ความคิดเห็นที่ 1 แล้วคุณจะรู้ไปทำไมกันล่ะ เพราะเราว่าฝรั่งเจ้าของภาษาก็คงยังมานั่งเขียนรายการให้ไม่ไหวเพราะมันมีเยอะมากๆ ไม่ใช่มีแค่ไม่กี่สิบคำ ในการเรียนภาษาอังกฤษให้แตกฉาน (ตามที่เห็นตั้งๆกระทู้กันมา) บางคนหลงคิดว่า "ต้องเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ระดับปริญญาเอก" แต่อนิจาเอาแค่คำศัพท์ว่ามันจะพูดหรือเขียนพลิกแพลงไปได้มากมายกี่รูปแบบ แค่นี้ก็จำกันไม่ไหวแล้ว ^ เราเคยดูทีวีในประเทศอังกฤษมันเป็นรายการที่ให้ฝรั่งเก่งๆภาษาอังกฤษมาดวลกันเอง แปลกแต่จริงแม่บ้านอายุ 80 กว่าๆ ไม่จบปริญญาตรี ดวลกับเด็กหนุ่มอายุ 30 ปลายๆเกือบๆจะ 40 ที่เรียนเอกอังกฤษจบปริญญาเอกมา ดวลกันไปดวลกันมา แม่บ้านไม่จบปริญญาตรีสู้ได้ทุกประตูเลยในเรื่องการใช้คำศัพท์ให้สื่อความหมายต่างกันออกไป "เพราะแม่บ้านอ่านหนังสือเยอะเหลือเกิน!" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:58:45

ความคิดเห็นที่ 2 ทำรายงานมั้ง? เพราะก็เห็นมีแต่คนทำการบ้านส่งเท่านั้นแหละที่ต้องมานั่งรวบรวมบัญชีจำพวกนี้ไปส่งครูซึ่งเอาเข้าจริงๆเราว่าไม่ได้มีประโยชน์ในทางการใช้งาน ถ้าให้เราทำก็คงต้องใช้เวลานึกอยู่หลายวัน นอกเหนือไปจากเปิดดิคอังกฤษ-อังกฤษ และนึกเสร็จแล้วก็ยังมองไม่เห็นว่าจะเอาไปทำอะไรกิน เราเองก็อาศัยอ่านเยอะเหมือนกันถึงแยกแยะคำชนิดต่างๆออก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:49:58

ความคิดเห็นที่ 3 ดิชั้นอยากรู้แล้วไปเดือดร้อนคุณหรอคะ ดิชั้นแค่อยากทำรายงาน วิเคราะห์ธรรมชาติของภาษา ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็เงียบไปไว้ดีกว่านะคะ จากคุณ : Giulietta เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:52:57

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วสิ่งที่ดิชั้นกำลังค้นคว้าก็ไม่ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์ กลับทำให้ผู้เรียนใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น คำว่า repair กับ reparation ดูเผินๆ อาจจะเหมือนสองคำนี้ความหมายเดียวกันเพียงแต่คำหนึ่งเป็นกริยาอีกคำเป็นคำนาม แต่ที่จริงแล้ว คำว่า repair เป็นทั้งคำนามและคำกริยาแปลว่าซ่อมแซมและการซ่อมแซม ส่วนคำว่า reparation กลับมีความหมายพิเศษคือหมายถึง ค่าชดเชยในกรณีแพ้สงคราม เป็นความหมายเจาะจง จะไม่สามารถใช้ในความหมายทั่วๆไปว่าการซ่อมแซม และนี้คือสิ่งที่ดิชั้นกำลังค้นหาอยู่ในเรื่องการใช้ ความหมายของคำ จากคุณ : Giulietta เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:58:50

ความคิดเห็นที่ 5 จชกท จะเปรียบมวยกะใคร? #1 หรือ #2? จะได้ไม่ผิดคิว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:45:17

ความคิดเห็นที่ 6 หมายถึง 1 ค่ะ จากคุณ : Giulietta เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:46:25

ความคิดเห็นที่ 7 "ดิชั้นอยากรู้แล้วไปเดือดร้อนคุณหรอคะ" That is not a kind of attitude when you need help. It is so easy, but a humongous task, so you'd better find out on your own with the help of Google. There are probably thousands in modern English, certainly several hundred. It is a humongous task, you have to compile your own list. I could give you hundreds of links but because of that attitude of yours, I'd rather not help. That is because I am a horrible person. จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:30:25

ความคิดเห็นที่ 8 จขกท.ใจเย็นก่อนค่ะ ถ้าคิดว่าคำตอบไหนที่ช่วย จขกท.ไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปสนใจคำตอบนั้นไปเลย ดีกว่าที่จะมาโต้ตอบแบบนี้นะคะ "ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็เงียบไปไว้ดีกว่านะคะ" เพราะที่นี่เป็นบอร์ดสาธารณะ ใครก็เข้ามาถามได้ อ่านได้ ตอบได้ ถึงแม้จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับ จขกท. แต่ก็อาจจะมีประโยชน์กับคนอ่านคนอื่นก็ได้นี่คะ จากคุณ : มาร์ตัวจิ๋ว เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:21:23

ความคิดเห็นที่ 9 #1, #2 เขาก็ตอบไว้ดีแล้วว่ามันมีเยอะมากจนนับไม่ไหว แล้วภาษามันก็มีมานาน พัฒนากันมานับเป็นพันปี บางที การจะทำความเข้าใจภาษา แทนที่จะนั่งทำบัญชีแยกแยะศัพท์ เปลี่ยนเป็นพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติภาษาจะดีกว่า แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอินพุตของแต่ละคน ว่าผ่านหูผ่านตามามากแค่ไหน คุณ จขกท. ได้อ่านความเห็นทุกความเห็นโดยละเอียดหรือยัง หรือแค่เพราะไม่มีใครตอบอย่างใจต้องการ เลยกระฟัดกระเฟียดใส่ ผู้เรียนที่ดี เขาต้องมีทัศนคติว่า ทุกความเห็น ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ก็ตามที จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 22:45:32

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องขอโทษคุณ จขกท ด้วยที่เราเข้าใจผิดหลงคิดว่าคุณต้องการรู้ list คำศัพท์เหล่านี้เพื่อการเรียนรู้แบบ fast food  เราจึงแนะนำไปอย่างที่แนะนำไป  เนื่องจากเราคิดว่าการเรียนรู้ศัพท์พวกนี้มันต้องอาศัยบริบทด้วย  และจำนวนมันค่อนข้างเยอะ  มันไม่หมูเหมือนสร้าง lists ของพวก irregular verbs หรือ nonfinites (ซึ่งจริงๆแล้วเราก็เคยแปะ lists ของ nonfinites (น่าจะครบทุกตัว) ใน pantip เมื่อหลายปีมาแล้ว) แต่เผอิญคุณเพิ่งมาบอกเราว่า "คุณกำลังทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์" ก็เลยอยากจะบอกว่างานแบบนี้คุณจำเป็นต้องมีความรู้ด้าน computer กับ programming (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง database) พอสมควร ไม่ใช่แต่ความรู้ด้านภาษา จะบอกใบ้ให้ว่าเราแอบเรียนรู้วิธี hack website ต่างประเทศแห่งหนึ่งได้ โดยที่เราค้นคำสั่งลับที่ทำให้เรารู้วิธีดูด dictionary ขนาดยักษ์ออกจาก database ของมันได้ ถ้าเราจับมันใส่ database ของเราเอง และหาวิธี sort กับ query มันดีๆ เราน่าจะทำงานของคุณได้สำเร็จ นอกจากนี้แล้วเรายังทำงานด้านภาษาอังกฤษและค้นคว้าด้านนี้โดยเป็นการส่วนตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็น ไม่ได้ทำเพื่อเอาปริญญา และเราเป็นนักทดสอบและสะสม software จนทำให้เรามี software ที่เป็น dictionaries ย้อนยุคไปตั้งหลายสมัยจนถึงสมัยใหม่นี้   ตั้งแต่ run บน windows 98, 2000 และ xp แต่หลายๆตัวมันไม่ run บน windows 7 บนเครื่อง computers สมัยใหม่ ดังนั้นเราจึงพยายามที่จะปลุกให้มันฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่โดยการสร้าง virtual machine เป็น  windows 2000 ซึ่งน่าจะเป็นตัวที่ run programs พวกนี้ได้สำเร็จหมด ทำให้เราสามารถ run windows 7 กับ windows 2000 ในเวลาเดียวกันบนคอมพิวเตอร์สมัยใหม่เครื่องเดียวกันได้  ซึ่งเมื่อทำเสร็จเราน่าจะมี dictionaries มากกว่านักแปลหรือนักศึกษาภาษาอังกฤษใดๆทั้งหมด และหนึ่งใน dictionaries โบราณที่เรากำลังรวบรวม มันมี functions พิเศษหลายอย่าง เช่น สามารถเขียนคำสั่งให้มันแสดงรายการ entries ทั้งหมดที่ใน definitions ของมันมีคำศัพท์เฉพาะเจาะจงบางตัว  ซึ่งสามารถทำให้ search ได้อย่างทรงพลัง นอกจากนี้แล้วเรายังมี software สำคัญตัวหนึ่งซึ่งใช้สร้าง database เพื่อเก็บรวบรวม lists คำศัพท์ และมันเก่งมากพอที่จะสร้าง dictionaries อันทรงพลังขึ้ันมาได้ด้วย ซึงเราใช้ google ขุด (ค้น) หามันมาได้ แล้วเผอิญเรากับคุณ genf ก็เรียนรู้ด้าน ICT มาค่อนข้างเยอะ (เคยแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนี้กันทาง mail บ่อยๆ) ก็เลยน่าจะมีความรู้พอที่จะทำงานชิ้นนี้ของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหา links ไปยัง websites สำคัญๆที่จะช่วยคุณได้ เพราะพวกเราสองคนเป็นนักขุดเหมือนๆกัน นั่นก็คือ "ใช้ google ขุดเอาของมีค่าออกมาใช้งานได้ฟรีๆอย่างชำนาญมากๆ" ^ แต่เผอิญตอนนี้พวกเราชักไม่อยากจะช่วยคุณขึ้นมาซะแล้วสิ เราแนะนำว่าคุณลองใช้ข้อมูลที่เราบอกใบ้ให้ข้างบน แล้วใช้ฝีมือของตัวเอง ทำงานตัวเองให้สำเร็จ จะได้ภาคภูมิใจได้ว่าเรียนจบมาได้ด้วยความสามารถของตนเองโดยไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเลย ^ ขนาดเราเรียนรู้และค้นคว้าด้านภาษาอังกฤษด้วยตัวเองนอกมหาลัยเรายังฝึกฝนตนเองให้มี precise logic and creative imaginations มากพอที่จะใช้สมองพลิกแพลงคิดค้นจนรู้วิธีทำงานของคุณได้ ^ ดังนั้น คุณซึ่งอุตส่าห์เสียเงินเรียนมหาลัยก็น่าที่จะทำงานดังกล่าวให้ลุล่วงได้ด้วยสมองของตนเอง แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 10:00:55 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 23:10:56 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 23:00:18

ความคิดเห็นที่ 11 http://www.enchantedlearning.com/wordlist/nounandverb.shtml จากคุณ : Coffeeclub เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 23:54:56

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ คคห 4 พูดว่า "แล้วสิ่งที่ดิชั้นกำลังค้นคว้าก็ไม่ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์ กลับทำให้ผู้เรียนใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง" ^ เป็นความคิดตื้นๆ ซึ่งนำไปสู่การทำรายงานที่ไร้ประโยชน์และเสียเวลาเปล่าๆ! ถ้าคิดจะเรียนด้านภาษาอังกฤษระดับสูงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ควรพิจารณา scenarios ที่หลากหลายมากๆกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครสอน reading comprehension ให้นักเรียนไทยกลุ่มหนึ่ง พออธิบายศัพท์เสร็จ แล้วถามนักเรียนว่า "รู้ไหมว่าศัพท์ตัวนั้น ตัวนี้ ในประโยคนั้นประโยคนี้ (สุ่มถามเอา)เป็น part of speech ไหน" ^ ต่อให้นักเรียนชี้ได้ถูกหมดว่าศัพท์ตัวไหนเป็น part of speech ไหนครบถ้วน แล้วให้นักเรียนงัดคำศัพท์ตัวนั้นจากบทความที่กำลังเรียนอยู่ ออกมาทดลองเขียนประโยคพลิกแพลง นักเรียนอาจเขียนถูกเฉพาะใน sentence structure type หรือ collocation และสื่อความหมายได้เฉพาะในบริบทที่เห็นในเรื่องที่เรียน แต่โอกาสเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่จะนักเรียนจะเขียนถูกต้องใน sentence structure type อื่นและ collocations อื่นๆ เพื่อสื่อความหมายอื่นๆ หากนักเรียนคนนั้นไม่เคยเห็นตัวอย่างประโยคที่ฝรั่งเจ้าของภาษาเขียน ^ เนื่องจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษแค่เรียนความหมายเฉยๆ แล้วเอาไปเขียนประโยคให้ถูกต้องมันเป็นไปได้ยากมากๆ มันไม่เหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนท่องศัพท์เป็นคำๆท่องมา 4000 คำ โอกาสเอาไปพูดหรือเขียนให้ถูกหมดทั้ง 4000 คำ มันมีมากกว่าหลายเท่า! ^ ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเขาถึงสร้าง esl dictionaries ขึ้นมาเอาไว้สอนคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 โดยแสดงตัวอย่างว่าคำศัพท์แต่ละตัวจะใช้สร้างประโยคให้ถูกต้องได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสอนศัพท์นักเรียนว่า ransom แปลว่า ค่าไถ่  แต่ให้เขียนว่า "พวกเขาจับเธอไปเรียกค่าไถ่" นักเรียน (ถ้าไม่เคยเห็นตัวอย่างประโยคใน esl dictionaries) คิดให้ตายก็ไม่มีทางนึกออกว่า มันคือ "They held her to ransom." เราเคยสอน reading comprehension แบบ ambitious มากๆ นั่นก็คืออธิบายศัพท์โดยยกตัวอย่างประโยคมาให้รวม collocations ทั้งหมด เพื่อสื่อความหมายทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยรวม sentence structure types ที่พลิกแพลงมากที่สุด แล้วให้นักเรียนเอาตัวอย่างประโยคไปหัดเขียนเดี๋ยวนั้นเลย จะได้เรียน reading comprehension กับ writing ไปพร้อมๆกัน แต่ปัญหามันก็คือ "ตอนบรรยายเป็นภาษาไทยอย่างรวดเร็ว มันทำให้นักเรียนเรียนรู้ความหมายศัพท์ และตัวอย่างประโยคอย่างรวดเร็ว แต่มันกลายเป็น passive learning เพราะนักเรียนได้แต่ฟังแล้วจดลูกเดียว" ^ ถ้าเราบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แล้วให้นักเรียน discuss มุมมองต่างๆกันเป็นภาษาอังกฤษ มันจะเป็น active learning แบบ interactive ซึ่งน่าจะได้ผลกว่า แต่ปัญหามันก็คือ นักเรียนกลุ่มนี้ คนอื่นสอนมาก่อน และนักเรียนไม่มีทักษะในด้าน conversation เลย เราก็เลยบรรยายเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ ^ แต่ถ้าเราเริ่มสอน conversation เด็กกลุ่มนี้ต้องไปสอบข้อสอบแบบไทยๆ ที่ไม่มี conversation มีแต่สอบศัพท์กับ grammar ปัญหามันก็เลยยุ่ง และจะต้องหากลยุทธ์ในการสอนที่แยบยลมากกว่านี้ สรุป การหากลยุทธ์ที่จะช่วยให้ learners ใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง มันมีอะไรที่จะต้องขบคิดที่ต้องใช้สมองพลิกแพลงมากกว่าการมาเสียเวลาทำ lists คำศัพท์ที่เป็นได้ทัั้ง verbs และ nouns เพราะขนาดเด็กท่อง irregular verbs จนจำได้หมดว่าจะผันกริยา 3 ช่องยังไง แต่เวลาพูดกับเขียนก็ยังมิวายสร้างประโยคผิดธรรมชาติจนน่าปวดหัว ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ช่วยให้ learners ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องมันเป็นเหมือนเล่นเกม building blocks คือต้องค่อยวางฐานราก แล้วต่อยอดออกไปสูงๆ โดยการพัฒนาทักษะต่างๆไปตามลำดับขั้นตอนและกระบวนการที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปไล่ล่าหารายการศัพท์แบบลมๆแล้งๆแล้วหวังผลแบบฝันเฟื่องหลงคิดว่าเป็นผลงานดีเด่นส่งอาจารย์ รายงานดีเด่นส่งอาจารย์ น่าจะเป็นรายงานที่ผู้ทำรายงานสาธิตให้เห็นว่า "ตัวเองใช้สมองคิดพลิกแพลงเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างหลากหลาย! และพิสูจน์ได้ว่านำกลยุทธ์ที่คิดค้นมานั้น คำนึงถึงความเป็นไปได้ทุกทางแล้ว (exhausted and contrived all possibilities) อีกทั้งเป็นกลยุทธ์ที่นำออกไปใช้งานได้จริง" เพราะถ้าเราเป็นอาจารย์แล้วคุณเอารายการศัพท์พวกนี้มายื่นให้เราแล้วพูดว่า "อุตส่าห์ทำมาเพราะมันทำให้ผู้เรียนใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง" เราจะโต้แย้งตามเหตุผลที่ให้มาข้างบน แค่นี้คุณก็หงายท้อง defend ไม่ได้แล้ว! แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 10:49:32 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 10:46:45 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:34:39

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้คนอื่นจะว่าอย่างไร แต่เกือบแทบทุกครั้งที่เราอาจคำตอบของคุณหมอดู เรา "ได้" ทุกครั้ง ไม่มากก็น้อย และได้คอนเซ็ปต์หรือวิธีคิดค่อนข้างมาก จนบางครั้งไม่กล้าเถียงไปเลยก็มี ป จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 16:26:23 A:49.49.101.202 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบขำ ๆ ครับ graduate(V) graduate(N) คนพึ่งจบการศึกษา graduation(N) จากคุณ : [:Rexagon:] เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 10:36:47