Many nights we've prayed with no proof anyone could hear. << ถ้าเป็น here ตัวนี้ ไม่ได้แปลว่าได้ยินนะคะ แปลถูกแล้วล่ะ แต่เนื้อมาผิดซะงั้น
In our hearts a hopeful song, we barely understood.
Now we are not afraid, although we know theres much to fear.
We were moving mountains long before we know we could.
คืนแล้วคืนเล่าที่เราเฝ้าสวดวิงวอน แม้ไม่แน่ใจว่าจะมีใครได้ยินหรือไม่
<< อันนี้สวยแล้วค่ะ
หัวใจของพวกเรามีเพียงท่วงทำนองของเพลงแห่งความหวัง
<< ตก we barely understood ถ้าใส่เพิ่มก็น่าจะเป็น "...ถ้อยทำนองเพลงแห่งความหวังที่เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ"
เรามิหวาดหวั่นใดใด แม้จะมีสิ่งน่าหวาดกลัวอยู่เบื้องหน้า
<< ในตอนนี้เรามิหวาดหวั่นใดๆ ...
เราพร้อมจะทำแม้แสนยากเย็นประหนึ่งย้ายภูผา เราพร้อมจะทำ
<< ไม่ได้แปลว่าแบบนี้นะคะ การย้ายภูผาในที่นี้จะย้อนไปพูดถึงการสร้างปิรามิด
ประมาณว่า "แม้ภูเขาเป็นลูกๆ เรายังย้ายกันมาแล้ว (นับประสาอะไรกับอิเรื่องแค่นี้ =P)"
** อธิบาย context เพิ่มเติมนะคะ
เนื้อจะแบ่งเป็นสองช่วงเวลา คือในอดีตที่ไร้ความหวัง ได้แต่พร่ำสวดไปเรื่อยไร้จุดหมาย
และจะต่อด้วยปัจจุบันที่ความหวังเรืองรองขึ้นมา ทำอะไรก็ดูจะสำเร็จไปเสียหมด
ลองไปดูการ์ตูนเรื่องนี้ดูค่ะ จะเข้าใจเพลงได้มากขึ้น
เปรียบเทียบสมัยที่ชาวฮิบรูยังเป็นทาสในอียิปต์ กับสมัยที่รามิซิสเติบโตขึ้นมาและช่วยกอบกู้ชนชาวฮิบรู
ซึ่งตรงนี้จะมีสัญลักษณ์ทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพลงนี้มีเยอะเชียวล่ะค่ะ
There can be miracles when you believe.
Though hope is frail, its hard to kill.
Who knows what miracle,
You can achieve. When you believe,
Somehow you will. You will when you believe.
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ เพียงเรายังมีศรัทธา
<< ท่อนนี้ก็สวยแล้วค่ะ
แม้ความหวังจะแสนเปราะบาง
<< ตก it's hard to kill จะเติมได้ประมาณว่า "แม้ความหวังจะแสนเปราะบาง แต่ก็ยากที่จะทำลาย"
แต่ไม่ใช่กับคนที่เข้าถึงอำนาจแห่งปาฏิหาริย์
<< ปาฎิหาริย์จะนำพาให้สัมฤทธิ์การทั้งปวง (เราไม่ได้แปลตรงตัวเป๊ะๆ นะคะ แปลเอาสวย แต่รักษาเนื้อหาไว้ได้มากที่สุด)
ความสำเร็จสัมฤทธิ์ผลเกิดขึ้นได้ เมื่อเธอยังมีศรัทธา
<< ขอให้มีความเชื่อมั่น เมื่อนั้นปาฎิหาริย์จะบังเกิด
เมื่อถึงเวลา เธอจะรู้เองว่าควรทำเช่นไร
ขอเพียงให้ใจไม่สูญสิ้นศรัทธา
<< เป็นเราจะตัดออกทั้งท่อนเลยค่ะ มันเวิ่นเว้อ...
In this time of fear,
When prayer so often proves in vain,
Hope seemed like the summer birds, too swiftly flown away.
Yet now Im standing here
With heart so full I cant explain.
Seeking faith and speaking words
I never thought Id say.
ในห้วงเวลาอันน่าหวาดกลัวฉะนี้
<< ส่วนตัวไม่ชอบคำว่า "ฉะนี้" แต่ประโยคนี้สวยแล้วค่ะ
บ่อยครั้งที่ผู้สวดวิงวอน จะสัมผัสได้ว่านี่มิใช่สิ่งไร้สาระ
<< prayer ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลเสมอไปค่ะ ในที่นี้ใช้เป็นคำสวดวิงวอนจะเหมาะกว่า
และ proves in vain ไม่ได้แปลว่า สัมผัสได้ว่า นี่ ไม่ใช่ สิ่งไร้สาระ เราแปลกใจค่ะว่าคุณแปลเอาคำว่า "ไม่ใช่" มาจากไหน
ถ้าจะให้เราแปล ขอแปลประโยคนี้ว่า "ในเวลาที่คำสวดอ้อนวอนใดๆ ก็ไม่เป็นผล"
อย่าลืมโยงเข้าเรื่องราวในการ์ตูนด้วยค่ะ เพราะเพลงนี้แต่งเพื่อใช้ประกอบการ์ตูนเรื่องนี้
ความหวังเปรียบเสมือนนกน้อยในคิมหันตฤดูที่โบยบินจากไปอย่างรวดเร็ว
<< สวยแล้วค่ะ อันนี้ขอบอกว่าชอบมาก
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ หัวใจฉันเต็มตื้นหาที่จะเปรียบ
<< เพิ่ม Yet "แต่เมื่อได้มายืนอยู่ตรงนี้ ด้วยหัวใจที่เต็มตื้นหาที่จะเปรียบ"
แสวงหาศรัทธา และกล่าวแม้คำพูดที่ไม่เคยคิดจะเอื้อนเอ่ยออกมา
<< อันนี้โอเคแล้วค่ะ
They dont always happen when you ask.
And its easy to give in to your fear.
But when youre blinded by your pain,
Cant see your way safe through the rain,
Thought of a still resilient voice,
Says love is very near.
ปาฏิหาริย์มิได้เกิดขึ้นทุกครั้งที่เธอเพรียกหา
<< อันนี้ใช้ได้ค่ะ
นั่นอาจทำให้เธอจำนนต่อความพ่ายแพ้
<< และมันก็ง่ายมากถ้าจะยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้
แต่เมื่อใดที่เธอตกอยู่ในความมืดมนจากความเจ็บปวด
และไม่รู้ว่าจะข้ามผ่านเวลาอันเลวร้ายนั้นได้อย่างไร
เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ บอกเธอว่าความรักไม่เคยจากไป