คุ้ยพงศาวดารจีน
คนชั่วแผ่นดินจิ้น
ตอนที่ ๑๓ มหาอุปราชคนใหม่
เล่า เซี่ยงชุน
ฝ่าย สุมาลุน ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และซุนซิวซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ สุมาลุนนั้น ถือตัวว่าเป็นใหญ่ไม่มีผู้ใดเสมอ แต่จะทำสิ่งใดก็ยังไม่ถนัด ด้วยคิดเกรงเตียโฮ้ที่ปรึกษานอกราชการของฮ่องเต้อยู่ วันหนึ่งซุนซิวจึงพูดกับสุมาลุนว่า
.ข้าพเจ้าตรองดูทุกวันนี้ ตัวท่านมีอำนาจอาจตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้น ขุนนางทั้งปวงอยู่ในบังคับท่านทั้งนั้น จะทำการสิ่งไรไม่มีผู้ขัดขวาง เห็นมีที่กีดอยู่แต่เตียโฮ้คนเดียว ตั้งแต่ท่านเข้ามาทำราชการก็ช้านานหลายเดือนแล้ว ไม่เห็นเตียโฮ้ไปมาหาสู่เลย จะต้องคิดกำจัดเสียจึงจะได้
..
สุมาลุนก็ว่า
..เตียโฮ้นั้นเขาเป็นคนดี มีผู้นับถือยำเกรงมาก แล้วก็ไม่มีความผิด ซึ่งจะกำจัดเสียนั้นจะมีความนินทาดอกกระมัง
.
ซุนซิวก็ว่า
..ข้าพเจ้าจะคิดยกข้อผิดเตียโฮ้ให้จงได้ เตียโฮ้ทิษฐิมานะมาก อายุถึงแปดสิบเศษแล้วจะทำอะไรแก่ใครได้ ถ้าคิดอ่านยกโทษหาความผิดใส่แล้ว คงจะโทมนัสตรอมใจตายเอง
..
สุมาลุนก็ว่าถ้าจะทำอย่างนั้นก็ตามใจ อย่าให้คนทั้งปวงติเตียนเราได้ ซุนซิวก็ว่าข้อนั้นอย่าได้วิตก พูดแล้วก็ไปหาเตียโฮ้ที่บ้าน เตียโฮ้ถามว่ามีธุระสิ่งใด ซุนซิวก็ว่าที่มานี้หมายจะสนทนาด้วยเนื้อความสักข้อหนึ่ง เตียโฮ้ก็จะพูดสิ่งไรก็ว่ามาเถิด ซุนซิวก็กล่าวหาว่า
ตัวท่านประกอบด้วยสติปัญญา คนทั้งปวงถือว่าเป็นคนดีมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ชื่อเสียงท่านปรากฎมาช้านาน ครั้งนี้นางเกียฮองเฮาทำการไม่ดีมีความผิดมาก จนบ้านเมืองเป็นจลาจลต่าง ๆ ให้เสียพระเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดิน นี่หากว่าสุมาลุนผู้เป็นนายข้าพเจ้า มาคิดอ่านกำจัดเสียได้ บ้านเมืองจึงเรียบร้อยเป็นปกติ อันตัวท่านก็ประกอบด้วยสติปัญญา มีความกตัญญูต่อแผ่นดิน เหตุใดจึงไม่ว่ากล่าวห้ามปรามกำจัดเสีย นิ่งไว้จนนางเกียสีฮองเฮาทำการล่วงเกิน จนถึงฆ่าฮองไทเฮา ฮ่องไทจือ ท่านก็ไม่เจ็บร้อนด้วยแผ่นดิน
เตียโฮ้ก็ว่าการอันนี้ใช่เราจะไม่รู้เมื่อไร แต่เรามีอำนาจน้อยนัก เหลือกำลังที่จะห้ามปราม และคิดกำจัดได้ ซุนซิวก็สำทับว่า
..ท่านอย่าพูดแก้ตัวไปเลย คนที่สรรเสริญว่าท่านดีนั้นหาจริงไม่ ด้วยคนทั้งหลายไม่รู้เท่าถึง แต่ก่อนตัวเราก็เข้าใจว่าท่านดีจริง ครั้นนานมาจึงได้รู้ว่าท่านเป็นคนโกง ต่อเวลาอื่นเราจึงจะบอกแก่สุมาลุน ให้เอาทหารมาเอาตัวท่านไปชำระปรึกษาโทษให้จงได้
.
ซุนซิวพูดแล้วเห็นเตียโฮ้มีกิริยาโกรธมาก ก็ลากลับมาที่อยู่ ตั้งแต่วันนั้นมา เตียโฮ้ก็ให้มีความเจ็บช้ำใจยิ่งนัก คิดว่าตนทำราชการมาก็ช้านาน จะได้เข้าด้วยกับผู้ซึ่งกระทำความผิดนั้นหามิได้ ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะมาติเตียนว่ากล่าวเรา เหมือนอย่างซุนซิวนี้ไม่มีเลย การเป็นไปครั้งนี้ก็เพราะตนไม่มีอำนาจ คนพาลมันจึงหมิ่นประมาทได้ เตียโฮ้คิดไปก็เสียใจ จนป่วยลงและถึงแก่กรรม ขณะนั้นอายุได้แปดสิบสองปี
เตียอุยผู้บุตรก็มีความเศร้าโศกเสียใจยิ่งนัก เมื่อทำการฝังศพบิดาตามธรรมเนียมเสร็จแล้ว ก็อพยพครอบครัวหนีไปให้พ้นเสียจากเมืองหลวง
ครั้นพระเจ้าเฮาฮุยเต้ได้ทรงทราบว่า เตียโฮ้ถึงแก่กรรมแล้ว จึงมีรับสั่งให้ขุนนางไปหาเตียอุยมาถามว่า บิดาเป็นโรคอะไร เหตุใดจึงไม่กราบทูลให้ทรงทราบ ทิ้งไว้จนตาย ขุนนางก็กลับมากราบทูลว่า เตียอุยนั้นเมื่อทำการฝังศพบิดาแล้ว ก็อพยพหนีไปอยู่ที่อื่น ราษฎรพูดกันว่า เตียโฮ้มีคุณต่อพวกราษฎรเป็นอันมาก มาตายครั้งนี้เป็นที่สังเวช ไม่สมกับที่มีคุณต่อแผ่นดินเลย ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า
..เตียโฮ้นี้มีความชอบในแผ่นดินมาก ทำราชการมาหลายแผ่นดินแล้ว จะได้มีระแวงข้อผิดสิ่งใดก็หามิได้ บัดนี้ออกเสียจากขุนนาง เมื่อตายก็อนาถาหายศไม่ น่าสงสารนัก
.
แล้วก็มีรับสั่งให้เจ้าพนักงานทำการกงเต๊ก ที่ฝังศพเหมือนอย่างขุนนางผู้ใหญ่ มีป้ายศิลาจารึกอักษรว่า ไซจิ้นเซียงก๊กเตียงก๋ง แปลว่า ขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการในแผ่นดินไซจิ้น เมื่อวันทำการศพให้ราษฎรและขุนนางนุ่งขาวทั้งสิ้น แต่นั้นมาฮ่องเต้ก็ไม่สบายพระทัยเลย
และตั้งแต่นั้นมาสุมาลุนก็เชื่อฟังซุนซิวทุกอย่าง ซุนซิวชอบใจการเล่นสิ่งไร เป็นมโหรีหรือขับร้อง ก็ชักชวนแนะนำให้สุมาลุนเล่นก่อน แล้วตนจึงค่อยเล่นภายหลัง สุมาลุนชมว่า ซุนซิวรู้จักอัชฌาสัยนายเป็นอย่างดี
วันหนึ่งสุมาลุนก็ปรึกษากับซุนซิวว่า
.ราชการบ้านเมืองทุกวันนี้ สำเร็จเด็ดขาดอยู่กับเราทั้งสิ้น ยังมีที่กีดอยู่แต่ สุมายุ้นคนเดียวเท่านั้น ครั้นจะคิดกำจัดก็ยาก ด้วยสุมายุ้นได้ว่านายทหารรักษาพระองค์ แข็งแรงอยู่ จะต้องคิดอ่านอย่าให้สุมายุ้นได้เป็นนายทหารรักษาพระองค์ เราจึงจะกำจัดได้ง่าย
.
ซุนซิวก็ว่าท่านคิดดังนี้ชอบแล้ว สุมาลุนจึงกราบทูลฮ่องเต้ให้พระราชทานเลื่อน สุมายุ้นให้เป็นที่สูงขึ้นกว่าเดิม สุมายุ้นทราบแล้วก็คิดตรึกตรองว่า สุมาลุนกับตนก็ไม่ใคร่ชอบพอรักใคร่กัน เหตุใดจึงมากราบทูลขอให้เลื่อนที่ขึ้นไปดังนี้ ชะรอยจะคิดทำอันตรายตนเป็นมั่นคง จึงกราบทูลให้พ้นจากตำแหน่งนี้ เหมือนหนึ่งตัดปีกตัดหางตนเสีย จะต้องกำจัดเสียโดยเร็วจึงจะได้ แล้วก็คุมทหารยกไปล้อมบ้านสุมาลุนไว้ สุมาลุนก็คุมทหารออกมาสู้รบกันเป็นสามารถ สุมาลุน ทานกำลังสุมายุ้นไม่ได้ ก็ล่าถอยเข้าบ้านปิดประตูเสีย สุมายุ้นก็ล้อมบ้านไว้อย่างเดิม
พระเจ้าเฮาฮุยเต้ทรงทราบเรื่องราวจากขุนนาง จึงรับสั่งให้ฮกเกี๋ยนขุนนางฝ่ายทหารคุมกำลังออกไปห้ามปรามอย่าให้ทั้งสองวิวาทกันต่อไป ฮกเกี๋ยนคุมทหารมาถึงหน้าบ้านก็ประกาศว่า ตนถืออาญาสิทธิ์ออกมาห้ามอย่าให้ท่านทั้งสองวิวาทรบพุ่งกัน ทหารของสุมายุ้นซึ่งล้อมบ้านสุมาลุนนั้น จงเลิกถอยออกไปเสีย อย่าได้ตั้งขบวนถือศาสตราวุธอยู่ สุมายุ้นก็สั่งให้ทหารของตนเก็บอาวุธเสียสิ้น สุมาลุนก็คุมทหารเปิดประตูบ้านออกมาจับตัวสุมายุ้นฆ่าเสีย ทหารของ สุมายุ้นเห็นนายตายก็ยอมแพ้ไปสิ้น
ฮกเกี๋ยนก็กลับมากราบทูลฮ่องเต้ว่า สุมายุ้นเป็นขบถ คิดจะชิงเอาราชสมบัติ จึงได้คุมทหารมาหมายจะกำจัดสุมาลุนเสีย ตนเองถือรับสั่งไปห้ามปรามก็ไม่เชื่อฟัง บัดนี้สุมาลุนฆ่าเสียแล้ว ฮ่องเต้ก็มิได้ตรัสประการใด
สุมาลุนกำจัดสุมายุ้นได้แล้ว ก็มีความยินดีปูนบำเหน็จรางวัลแก่ทหารทั้งปวง รวมทั้งฮกเกี๋ยนซึ่งใช้อุบายให้ทหารสุมายุ้นเลิกขบวน เพราะสุมาเคี้ยนผู้บุตรของสุมาลุน ได้ขอร้องให้ฮกเกี๋ยนช่วยด้วย สุมาลุนก็ให้เงินทองสิ่งของเป็นอันมาก แก่ฮกเกี๋ยนและเลื่อนที่ให้มียศใหญ่ขึ้นไปอีกด้วย และตั้งแต่นั้นมาสุมาลุนก็มีใจกำเริบคิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ เพราะนอกจากฮ่องเต้แล้วไม่มีผู้ใดใหญ่เสมอตน จึงปรึกษากับซุนซิวเพื่อขอตำแหน่งมหาอุปราชของแผ่นดิน จากพระเจ้าเฮาฮุยเต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ตรัสว่า อันที่มหาอุปราชนั้นสำคัญมากอยู่ จะต้องประชุมขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยปรึกษาดูให้เห็นพร้อมกันเสียก่อนจึงจะได้
เมื่อฮ่องเต้เสด็จออกที่ว่าราชการ และขุนนางมาพร้อมแล้ว ซุนซิวก็กราบทูลว่า
..บัดนี้ราชการบ้านเมืองทั้งปวง พระองค์โปรดให้สุมาลุนว่ากล่าวดูแล ต่างพระเนตรพระกรรณสิ้นทั้งนั้น ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทานให้สุมาลุน เป็นที่มหาอุปราช
.
ฮ่องเต้ก็ปรึกษาขุนนางทั้งหลายว่าจะเห็นประการใด ขุนนางที่ได้ฟังรับสั่งถาม ก็พากันนิ่งอยู่ มีแต่เตียบุ๋นขุนนางผู้หนึ่ง กราบทูลขึ้นว่า
.เมื่อครั้งแผ่นดินฮั่น โจโฉเข้ามากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะขอที่มหาอุปราช ครั้นอยู่มาปลายแผ่นดินวุย สุมาสูเข้ามากราบทูลขอเป็นที่มหาอุปราช โจโฉและสุมาสูได้เป็นมหาอุปราชขึ้นแล้ว ประพฤติการอย่างไร พระองค์ย่อมทราบอยู่เต็มพระทัย
..
ในแผ่นดินสามก๊กที่ผ่านมาไม่นาน โจโฉได้เป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้ว เมื่อตายลงโจผีบุตรคนโตก็บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ สละราชสมบัติให้ตนเป็นฮ่องเต้ ส่วน สุมาสูนั้นเป็นมหาอุปราชของพระเจ้าโจมอ หลานของพระเจ้าโจผี เมื่อสุมาสูตายสุมาเจียวน้องชายก็ได้เป็นมหาอุปราชแทน ครั้นสุมาเจียวตาย สุมาเอี๋ยนบุตรชายคนโต ก็บังคับให้พระเจ้าโจฮวนหลานของโจโฉ สละราชสมบัติให้ตนเป็นฮ่องเต้แทน ซึ่งก็คือพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ ต้นราชวงศ์ไซจิ้น พระราชบิดาของพระเจ้าเฮาฮุยเต้นี่เอง
เตียหลิมนายทหารของสุมาลุนได้ฟังก็โกรธ ว่าตัวเป็นแต่ขุนนางผู้น้อย ไม่ควรจะพูดอวดรู้ดูหมิ่นผู้ใหญ่ ไม่คิดยำเกรงสุมาลุนผู้เป็นนาย จึงจะเอาตัวไปฆ่าเสีย ซุนซิวก็ห้ามไว้แล้วว่า การอันนี้สุดแล้วแต่ขุนนางจะเห็นพร้อมกัน
ครั้นพระเจ้าเฮาฮุยเต้ตรัสถามขุนนางทั้งปวงว่า การที่ซุนซิวขอให้สุมาลุนเป็นที่มหาอุปราชนั้น ใครจะเห็นควรหรือไม่ควรประการใด ขุนนางทั้งปวงต่างก็กลัวตาย จึงกราบทูลว่า สุมาลุนนั้นสมควรที่จะเป็นมหาอุปราชได้ พระเจ้าเฮาฮุยเต้ก็ทรงตั้งให้สุมาลุนเป็นที่มหาอุปราช ตามความเห็นของขุนนาง
สุมาลุนจึงว่า
..สุมาเต๊กซึ่งเป็นฮ่องไทจือนั้น ไม่มีความผิดตายด้วยอำนาจคนพาล สุมาเต๊กมีบุตรอยู่คนหนึ่งชื่อสุมาฉัง เป็นกำพร้ามารดาตายแต่เล็กอายุได้เจ็ดขวบ เมื่อนางเกียสีทำการกำจัดสุมาเต๊กนั้น สุมาฉังยังเล็กนัก ข้าพเจ้าเอาไปเลี้ยงไว้จึงรอดจากความตาย พระองค์จงโปรดให้เป็นที่ไทจือแทนบิดา ขอให้ตั้งสุมาเคี้ยนบุตรข้าพเจ้าให้เป็นที่ฮ่องไทซุน ตั้งซุนซิวเป็นขุนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน ตั้งเตียหลิมเป็นขุนนางฝ่ายทหารรักษาพระองค์
.
แล้วสุมาลุนก็ขอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งขุนนางและนายทหาร แต่บรรดาที่เป็นพวกพ้องของตนอีกสิบเจ็ดคน ให้เลื่อนที่ขึ้นไปตามตำแหน่งที่ว่างเปล่าอยู่นั้น พระเจ้าเฮาฮุยเต้ก็โปรดตั้งให้ตามคำสุมาลุนทุกคน
###########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 54 10:39:26
|
|
|
|