ความคิดเห็นที่ 1 แนะนำให้หาหนังสือรวมข้อสอบ entrance ข้อสอบ toefl, toeic ที่มีเฉลยมาฝึกทำเยอะๆ ก็ช่วยในการสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษได้ เจ้าของกระทู้บอกว่า "ภาษาอังกฤษผมเรียกได้ว่าอ่อนแอมาก คืออ่านคำง่ายๆออก แต่เขียนเป็นประโยคที่เป็นทางการไมไ่ด้เลย" แนะนำให้อ่านเว็บนี้ครับ http://www.rong-chang.com/easyread/es/easy001.htm เว็บนี้ใช้ประโยคง่ายๆ คำง่ายๆ มี music player ด้านบนให้คลิกฟังเสียง คำไหนไม่รู้จักก็ควรเปิดดิกชันนารี เมื่อจบเรื่องก็คลิกคำ MENU ข้างล่างเพื่อดูสารบัญของบทอื่นๆ อ่านเว็บนี้บ่อยๆ จบแล้วก็อ่านซ้ำอีก แล้วจำประโยคภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ จำเอาไปใช้ แล้วฝึกเขียนตามด้วยก็ดี จะได้เข้าหัว ทำให้ครบกระบวนการทั้ง 4 คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน แล้วจะค่อยๆเก่งภาษาอังกฤษขึ้นเรื่อยๆ จบเว็บนี้แล้วมาต่อเว็บนี้ก็จะดี http://www.dailyesl.com/index.htm จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 17:14:20

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ คุณทนาย เรียนภาษาอังกฤษมัันคล้ายกับการเตะบอลน่ะครับ ซึ่งต้องการการปฏิบัติมากกว่า ทฤษฏี(แกรมม่า) ประมาณว่าลงไปเล่นก่อน กติกาอะไรไว้ทีหลัง ค่อยสอน สิ่งที่จขกท ต้องทำคือ ฝึกฝนภาคปฏิบัติให้มากที่สุด ที่จขกทบอกมาว่า มีเวลา 4 เดือนนั้นอาจจะน้อยไปนิด แต่ถ้าฝึกแบบเข้มข้นแบบที่ จขกท บอกจริิงๆ ก็อาจจะได้ผลที่น่าพอใจได้ ซึ่งคำว่าเข้มข้นนั้นผมว่า จขกท ควรจะใช้เวลากับภาษาอังกฤษ อย่างน้อยวันละ 3 ชม. ขึ้นไป ย้ำว่าอย่างน้อย เพราะเวลาจขกทมันค่อนข้างน้อยครับ ส่วนจะฝึกอะไรนั้น ผมคิดว่า ฟัง กับ อ่านเป็นหลัก เพราะมันเป็นพื้นฐานของการฝึกภาษา และก็การสอบ ป.โท ก็คงจะมีแค่ ฟัง กับอ่าน (ผมไม่เคยสอบครับ) อาจจะมีเขียน essay นิดๆหน่อยๆ ส่วนพูดกับเขียน ไว้ทีหลังโน่น รอให้ฟังกัับอ่านได้ซัก ปีสองปี ก่อน การอ่าน ฝึกโดยไปซื้อหนังสืออ่านนอกเวลามา่อ่านให้เยอะที่สุด (เล่มละประมาณ 100) หาที่ร้านหนังสือทั่วไป มีหลายยีี่ห้อ http://www.se-ed.com/totalsolution/image.axd?picture=2010/10/4.jpg แต่ละเล่มจะมีเลเวลกำกับ พยายามอ่านแล้วปรับเลเวลไปเรื่อยๆ จนได้เลเวลสูงสุด พออ่านเลเวลสูงสุดได้แล้ว จขกท จะมีคลังศัพท์ติดตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ประมาณ 2000-3000 คำ เท่านี้ก็็จะต่อยอดได้้ง่ายขึ้น ถ้าอ่านหนังสือนอกเวลาเบื่อ ก็เปลี่ยนมาอ่าน บางกอกโพสต์ เนชั่น เล่มละ 30 บาท ถ้าไม่อยากเสียตังก็ voanews.com แต่จะเหนื่อยกว่าหนังสือนอกเวลาหน่อย แต่ถ้าอ่านได้ก็จะดีมาก ส่วนการฟัง อันนี้เร่งลำบาก ต้องใ้ช้เวลา จะฟังแบบเร็ว หรือแบบช้านั้นขึ้นอยู่กับจขกท ถ้าฟังแบบมีสคริปท์ให้อ่าน ฟังไป แล้วมาอ่าน ก็จะเร็วขึ้นกว่าเดิม พยายามฟังให้้ได้มากที่สุด นั่งว่าง ขึ้นบีทีเอส เดินเข้าซอยบ้าน หยิบโทรศัพท์มาเสียบหูฟังซะ เลือกหูฟังดีๆหน่อย ไม่่ใช่แค่อันละ 50 บาท ส่วนหูฟังแบบไหนดี ผมเอาง่ายๆว่า ฟังเพลงแล้วได้ยินเีสีียงเบสก็โอเค ส่วนจะฟังเพลงหรือข่าว นั้นแล้วแต่จขกท ครับ แต่ข่าวจะได้ศัพท์ที่มีสาระกว่าแน่นอน จะดูหนังดีีวีดีที่มีซัับด้วยก็ไม่ว่ากัน http://www.voanews.com/learningenglish/home/   แบบช้า สำหรับคนฝึกหัด http://www.voanews.com/english/news/ แบบปกติ สำเนียงอเมริกัน http://www.bbc.co.uk/podcasts แบบปกติ สำเนียงคนอังกฤษ ส่วนการเขียนก็คงต้องไว้ทีหลัง เพราะถ้าฟังกับอ่านไม่มากพอ มันจะเขียนไม่ออกจริงๆ แต่ถ้าอยากเขียนเ่ล่นๆก็ไปที่ http://lang-8.com จะมีฝรั่งมาแก้ที่เราเขียนผิดให้ แต่ตอนนี้เว็บเขาซ่อมอยู่ ส่วนหนังสือการพูดในชีวิตประจำวัน ผมว่าคงไ้้ด้แค่ก๊องๆแก๊งๆ อะครับ อ่านไปเดี๋ยวก็ลืม จะลองดูก็ได้นะครับแล้วแต่แนว ส่วนหนังสือแกรมม่าร์ นี่ ไว้อ่านว่างๆถ้าฟิตจริงๆ วันละซัก 10--20 นาที ก็เพียงพอ เพราะถ้าไ่ม่มีภาคปฏิบัติ ท่องทฤษฏีไปแป๊บเดียวก็ลืมแล้วครับ แต่ถ้าปฏิบัติมาแล้วก็จัดไปครับคุณทนาย จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 17:17:03

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณทุกความเห็นอย่างสุดซึ้งเลยครับ ผมจะปริ้นเก็บไว้ทำตามครับ จากคุณ : ทนายใหม่ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 08:29:41

ความคิดเห็นที่ 4 ขอแจมด้วยคน ผมคิดว่า ในเวลาที่น้อย ๆ แบบนี้ ควรใช้แบบ learning to the test คือ เรียนเพื่อทำข้อสอบ จะตรงเป้ากว่า โดยเริ่มจาก  ดูว่าข้อสอบออกอะไรบ้าง (ปกติข้อสอบแต่ละปีก็จะออกคล้ายๆ กัน) ถ้าไม่รู้ว่าออกอะไร ก็ให้หารุ่นพี่ที่เรียน แล้วถามว่าออกอะไรบ้าง สอบอย่างไร จากนั้น ก้ค่อยเิริ่มดู ตามที่ข้อสอบออก เช่นข้อสอบออกให้เขียน ก็ต้องดูต่อว่าเขียนแบบไหน แบบ essay เรียงความ หรือ paraphrase หรือ summarize สรุปความ หรือข้อสอบออก Reading ให้อ่านแล้วกาคำตอบ หรือ เขียนคำตอบ หรือ สอบไวยากรณ์ หรือไม่มีไวยากรณ์ พวกนี้จำเป็นต้องรู้นะครับ (ผมว่า)  เพื่อจะได้เดินได้ตรงมากขึ้น ไม่ต้องเหวี่ยงแห ..ไงครับ ความตั้งใจสูงอย่างนี้  เอาใจช่้วยนะครับบบ จากคุณ : ajbrian เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 23:38:01