ความคิดเห็นที่ 1 กรณีความสำคัญของลูกชายคนโตนั้น 1. คาดว่าน่าจะมาจากกฎมณเฑียรบาลโบราณที่โจวกงบัญญัติว่า เมื่อเหล่าจูโหวที่ปกครองแว่นแคว้นถึงแก่กรรมลง บุตรชายคนโตจะได้รับสืบทอดดูแลตำแหน่ง ดินแดน และข้าไพร่ในสังกัดของบิดาต่อไปหน่ะครับผม ซึ่งเจ้าแคว้นสามนตราช หรือตระกูลอำมาตย์ต่างๆ ก็ล้วนปฏิบัติตามธรรมเนียมอันนี้ รวมไปถึงชาวบ้านทั่วไปด้วย ทำให้การมีลูกชายเอาไว้สืบสกุลจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการโอนถ่ายทรัพย์สมบัติ ข้าทาสบริวาร หรือที่ดินให้ดูแลต่อไปครับ เพราะหากไม่มีลูกชายสืบสกุลเลยเมื่อตายไปแล้ว ก็เท่ากับว่าข้าทาสบริวารทรัพย์สิน หรือครอบครัวที่ทิ้งเอาไว้ข้างหลัง จะต้องตกเป็นของคนอื่นๆไปครับ ซึ่งก็ตามประสามนุษย์ผู้มีกิเลสทั้งหลาย ย่อมไม่คิดว่าคนอื่นจะดูแลญาติพี่น้องที่เหลือของตน ได้ดีกว่าญาติพี่น้องกันอยู่แล้ว การมีลูกชายเอาไว้สืบสกุลจึงเป็นหลักประกันว่า บรรดาคนสนิทหรือญาติมิตรที่อยู่ข้างหลัง จะมีผู้คอยดูแลต่อไปในภายภาคหน้าครับ 2. ชาวจีนเชื่อในชีวิตหลังความตายครับ ตามคติความเชื่อดั้งเดิมของจีน พวกเขาเชื่อกันว่า คนเราเมื่อตายไปแล้ว วิญญาณก็จะดำรงอยู่สืบไปในอีกภพหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนโลกมนุษย์นี้แล วิญญาณของผู้ตายยังต้องการข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน ข้าทาสบ้านเรือนเอาไปใช้ในโลกแห่งความตายด้วย และวิญญาณของผู้ตายก็จะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์เพื่อคอยดูแลปกป้องลูกหลานรุ่นต่อๆมาครับ ดังนั้น ลูกหลานจึงต้องมีหน้าที่ที่จะเซ่นไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เพื่อให้พวกเขานั้นไม่อดอยากในโลกแห่งความตาย และบรรพชนก็จะอำนวยโชคและปกป้องลูกหลานสืบไปหน่ะครับ ซึ่งแน่นอนว่าในยุคสังคมที่ชายเป็นใหญ่นั้น การสืบทอดประเพณีการไหว้บรรพชน ก็จะเป็นหน้าที่ของลูกหลานชายที่จะส่งทอดภาระนี้ไปยังลูกหลานรุ่นต่อๆไปครับ (ส่วนลูกสาว พอแต่งงานไปสกุลอื่น ก็กลายเป็นคนบ้านอื่นๆไปแล้ว ลูกหลานที่เกิดจากลูกสาวก็เป็นคนแซ่อื่นๆ ไม่ใช่หลานสายตรงอีกต่อไป) ทีนี้ หากผู้ตายไม่มีลูกหลานเลย ก็เท่ากับว่าสายสกุลของตนนั้นขาดลง ชีวิตหลังความตายในภายภาคหน้าก็จะไม่มีใครคอยเซ่นไหว้และส่งของกินของใช้ไปให้ ก็เท่ากับว่าเขาได้กลายเป็นผีไร้ญาติที่ต้องอดอยากหิวโหยไร้ที่สิงสถิตย์ครับ ดังนั้น หากป่วยตายแต่ในวัยหนุ่มสาวไม่มีลูกหลานสืบสกุล จึงกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เนื่องจากเท่ากับว่าคุณกลายเป็นผีไร้ญาติไปแล้ว......... จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 19:55:01

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องขันที เริ่มแรกมาจากการลงโทษ หลังๆถึงเป็นเพื่อความสมัครใจ หลักๆคือไม่ให้เกิดการมีชู้ บางคนมาเป็นขันทีก็เพราะจะใช้เป็นทางลัดไปสู่อำนาจ เพราะขันทีอาจจะอยู่ใกล้คนที่มีอำนาจที่สุดในประเทศ พอมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ความต้องการทางเพศเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เนื่องจากขันทีได้รับการตอบสนองความต้องการนี้ไม่ได้ พวกขันทีจึงมีความต้องการด้านอื่นมากกว่าคนปกติเพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไป ความต้องการด้านอื่นที่ว่าก็คืออำนาจ สังเกตว่าฮ่องเต้หรือขุนนางฉลาดๆหลายคนจะระวังขันทีมากเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องที่นิยมมีลูกชาย ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายนั้นก็มีส่วน อาจจะเป็นสาเหตุหลักด้วยซ้ำ คนจีนสมัยก่อนเมื่อลูกสาวแต่งงานไปแล้วก็เหมือน‘ตาย’ไปจากพ่อแม่ เป็นคนของบ้านอื่น มีลูกชายเท่านั้นที่จะเป็นลูกของพ่อแม่ได้ตลอดชีวิต หน้าที่ของลูกหลานคือไหว้พ่อแม่หลังจากที่พวกท่านสิ้นไปแล้ว ใช้คำว่า香火แทน (ธูป) คือถ้าไม่มีลูกชายก็ไม่มีคนไหว้หลังตาย ไม่มีคนไหว้หลังตายก็ไม่มีควันธูป ผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ อย่ามาจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายบางงานเลย ส่วนมากอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ มันจึงเป็นภาคบังคับที่ต้องแต่งงาน ก็กลายเป็นว่ามีลูกสาวต้องแต่งงาน ต้องเป็นลูกบ้านอื่น เลยไม่นิยม เราลอยหน้าลอยตาตลอด แต่งไม่แต่ง 香火都要断 ไม่มีคนสืบสกุลอยู่ดี คนจีนเถียงต่อไม่ได้ ปล่อยให้เราเพ้อต่อไป ฮ่าๆ ถามว่าในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดแล้วหรือยัง เราว่ามีแค่ในเมืองใหญ่ๆนะ ทั่วไปเขายังให้ความสำคัญกับผู้ชายอยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ลำเอียงน้อยลงกว่าเดิมนิดหน่อย เรากล่าวหาว่าประเทศจีน重男轻女 (ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง) ไม่เห็นคนจีนค้านซักคน ผู้ชายจีนบางคนถึงแม้อายุน้อย แต่มีความคิดเหมือนเต่าล้านปีก็เจอมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะพัฒนาแล้วนิดหน่อย แต่ยังรับไม่ได้อยู่ดีอ่ะ ถามว่าทำไมเริ่มรับลูกสาวได้ ตอนนี้มีลูกสาวหรือลูกชายก็พอๆกัน ทั้งคู่ต้องพยายามเลี้ยงดูพ่อแม่ทั้ง4(พ่อแม่ทั้ง2ฝ่าย) ไม่อาจผลักภาระไปได้อีกแล้ว เพราะครอบครัวมีขนาดเล็กลง อีกอย่างเดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานหาเงินเองได้ กล้าแต่งงานช้า เพื่อนเราคนหนึ่ง อายุยี่สิบกว่าๆละแต่ยังไม่แต่ง ไม่มีแผนจะแต่ง แต่ก็ไม่ว่าจะไม่แต่ง แค่ยังไม่ถึงเวลา เรียกว่าความคิดลอกมาจากฝรั่งได้เลย แต่ที่ว่านี่เฉพาะในเมืองนะ ในชนบทยังนิยมลูกชายอยู่ ส่วนเรื่องสืบกิจการ ตอนนี้บางบ้านเด็กไม่อยากทำสิ่งที่พ่อแม่ทำนะ บางคนอยากเริ่มเองทั้งๆที่เป็นลูกชายคนโตหรือลูกชายคนเดียว(เพื่อนเราเองแหละ) ขอแก้สักนิด ถ้าอยู่นอกเมือง มีหลายๆบ้านยอมเสียเงินเพื่อมีลูกหลายๆคน เราเจอเยอะมาก พวกมีพี่มีน้องเนี่ย บางบ้านมีตั้ง3-4คน ถามว่าทำไมมีเยอะได้ เขาตอบมาว่า เงินทำได้ทุกอย่าง หุหุ คนจีนทุ่มทุกทาง อุ้มท้องไปคลอดที่เมกาก็เอา ส่งลูกไปเรียนเพื่อให้ได้กรีนการ์ดก็เอา ฮ่องกงก็ได้ ข่าวล่าสุด คนจีนไปแย่งเตียงคลอดจนคนฮ่องกงแท้ๆต้องมาคลอดตรงทางเดินโรงพยาบาลแล้ว คนจีนถึงไม่ลดซะที แต่รุ่นเราเริ่มคิดแล้วว่าจะมีลูกน้อยๆ คนเดียวพอ แบบสมัครใจนะ สังคมจีนเปลี่ยนไปเยอะ จขกท.เตรียมงงได้เลยนะคะ เรื่องพวกนี้ ถามสิบคน ตอบมาสิบอย่าง เราเง็งไปนานแล้ว สรุปในแบบตัวเองคือ อะไรจีนก็มี จะมาก จะน้อยก็แล้วแต่ แต่มี ถ้ามีเพื่อนคนจีน หรือแชทคิวคิว หรือฟังข่าว ลองสังเกตดูดิ มันมากมาย ส่วนไต้หวัน เราว่าคล้ายไทยนะ อยากทำไรก็ทำ เจอหลากหลายกว่าหน่อย จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 21:17:28

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องขันทีคงไม่มีอะไรเกี่ยวกับลูกชายคนโต แต่เรื่องลูกชายนี่คนจีนใช้แซ่กันมาหลายร้อยปีแล้ว อาจจะเป็นพันปีก็ได้ ไม่เหมือนกับไทยที่เริ่มมีนามสกุลในสมัยรัชกาลที่ ๖ นี่เอง ที่ให้ลูกชายคนโตสืบทอดดูแลทรัพย์สมบัติ ก็เพื่อไม่ให้ทุนกลายเป็นเบี้ยหัวแตก แต่กฎหมายสมัยใหม่ไม่สนับสนุนให้คนรวยค้ำฟ้า อย่างเช่นกฎหมายไทยห้ามตั้งทรัสต์ คำว่า หลาย พิมพ์ ล ลิง เกินไป เลยมาแก้ครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 23:43:05 จากคุณ : สนทะเลน้อย เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 23:41:44

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากๆๆครับ รู้อะไรขึ้นมาอีกเยอะเลย :) จากคุณ : ปาท่องโก๋เที่ยงวัน (ปาท่องโก๋เที่ยงวัน) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 54 09:43:28

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องผู้หญิง ผู้ชายนี่ เดี่ยวนี้อาจจะมีต่างกันแล้วแต่มุมมองละมั้งครับ ผู้มีเพื่อนคนจีน ที่เป็นผู้หญิง เธอบอกว่า เธอรู้สึกได้เปรียบที่ผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายเพราะมีตัวเลือกเยอะมาก และปัจจุบันเธอก็แต่งงานไปแล้ว :) จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 11:42:38