 |
1. หวงไท่จี๋เป็นโอรสลำดับที่ 8 ของนูร์ฮาร์ชี ครับ พระราชสมภพในปี ค.ศ. 1592 ตรงกับรัชสมัยว่านลี่ ปีที่ 20 ครับ ซึ่งในตอนนั้นนูร์ฮาร์ชียังเป็นเพียงขุนพลแห่งเจี้ยงโจว กองทัพหมิงของหลี่เฉิงเหลียงยังคงปกครองเจี้ยงโจวส่วนใหญ่เอาไว้ใต้อำนาจของราชสำนัหมิง และกำลังสะสมฐานอำนาจเพื่อตั้งตนเป็นข่านอยู่ 2. มารดาของหวงไท่จี๋มีชื่อว่า ม่งกู่ ครับ เป็นสตรีในตระกูลเยี่ยเหอหน่าหลา ซึ่งเป็นเผ่าหนี่เจินคู่แข่งของตระกูลอ้ายซินเจี๋ยหรอครับ เนื่องจากสมัยนั้นตระกูลต่างๆของเผ่าหนี่เจินแตกแยกกันครับ บางพวกก็ไปสวามิภักดิ์ราชสำนักหมิง บางพวกก็ตั้งตนเป็นอิสระ บางพวกก็ต่อต้านราชสำนักหมิงเป็นพักๆ และราชสำนักหมิงก็พอใจที่จะให้ตระกูลหนี่เจินทั้งหลายแตกแยกกัน จะได้อ่อนแอจนไม่สามารถรวมตัวกันมาต่อต้านอำนาจของแม่ทัพใหญ่ที่เหลียวเสิ่นได้
ม่งกู่นั้นเกิดในรัชสมัยว่านลี่ ปีที่ 3 ครับ ตรงกับ ค.ศ. 1575 และนางก็แต่งเป็นภรรยาของนูร์ฮาชีในราวปี 1588 ก่อนจะให้กำเนิดหวงไท่จี๋ในปี 1592 นั่นแลครับ ซึ่งตอนนั้นนูร์ฮาร์ชีมีโอรสอยู่หลายคนแล้วกับภรรยาใหญ่จากตระกูลถงจีหยา (ตระกูลถงจีหยา หรือสกุลถง นี่ก็เป็นตระกูลหนี่เจินสำคัญเช่นกัน) เช่น ฉู่หยิง ที่เป็นโอรสองค์โต, ไต้ซ่าน เป็นต้น ดังนั้นนับตามลำดับการเกิดแล้ว หวงไท่จี๋เลยเป็นโอรสองค์ที่ 8 ของนูร์ฮาร์ชีครับ
3. หลังจากหวงไท่จี๋เกิดในปี 1592 อิทธิพลของนูร์ฮาร์ชีก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นลำดับครับ ทั้งการที่สามารถรบเอาชนะกองทัพพันธมิตรหนี่เจินทั้ง 9 เผ่าแห่งเยี่ยเหอได้, การปราบเขตฮาต้า, พวกตระกูลหนี่เจินแห่งหูหลุน รวมไปถึงการที่หลี่เฉิงเหลียงเริ่มแก่ชราและไม่ค่อยใส่ใจจะดูแลพวกตระกูลหนี่เจินต่างๆเท่าไหร่ ทำให้พอถึงปี ค.ศ. 1606 นูร์ฮาร์ชีก็กลายเป็นข่านแห่งเจี้ยงโจวครับ สามารถปราบตระกูลหนี่เจินต่างๆมาอยู่ในอำนาจได้เกือบหมด
4. หวงไท่จี๋ก็เติบโตขึ้นมาในช่วงที่นูร์ฮาร์ชีกำลังขยายอำนาจพอดีครับ และก็แน่นอนว่าเขามีส่วนร่วมอย่างมากในการช่วยบิดาทำศึกเหนือเสือใต้ต่างๆ ร่วมกับพี่ๆน้องๆคนอื่นๆ ทำให้หวงไท่จี๋มีอำนาจทางทหารและการเมืองขึ้นเรื่อยมา
5. ปี ค.ศ. 1616 หรือรัชสมัยว่านลี่ ปีที่ 44 นูร์ฮาร์ชีก็ประกาศตั้งตนเป็นจักรพรรดิแห่งต้าจินครับ และก็ตั้งลูกชายคนโตอย่างฉู่หยิงเป็นรัชทายาท ตั้งพวกโอรสองค์อื่นๆเป็นหัวหน้ากองธงหรือท่านชายกันหมด ซึ่งหวงไท่จี๋ก็พลอยได้ตำแหน่งไปด้วย
6. แต่พอปีว่านลี่ที่ 45 หรือ ค.ศ. 1617 ฉู่หยิงก็วางแผนก่อการกบฏโค่นอำนาจนูร์ฮาร์ชีผู้เป็นบิดาครับ แต่ก็ล้มเหลวและทำให้เขาโดนปลดจากตำแหน่งรัชทายาทไป (ก่อนจะโดนคุมขังจนตายในปี ค.ศ. 1618) ตรงนี้เองที่ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทของต้าจินว่างลง และนูร์ฮาร์ชีก็ไม่ตั้งใครเป็นรัชทายาทอีกเลยจนเขาตายในปี 1626
7. หลังจากนั้นในปีว่านลี่ที่ 46 ตรงกับ ค.ศ. 1618 นูร์ฮาร์ชีก็ประกาศโองการความชั่วช้า 7 ประการของต้าหมิงครับ และตัดสินใจตัดขาดจากการเป็นประเทศราชของต้าหมิง และส่งกองทัพเข้าโจมตีเมืองต่างๆในเจี้ยงโจวและเหลี่ยวเสิ่นที่เป็นเขตอิทธิพลของต้าหมิงทันที สงครามระหว่างต้าจินและต้าหมิงก็เริ่มต้นแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ ซึ่งแน่นอนว่าหวงไท่จี๋ก็มีความสำคัญอย่างมากในการทำศึกนี้ครับ
8. ตอนนั้นโอรสที่โตเป็นผู้ใหญ่และมีอาวุโสมากๆของนูร์ฮาร์ชีนั้นมีหลายคนครับ ไม่ว่าจะเป็น ไต้ซ่าน ที่ได้เป็นไต้อ๋องใหญ่ (เพราะอาวุโสสูงสุดภายหลังฉู่หยิงตายไป) ควบคุมกองทัพธงแดง, มองกู่ไท่, อามิน (เป็นหลานของนูร์ฮาร์ชีครับ บิดาของอามินคือ ซูร์ฮาร์ชี ซึ่งเป็น น้องชายของนูร์ฮาร์ชี) เป็นต้น ซึ่งทำให้คนที่มีสิทธิ๋์ในราชสมบัตินั้นมีหลายคนมาก แม้แต่โอรสองค์เล็กๆอย่างพวก อาฉีเก้อร์, ตวนเอ่อร์กุน และตอร์โต้ ที่เกิดจากอาปาไห่ ซึ่งเป็นสนมที่นูร์ฮาร์ชีโปรดปราณมากก็มีสิทธิในราชสมบัติเหมือนกัน
9. เมื่อนูร์ฮาร์ชียกทัพไปพ่ายแพ้ให้กับหยวนฉงหวนที่เมืองหนิงหยวน และบาดเจ็บสาหัสกลับมาในปี ค.ศ. 1626 นั้น เขาก็วิตกกังวลมากว่า หากเขาตายไปโดยไม่ได้ทำเรื่องการสืบทอดให้แน่ชัด พวกโอรสองค์ต่างๆที่มีอำนาจทหารในมือก็จะทำสงครามกลางเมืองชิงอำนาจกันแน่นอนครับ แต่นูร์ฮาร์ชีก็ตัดสินใจไม่ได้ว่า จะให้ใครสืบทอดดี เพราะถ้าให้คนใดคนหนึ่ง ที่เหลือก็จะไม่ยอม และยกทัพเข้าทำสงครามกันแน่ๆ
สุดท้ายนูร์ฮาร์ชีก็เลยไม่ได้ตั้งใครเป็นรัชทายาทครับ แต่ให้เหล่าอ๋องกองธงต่างๆนั้นร่วมกันคัดเลือกหนึ่งในโอรสที่มีความสามารถ ยกให้เป็นจักรพรรดิ แต่ก็ให้เหล่าอ๋องและจักรพรรดิองค์ใหม่นั้น ร่วมกันปกครองประเทศว่าราชการร่วมกัน (คงเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจไม่ชิงอำนาจกันครับ)
โอรสองค์ต่างๆของนูร์ฮาร์ชี ที่เรียกว่า 8 อ๋อง ก็เลยได้สิทธิ์ว่าราชการและคัดเลือกหนึ่งใน 8 อ๋อง ขึ้นเป็นจักรพรรดิต่อไปครับ ซึ่งหวงไท่จี๋ได้รับแรงสนับสนุนมากที่สุด เขาเลยได้เป็นจักรพรรดิต้าจิน แต่อำนาจปกครองนั้นต้องแบ่งให้พี่ๆน้องๆไปด้วย มิได้มีอำนาจเด็ดขาดเช่นยุคบิดาอีก........
10. ในบรรดา 8 อ๋องที่ร่วมกันปกครองนั้น จริงๆคนที่โตเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจก็คงมีแค่พวก ไต้ซ่าน, อามิน, มองเกอไท่ และก็หวงไท่จี๋ครับ เพราะอีก 3 คนอย่าง ตวนเอ่อร์กุน, อาฉีเก้อร์ และตอร์โต้ ที่เป็นโอรสของอาปาไห่นั้นยังเด็กอยู่มากเลย มีแต่ตำแหน่งลอยๆ ทว่าหวงไท่จี๋ก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ เพราะ 3 พี่น้องนี่มีมารดาคนเดียวกัน ย่อมสามัคคีกัน และอาจจะพัฒนามาต่อต้านอำนาจของตนได้ในกาลต่อไป แถมอาปาไห่เองก็จะมีอำนาจมากอีกด้วย หวงไท่จี๋เลยบังคับให้อาปาไห่ฆ่าตัวตายในปี ค.ศ. 1626 นั่นเอง
11. จากปี 1626 เรื่อยมา หวงไท่จี๋ก็ค่อยๆสะสมอำนาจ โดยการเขี่ยพวกอ๋องที่ร่วมปกครองออกไปทีละคนครับ นอกจากนี้หวงไท่จี๋ยังพยายามเอาระบบการปกครองประเทศแบบต้าหมิง และให้ขุนนางชาวฮั่นมีบทบาทมากขึ้นในราชสำนักต้าจิน (ซึ่งในสมัยของนูร์ฮาร์ชีนั้น เขาไม่ค่อยชอบชาวฮั่นเท่าไหร่) หวงไท่จี๋เองยังขยายกองทัพ 8 ธงเพิ่มกองธงของชาวมองโกลและชาวฮั่นเข้าไปอีกด้วย
ด้านการขยายอำนาจนั้น เขาพยายามโดดเดี่ยวต้าหมิง ด้วยการบังคับให้พันธมิตรของต้าหมิงอย่างเกาหลีและมองโกลบางเผ่า กลายมาเป็นพรรคพวกของต้าจินแทนครับ รวมทั้งการใช้นโยบายต่างประเทศที่พยายามบั่นทอนกำลังของต้าหมิงทั้งด้วยการทำสงครามและจิตวิทยาเรื่อยมา ทำให้ต้าจินเข้มแข็งขึ้นเป็นอย่างมาก
12. พอปี ค.ศ. 1635 อำนาจของหวงไท่จี๋ก็หยั่งลึกเต็มที่ครับ อามินและมองเกอไท่โดนลดอำนาจลง ทางด้านไต้ซ่านเองก็ดูเหมือนจะยอมรับสถานภาพแล้ว ทำให้หวงไท่จี๋ตัดสินใจสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิเทียบเท่าจักรพรรดิหมิง และเปลี่ยนชื่อประเทศจากต้าจินเป็นต้าชิงแทน เปลี่ยนชื่อเผ่าจากหนี่เจินเป็นแมนจู แต่บัดนั้นมา
จากคุณ |
:
digimontamer
|
เขียนเมื่อ |
:
วันปิยมหาราช 54 09:16:38
|
|
|
|
 |