ้านช่องได้เร็วสุด ทุกคนห่วงบ้านและทรัพย์สิน ผมเสนอดังนี้ เปิดพื้นที่พื้นทางให้น้ำไหลออกให้มากสุด เร็วที่สุด โดยเครื่องมือหนัก /โยธาธิการ ๑.พื้นที่สาธารณะ รัฐและสถาบันเสียสละ ๒.พื้นที่เอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทิ้งว่างเปล่า เสียสละหน้าดิน รัฐชดเชยภายหลัง ๓.ถนนสาธารณะบางสายในแนวเหนือใต้ หรือถนนที่ขวางทางน้ำในแนวตะวันเดิน เจาะช่องทำท่อลอดจำนวนมาก ๔. ฯลฯ ช่วยกันคิดนะครับ (ข้อ๔.ในคห#11)รัฐบาลและกทม.นำไปปฏิบัติแล้ววันนี้ครับ) แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 54 00:12:22 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 00:09:21

ความคิดเห็นที่ 15 เอกชน พบ "ปู" เสนอตัด 5 ถนน ดันน้ำออกตะวันออก: กลุ่มวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ เข้าพบนายกฯ เสนอตัด 5 ถนนฝั่งตะวันออกเปิ... http://t.co/0m36X09z จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 21:24:01

ความคิดเห็นที่ 17 ข่าวล่า 14.35น.นายกสั่งตัดถนนเลียบชุมชนรังสิตคลอง9ระบายน้ำกทม.เชื่อเสร็จคืนนี้ ***ยังอีกหลายมาตรการนะครับนายกฯ จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 54 14:46:34

ความคิดเห็นที่ 18 สนุกกันแล้ว คราวนี้มีคนกล้าค้าน... กรมชลฯค้านเจาะถนนยันคุมน้ำตะวันออกได้100% http://บิท.ly/utIqNb” จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 54 15:30:28

ความคิดเห็นที่ 19 สุวรรณแว่นแคว้นเวลาเวียน  บทเรียนปรัชญามหาธาราสอน พลังน้ำล้างมนุษย์มักง่ายวอน  อย่าโลภรอนผิวดินปิดทางน้ำ ตั้งบ้านเรือนเถื่อนถิ่นใหม่  ยกใต้ถุนสูงไว้อย่าเฉไฉ นิคมนิคามเขตพันไร่ไม่บรรลัย ใส่ใจไร่นายกร่องแบบโบราณ คลองรังสิตประดิษฐ์คิดให้ชัด อีกคลองระพีพัฒน์ดัดแปลงใช้ คนไทยกับผังเมืองสมัยใหม่ เร่งเร็วไวฝ่ายการเมืองยกนโยบาย จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 10:04:27