PANTIP.COM : K11293518 คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ย ปี ละ 7 บรรทัด มันมีที่มาอย่างไรครับ [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 5

ปีหนึ่งเราไม่อ่านหนังสือเลยสักบรรทัดเราก็ไม่โง่ ซึ่งนักวิจัยคนนี้คิดไม่ถึงหรอก

คือตามปกติเราไม่ค่อยอ่านนิยาย เราอ่านแต่หนังสือพวกหาความรู้สาขาวิชาการต่างๆเป็นภาษาอังกฤษหมด เราไม่ได้ซื้อหนังสือภาษาไทยมาอ่านตั้ง 10 กว่าปีแล้ว (อ่านภาษาไทยเฉพาะเวลาเล่น pantip หรือเวลานานๆทีรับจ้างแปลเอกสารไทยเป็นอังกฤษเท่านั้น)

แต่ช่วงหลังๆนี้เราใจร้อนมากๆอยากเรียนศาสตร์ต่างๆเร็วๆก็เลยขี้เกียจอ่านหนังสือ พวกฝรั่งก็รู้ใจเราอุตส่าห์ผลิต training videos มาให้เราได้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆตั้งหลายแขนงแน่ะ อย่างเช่นตอนแรกเราเล่น computer แบบมวยวัด แต่พอจะเรียนรู้เป็นเรื่องเป็นราวเราก็ไปหา videos สอนวิชา computer science มานั่งดู

โยคะ มวยจีน หรือแทงเข็ม (acupuncture) ก็มี videos ภาษาอังกฤษสอน(คนอินเดียกับคนจีนบรรยายการสอนให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษเลย)

วิชาภาษาอังกฤษเราก็เรียนจาก videos เพราะขี้เกียจอ่าน texbooks นั่งฟังฝรั่งบรรยาย อย่างเช่น grammar กับ writing เงี้่ย ดู videos แพล็บเดียวเก่งเร็วกว่าอ่าน textbooks เป็นกอง

เอาไว้ว่างๆจะลองหา videos พวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ มาลองทวนๆดู อยากจะลองกลับไปเรียนแข่งกับพวกเด็กนักเรียนทุน เพราะสมัยเด็กๆเรา iq ต่ำ เราเพิ่งมาเพิ่ม iq แล้วเรียนรู้ได้ไวตอนอายุมากๆนี่แหละ

ขนาดประกอบรื้อถอนและบำรุงรักษา และใช้งานอาวุธปืน เรายังหา videos มาเรียนได้เลย

ยิ่งเพศศึกษาหละโหมันสุดๆเลย ดู videos การสอนมันกว่าอ่านหนังสืออีก มีสอนวิธีนวดตรงนั้นของผู้ชายให้เพิ่มขนาด สอนวิธีสัมผัสผู้หญิงให้ได้อารมณ์ สอนด้านการแพทย์ จิตวิทยา ที่เกี่ยวกับ sex ดูแล้วเรียนรู้เร็วกว่าอ่านหนังสือตั้งเยอะ

ไม่อยากให้นักวิจัยคิดตื้นๆว่าคนอ่านหนังสือน้อยๆจะต้องโง่เสมอไป ที่เราเลือกการเรียนรู้ด้วยวิธีการอย่างอื่นก็เพราะมันได้ผลเร็วกว่าอ่านหนังสือ

^
และในอนาคตข้างหน้าการเรียนรู้ด้วยการอ่านหนังสือกระดาษจะกลายเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไป

เราเรียนหนังสือไม่จบสูงนักหรอก แต่เรามีสมองพลิกแพลง เร็วๆนี้เราจะเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆด้วยวิธีการที่นักวิจัยโง่ๆมันคิดไม่ถึง เช่น

ใช้ parapsychology (ปรจิตวิทยา)เรียนภาษาอังกฤษระดับสูงๆ นั่นก็คือนั่งทางในแล้วอัญเชิญวิญญาณนักเขียนฝรั่งเก่งๆให้มาเข้าสิงร่างเรา เราจะได้เรียนเขียนภาษาอังกฤษระดับเทพๆอย่างรวดเร็วได้โดยไม่ต้องเสียเงินไปเรียนมหาลัย หรือเสียเงินไปเรียนถึงต่างประเทศ...555+++...

อีกเรื่องหนึ่งที่นักวิจัยคนนี้คิดไม่ถึงนั่นก็คือ

เรื่อง unlearning

เราอ่านคำสอนของเต๋าเรื่อง "การทำตัวให้ปราศจากความรู้" แล้วลองปฏิบัติดู

สมัยเราอยากเก่งอยากฉลาด เราอ่านตำราเป็นกองพะเนินเทินทึก แล้วหนักสมอง เราก็เลยทดลองคิดแบบ paradoxical ตามแบบฉบับของเต๋า นั่นก็คือ

"เลิกเรียนรู้ศาสตร์ที่กำลังเรียน แต่ฝึกคิดพลิกแพลงเพื่อคิดค้นศาสตร์ใหม่ขึ้นมา (ให้ดีกว่าศาสตร์ที่เรากำลังพยายามเรียนรู้อยู่) โดยใช้จินตนาการหลุดโลกของตนเอง"

^
บ่อยครั้่งที่เราค้นพบอะไรใหม่ๆ เข้าใจอะไรได้ดีขึ้น โดยการ unlearning...
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 23:21:14
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 23:11:53

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 23:04:58