ความคิดเห็นที่ 1 สอนหลังจากเรียนเรื่องการแก้สมการกำลังสองแล้ว จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:15:36

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ค่อยมีศิลป์ จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:16:15

ความคิดเห็นที่ 3 มันดูเป็นเอกสารที่น่าเบื่อสักหน่อย แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 54 00:17:05 จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:16:46

ความคิดเห็นที่ 4 ผิดรูํป จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:19:23

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอย่างต้องมาก่อน จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:21:07

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องมีโจทย์ท้าทายความสามารถสักหน่อย จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:22:14

ความคิดเห็นที่ 7 ผมขอแสดงความเห็นในมุมมองนักเรียน ถ้าเด็กไม่เคยเรียนมาก่อน(ก็แน่ละ) แล้วมาเจออาจงงได้ เดาเอาน่ะในมุมมองของผมแทนนักเรียนคนนึง ผมอาจงงคำศัพท์ฟังแล้วมันเหมือนจะยาก(มุมเด็กทึ่มคนนึง) แล้วก็อาจมึนเรื่องตัวแปลที่ใช้แทนตัวเลข เช่น r s  a b c d จะรู้สึกว่ามันอะไรเยอะจัง ผมคิดว่าผมต้องการตัวอย่างง่ายๆประกอบไปเรื่อยๆในแต่ละขั้นตอนทำให้เห็นภาพหน่อยเนอะ (อันนี้เป็นมุมมองของเด็กม.2ที่ผมสมมติตัวเองขึ้นมา หากเป็นขณะนั้นนะครับ) จากคุณ : แปดริ้วคือเฉือนเนื้อปลา เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 01:17:01

ความคิดเห็นที่ 8 คคห. 1 ผมว่า น่าจะอธิบายการนับจำนวนรากให้ชัดเจนกว่านี้ครับ เช่น สมการ (1) น่าจะอธิบายเพิ่ม 1 และ 1 ซึ่งเป็นรากซ้ำ แต่ละตัวมีที่มาอย่างไร ส่วน สมการ (2) เข้าใจว่า คุณ จขกท. น่าจะเขียนโจทย์ผิดนะครับ ป.ล. ผมเพิ่งรู้ความแตกต่างของคำว่า "ราก" กับ "คำตอบ" จากกระทู้นี้ครับ จากคุณ : TIYHz เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 01:36:06

ความคิดเห็นที่ 9 เราว่า  มันดูยากไปสำหรับเด็ก ม.2   ที่บางคนคิดจะไปต่อช่างกล  หรือสาวพาณิชยการค่ะ ขนาดเราจบปริญญาโท  (ด้านวิทยาศาสตร์)มาแล้ว   ยังรู้สึกว่ามันงง ๆ  และไม่ชวนสนเท่าที่ควร ถ้าไม่ใช่เด็กรักจริง ๆ เด็กจะเบื่อนะอาจารย์ จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 04:31:37

ความคิดเห็นที่ 10 น่าจะเพิ่มบท Differential equation เข้าไปด้วยนะครับ ปล คห 9 ครับ งงเรื่องอะไรเหรอครับ การแยกตัวประกอบ แก้สมการ polynomial พวกนี้ เค้าสอนนกันมาตั้งแต่ประถมแล้วครับ จากคุณ : duck_88 เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 09:20:02

ความคิดเห็นที่ 11 เคยเรียนแต่เป็นภาษาอังกฤษพอเจอคำว่า "ราก" กับ "คำตอบ" ก็เลยงงเป็นไก่ตาแตกอ้ะ...สงสัยเหมือนกันว่ามันคืออะไร?  มันคือ "ค่าของ x (ที่จะทำให้สมการเป็นจริง) = the value of x (that will satisfy the equation) หรือเปล่า? แหะๆๆ...ไม่เก่ง maths แต่จะยังไงก็ตามอะนะเราว่าครูฝรั่งสอนเราสอนเข้าใจง่ายกว่า (ทั้งๆที่ตอนนั้นภาษาอังกฤษเราไม่ค่อยจะได้เรื่องแต่เราก็ยังอุตส่าห์ฟังรู้เรื่องไม่งง) คือเวลาครูพูดอะไรออกมา ครูจะให้นิยาม และขณะที่นำเสนอเรื่องใหม่ๆ ครูจะอธิบายที่มาที่ไป ตามลำดับขั้นตอน (บางทีมีการพิสูจน์ให้ดูตั้งแต่ทฤษฎีบทแรก) อย่างเช่นเวลาสอน binomial expansion ก็จะพิสูจน์ให้ดูตั้งแต่เริ่มแรก แล้วก็จะแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Pascal's Triangle กับ coefficients of binomial expansion กับวิชา probability  ซึ่งหนังสือเรียนฝรั่งก็สอนแบบนี้ทำให้บางทีอ่านแต่หนังสือไม่ต้องฟังครูก็รู้เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอา Pascal's Triangle มาแสดงเป็น picture representation ในรูปแบบของการตอกหมุดลงไปในตำแหน่งตัวเลขของ Pascal's Triangle แล้วให้จินตนาการเอาว่าเราจับสามเหลี่ยมตั้งไว้บนฐาน หยอดลูกหินเล็กๆ (รูปทรงกลม) ลงมากระทบหมุดตัวแรก คือเลข 1 ตุัวบนสุด แล้วความน่าจะเป็นไปได้ที่ว่าลูกหินมันจะไหลไปทางตัวเลขไหน แท้จริงแล้ว coefficients of binomial expansion นี่แหละ เป็นตัวบ่งบอกความน่าจะเป็นไปได้ดังกล่าว แต่เอ่อครูฝรั่งสอนเราเรื่องนี้หลัง ม.2 นะ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 10:00:57

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่ผมเคยพบเจอมามันก็มีสองแบบครับ แบบแรกคือสอนที่มาพิสูจน์ก่อน แล้วค่อยยกตัวอย่างประกอบ แบบที่สองคือยกตัวอย่างเชิงตัวเลขก่อน แล้วค่อยดูบทพิสูจน์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าแบบไหนมันจะดีกว่า จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 11:10:01

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจะให้เข้าใจว่าทำไมถึงต้องพิสูจน์ ผมว่าควรจะใช้แบบที่สองคับ ยิ่งถ้าเป็นเด็ก ม.ต้น ที่ยังไม่ต้องเน้นการพิสูจน์ ก็ควรจะมีตัวอย่างเพื่อ motivate ก่อนนะคับ จากคุณ : ชโรนนท์ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 12:59:21

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ^_^ จะได้อธิบายเพิ่มเติม และแก้ไขเอกสารให้ถูกต้อง จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 23:36:35